เมื่อเวลา 08.00 น. วันที่ 8 ธ.ค. น.ส. ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี
กล่าวในรายการรัฐบาลยิ่งลักษณ์พบประชาชน
ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงและวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย
ช่อง 11 ตอนหนึ่ง ว่า
ถือว่าสัปดาห์ที่ผ่านมาเป็นสัปดาห์แห่งความสุขของคนไทย
เป็นเดือนมหามงคลโดยเฉพาะในวันที่ 5 ธ.ค.ซึ่งเป็นวันเฉลิมพระชนมพรรษาครบ 85
พรรษาของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ
โดยมีเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ที่น่าประทับใจหลายเหตุการณ์ด้วยกัน ตั้งแต่เหตุการณ์แรกที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ เสด็จออกมหาสมาคม ณ พระที่นั่งอนันตสมาคม ซึ่งเรียกว่าเป็นภาพประวัติศาสตร์ที่ประชาชนคนไทยทั้งหมดมาจากทุกที่ ได้มาเข้าเฝ้าชื่นชมพระบารมีและแสดงความจงรักภักดีของคนไทย ถือว่าพระองค์ท่านเป็นศูนย์รวมของคนไทย ซึ่งหลายคนที่มาเข้าเฝ้าใบหน้าเปี่ยมไปด้วยความสุขจริง ๆ
น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวต่อว่า ต้องถือว่าพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ นั้นมีคุณค่าต่อตนและคนไทยทั้งหมด ตนจะรับพระราชดำรัสนั้นมาใส่เกล้าใส่กระหม่อมในการทำงานต่อไป โดยเป็นแนวหลักและถือเป็นศิริมงคลกับตัวเองและประเทศไทยด้วย ในวันนั้นยังมีงานอีกหลายงานที่รัฐบาลได้ร่วมกับเอกชนในการจัดกิจกรรมต่าง ๆ ตั้งแต่กิจกรรมปฏิบัติธรรมของมหาเถรสมาคมที่มีหลายวัดร่วมดำเนินการ ในช่วงเวลากลางคืนก็มีภาพความประทับใจในช่วงการจุดเทียนชัยถวายพระพร ซึ่งเป็นงานที่ทางรัฐบาลจัดร่วมกับทางมูลนิธิ 5 ธันวามหาราช ร่วมกับทาง กทม.
ในส่วนของจังหวัดทั่วประเทศ เป็นความรู้สึกที่ใครได้อยู่ในบรรยากาศนั้นก็จะประทับใจว่าเราได้มีโอกาส เปล่งเสียงทรงพระเจริญถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ เพื่อให้พระองค์ท่านทรงมีพระวรกายแข็งแรงเป็นมิ่งขวัญของปวงชนชาวไทยตลอดไป นอกจากนั้นในการจัดงานสโมสรสันนิบาตเมื่อคืนวันที่ 7 ธ.ค. ที่ผ่านมาก็เป็นอีกหนึ่งความภูมิใจที่รัฐบาลได้มีโอกาสเป็นเจ้าภาพจัดงาน ถวายพระพรชัยมงคลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว.
โดยมีเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ที่น่าประทับใจหลายเหตุการณ์ด้วยกัน ตั้งแต่เหตุการณ์แรกที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ เสด็จออกมหาสมาคม ณ พระที่นั่งอนันตสมาคม ซึ่งเรียกว่าเป็นภาพประวัติศาสตร์ที่ประชาชนคนไทยทั้งหมดมาจากทุกที่ ได้มาเข้าเฝ้าชื่นชมพระบารมีและแสดงความจงรักภักดีของคนไทย ถือว่าพระองค์ท่านเป็นศูนย์รวมของคนไทย ซึ่งหลายคนที่มาเข้าเฝ้าใบหน้าเปี่ยมไปด้วยความสุขจริง ๆ
น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวต่อว่า ต้องถือว่าพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ นั้นมีคุณค่าต่อตนและคนไทยทั้งหมด ตนจะรับพระราชดำรัสนั้นมาใส่เกล้าใส่กระหม่อมในการทำงานต่อไป โดยเป็นแนวหลักและถือเป็นศิริมงคลกับตัวเองและประเทศไทยด้วย ในวันนั้นยังมีงานอีกหลายงานที่รัฐบาลได้ร่วมกับเอกชนในการจัดกิจกรรมต่าง ๆ ตั้งแต่กิจกรรมปฏิบัติธรรมของมหาเถรสมาคมที่มีหลายวัดร่วมดำเนินการ ในช่วงเวลากลางคืนก็มีภาพความประทับใจในช่วงการจุดเทียนชัยถวายพระพร ซึ่งเป็นงานที่ทางรัฐบาลจัดร่วมกับทางมูลนิธิ 5 ธันวามหาราช ร่วมกับทาง กทม.
ในส่วนของจังหวัดทั่วประเทศ เป็นความรู้สึกที่ใครได้อยู่ในบรรยากาศนั้นก็จะประทับใจว่าเราได้มีโอกาส เปล่งเสียงทรงพระเจริญถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ เพื่อให้พระองค์ท่านทรงมีพระวรกายแข็งแรงเป็นมิ่งขวัญของปวงชนชาวไทยตลอดไป นอกจากนั้นในการจัดงานสโมสรสันนิบาตเมื่อคืนวันที่ 7 ธ.ค. ที่ผ่านมาก็เป็นอีกหนึ่งความภูมิใจที่รัฐบาลได้มีโอกาสเป็นเจ้าภาพจัดงาน ถวายพระพรชัยมงคลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว.