วันศุกร์ที่ 8 มิถุนายน พ.ศ. 2555

“มาร์ค”เชื่อสหรัฐฯขอใช้อู่ตะเภาโยงให้วีซ่า “แม้ว”


วันนี้ ( 8 มิ.ย.)  นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ในรายการฟ้าวันใหม่ ทาง Blue Sky Channel  ถึงการที่สหรัฐอเมริกา ขอใช้สนามบินอู่ตะเภาว่า กำลังตรวจสอบข้อเท็จจริง และเป็นเรื่องที่รัฐบาลต้องให้ความสำคัญและต้องโปร่งใสมากกว่านี้เพราะเป็น เรื่องใหญ่  หากทำไม่รอบคอบจะกลายเป็นปัญหา และถ้าไปคำนึงถึงแต่ประโยชน์ส่วนตน ซึ่งตนทราบว่าตอนนี้ก็มีประเด็นที่พูดกันอยู่มากก็คือเรื่องที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ จะขอวีซ่าเข้าสหรัฐฯโดยเมื่อเช้าตนเห็นจดหมายที่คนไทยในสหรัฐฯ ทำหนังสือถึงทางหน่วยงานของสหรัฐฯ เพื่อคัดค้านการที่จะให้วีซ่าว่าขัดกับหลักที่สหรัฐฯ ประกาศมาโดยตลอดในเรื่องของกฎหมาย เรื่องของคอร์รัปชั่น เพราะฉะนั้นเรื่องนี้ก็ต้องติดตามแล้วก็ตรวจสอบอย่างใกล้ชิดต่อไป คือมันเป็นกระแสข่าวที่ออกมาตั้งแต่ตอนที่มีการพบปะของผู้ที่เกี่ยวข้องที่ สิงคโปร์แล้ว

เมื่อถามว่า รมว.กลาโหม ระบุรัฐบาลน่าจะเป็นคนตัดสินใจให้ สหรัฐฯ มาใช้สนามบินอู่ตะเภา 2 เดือนโดยไม่จำเป็นต้องนำเรื่องนี้เข้าที่ประชุมเพื่อขอความเห็นชอบจากรัฐสภา นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ต้องดูรายละเอียดว่าเป็นอย่างไร แต่ที่ผ่านมามีการให้สัมภาษณ์ของทางฝ่ายสหรัฐฯ นั้น ระบุเหมือนว่า เป็นเรื่องที่ถือได้ว่ากำลังมีการพูดคุยอยู่แล้ว

แหล่งที่มาข้อมูล www.dailynews.co.th 

“อภิสิทธิ์”จวกอสส.เดินตามธงรัฐบาล


วันนี้ ( 8 มิ.ย.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ในรายการฟ้าวันใหม่ ทาง Blue Sky Channel  ถึงแถลงการณ์ของอัยการสูงสุด ( อสส.) ว่า ตนไม่แปลกใจเพราะตั้งแต่รัฐบาลนี้ดำรงตำแหน่งมา การทำหน้าที่ของอัยการดูจะสอดคล้องกับธงของรัฐบาล เช่นกรณีของคดีภาษีของครอบครัวชินวัตร แล้วก็อีกหลายต่อหลายกรณี ซึ่งก็ทำให้น่าเป็นห่วงว่ากระบวนการยุติธรรมตั้งต้น เพราะอัยการรับเรื่องนี้มาตั้งนานแล้ว และดำเนินการทุกอย่างล่าช้ามาก จนเป็นที่มาของการที่ศาลรัฐธรรมนูญก็ต้องดำเนินการ ซึ่งพรรคประชาธิปัตย์ยืนยันจุดยืนว่า ไม่ว่าคุณจะมีความเห็นทางกฎหมายอย่างไร แต่ว่าเมื่อศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งแล้วก็ขอให้เคารพดุลยพินิจ แล้วก็อำนาจหน้าที่ของแต่ละฝ่าย เพราะฉะนั้นวันนี้ไม่ควรมีความพยายามในการที่จะมาให้มีการลงมติ ซึ่งก็จะเป็นการฝืนคำสั่งของศาลรัฐธรรมนูญ แต่เชื่อว่าทางฝ่ายรัฐบาลจะพยายามดำเนินการเรื่องนี้

“ขณะนี้ตำรวจกับอัยการ แทบจะไม่กล้าสั่งอะไรที่ขัดใจฝ่ายบริหารเลย ซึ่งวิกฤติการเมืองในรอบเกือบ 10 ปีนั้น ก็เริ่มต้นมาจากว่า รัฐบาลของนายกฯ ทักษิณ นั้นไม่ได้จำกัดขอบเขตของอำนาจของตนเองในเรื่องการผลักดันนโยบายอะไรต่าง ๆ แต่เข้ามาแทรกแซงกระบวนการต่าง ๆ ที่เป็นองค์กรอิสระ จนทำให้ในที่สุดแล้วความยุติธรรมมันไม่เกิน ก็เป็นที่มาของวิกฤติทั้งหมด” นายอภิสิทธิ์ กล่าว

นายอภิสิทธิ์ กล่าวถึงม็อบเสื้อแดงหน้ารัฐสภาว่า  เขาก็จะมาคล้าย ๆ กับมาคุ้มครอง ส.ส.รัฐบาล แต่เหตุใดทางกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช มีการสั่งระดมคนเข้ามาวุ่นวายกับมวลชนการเมือง การบอกว่ามาอบรมปฏิบัติธรรม เสร็จแล้วก็กลายเป็นมาอยู่ที่เขาดิน เปลี่ยนเสื้อแดงกันอย่างที่มีการรายงานกัน รัฐบาลต้องชี้แจงว่าทำไมถึงได้ให้มีการสั่งการให้เจ้าหน้าที่ของรัฐนั้นมา ยุ่งเกี่ยวกับเรื่องของการชุมนุมทางการเมือง ซึ่งตนจะสอบถาม รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ( ทส.) ด้วย เพราะว่า 1.มันไม่ใช่หน้าที่  2. ถ้าทำอย่างนี้ คำพูดของรัฐบาลที่บอกจะให้เกิดความปรองดองมันก็เป็นเรื่องโกหก และความจริงมีคนนินทาว่า รมว.ทส. ตัวจริง ก็เป็นคนเดิมที่เคยเคลื่อนไหวในเรื่องนี้ ส่วนที่พรรคเพื่อไทยแจ้งความตนและนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ส.ส.สุราษฎร์ธานี พรรคประชาธิปัตย์ข้อหาปลุกมวลชนประท้วงขัดขวางการทำหน้าที่ของรัฐนั้น  ขอปฏิเสธว่า ตนไม่เคยพูดอะไรอย่างนั้น

แหล่งที่มาข้อมูล www.dailynews.co.th 

“ยงยุทธ”เผยนายกฯกำชับผู้ว่าฯต้องรับผิดชอบ หากพบทุจริตงบน้ำท่วม



วันนี้ ( 8 มิ.ย.) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายงยุทธ วิชัยดิษฐ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย ในฐานะประธานคณะกรรมการเพื่อให้ความช่วยเหลือ ฟื้นฟู เยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์อุทกภัย (กฟย.) ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมเพื่อติดตามความคืบหน้าในการจ่ายเงินเยียวยาผู้ ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์อุทกภัย และความคืบหน้าการดำเนินการป้องกันและบรรเทาอุทกภัย ผ่านระบบการประชุมทางไกล(วีดีโอ คอนเฟอเรนซ์) กับผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศและรัฐมนตรีทุกกระทรวงที่มี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีเป็นประธานการประชุม ว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้กำชับเรื่องการประเมินประสิทธิภาพการทำงานของผู้ว่าราชการจังหวัดทุก จังหวัด โดยเฉพาะเรื่องการเยียวยาฟื้นฟูผู้ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม และเรื่องการทุจริตงบประมาณโครงการช่วยเหลือน้ำท่วม ทั้งวงเงินกู้ 1.2 แสนล้านบาท และวงเงินกู้ 3.5 แสนล้านบาทจะให้มีใครมาแอบอ้างเก็บเงิน หักหัวคิวไม่ได้ หากผู้ว่าราชการจังหวัดใดหลงเชื่อต้องรับผิดชอบด้วย

เมื่อถามว่าบุคคลที่แอบอ้างนั้นอยู่ในแวดวงการเมืองหรือไม่ นายยงยุทธ กล่าวว่า “เอ่ยชื่อมาก็รู้จักแล้ว”  เมื่อถามต่อว่าตอนนี้มีหลายกรณีแล้วใช่หรือไม่ นายยงยุทธ กล่าวว่า ถ้าผู้ว่าราชการจังหวัดคนใดหลงเชื่อ ก็ต้องรับผิดชอบ

แหล่งที่มาข้อมูล www.dailynews.co.th 

“สุรวิทย์”โวสธ.เตรียมพร้อมทุกด้านช่วยเหยื่อน้ำท่วมในภาคใต้


วันนี้ ( 8 มิ.ย.)  ที่ทำเนียบรัฐบาล  นพ.สุรวิทย์ คนสมบูรณ์ รมช.สาธารณสุข กล่าวถึงการช่วยเหลือประชาชนในภาคใต้ที่ประสบภัยน้ำท่วม ว่า นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดในแต่ละจังหวัดได้เข้าไปดูแลอย่างใกล้ชิด แต่เชื่อว่าสถานการณ์น้ำท่วมในภาคใต้คงไม่รุนแรงมากนัก เพราะน้ำจะท่วมไม่นาน ทั้งนี้เรากำลังดูแลไม่ให้ประชาชนได้รับอันตรายจากน้ำท่วม และให้มีอัตราการเสียชีวิตจากน้ำท่วมน้อยที่สุด โดยกระทรวงสาธารณสุขมีเวชภัณฑ์และอุปกรณ์ต่างๆพร้อมเพียงพอ และมีหน่วยเคลื่อนที่เร็วเข้าไปดูแลอยู่แล้ว ซึ่งจะสามารถไปถึงจุดเกิดเหตุได้ภายใน 15 นาที รวมถึงดูแลแก้ปัญหาโรคต่างๆที่เกิดจากน้ำท่วม ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขมีความพร้อมอย่างมาก

นพ.สุรวิทย์ ยังกล่าวด้วยว่า  จากการที่ตนได้รับมอบหมายให้พื้นที่การบริหารจัดการน้ำใน จ.สุพรรณบุรี เห็นว่าการทำงานต่างๆในโครงการเกี่ยวกับเรื่องนี้ 47 โครงการ เป็นไปตามเป้าหมาย และโครงการส่วนใหญ่จะเสร็จสิ้นภายในเดือนนี้ มีเพียงโครงการซ่อมแซมบูรณะโบราณสถานที่จะเสร็จในเดือน ธ.ค.นี้ เพราะต้องใช้เวลามากในการดำเนินการ อย่างไรก็ตาม จ.สุพรรณบุรีถือเป็นตัวอย่างของจังหวัดที่ทำงานได้รวดเร็วตามเป้าหมาย

แหล่งที่มาข้อมูล www.dailynews.co.th 

“ปรีชา”อุ้มนายกฯ "ปู" ส่งรมต.ลงช่วยแก้น้ำท่วมภาคใต้ก็เหมือนลงไปเอง


วันนี้ ( 8 มิ.ย.) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายปรีชา เร่งสมบูรณ์ รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม(ทส.) ให้สัมภาษณ์ถึงการได้รับมอบหมายจากนายกรัฐมนตรีให้ติดตามสถานการณ์น้ำท่วมใน ภาคใต้ ว่า ตนได้ลงพื้น ที่จ.ชุมพร และสุราษฎร์ธานี รวมถึง อ.กะเปอร์ อ.เมือง และอ.สุขสำราญ จ.ระนอง ที่มีปริมาณน้ำฝน 200 มิลลิเมตรต่อวัน เพื่อทำหน้าที่ประสานความช่วยเหลือประชาชน และวันที่ 9 มิ.ย.นี้ ตนจะลงพื้นที่อีกครั้งเพื่อดูว่าจะขุดลอกคลองเพื่อระบายน้ำออกทะเลอันดามัน ให้เร็วได้อย่างไร ขณะที่พื้นที่ที่ถูกน้ำท่วมจะหาทางทำแก้มลิงเพิ่มเติมอย่างไร ซึ่งทำให้ชาวบ้านสบายใจและฝากขอบคุณนายกรัฐมนตรีที่มีความห่วงใย  สำหรับสถานการณ์ที่จ.ชุมพร เกิดปัญหาเส้นทางที่ได้รับความเสียหายจากการถูกน้ำป่าไหลหลากซัด ส่วนการให้ความช่วยเหลือประชาชนนั้น ได้มีการอพยพประชาชนออกจากพื้นที่จุดเสี่ยงไปยังที่ปลอดภัยแล้ว และทางจังหวัดได้จัดหาอาหารและน้ำดื่มแก่ผู้อพยพ ขณะที่พื้นที่ใดที่ไม่มีระบบเตือนภัยล่วงหน้า ได้มีการมอบหมายให้กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ( ปภ.) กระทรวงมหาดไทย และกรมทรัพยากรน้ำ กระทรวงทรัพยากรฯนำอุปกรณ์ไปติดตั้งเพื่อเตือนภัยแก่ประชาชน สำหรับการจ่ายเงินเยียวยาแก่ผู้ประสบภัยก็ยังใช้เกณฑ์ที่รัฐบาลมีอยู่แล้ว

เมื่อถามว่านายกรัฐมนตรีจะลงพื้นที่ตรวจดูปัญหาน้ำท่วมในภาคใต้เมื่อใด นายปรีชา กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีมอบหมายให้รัฐมนตรีหลายคนรวมถึงตน ลงพื้นที่ดังกล่าว ซึ่งการที่นายกฯมอบหมายให้รัฐมนตรีลงไปภาคใต้แทนนั้น ก็เหมือนนายกฯลงไปเอง เพราะต้องเข้าใจว่านายกรัฐมนตรีมีภารกิจค่อนข้างมาก

นายปรีชา กล่าวอีกว่า จากการที่เรามีงบประมาณที่มาจากเงินกู้ 350,000 ล้านบาท จะถูกนำมาใช้ในการบูรณาการแก้ปัญหาน้ำท่วมนั้น เราจะนำโครงการใหญ่ๆลงไปในพื้นที่ภาคใต้ที่มีลุ่มน้ำ 17 แห่งเพื่อแก้ปัญหาน้ำท่วม

แหล่งที่มาข้อมูล www.dailynews.co.th 

ไม่จบศึกเฟสบุ๊ค “โอ๊ค” ยกโพลล์อ้าง บี้ “มาร์ค”


 วันนี้ (7 มิ.ย.)ผู้สื่อข่าวรายงานว่านายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชายพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความผ่านทางเฟสบุ๊ค ว่า ในที่สุดท่านอภิสิทธิ์ ก็ได้แสดงจุดยืน เรื่องที่ผมได้เรียกร้องให้ออกมาขอโทษต่อพี่น้องประชาชนแล้วนะครับ ท่านได้กรุณาตอบไว้ในเวปไซต์ของพรรคประชาธิปัตย์ดังนี้ครับ “ผมไม่เคยไปเรียกร้องว่าคุณทักษิณ หรือใครต่อใคร ต้องออกมาทำอย่างนั้นอย่างนี้ ผมก็แปลกใจนะครับ เพราะว่าถ้าเป็นเรื่องการทำอย่างอาทิตย์ที่แล้วนั้นต้องขอโทษ ถ้าหนักหนาสาหัสกว่านั้น ก็ต้องขอนิรโทษอย่างนั้นใช่ไม๊"ผมเข้าใจจุดยืนของท่านชัดเจนแล้วครับ แปลไทยเป็นไทยง่ายๆก็คือ ท่านแปลกใจว่าทำไมเรื่องแค่นี้ผมต้องเรียกร้องให้ท่านขอโทษต่อพี่น้อง ประชาชนเหตุผลของผมก็มีง่ายๆครับคือเผอิญผมได้เห็นงานวิจัยเชิงสำรวจของเอแบ คโพลล์ต่อความต้องการให้ออกมาแสดงความรับผิดชอบในเรื่องที่ สส.ของท่านได้สร้างชื่อเสีย(ง)ให้กับรัฐสภาไทย ดังนี้ครับลำดับที่ ความคิดเห็น ร้อยละ 1. ขอโทษ 52.4 2. ลาออก 40.2 3. ไม่ต้องทำอะไร 7.4 รวมทั้งสิ้น 100.0 โพลล์นี้ชี้ชัดครับว่า คนที่อยากให้ลูกน้องของท่านออกมา "ขอโทษ" และ "ลาออก" จาก ส.ส.นั้น มีมากถึง 92.6 เปอร์เซ็นต์ และท่านได้แสดงจุดยืนในสิ่งที่เสียงส่วนน้อยต้องการคือ ไม่ต้องทำอะไร ซึ่งมีแค่เพียง 7.4 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น  สิ่งที่ท่านชอบกล่าวอ้างติดปากอยู่เสมอว่าพวกมากลากไปนั้นคงใช้ไม่ได้กับ กรณีนี้นะครับ เปลี่ยนจุดยืนแล้วออกมาทำตามหลักประชาธิปไตยที่ยึดเสียงข้างมากอย่างเคร่ง ครัด โดยวันนี้ออกมากล่าวคำขอโทษต่อประชาชนและสัญญาว่าจะไม่ให้เกิดเหตุการณ์ อย่างนี้อีก ผมคิดว่ายังไม่สายนะครับ.

แหล่งที่มาข้อมูล www.dailynews.co.th 

"ปลอด"ไล่บี้กทม.ไม่ยอมขุดลอกคลองแก้น้ำท่วม


วันนี้ ( 8 มิ.ย.) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายปลอดประสพ สุรัสวดี รมว.วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี แถลงข่าวภายหลังการปะชุมผ่านระบบการประชุมทางไกลวีดิโอคอนเฟอร์เรนซ์ เพื่อติดตามความคืบหน้าในการจ่ายเงินเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ อุทกภัย และความคืบหน้าการดำเนินโครงการเพื่อป้องกันและบรรเทาปัญหาอุทกภัยที่ได้รับ อนุมัติจากคณะรัฐมนตรี ที่มี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ว่า นายกรัฐมนตรีได้กำชับในที่ประชุม 2 ข้อคือ 1 การแก้ไขปัญหาเสร็จหรือยัง จ่ายเงินเรียบร้อยหรือไม่ และ 2 สัมฤทธิ์ผลหรือไม่ และสั่งให้ทบทวนทางยุทธ์ศาสตร์ 4 เรื่อง คือ 1 น้ำต้องมีที่อยู่ 2 น้ำต้องมีที่ไป 3 การป้องกันพื้นที่สำคัญ  4 การเตือนภัย นอกจากนี้นายกรัฐมนตรีจะไปดูในพื้นที่ต่างๆที่จะใช้ป้องกันน้ำท่วม เช่นไปดูประตูน้ำจุฬาลงกรณ์ เพราะที่ผ่านมามีที่ตั้งลึกเกินไป น้ำเข้ามาก็ท่วมเมืองเอกหมด เลยจะย้ายประตูน้ำจุฬาลงกรณ์ไปอยู่ริมน้ำเจ้าพระยา เพื่อไม่ให้น้ำเอ่อเข้ามาในคลองรังสิตและท่วมเข้ามา และการสร้างเขื่อนยาว 25 กิโลเมตรตลอดคลองรังสิต ไปดูโครงการแก้มลิง การผันน้ำข้ามลำน้ำจากแม่น้ำน่านไปแม่น้ำยม การไปดูการซ้อมที่สำคัญ 2 แบบ คือ 1 การสั่งการที่ จ.ชัยนาท โดยใช้ระบบไอทีทั้งหมด และ 2 การซ้อมอพยพคนที่ อ.บางบาล จ.พระนครศรีอยุธยา ซึ่งทุกเช้าจะมีการทำวีดีโอคอนเฟอร์เรนซ์กับผู้ว่าราชการจังหวัด และนายกรัฐมนตรีได้สั่งการไปยังจังหวัดต้นน้ำให้เตรียมความพร้อมรับมือน้ำ ให้เสร็จเดือน มิ.ย. จังหวัดกลางน้ำเดือน ก.ค. และจังหวัดปลายน้ำ ส.ค. ถ้าทำไม่เสร็จก็จะมีผลต่อความเจริญในหน้าที่การงาน เพราะนายกรัฐมนตรีบอกแล้วว่าจะวัดผลการทำงานในการเลื่อนขั้น จากการแก้ไขปัญหายาเสพติด อุทกภัยและคอรัปชั่น

นายปลอดประสพ กล่าวต่อวา ตนได้รับมอบหมายให้ดูแลในเขตกทม.ด้วย ซึ่งที่ผ่านมากทม.มีปัญหาการขุดคลองที่มีประชาชนไปบุกรุกทำให้ไม่สามารถเข้า ไปดำเนินการได้ อย่างไรก็ตามในคลองเล็กๆหลายสาย ก็ไม่ได้รับการขุดลอกดูแลเพื่อรองรับน้ำที่กำลังจะมา โดยจะให้รัฐบาลกลางรับผิดชอบ ตนจะเอามาทำเองก็ได้ แต่อยากจะถามว่าแล้วอย่างนั้นไปเซ็นต์สัญญาทำไม ไปเซ็นต์แล้วทำไมไม่ทำ ตนจะไล่ตรวจสอบว่ามีคลองไหนที่เซ็นต์สัญญาแล้วไม่ทำ ไม่รู้มัวแต่ไปกินไวน์เที่ยวเล่นหรือย่างไร นอกจากนี้ตนจะให้กระทรวงมหาดไทยไม่ให้ออกเลขที่บ้านกับผู้ที่บุกรุก จะไม่ให้ต่อน้ำต่อไฟ แต่จะไม่มีการไปไล่ที่หรือรื้อถอน ซึ่งเราก็ต้องมีการเตรียมพื้นที่ให้เขาอยู่ด้วย ที่ต้องทำเหมือนโหดร้ายเพราะเราต้องรักษาส่วนใหญ่ไว้ ตอนนี้การทำงานกทม.เรียกว่าสอบจาก 100% ได้แค่ 50% ไม่ถึงกับตก ให้เรียนต่อไปได้อีก เพราะเหลือเวลาทำงานอีกไม่นาน

แหล่งที่มาข้อมูล www.dailynews.co.th 

"เฉลิม"เปิดโครงการรถตรวจปัสสาวะเคลื่อนที่



วันนี้ ( 8 มิ.ย.) เมื่อเวลา 09.00 น. ที่ สน.บางบอน ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานในพิธีเปิดตัว “รถตรวจปัสสาวะเคลื่อนที่ สน.บางบอน” โดยมี พล.ต.ต.รัษฎากร ยิ่งยง ผบก.น.9 พ.ต.อ.จารุต ศรุตยาพร ผกก.สน.บางบอน ผู้แทนสำนักงานเขตบางบอน ผู้แทนเรือนจำพิเศษธนบุรี และเด็กนักเรียนตามสถานศึกษาในพื้นที่ให้การต้อนรับ ทั้งนี้รถคันดังกล่าวถูกดัดแปลงมาจากรถควบคุมผู้ต้องหาด้วยงบประมาณที่รอง นายกฯ สนับสนุนเป็นการส่วนตัว จำนวน 40,000 บาท เพื่อนำมาใช้ในภารกิจตรวจปัสสาวะหาสารเสพติดผู้ต้องสงสัยตามชุมชน โรงงาน สถานศึกษาและจุดสกัดต่างๆ ความพิเศษของรถคันนี้คือสามารถใช้ตรวจผู้ต้องสงสัยได้ทั้งชายและหญิงเนื่อง จากมีการนำเครื่องปรับอากาศ ชุดน้ำยาตรวจปัสสาวะ และโถชักโครกพร้อมผ้าม่านกั้นบังตาแบบมิดชิดไปติดตั้งเป็นอุปกรณ์อำนวยความ สะดวก โดยรถตรวจปัสสาวะเคลื่อนที่จะออกปฏิบัติการตามวงรอบได้ตลอด 24 ชั่วโมง ใช้กำลังพลบนรถไม่เกิน 10 นาย รวมถึงตำรวจหญิงอย่างน้อย ผลัดละ 2 นาย เพื่อควบคุมผู้ต้องสงสัยเพศหญิงขึ้นรถทำการตรวจปัสสาวะได้ตามความเหมาะสมอีก ด้วย

แหล่งที่มาข้อมูล www.dailynews.co.th 

มาเหล้าดิ่งทะเลประชดแฟน เพื่อนโดดช่วยตายเรียบ 4 ศพ


เมื่อเวลา 05.30 น. วันที่ 8 มิ.ย. ร.ต.ท.นเรศ บุญที พนักงานสอบสวน สภ.สัตหีบ จ.ชลบุรี ได้รับแจ้งเหตุมีผู้จมน้ำทะเลสูญหายจำนวนหลายราย เหตุเกิดบริเวณเขื่อนอ่าวดงตาล หน้าอาคารรับรอง ฐานทัพเรือสัตหีบ หมู่ 1 ต.สัตหีบ อ.สัตหีบ จึงนำกำลังไปตรวจสอบ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่กู้ภัยชุดประดาน้ำ และมูลนิธิสว่างโรจนธรรมสถานสัตหีบ
ในที่เกิดเหตุพบว่าน้ำทะเลกำลังขึ้นสูง และมีคลื่นลมแรง พบกลุ่มวัยรุ่นซึ่งอยู่ในอาการเมาสุรา กำลังพยายามจะกระโดดลงไปช่วยเพื่อนที่จมอยู่ในทะเล จำนวน 5 คน โดยมี 1 ราย กำลังลอยคออยู่ในสภาพอิดโรย จึงได้โยนทุ่นให้เกาะและสามารถช่วยชีวิตไว้ได้ ทราบชื่อคือ นายจเรพัฒน์ ศรีจันทร์ทึก อายุ 19 ปี ส่วนที่เหลืออยู่ในทะเลอีก 4 ราย จมน้ำเสียชีวิตหมดแล้ว ต่อมาเจ้าหน้าที่สามารถนำร่างผู้เสียชีวิตขึ้นมาได้ ประกอบด้วย น.ส.เบญจพร กลิ่นแจ้ง อายุ 18 ปี น.ส.วาสนา ชายหงษ์ อายุ 18 ปี นายสหรัฐ ตุ้มระย้า อายุ 17 ปี และนายมรกต ประมวล อายุ 19 ปี
จากการสอบปากคำ ทราบว่า ก่อนเกิดเหตุทั้งหมดมานั่งดื่มสุรากันบริเวณริมทะเลที่เกิดเหตุ ระหว่างนั้น นายจเรพัฒน์ ได้เกิดมีปากเสียงกับ น.ส.เบญจพร แฟนสาว หลังพบว่ามีชายหนุ่มเข้ามาจีบในเฟซบุ๊ก เลยเกิดความหึงหวงและน้อยใจ จึงวิ่งกระโดดลงทะเลหวังฆ่าตัวตายประชด ทำให้แฟนสาว รวมถึงเพื่อนๆที่นั่งกันอยู่ ซึ่งทุกคนต่างอยู่ในอาการมึนเมา ได้กระโดดน้ำลงไปหวังช่วยอย่างไม่คิดชีวิต แต่ทั้งหมดกลับถูกคลื่นกลืนลงใต้ทะเล เหลือเพียง นายจเรพัฒน์ ที่รอดชีวิตขึ้นมาได้.

แหล่งที่มาข้อมูล www.dailynews.co.th 

เร่งตรวจสอบพระสวดจังหวะแร็พ


จากกรณีมีการโพสต์คลิปวีดีโอพระสงฆ์สวดมนต์ด้วยทำนองลีลาเพลงร็อก และจังหวะแร็พ ในงานทำบุญขึ้นบ้านใหม่ จนเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ทั่วไปในโลกอินเตอร์เน็ต ความคืบหน้าในเรื่องนี้ เมื่อวันที่ 8 มิ.ย. ที่วัดศาลาปูนวรวิหาร  ต.ท่าวาสุกรี อ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา พระครูอนุกูลศาสนกิจ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดศาลาปูนวรวิหาร และเจ้าคณะอำเภอพระนครศรีอยุธยา ได้นิมนต์ เจ้าอาวาส พระเลขานุการ และพระสงฆ์ในพื้นที่ มาร่วมประชุมปรึกษาหารือเกี่ยวกับที่มีภาพพระสงฆ์สวดมนต์ในลักษณะที่ไม่ สำรวม
พระครูอนุกูลศาสนกิจ เปิดเผยว่า วันนี้มีประชาชนได้โทรศัพท์สอบถามว่าพระที่ปรากฎตามสื่อต่างๆเป็นพระอยู่ที่ ไหน ซึ่งเรื่องนี้ทางสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติได้โทรศัพท์มาสอบถามเหมือนกัน เพื่อหาข้อมูลต่างๆนำเข้าไปประชุมในคณะกรรมการมหาเถระสมาคม เพราะดูแล้วเป็นภาพที่ไม่สบายใจในวงการคณะสงฆ์ และประชาชนทั่วไป เป็นภาพที่มองแล้วไม่สำรวม คึกคะนองดูแล้วลักษณะจะสร้างตัวเองให้เด่น ในเบื้องต้นทางเจ้าคณะจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ได้มอบหมายให้เจ้าอาวาสทุกวัดในจังหวัดตรวจสอบดูว่าการสวดลักษณะนี้เป็นพระ ในจังหวัดพระนครศรีอยุธยาหรือไม่ แต่ไม่น่าจะใช่พระในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา บทสวดมนต์บทนี้มีการสวดทั่วๆไปเช่นการทำบุญบ้าน แต่การสวดจะต้องสวดในหลักไม่เน้นหรือกระแทกเสียง บทสวดนี้เป็นบทหนึ่งที่พระทุกวัดจะสวดกันเป็นประจำระหว่างการทำวัตรเช้าทำ วัตรเย็น หากตรวจสอบพบว่าเป็นพระอยุธยาจะเชิญมาสอบสวน และแนะนำถึงหลักวิธีการสวดให้ถูกต้อง ตามกฎระเบียบของมหาเถระสมาคม.

แหล่งที่มาข้อมูล www.dailynews.co.th 

แพทย์ระบุ "พ่อคูณ" ดีขึ้นมากเกือบเป็นปกติ


กรณีที่พระเทพวิทยาคม หรือหลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ เจ้าอาวาสวัดบ้านไร่ อ.ด่านขุนทด จ.นครราชสีมา อาพาธด้วยอาการหลอดลมอักเสบเฉียบพลัน เข้ารักษาตัวที่ห้องผู้ป่วยพิเศษ 9821 ชั้น 8 อาคารเฉลิมพระเกียรติ รพ.มหาราชนครราชสีมา เมื่อวันที่ 6 มิถุนายนที่ผ่านมา

วันนี้ ( 8 มิ.ย.)  ความคืบหน้าล่าสุดเมื่อเวลา 10.30 น. นพ.พินิศจัย นาคพันธุ์ แพทย์ประจำตัวหลวงพ่อคูณ เปิดเผยว่า อาการของหลวงพ่อคูณดีขึ้นมากแล้ว ไม่มีไข้ เสมหะ ไอ และสะอึก ถือเป็นสัญญาณที่ดีที่หลวงพ่อจะมีอาการกลับสู่ภาวะปกติ อีกทั้งหลวงพ่อคูณก็มีสีหน้าแจ่มใส เบิกบาน พูดคุยกับแพทย์พยาบาลและคณะลูกศิษย์อย่างอารมณ์ดี ภาพรวมถือว่าไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง แต่ทีมแพทย์ก็ไม่ประมาท ยังคงต้องเฝ้ารอดูอาการอีกสักระยะ ก็เป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้ ถ้าหากหลวงพ่อไม่มีไข้ อีกอย่างน้อย 2 วัน หรือ 48 ชั่วโมง ก็น่าจะกลับวัดบ้านไร่ได้

อย่างไรก็ตาม ในช่วงที่หลวงพ่ออยู่ระหว่างการพักฟื้นร่างกาย คณะแพทย์ยังต้องห้ามบุคคลภายนอกเข้าเยี่ยมโดยเด็ดขาด เพราะเกรงจะเกิดการติดเชื้อใหม่แทรกซ้อนเข้ามา อาจทำให้หลวงพ่ออาการทรุดขึ้นมาได้ เนื่องจากหลวงพ่ออายุมากแล้ว สภาพร่างกายก็อ่อนแอ พร้อมที่จะเกิดอาการอาพาธได้ทุกเมื่อ ทั้งนี้เท่าที่ผ่านมาจะเห็นได้ว่าบรรดาลูกศิษย์ลูกหาทั่วไป ก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี  ไม่ค่อยมีใครเข้ามารบกวนการพักผ่อนและพักฟื้นของหลวงพ่อ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ผลการตรวจเช็คระบบต่าง ๆ ในร่างหายของหลวงพ่อคูณพบว่า อุณหภูมิร่างกายปกติ 36.6 องศาเซลเซียส ความดันโลหิต 99/70 มิลลิเมตรปรอท ชีพจร 72 ครั้งต่อนาที การหายใจ 21 ครั้งต่อนาที ส่วนน้ำหนักตัว 46.2 กก. อยู่ในเกณฑ์ปกติ และการให้อาหารเหลวทางสายยางสู่กระเพาะอาหารผ่านทางช่องท้องที่เจาะเอาไว้ วันละ 4 ครั้ง อยู่ที่ปริมาณ 400-500 กรัมต่อครั้ง.

“ชาคริต” จัดฮันนีมูนสุดสวีท เปย์ “วุ้นเส้น” หลักล้าน!


แต่งงานกันปุ๊บก็ควงกันไปฮันนีมูนที่ฝรั่งเศสปั๊บ สำหรับ วุ้นเส้น-วิริฒิพา ภักดีประสงค์ และ ชาคริต แย้มนาม โดยเมื่อวันก่อนทั้งคู่เพิ่งกลับจากฮันนีมูน สาววุ้นก็หน้าตาแช่มชื่น ยอมรับว่าทริปนี้สวีทเพราะไปฮันนีมูน แล้วชาคริตก็ป๋าสุด ๆ ทริปนี้เสียไปเป็นล้าน
วุ้นเส้น กล่าวว่า “สนุกมาก ยังเหนื่อยอยู่เลย เพราะเพิ่งกลับมาแล้วไปทั้งหมด 12 วันค่ะ ไปประเทศเดียวแต่ว่าหลายเมือง เริ่มจากไปเที่ยวดูธรรมชาติก่อน แล้ววันหลัง ๆ ก็มาเที่ยวในเมืองชอปปิง ปารีสเป็นเมืองสุดท้าย จริง ๆ ต้องกลับมาตั้งแต่วันเสาร์แล้ว แต่เครื่องดีเลย์ เขาก็ปล่อยเกาะเราไว้ที่สวิตเซอร์แลนด์ แต่เขาก็รับผิดชอบให้เรานอนที่สวิสคืนหนึ่ง ถือว่าโชคดีได้อยู่สวิสอีกวันหนึ่ง” ทริปนี้สวีทกันขนาดไหน? “พูดไม่ได้ ก็สวีทเพราะว่าเราไปฮันนีมูน แล้วแต่ละที่มันโรแมนติกด้วย พี่คริตแพลนเรื่องร้านอาหาร ซึ่งแต่ละร้านก็อร่อยด้วย พี่คริตเป็นคนเตรียมทุกอย่างหมดเลย” ชาคริตทำเซอร์ไพร้ส์อะไรหรือเปล่า? “เขาก็ซื้อของให้ อายไม่อยากบอกใคร เหมือนว่าเราไปชอปปิงเขาก็มีซื้อกระเป๋า มีสร้อย มีแหวนอะไรแบบนี้” ครั้งนี้ชาคริตเป็นป๋าไหม? “ป๋ามาก (หัวเราะ) แต่เราก็ตอบแทนเขาเหมือนกัน ซื้อรองเท้าให้ค่ะ” เรียกว่างานนี้ช้อปได้กระจาย? “ไม่หรอก บางทีพี่คริตเห็นว่าอันนี้สวย แต่เรารู้สึกว่ามันแพงไป เขาบอกว่าไม่เป็นไร เดี๋ยวพี่จัดการให้ ซื้อให้หลายอย่าง ก็เกรงใจเขาเหมือนกัน แต่เขาแฮปปี้ที่ได้ซื้อของให้เราค่ะ” หมดไปเยอะไหมครั้งนี้? “เยอะค่ะ แต่บอกไม่ได้ว่าเท่าไหร่ ถามว่าถึงล้านมั้ย ของฝรั่งเศสแพง รวม ๆ ทุกอย่างก็เยอะอยู่แล้ว ก็ประมาณนั้นค่ะ”
มีแพลนที่จะพักอีกเมื่อไหร่? “ไปครั้งนี้พี่คริตคงกระเป๋าเบาไปเยอะ เขาต้องถ่ายละครก่อน ให้ละครปิดกล้องก่อนค่อยไปกันอีกที แล้วก็แพลนกันไว้ว่าปีนี้จะไปญี่ปุ่น พาพ่อแม่ไปด้วย” ไปฮันนีมูนด้วยกันครั้งนี้เปลี่ยนใจมีลูกเลยไหม? “ยังค่ะ คงเป็นปีหน้า เราได้คุยเรื่องนี้กันแล้วเหมือนกัน รู้สึกว่าไปต่างประเทศด้วยกันครั้งนี้ดูจะตื่นเต้นเวลาเห็นเด็กฝรั่งเป็น พิเศษ เขาจะชมตลอด วุ้นก็บอกว่าทำให้ไม่ได้นะแบบเด็กฝรั่ง ถ้าอยากได้ลูกครึ่งทำให้ไม่ได้นะ(หัวเราะ)” แสดงว่าเขาอยากมีลูกแล้ว? “เขาอยากมี แต่เขารู้ว่าเรายังไม่พร้อม รอให้เราเที่ยวให้อิ่มก่อน ขอ 1 ปีแล้วกัน” เรียกว่าตอนนี้ชาคริตเห็นเด็กไม่ได้? “เห็นได้ แต่เขาจะตื่นเต้น เหมือนรู้สึกว่าเขาพร้อมจะเป็นพ่อยังไงก็ไม่รู้ (หัวเราะ) แต่ว่าเดี๋ยวก่อนยังไม่พร้อม ขอมีท้องแบน ๆ ไว้ก่อนค่ะ”.

แหล่งที่มาข้อมูล www.dailynews.co.th 

ดาราสาวหนัง "ผู้หญิง 5 บาป" เพี๊ยซ-กนกลดา บุตรพิมพา แจ้งตร.หามือดีโพสต์ด่า


เมื่อเวลา 14.00น. วันนี้ (31 พ.ค.) ที่สน.บางเขน น.ส.กนกลดา บุตรพิมพา หรือเพี๊ยซ อายุ 26 ปี ดาราสาวชื่อดังจากเรื่อง ผู้หญิง 5 บาป และอดีตเจ้าของรางวัลรางวัล Miss Body Perfect ในการประกวดนางสาวไทยปี 2552 เข้าแจ้งความกับ ร.ต.อ.ศราวุธ บุตรดี พงส.(สบ1) สน.บางเขน และ พ.ต.อ.ชยุต มารยาทตร์ ผกก.สน.บางเขน กรณีถูกคนโพสต์ข้อความด่าในอินเทอร์เน็ตเว็บไซต์เฟสบุ๊ค โดยดาราสาวได้ให้การว่า เมื่อเวลาประมาณ 21.00 น. วันที่ 28 พ.ค. ที่ผ่านมา เพื่อนสนิทของตนได้ส่งข้อความมาให้ดูก็พบว่าเป็นข้อความทางเฟสบุ๊ค โดยมีคนใช้ชื่อว่า เจนียา อาโออิ ได้นำรูปภาพของตนมาโพสต์พร้อมกับเขียนข้อความว่าตนไปแย่งผัวของคนอื่น อาทิ “เพี๊ยซ กนกลดาแย่งมิกกี้ผัวของหมออ้อยเรียบร้อยแล้ว” เป็นต้น พร้อมทั้งกล่าวหาว่าตนเป็นเด็กเสี่ยขายบริการ และสำส่อน ซึ่งหลังจากนั้นก็มีข้อความในลักษณะดังกล่าวถูกโพสต์ทางเฟสบุ๊คทุกวัน วันละหลายรอบ ทำให้เริ่มมีแฟนคลับโพสต์ถามตนทางเฟสบุ๊คเกี่ยวกับเรื่องนี้หลายครั้งรวม ทั้งกลุ่มเพื่อน และญาติก็ได้โทรศัพท์มาถามด้วย ทำให้ตนรู้สึกว่าการโพสต์ดังกล่าวนั้น ทำให้ตนเสียภาพจน์ เนื่องจากตนทำงานในวงการบันเทิง จึงส่งผลต่อหน้าที่การงานด้วย และทางผู้ใหญ่ของบริษัทที่ตนทำงานเป็นดีเจอยู่นั้น ก็ได้เรียกตนเข้าไปสอบถามถึงเรื่องดังกล่าวแล้ว เพราะหากภาพลักษณ์ไม่ดีคงไม่มีใครอยากจ้างงาน ตนจึงมาแจ้งความกับพนักงานสอบสวนเพื่อให้ลงบันทึกประจำวันเอาไว้ก่อน เพราะหากยังไม่หยุดโพสต์ข้อความอีก ตนจึงจะแจ้งความดำเนินคดีอย่างแน่นอน อีกทั้งยังเป็นการป้องกันเอาไว้ก่อนด้วย เนื่องจากตนยังถูกข่มขู่ทำร้ายร่างกายจากคนที่โพสต์ด้วยว่าอยากจะตบตน
เพี๊ยซกล่าวอีกว่า ก่อนหน้านี้ตนก็ไม่ได้ไปมีเรื่องผิดใจกับใคร ส่วนเรื่องที่ว่าไปแย่งดีเจมิกกี้นั้น ตนก็ขอยืนยันว่าเป็นเพียงแค่เพื่อนสนิทกัน เพราะจัดรายการทางช่องทรูวิชั่นด้วยกัน ไม่ได้ไปแย่งมาอย่างแน่นอน เบื้องต้นพนักงานสอบสวนได้ลงบันทึกประจำวันเอาไว้ก่อน และเก็บหลักฐานที่เป็นข้อความการโพสต์เอาไว้ ซึ่งหากผู้เสียหายจะแจ้งความก็พร้อมจะดำเนินคดี
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าหลังจากนั้นนายณัฐพงศ์ ชอบชื่น หรือดีเจมิกกี้ ก็ได้เดินทางมาที่สน.บางเขนเพื่อชี้แจงข้อเท็จจริงกรณีเรื่องที่ถูกโพสต์ทาง เฟสบุ๊คดังกล่าวด้วย ว่าตนกับหมออ้อยได้เลิกรากันมานานกว่าครึ่งปีแล้ว และขอยืนยันว่าตนกับเพี๊ยซสนิทกันมาแต่เป็นเพียงเพื่อนร่วมงาน ดังนั้นจึงอยากให้คนที่ออกมาโพสต์ช่วยหยุดการกระทำด้วย เพราะมันจะส่งผลต่อหน้าที่การงานของเพี๊ยซ และสร้างความเสื่อมเสียชื่อเสียงด้วย.

แหล่งที่มาข้อมูล www.dailynews.co.th 

"เป้ย-ป๊อบ"ฉลองสมรสแย้มพร้อมมีทายาท


เมื่อเวลา 15.30 น. วันที่ 2 มิ.ย. ที่โรงแรมพลาซ่า แอทธินี รอยัล เมอริเดียน ได้มีงานฉลองสมรสของคู่บ่าวสาว เป้ย-ปานวาด เหมมณี และ ป๊อบ-นิธิ บุญยรัตกลิน โดยก่อนงานเริ่มเจ้าบ่าวเจ้าสาว ได้เปิดโอกาสให้ผู้สื่อข่าวสัมภาษณ์ โดยเจ้าบ่าวอยู่ในชุดทหารเรือเต็มยศ เจ้าสาวอยู่ในชุดเจ้าสาวสีขาวสไตล์คลาสสิค เหมือนเจ้าหญิงในนิยาย ตัดเย็บด้วยผ้าลูกไม้ชั้นดีจากฝรั่งเศส ประดับด้วยเพชรของชวารอฟกี้ ของดีไซเนอร์ วาทิต อิทธิ
เป้ย เปิดเผยด้วยสีหน้ายิ้มแย้มเปี่ยมไปด้วยความสุขถึงความรู้สึกในวันนี้ ว่า วันนี้ตื่นเต้นมาก แต่ก็ดีใจที่สุด ชีวิตครั้งนี้เป็นอะไรที่มีความสุขมาก เพิ่งรู้สึกว่าความสุขที่แท้จริงเป็นอย่างไร มันบรรยายไม่ถูก ส่วนเรื่องจดทะเบียนสมรสนั้นต้องหาวันว่างอีกที ต่อไปก็คงเปลี่ยนเป็นนางแล้วเปลี่ยนนามสกุลด้วย ส่วนเรื่องมีลูกนั้นก็พร้อมแล้ว การมีครอบครัวก็แสดงถึงความเป็นผู้ใหญ่ก็คงปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติ แม่พี่ป๊อปก็อยากมีหลานเลย และที่คุณป๊อบจะไปเรียนต่อที่อังกฤษ เป้ยคงต้องไปด้วยอยู่แล้ว แต่ต้องดูเรื่องงานอาจจะไป ๆ กลับ ๆ
ด้าน ป๊อบ เปิดเผยว่า หลังจากที่ใช้ชีวิตคู่ด้วยกันมาสักระยะหนึ่ง ความรู้สึกไม่ได้เปลี่ยนไป เรายังรู้สึกเหมือนตอนเป็นแฟนกัน แต่มีความสุขมากขึ้น ตื่นขึ้นมาแล้วมีคนอยู่ข้าง ๆ ก็รู้สึกดี เป้ยเป็นคนดี สำหรับเรื่องจดทะเบียนสมรสนั้น คงต้องดูวันที่เหมาะสมอีกที ส่วนเรื่องฮันนีมูนนั้นเราไม่ได้ซีเรียส ไปเที่ยวเมื่อไหร่ก็ได้ รอหาจังหวะที่สะดวก ทุกวันนี้เราปรับตัวกันน้อยมาก เพราะเราต่างเป็นตัวของตัวเองตั้งแต่คบกันแล้ว ไม่ต้องปรับอะไรมาก ผมก็ให้สัญญากับเป้ยว่า ผมจะเป็นผู้นำครอบครัวที่ดี จะรักเขาคนเดียว จะพาครอบครัวไปในทางที่ดี ผมประทับใจที่เขาพยายามจะดูแล และแสดงออกว่าเขารักผมส่วนเรื่องการทำงานของเขาผมคงให้สิทธิ์เขาเต็มที่ เพราะรู้ว่าเป็นงานที่เขารัก เขาชอบ ส่วนเรื่ิองลูกนั้นอยากได้ลูกผู้ชาย เพราะสังคมปัจจุบันมันน่ากลัว ผู้ชายน่าจะดูแลตัวเองได้ดีกว่า ขณะที่ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศในงานว่ามีการ์ดคอยดูแลรักษาความปลอดภัย เข้ม.

แหล่งที่มาข้อมูล www.dailynews.co.th 

นักร้องสาวหล่อ"ซี-มัฑณาวี"อาการทรุด


เมื่อวันที่ 5 มิ.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานอาการของ ซี-มัฑณาวี คีแนน นักร้องชื่อดังค่ายอาร์เอส ที่ถูกรถกระบะชนได้รับบาดเจ็บกลางแยกราชประสงค์ ต้องนอนพักรักษาตัวอยู่ที่ รพ.ตำรวจ ซึ่งก่อนหน้านี้อาการดีขึ้นตามลำดับแล้ว แต่ในวันนี้กลับมีอาการปวดหัวอย่างรุนแรง ไม่ว่าจะรับประทานอะไรก็อาเจียนออกมาหมด ฉีดยาแก้ปวดก็ไม่หาย ทำให้จากเดิมแพทย์ตั้งใจว่าจะเอ็กซเรย์สมองอีกครั้งในวันพุธที่ 6 มิ.ย.นี้ ต้องเลื่อนมาเอ็กซเรย์เมื่อเย็นวาน (4 มิ.ย.) แทน พร้อมทั้งให้มอร์ฟีน ซึ่งผลการเอ็กซเรย์ ไม่มีอะไรผิดปกติ แพทย์จึงลงความเห็นว่า น่าจะมาจากอาการกำเริบของรอยฟกช้ำใต้เนื้อเยื่อสมอง ทำให้ซีมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน และปวดศีรษะอย่างรุนแรง พร้อมทั้งขอเลื่อนวันออกโรงพยาบาลของซีออกไปอย่างไม่มีกำหนด
โดยในวันนี้ ซี-มัฑณาวี ยังคงมีอาการปวดศีรษะอยู่ ซึ่งแพทย์ยังต้องให้ยาแก้ปวดอย่างต่อเนื่อง พร้อมกันนี้ พ.ต.ท นายแพทย์ จิรันธนิน รัตนวารินทร์ชัย นายแพทย์ศัลยกรรมออโธปิดิกส์ (กระดูกและข้อ) พร้อมทีมพยาบาลได้เข้ามาตรวจอาการของ ซึ่งกระดูกไหปลาร้าที่ผ่าตัดไปไม่มีปัญหาอะไร และได้ให้ผู้ป่วยบริหารข้อมือเพิ่มเติมนอกเหนือไปจากการทำกายภาพบำบัดซึ่งทำ เป็นปกติอยู่แล้วทุกวัน ทั้งนี้แพทย์ได้เผยว่าขอดูอาการของนักร้องสาวหล่ออีกซักระยะ เนื่องจากคนไข้ยังมีอาการอาเจียน และปวดศีรษะอยู่มาก และคนไข้ได้รับการรักษาด้วยการผ่าตัดสมอง จึงต้องการการพักฟื้นและการดูแลเป็นอย่างมาก ดังนั้นตามกำหนดเดิมที่คนไข้จะกลับบ้านได้ในวันพุธที่ 6 มิ.ย. นี้ ทางแพทย์จึงขอเลื่อนออกไปก่อน
ด้าน ซี-มัฑณาวี หลังจากที่ฟิ้นไข้ขึ้นมาเผยถึงอาการตัวเองว่า “กลัวมาก รู้สึกว่านี่มันเกิดอะไรขึ้น เราหายแล้วไม่ใช่เหรอ แล้วทำไมถึงปวดหัวหนักขนาดนี้ ปวดเยอะมาก ปวดมากขึ้นเรื่อยๆ จนถึงขนาดหมอมาฉีดมอร์ฟีนก็ไม่หาย ซีรู้ตัวแค่ว่า ซีดิ้นตลอดเวลา รู้สึกช็อกและตกใจ ว่าในหัวเรามันมีอะไรอีกรึเปล่า บวกกับ ซีทานอะไรไม่ได้เลย อ้วกออกตลอด ซึ่งอาการก่อนหน้านั้น ตั้งแต่วันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ซีอาการดีขึ้นมาก แต่แอบซ่าไปหน่อย คือ ลุกเดินไปมา คุยเล่นกับคนนู้นคนนี้ แอบเล่นทวิตเตอร์กับแฟนคลับด้วย อยากทานอะไรก็ทานได้หมด ตอนนี้พออาการค่อยดีขึ้นได้หลับได้พักผ่อน   ก็ระมัดระวังตัวมากขึ้น  ไม่กล้าซ่าแล้ว กลัวทรุดลงไปอีก อาการตอนนี้ก็ยังทรงๆ หมอก็บอกว่ารอดูอาการไปก่อน ยังไม่ให้ออกจาก รพ.” ซี สาวหล่อ กล่าว.

แหล่งที่มาข้อมูล www.dailynews.co.th 

“ดีเอสไอ”รับลูก“เพื่อไทย”สอบอภิสิทธิ์-สุเทพ


วันนี้( 7 มิ.ย. )ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) นายวรชัย   เหมะ  ส.ส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย  พร้อมด้วยจ.ส.ต.ประสิทธิ์  ไชยศรีษะ  ส.ส.สุรินทร์ พรรคเพื่อไทย และนางรพิพรรณ  พงษ์เรืองรอง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย  เดินทางเข้ายื่นหนังสือถึงนายธาริต  เพ็งดิษฐ์  อธิบดีดีเอสไอ  เพื่อขอให้สอบสวนกรณีนายอภิสิทธิ์  เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์  และนายสุเทพ  เทือกสุบรรณ  และส.ส.พรรคประชาธิปัตย์  มีพฤติกรรมกระทำความผิดเกี่ยวกับความมั่นคง ปลุกระดมให้เกิดความวุ่นวาย กรณีขัดขวางการประชุมสภาผู้แทนราษฎรเพื่อพิจารณาเลื่อนวาระการพิจารณาพ.ร.บ. ปรองดอง  พร้อมขอให้ดีเอสไอรับเป็นคดีพิเศษ  โดยนายธาริต  กล่าวว่า  ดีเอสไอจะรับคำร้องดังกล่าวไว้พิจารณา และสอบสวนข้อมูลเบื้องต้น  หากพบว่ามีการกระทำความผิดก็จะเสนอให้คณะกรรมการคดีพิเศษ (กคพ.) รับเป็นคดีพิเศษต่อไป ทั้งนี้ เห็นว่ากรณีดังกล่าวอาจเข้าข่ายเป็นคดีพิเศษเนื่องจากผู้ที่เกี่ยวข้องทั้ง ผู้ร้องและผู้ถูกร้องถือเป็นผู้มีอิทธิพลตามกฎหมาย  หากเป็นความผิดก็จะส่งผลกระทบในวงกว้าง  อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่าการรับเรื่องดังกล่าวไว้สอบสวนไม่ใช่การรับลูกทางการเมือง แต่เป็นรับพิจารณาตามอำนาจหน้าที่ ดีเอสไอจะทำงานด้วยความโปร่งใส  ตรงไปตรงมาและให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย  คาดว่าภายใน 1-2 วันนี้ จะเชิญฝ่ายผู้ร้องเข้าให้ปากคำเพิ่มเติม

แหล่งที่มาข้อมูล www.dailynews.co.th 

ตร.จักรวรรดิจับสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์กว่า 10 ล.


วันนี้(7 มิ.ย.) พล.ต.ต.วรศักดิ์ นพสิทธิพร รองผบช.น. พร้อมด้วย พ.ต.อ.ชัยยุทธ เจียรศิริกุล ผกก.สน.จักรวรรดิ ร่วมกับเจ้าหน้าที่ทรัพย์สินทางปัญญาและปปท.ภาคเอกชน แถลงข่าวการจับกุม นายฤทธิชา ปานสวัสดิ์ อายุ 24 ปี นายไพรสณฑ์ ทองปั้น อายุ 25 ปี นายเฉลิมชัย แจ่มแจ้ง อายุ 24 ปี และน.ส.พาวิพา เชื่อนาฮี อายุ 23 ปี พร้อมของกลาง สินค้าปลอมเครื่องหมายการค้าหลายรายการ รวมมูลค่าความเสียหาย 10 ล้านบาท
พล.ต.ต.วรศักดิ์ กล่าวว่า สืบเนี่องจากเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนได้จับกุมนายฤทธิชา ปานสวัสดิ์ สาวประเภทสอง ในข้อหาจำหน่ายสินค้าที่ปลอมเครื่องหมายการค้า ต่อมาทางเจ้าหน้าที่ได้ขอหมายค้นศาลทรัพย์สินทางปัญญา เข้าทำการตรวจค้นอาคารสำเพ็งแกรนด์พลาซ่า ซอยวานิช 1 แขวงจักรวรรดิ เขตสัมพันธ์วงศ์ พบของกลางสินค้าปลอมเครื่องหมายการค้า ประเภทเครื่องประดับ ยี่ห้อทิฟฟานี่ เพนโดร่า แชลแนล และหลุยส์วิกตอง และสินค้าที่ปลอมเครื่องหมายการค้า สโมสรลิเวอร์พูล เชลซี และแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จำนวน 20,000 ชิ้น ซุกซ่อนอยู่ภายในห้อง บริเวณชั้นที่ 6 ซึ่งทางอาคารทำไว้เป็นโกดังเก็บสินค้า
จากการสอบสวนเบื้องต้นผู้ต้องหาทั้งหมดให้การรับสารภาพว่าเป็นผู้ดูแล โกดังเก็บสินค้าปลอมเครื่องหมายการค้าดังกล่าว ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงแจ้งข้อหา “จำหน่าย เสนอจำหน่าย มีไว้เพื่อจำหน่าย ซึ่งสินค้าที่ปลอมและเลียนแบบ เครื่องหมายการค้า ของผู้อื่น” ก่อนนำตัวส่งพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดีต่อไป

แหล่งที่มาข้อมูล www.dailynews.co.th 

สลดคุณยายวัย 60 เครียดเผาบ้านดับคากองเพลิง


วันนี้( 7 มิ.ย.) พ.ต.ท.ศรัณยพงศ์ พันธุ์เพ็ง พนักงานสอบสวน (สบ2) สน.บางนา รับแจ้งเหตุเพลิงไหม้บ้านเรือนประชาชนภายในชุมชนร่วมใจประเสริฐ ซอยสุขุมวิท 70/5 แขวงและเขตบางนา จึงประสานรถน้ำดับเพลิงจากสถานีดับเพลิงใกล้เคียงแล้วรุดไปตรวจที่เกิดเหตุ พร้อม พ.ต.ท.นฤดล พุ่มพวง สว.สส.สน.บางนา เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน สน.บางนา และ เจ้าหน้าที่มูลนิธิร่วมกตัญญู
ที่เกิดเหตุเป็นชุมชนแออัด เจ้าหน้าที่พบแสงเพลิงและกลุ่มควันกำลังพวยพุ่งออกมาจากบ้านไม้ชั้นเดียวไม่ มีเลขที่ แต่เนื่องจากบริเวณจุดเกิดเหตุเป็นซอยแคบ ทำให้เจ้าหน้าที่ทำการฉีดน้ำสกัดเพลิงด้วยความยากลำบาก ต้องลากสายยางส่ง ก่อนวางหัวฉีดน้ำเพื่อสกัดเพลิง โดยใช้เวลานานประมาณ 30 นาที เพลิงจึงสงบ ตรวจสอบเบื้องต้พบว่าบ้านหลังดังกล่าวถูกเพลิงไหม้เสียหายทั้งหลัง นอกจากนี้ยังลุกลามไปติดบ้านข้างเคียงจนเสียหายอีก 2 หลัง
หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ได้เข้าทำการตรวจสอบภายในซากบ้านต้นเพลิง ก็พบศพ นางสนิท ชาญศรี อายุ 60 ปี เจ้าของบ้านหลังดังกล่าว สภาพศพถูกไฟคลอกจนดำเป็นตอตะโกทั้งหมด เจ้าหน้าที่จึงประสานให้เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน และแพทย์นิติเวชจากโรงพยาบาลจุฬาฯเข้ามาร่วมตรวจสอบในเบื้องต้น ก่อนนำส่งแผนกนิติเวชโรงพยาบาลจุฬาฯ เพื่อทำการชันสูตรอย่างละเอียดอีกครั้ง
จากการสอบสวนนางบุญทิ้ง คำอาจหยุด อายุ 21 ปี ลูกสะใภ้ผู้ตาย ให้การว่า บ้านหลังเกิดเหตุมีผู้พักอาศัยอยู่ทั้งหมด 5 คน แต่ช่วงเกิดเหตุทุกคนออกไปทำงานกันหมดเหลือเพียงนางสนิท แม่สามีตนอยู่ที่บ้านเพียงคนเดียวเท่านั้น ทำให้ไม่ทราบว่าสาเหตุของเพลิงไหม้นั้นเกิดจากอุบัติเหตุหรือไม่ เพราะก่อนหน้านี้ แม่สามีเคยบ่นให้ชาวบ้านฟังอยู่บ่อยครั้งว่าอยากฆ่าตัวตาย เพราะคิดถึงลูกชายคนเล็กที่เสียชีวิตด้วยโรคประจำตัวเมื่อ 2 ปีที่แล้วมาตลอด จนทำให้แม่สามีต้องดื่มสุราทุกวัน ระยะหลังแม่สามีเริ่มเครียดสะสม เนื่องจากโรคความดันกำเริบจนเกิดอาการชัก และก็เพิ่งจะกลับจากรักษาตัวที่โรงพยาบาลปิยะมินทร์ มาได้ 3-4 วันเท่านั้น
ด้าน พ.ต.ท.ศรัณยพงศ์ พนักงานสอบสวนเจ้าของคดี กล่าวว่า จากการสอบสวนเจ้าของร้านขายยาใกล้เคียงที่เกิดเหตุ ใหการว่า เมื่อเวลาประมาณ 12.00 น. ที่ผ่านมา ผู้ตายซึ่งอยู่ในอาการเมาสุรา ได้เข้าไปที่ร้านเพื่อขอซื้อยากินฆ่าตัวตายแต่เจ้าของร้านดังกล่าวไม่ยอมขาย ให้ หลังจากนั้นผู้ตายก็เดินกลับเข้าบ้านไป จนเกิดเหตุเพลิงไหม้คลอกร่างตนเสียชีวิตดังกล่าว อย่างไรก็ตามทางพนักงานสอบสวน จะรอผลการชันสูตรศพจากแพทย์นิติเวชเพื่อหาสาเหตุการเสียชีวิต รวมทั้งผลการตรวจที่เกิดเหตุของเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานว่าสาเหตุของ เพลิงไหม้นั้นเกิดจากอะไร เพื่อนำมาประกอบกันก่อนสรุปสำนวนดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป.

แหล่งที่มาข้อมูล www.dailynews.co.th 

“เสื้อแดง”คึกล่าชื่อถอดตุลาการ


วันนี้ ( 7 มิ.ย.)ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตั้งแต่ช่วงเช้ากลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการณ์แห่งชาติ (นปช.) จากหลายพื้นที่ทั่วประเทศ โดยเฉพาะภาคอีสานและภาคเหนือต่างทยอยเดินทางมารวมตัวหน้ารัฐสภา  โดยมีการตั้งเต็นท์กระจายบนถนนอู่ทองใน และตั้งเวทีปราศรัยขนาดใหญ่เปิดเครื่องขยายเสียงร้องทำเพลงกันฝั่งสวนสัตว์ ดุสิต พร้อมตั้งโต๊ะล่ารายชื่อประชาชนเพื่อถอดถอนตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ โดยแนวร่วม นปช. ได้นำสำเนาบัตรประชาชนมาร่วมลงชื่อถอดถอนตุลาการศาลรัฐธรรมนูญอย่างไม่ขาด สาย ทั้งนี้ตั้งแต่ช่วงเที่ยงวันที่ 6 มิ.ย.  ที่ผ่านมาจนถึงช่วงเช้าวันนี้สามารถรวบรวมรายชื่อได้แล้วประมาณ 1 หมื่นราย และในช่วงบ่ายจะมีการนำรายชื่อประชาชนจากพื้นที่ภาคเหนือและภาคอีสานอีก จำนวนกว่า 1 หมื่นรายชื่อมาสมทบ จากนั้น นพ.เหวง โตจิราการ ส.ส.สัดส่วนพรรคเพื่อไทย และแกนนำ นปช. จะเป็นตัวแทนนำรายชื่อทั้งหมดมายื่นถึงประธานวุฒิสภาในช่วงบ่ายซึ่งได้มีการ ประสานกับตัวแทนวุฒิสภาไว้แล้ว.

แหล่งที่มาข้อมูล www.dailynews.co.th 

ไม่จบศึกเฟสบุ๊ค “โอ๊ค” ยกโพลล์อ้าง บี้ “มาร์ค”


 วันนี้ (7 มิ.ย.)ผู้สื่อข่าวรายงานว่านายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชายพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความผ่านทางเฟสบุ๊ค ว่า ในที่สุดท่านอภิสิทธิ์ ก็ได้แสดงจุดยืน เรื่องที่ผมได้เรียกร้องให้ออกมาขอโทษต่อพี่น้องประชาชนแล้วนะครับ ท่านได้กรุณาตอบไว้ในเวปไซต์ของพรรคประชาธิปัตย์ดังนี้ครับ “ผมไม่เคยไปเรียกร้องว่าคุณทักษิณ หรือใครต่อใคร ต้องออกมาทำอย่างนั้นอย่างนี้ ผมก็แปลกใจนะครับ เพราะว่าถ้าเป็นเรื่องการทำอย่างอาทิตย์ที่แล้วนั้นต้องขอโทษ ถ้าหนักหนาสาหัสกว่านั้น ก็ต้องขอนิรโทษอย่างนั้นใช่ไม๊"ผมเข้าใจจุดยืนของท่านชัดเจนแล้วครับ แปลไทยเป็นไทยง่ายๆก็คือ ท่านแปลกใจว่าทำไมเรื่องแค่นี้ผมต้องเรียกร้องให้ท่านขอโทษต่อพี่น้อง ประชาชนเหตุผลของผมก็มีง่ายๆครับคือเผอิญผมได้เห็นงานวิจัยเชิงสำรวจของเอแบ คโพลล์ต่อความต้องการให้ออกมาแสดงความรับผิดชอบในเรื่องที่ สส.ของท่านได้สร้างชื่อเสีย(ง)ให้กับรัฐสภาไทย ดังนี้ครับลำดับที่ ความคิดเห็น ร้อยละ 1. ขอโทษ 52.4 2. ลาออก 40.2 3. ไม่ต้องทำอะไร 7.4 รวมทั้งสิ้น 100.0 โพลล์นี้ชี้ชัดครับว่า คนที่อยากให้ลูกน้องของท่านออกมา "ขอโทษ" และ "ลาออก" จาก ส.ส.นั้น มีมากถึง 92.6 เปอร์เซ็นต์ และท่านได้แสดงจุดยืนในสิ่งที่เสียงส่วนน้อยต้องการคือ ไม่ต้องทำอะไร ซึ่งมีแค่เพียง 7.4 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น  สิ่งที่ท่านชอบกล่าวอ้างติดปากอยู่เสมอว่าพวกมากลากไปนั้นคงใช้ไม่ได้กับ กรณีนี้นะครับ เปลี่ยนจุดยืนแล้วออกมาทำตามหลักประชาธิปไตยที่ยึดเสียงข้างมากอย่างเคร่ง ครัด โดยวันนี้ออกมากล่าวคำขอโทษต่อประชาชนและสัญญาว่าจะไม่ให้เกิดเหตุการณ์ อย่างนี้อีก ผมคิดว่ายังไม่สายนะครับ.

แหล่งที่มาข้อมูล www.dailynews.co.th 

"กสทช."โบ้ยทรูคุยแกรมมี่เองลิขสิทธิ์บอลยูโร


วันนี้(7 มิ.ย.) ทางสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ(กสทช.) ได้จัดประชุมหารือเรื่อง กรณี บริษัท ทรูวิชั่น จำกัด (มหาชน) ได้ทำหนังสือร้องเรียนเรื่องการถ่ายทอดสัญญาณรายการฟุตบอลยูโร 2012นายสมพันธ์ จารุมิลินท รองประธานกรรมการบริหาร บริษัททรูวิชั่น ให้สัมภาษณ์หลังหารือเสร็จว่ากสทช.ได้เชิญผู้มีใบอนุญาตมาหารือ เพื่อเก็บข้อมูล ทาง กสทช.ยังไม่ได้ให้ข้อสรุปใดๆ เพราะต้องนำเรื่องไปประชุมบอร์ดใหญ่ก่อน ซึ่งน่าจะได้คำตอบพรุ่งนี้ ในความคิดเห็นส่วนตัวตาม ประชาชนควรได้รับชมฟรีทีวีตามปกติไม่ว่าจะติดจานดาวเทียมไหนก็ตาม หากแกรมมี่ไม่ปล่อยสัญญาณจะส่งผลให้อีก 10ล้านครัวเรือนที่ติดจานดาวเทียมอื่นๆ และสมาชิกทรูอีก 2ล้านครัวเรือน จะไม่สามารถรับชมการถ่ายทอดฟุตบอลได้
 นายสมพันธ์ กล่าวต่อว่า ในส่วนของทรูวิชั่นหากไม่ได้รับสัญญาณฟุตบอลยูโร2012 จะมีรายการกีฬาถ่ายทอดสดอื่นทดแทนช่วงออกอากาศฟุตบอล และไม่ว่าผลการประชุม กสทช.จะออกมาเป็นเช่นไรก็พร้อมน้อมรับปฏิบัติตาม
ต่อมา พ.อ.ดร.นที ศกุลรัตน์ รองประธานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ(กสทช.) ในฐานะประธานคณะกรรมการกิจการวิทยุกระจายเสียงและโทรทัศน์ได้จัดแถลงข่าว เรื่อง การถ่ายทอดสัญญาณฟุตบอลยูโร 2012 ว่า มติบอร์ดกระจายเสียงครั้งที่21 เห็นควรให้โทรทัศน์ภาคปกติหรือฟรีทีวี ดำเนินการออกอากาศโดยไม่เลือกปฏิบัติ ไม่ว่าจะเป็นจุดรับสัญญาณแบบเสาอากาศหรือหนวดกุ้ง และแบบติดจานดาวเทียมเพื่อให้ประชาชนได้รับชมรายการโดยปกติตามกฎหมาย
ส่วนบริษัท ทรูวิชั่น จำกัด ควรดำเนินการให้ผู้ใช้บริการได้รับชมฟรีทีวีภาคปกติอย่างต่อเนื่อง โดยต้องเป็นไปตามเงื่อนไขการให้บริการ และโฆษณาของบริษัทที่เคยแสดงไว้ต่อสาธารณะ หากไม่ปฏิบัติตามถือว่าผิดกฎหมาย ส่วนในเรื่องลิขสิทธ์เป็นเรื่องของภาคเอกชน กสทช.ไม่มีสิทธ์ก้าวก่ายขณะนี้ทาง กสทช. ได้เร่งรัดร่างหลักเกณฑ์ เงื่อนไขในการประกอบกิจการให้แข่งขันกันอย่างเป็นธรรม เพื่อป้องกันปัญหาในลักษณะเดียวกันนี้อีกในอนาคต.

แหล่งที่มาข้อมูล www.dailynews.co.th 

“มาร์ค”นำทีมรณรงค์ต้านกม.ปรองดอง


วันนี้ ( 7 มิ.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่าที่บริเวณถนนสีลม นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ  หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ พร้อมด้วย ส.ส. สก.สข. กทม. และสมาชิกพรรค อาทิ คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช  ประธานส.ส. นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน รองหัวหน้าพรรค นายอนุชา บูรพชัยศรี ส.ส.กทม นายเจริญ คันธวงศ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อเป็นต้น ร่วมกันเดินรณรงค์ต่อต้าน พ.ร.บ.ปรองดองแห่งชาติ ไปตามถนนสีลม พร้อมแจกหนังสือ “ ต้านกฎหมายล้างผิดคนโกง” และแผ่นปลิว การจัดสานเสวนาของพรรคที่มีขึ้นในวันที่ 10 มิ.ย.นี้ เวลา 17.00 น. ที่บริเวณวงเวียนใหญ่ โดยระหว่างที่เดินแจกหนังสือมีทั้งประชาชนที่ให้ความสนใจและไม่สนใจปะปนกัน ไป  มีทั้งรับหนังสือไปแล้วก็ฉีกทิ้งทันที โดยพบเห็นหนังสือถูกฉีกทิ้งที่บริเวณหน้าอาคารซีพีทาวเวอร์ อย่างไรก็ตาม นายอภิสิทธิ์และคณะใช้เวลาในการเดินรณรงค์นานประมาณ 1ชั่วโมง จึงเดินทางกลับมาที่พรรค ทั้งนี้นายอภิสิทธิ์ได้ใส่เสื้อยืดคอกลมสีดำ ที่ด้านหน้า เขียนคำว่า “ หยุดปรองดองจอมปลอม ล้างผิดคนโกง” ในระหว่างเดินรณรงค์ด้วย ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากเดินรณรงค์เสร็จ นายอภิสิทธ์ ได้เรียกประชุมส.ส.ด่วน ในเวลา14.00น. ที่พรคประชาธิปัตย์ เพื่อกำหนดท่าทีเกี่ยวกับร่างรัฐธรรมนูญด้วย.

แหล่งที่มาข้อมูล www.dailynews.co.th 

ปชป. ระทึก ม็อบแดงล้อมสภา หวั่นไม่ปลอดภัย


วันนี้ ( 7 มิ.ย.)ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ได้เรียกประชุมส.ส.เป็นการด่วน เพื่อประเมินสถานการณ์และวางเกมรับมือในการประชุมร่วมรัฐสภา ในวันที่ 8 มิ.ย.  ซึ่งที่ประชุมได้มีการออกแถลงการณ์ของพรรคเกี่ยวกับจุดยืนและข้อเสนอต่อ สถานการณ์ความขัดแย้งรวม 4ข้อ โดยหลังการประชุม นายอภิสิทธิ์ แถลงว่า ขณะนี้มีการแสดงความเห็นจากคนในพรรคเพื่อไทยจำไม่น้อย ที่ยืนยันจะผลักดันให้มีการลงมติวาระ 3 ประกอบกับมีมวลชนมาเคลื่อนไหว ชุมนุมรอบรัฐสภา ซึ่งพรรคได้มีการประเมินสถานการณ์ที่เกิดขึ้น และได้ย้ำมาโดยตลอดว่า ความขัดแย้งจะไม่เกิด ถ้ารัฐบาลออกพ.ร.ฎ.ปิดสมัยประชุมสภาฯซึ่งการพยายามผลักดันรัฐธรรมนูญ หรือกฎหมายล้างผิด ของรัฐบาล ล้วนแต่เป็นเรื่องผลประโยชน์ของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เท่านั้น
นายอภิสิทธิ์ กล่าวอีกว่า ดังนั้นพรรคจึงออกแถลงการณ์เรียกร้อง 4 ข้อ คือ 1.รัฐบาลและเพื่อไทย ควรหยุดสร้างเงื่อนไขการเผชิญหน้ากับองค์กรต่างๆ โดยเฉพาะศาลรัฐธรรมนูญ และควรรอให้พิจารณาคำร้องมาตรา 68 เสียก่อน ไม่ควรเร่งผลักดันให้มีการลงมติวาระ 3 จนกว่าศาลรัฐธรรมนูญจะได้มีคำวินิจฉัย 2.นายกฯ และครม. ควรเร่งตราพ.ร.ฎ. ปิดประชุมสภา เพื่อลดเงื่อนไขความขัดแย้งที่เกิดขึ้นทางการเมือง 3.รัฐบาล และพรรคเพื่อไทย ควรยุติพฤติกรรมที่ทำให้เกิดความสุ่มเสี่ยงในบ้านเมือง ทั้งในแง่การปลุกระดมมวลชน ให้เกิดการต่อต้านองค์กรต่างๆ อาทิศาลรัฐธรรมนูญ และหน่วยราชการต้องไม่ตกเป็นเครื่องมือทางการเมือง ในการเข้ามาร่วมชุมนุม 4.รัฐบาลควรใส่ใจแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจ และภัยพิบัติที่เกิดขึ้นในภาคใต้  ซึ่งทั้งหมดนี้จะเป็นบทพิสูจน์ว่านายกฯ รัฐบาล และพรรคเพื่อไทย ยึดถือประโยชน์ของชาติ หรือพ.ต.ท.ทักษิณ ขอยืนยันว่าพรรคไม่ต้องการล้มล้างรัฐบาล
                นายอภิสิทธิ์ กล่าวอีกว่า ในการประชุมร่วมรัฐสภา ในวันที่ 8 มิ.ย. นี้ ทางพรรคต้องประเมินสถานการณ์ว่า เหตุการณ์จะเป็นอย่างไร และจะสามารถเข้าร่วมประชุมได้หรือไม่ ทั้งนี้ความตึงเครียดทางการเมืองเกิดจากรัฐบาลเอง ในการผลักดันสิ่งที่เป็นประโยชน์ให้แก่พวกพ้อง และมีการใช้บุคลากรของราชการเข้ามาเกี่ยวข้องกับการชมุนุม ซึ่งเป็นเรื่องไม่ควรเกิดขึ้น และการตั้งด่านตรวจเข้มก่อนเข้าสภาฯ ทำให้ส.ส. ไม่สบายใจ เพราะมีผลต่อความปลอดภัยของส.ส. อย่างไรก็ตามต้องถามไปยังผบ.ตร. เพราะว่ามีการเปลี่ยนนโยบายที่เคยประกาศไม่ให้กลุ่มพันธมิตร ล้อมสภาเพราอะไร ทำไมจึงไม่ปฏิบัติต่อมวลชนด้วยมาตรฐานเดียวกัน ส่วนที่มีการแจกเบอร์โทรของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญและครอบครัว ถือว่าเป็นพฤติกรรมที่ข่มขู่ คุกคาม และจะยิ่งทำให้เกิดความรู้สึกเป็นปฏิปักษ์กับองค์กร ขอให้หยุดพฤติกรรมเช่นนี้ ย้ำว่าการวินิจฉัยขององค์กรอิสระต่างๆ ทุกครั้งย่อมมีคนพอใจและไม่พอใจ.

แหล่งที่มาข้อมูล www.dailynews.co.th 

“เหลิม”เชื่อตั้ง"อดุลย์"คุมความมั่นคงไม่กระทบงานป.ป.ส.


วันนี้ (7 มิ.ย.) ที่ทำเนียบรัฐบาล  ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงการที่พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ ผบ.ตร. มอบหมายให้พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว รอง ผบ.ตร. ดูแลงานด้านความมั่นคง ว่า การดึงพล.ต.อ.อดุลย์ เข้ามาช่วย เพราะมีทักษะการทำงานที่เป็นระบบ แต่คงไม่กระทบกับงานในตำแหน่งเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพ ติด(ป.ป.ส.) เพราะถือเป็นเรื่องความมั่นคงเช่นกัน ทั้งนี้ ตนได้มอบนโยบายเกี่ยวกับควบคุมผู้ชุมนุมไปแล้วว่าให้มีการแสดงอุปกรณ์ และประกาศให้ชัดว่าผู้ชุมนุมกำลังทำความผิดอะไร ก่อนลงมือตามขั้นตอน โดยให้สื่อมวลชนเป็นพยาน หลีกเลี่ยงการใช้แก๊สน้ำตาหากไม่จำเป็น เน้นใช้การผลักดันและประจานให้เห็นว่าใครทำผิดอะไร งานนี้ต้องตัดสินกันด้วยมวลชน ลำพังตำรวจเอาไม่อยู่

รองนายกฯ กล่าวอีกว่า เชื่อว่าผู้ชุมนุมคงไม่มีอาวุธอะไร เพราะคนที่ถือศีลกินเจคงไม่คิดร้ายกับใคร แกนนำพันธมิตรฯก็ไหว้พระไหว้เจ้าก่อนชุมนุม คงไม่มีปัญหาอะไร โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนอยู่ในตำแหน่ง ไม่มีเหมือนรัฐบาลที่แล้วแน่นอน โดยจะไม่มีการใช้ความรุนแรงเด็ดขาด ส่วนที่มองว่าพล.ต.ต.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง รักษาการแทนผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) เป็นตำรวจสายเหยี่ยวอาจจะมีการใช้ความรุนแรงนั้น คงไม่มีเช่นกัน เพราะ พล.ต.ต.คำรณวิทย์เป็นตำรวจมือปราบจับโจร จึงนำตรงนี้ไปทึกทักกันเอาเอง

สำหรับกระแสข่าวที่ว่าในการประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) วันที่ 8 มิ.ย.นี้ ร.ต.อ.เฉลิม จะเสนอให้พล.ต.ต.คำรณวิทย์ มาทำหน้าที่ ผบช.น.เต็มตัว แทนพล.ต.ท.วินัย ทองสอง ผบช.น. ที่ถูกคำสั่งให้ไปช่วยราชการประจำสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ไม่มีวาระนี้ในการประชุม ก.ตร. มีเพียงประชุมเรื่องอื่นเท่านั้น สื่อลงข่าวกันไปเอง อีกทั้ง พล.ต.ท.วินัย ถือเป็นคนน่ารัก ทำงานดี
ผู้สื่อข่าวถามว่า ได้มีการประเมินหรือไม่ว่าการประชุมรัฐสภาในช่วง 2 สัปดาห์นี้จะเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า เรียบร้อยแน่นอน สามารถดูแลผู้ชุมนุมได้ทุกกลุ่ม แต่ขอเตือนว่าเมื่อศาลรัฐธรรมนูญมีแนวทางเช่นนี้ออกมา อาจจะมีประชาชนบางส่วนไปยื่นคำร้องว่าพรรคประชาธิปัตย์ กับกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตย ปิดล้อมรัฐสภา อาละวาดในที่ประชุม เรื่องนี้แบบนี้ค่อนข้างชัด แล้วศาลรัฐธรรมนูญจะรับเรื่องหรือไม่

เมื่อถามถึงกระแสข่าวที่มีการเกณฑ์เจ้าหน้าที่และลูกจ้างในสังกัดกรม อุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช มาเข้าร่วมชุมนุมกับกลุ่มคนเสื้อแดง โดยรวมตัวอยู่ในพื้นที่สวนสัตว์ดุสิต (เขาดิน) ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ไม่ทราบ และคงไม่มีการเกณฑ์ แต่หากเต็มใจมา ก็ห้ามกันไม่ได้ อย่างผู้ชุมนุมพันธมิตรฯก็มีข้าราชการร่วมเหมือนกัน การมาแสดงออกในระบอบประชาธิปไตยถือว่าไม่ผิด ไม่ได้มาก่อความรุนแรง จึงไม่ห่วงว่าจะมีม็อบชนม็อบอย่างที่กลัวกัน มั่นใจว่าควบคุมได้.

แหล่งที่มาข้อมูล www.dailynews.co.th 

นปช.ไม่หยุดเดินหน้าล่ารายชื่อครบล้านให้ทัน 24 มิ.ย


 วันนี้ (7 มิ.ย.)ที่หน้ารัฐสภา นางธิดา ถาวรเศรษฐ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) กล่าวว่า นปช.ได้รวบรวมรายชื่อประชาชนเพื่อให้ประธานวุฒิสภาดำเนินการถอดถอนตุลาการ ศาลรัฐธรรมนูญครบ 2 หมื่นรายชื่อแล้ว โดยจะเข้ายื่นหนังสือต่อประธานวุฒิสภาในช่วงบ่ายของวันนี้ ส่วนที่นปช.เคยประกาศว่าจะรวบรวมรายชื่อประชาชนให้ครบ 1 ล้านชื่อจะยังดำเนินการต่อไป โดยคาดว่าจะใช้เวลาอีกประมาณเดือนเศษจะได้รายชื่อครบ 1 ล้านชื่อ  ทั้งนี้นปช.จะจัดกิจกรรมอย่างต่อเนื่องในวันที่ 24 มิ.ย. 2555 ซึ่งเป็นวันครบรอบการพระราชทานรัฐธรรมนูญซึ่งหากการรวบรวมรายชื่อประชาชนครบ 1 ล้านรายชื่อจะนำมาแถลงต่อประชาชนในงานเดียวกัน
นางธิดา กล่าวอีกว่า นปช.รู้ดีว่าถึงจะรวบรวมรายชื่อได้ครบก็คงถอดถอนตุลาการศาลรัฐธรรมนูญไม่ได้ จึงต้องการแสดงให้เห็นว่าประชาชนคิดอย่างไรหากสามารถรวบรวมรายชื่อประชาชน ได้ถึง 1 ล้านชื่อ ก็อยากจะรู้ว่าตุลาการจะคิดอย่างไรเมื่อมีประชาชนโห่ไล่มากขนาดนั้น ส่วนการชุมนุมในวันนี้เบื้องต้นจะชุมนุมถึงเวลา 24.00 น. เนื่องจากนปช.นัดหมายชุมนุมเพื่อรวบรวมรายชื่อถอดถอนตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ เท่านั้น อย่างไรก็ตามขึ้นอยู่กับการประเมินสถานการณ์ ส่วนการประชุมร่วมรัฐสภาในวันที่8มิ.ย. ซึ่งมีกระแสข่าวร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง แกนนำพรรคเพื่อไทยจะนำอภิปรายคัดค้านคำสั่งศาลรัฐธรรมนูญที่ให้ชะลอการลงมติ ร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญในวาระ 3 นั้น  นปช.ประเมินว่าไม่น่าจะมีความน่าเป็นห่วงโดยสิ่งที่จะเกิดในห้องประชุมคง เป็นเพียงการอภิปรายแลกเปลี่ยนความคิดเห็น ส่วนพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยก็ได้ประกาศแล้วว่าจะคัดค้านร่างพ.ร.บ. ว่าด้วยความปรองดองแห่งชาติจึงไม่น่าจะเกิดปัญหาอะไร.

แหล่งที่มาข้อมูล www.dailynews.co.th 

Blog Archive

Design Downloaded from ซ่อมคอมพิวเตอร์นอกสถานที่ รามคำแหง บางกะปิ | Free Textures | Web Design Resources