วันศุกร์ที่ 30 มีนาคม พ.ศ. 2555

ร้องวธ.จัดระเบียบสื่อสิ่งพิมพ์โฆษณาเว็บพนัน-ภาพโป๊



วันนี้ (29 มี.ค.) ที่กระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) นายธนากร คมกฤส ผู้ประสานงานเครือข่ายรณรงค์หยุดพนัน พร้อมด้วยนางอัญญาอร พานิชพึ่งรัถ ประธานเครือข่ายครอบครัวเฝ้าระวังและสร้างสรรค์สื่อ มูลนิธิเพื่อเยาวชน เครือข่ายผู้ปกครองในสถานศึกษา มูลนิธิเครือข่ายครอบครัวและนักเรียนนักศึกษา จำนวน 30 คน เดินทางเข้ายื่นจดหมายเปิดผนึกถึงนางสุกุมล คุณปลื้ม รมว.วัฒนธรรม ช่วยจัดระเบียบหนังสือพิมพ์กีฬาลงโฆษณาเว็บไซต์พนันออนไลน์ รวมถึงนิตยสารดาราบันเทิง ที่ลงโฆษณาให้ดาวน์โหลดคลิปโป๊ ซึ่งนางสุกุมล ได้มอบหมายให้นายสุระ เตชะทัต ที่ปรึกษารมว.วัฒนธรรม เป็นผู้รับเรื่อง

นายธนากร กล่าวว่า ทางเครือข่ายขอเรียกร้องให้วธ.ในฐานะกำกับดูแลการจดแจ้งการพิมพ์ ช่วยดำเนินการกับหนังสือพิมพ์กีฬา 5 ฉบับที่ลงโฆษณาเว็บพนันออนไลน์ จำนวน 3 ข้อ ดังนี้ 1.ตั้งกรรมการตรวจสอบหนังสือพิมพ์กีฬา ที่ทำผิดกฎหมายด้วยการลงโฆษณาเว็บไซต์พนันบอลออนไลน์ ขอให้หยุดการโฆษณาดังกล่าวและหากพบว่ายังไม่มีการปรับปรุงแก้ไขขอให้กระทรวงบังคับดำเนินการตามพ.ร.บ.การพนัน พ.ศ.2478  2.ขอประณามหนังสือพิมพ์กีฬาที่กระทำการดังกล่าวที่ขัดต่อศีลธรรมอันดีงามและมอมเมาเด็กและเยาวชนให้ตกเป็นทาสของการพนัน และ3.ขอเรียกร้องให้ประชาชนร่วมกันต่อต้านบอยคอตไม่ซื้อสื่อสิ่งพิมพ์ทุกชนิดที่พบว่า ลงโฆษณาเว็บไซต์พนันออนไลน์
“เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมาเครือข่ายได้เข้าพบกรมสอบสวนคดีพิเศษหรือดีเอสไอ เพื่อให้ดำเนินการเอาผิดกับหนังสือพิมพ์กีฬาทั้ง 5 ฉบับที่ลงโฆษณาเชิญชวนพนันบอลออนไลน์ เกลื่อนแผงหนังสือทั่วไป แต่ขณะนี้ยังไม่มีความคืบหน้า เราจึงได้มาเรียกร้องให้กระทรวงวัฒนธรรมช่วยดำเนินการก่อนที่เยาวชนของเราจะถูกมอมเมามากกว่านี้”ประธานเครือข่ายรณรงค์หยุดพนัน กล่าว

ด้าน นางอัญญาอร กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ได้มาร้องเรียนเรื่องภาพอนาจารในนิตยสารบันเทิงเมื่อปีที่แล้ว ครั้งนี้ได้มายื่นหนังสือเพื่อสอบถามถึงการแก้ไขปัญหาการโฆษณาดาวน์โหลดคลิปโป๊ ซึ่งนับวันยิ่งมีมากขึ้น โดยเครือข่ายได้สำรวจจากกลุ่มเด็กและเยาวชนอายุไม่เกิน 25 ปี พบว่า ร้อยละ 37.90 เคยโหลดภาพ คลิปลามก จากการโฆษณาจากนิตยสาร ซึ่งได้ลามไปถึงเด็กในระดับประถมศึกษาแล้ว นอกจากนี้ ช่วงสงกรานต์หน้าร้อนนี้ชุดวาบหวิว ชุดบิกินี จะออกมาระบาดเพิ่มเติมอีก

ด้านนายสุระ กล่าวว่า ตนจะนำเรื่องดังกล่าวรายงานให้นางสุกุมล รับทราบ พร้อมประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น เพื่อให้พี่น้องประชาชนที่ห่วงใยเรื่องดังกล่าวเกิดความสบายใจ รวมทั้งขอชี้แจงว่า กฎหมายบางเรื่องก็ไม่ได้อยู่ในการดูแลของวธ.ทั้งหมด ส่วนที่เกี่ยวข้องเราก็จะดำเนินการแก้ไข ส่วนที่ไม่เกี่ยวข้องก็จะทำหน้าที่ประสานให้ดีที่สุด พร้อมทั้งจะรายงานให้พี่น้องประชาชนทราบเป็นระยะ

แหล่งที่มาข้อมูล www.dailynews.co.th 

'โดม - ใหม่' ย้ำเป็นแค่พี่น้อง มองกระแสคู่รักช่วยดันละคร


โคจรมาเป็นคู่พระนางคู่ใหม่ของวงการในละคร “ตะวันยอแสง” สำหรับนักร้องหล่อขั้นเทพ โดม-ปกรณ์ ลัม กับนางเอกสาว ใหม่-ดาวิกา โฮร์เน่ แต่กลับมีข่าวเมาท์ออกมาให้ได้ยินบ่อย ๆ ว่าทั้งคู่เกิดสปาร์กกิ๊กกั๊กกันอยู่เงียบ ๆ ซะงั้น งานนี้พอเจอตัวทั้งคู่ในงานแถลงข่าวช้าง วันเดอร์ วอเตอร์ แลนด์ แอท ยูดี ทาวน์ 2012 ที่โรงแรมหรรษา ราชดำริ เลยคว้าตัวมาถามถึงเรื่องนี้ทันที ทั้งหนุ่มโดมและสาวใหม่ก็ยังยืนยันตรงกันว่าแค่พี่น้องจริง ๆ

ใหม่ เผยว่า “ได้เข้าฉากละครด้วยกัน ก็ดีค่ะ ดีขึ้นเรื่อย ๆ” โดม : “ก็เริ่มเหมือนสนิทกันมากขึ้น เริ่มเข้าขากันมากขึ้น จริง ๆ ใหม่เป็นคนตลกนะ ผมก็เริ่มอำเขาเรื่อย ๆ ครับ (หัวเราะ) ผมว่าถ้าเราเกร็ง ๆ กันเนี่ย ผลงานก็ออกไปไม่ดีเราก็พยายามปรับตัวกัน น้องเขาก็น่ารักนะครับ พยายามมาคุยกับผม พี่ไม่สบายเป็นยังไงบ้างเหนื่อยมั้ย” มีข่าวกิ๊กกันทำให้ทำงานยากขึ้นมั้ย? ใหม่ : “ไม่ยากนะคะ ไม่ได้ส่งผลกระทบอะไรอยู่แล้วค่ะ เวลาทำงานเราก็ตั้งใจทำงานของเราให้เต็มที่” โดม : “จริง ๆ เราก็พยายามทำให้เป็นมืออาชีพมากที่สุด เราก็โฟกัสที่งานครับ ส่วนเรื่องความเป็นเพื่อนเป็นพี่เป็นน้องกัน บางทีอยู่ในกองต้องมีเป็นธรรมดา แต่ว่าไม่ได้กุ๊กกิ๊กหรือออกไปในทางแบบนั้นครับ” ควงออกงานคู่เป็นการโกยเรตติ้งก่อนละครจะออนแอร์หรือเปล่า? ใหม่ : “ก็อยากให้เรตติ้งดี ๆ นะคะ” โดม : “เราก็ต้องอยากให้ละครออกมาดี ผมว่าน่าจะปลายปีที่ได้ชมกัน แต่ถือว่าถ่ายได้เร็วนะครับ แต่ถ่ายได้ไม่เยอะด้วยความที่เริ่มได้ไม่นาน” การรับงานคู่กันครั้งนี้จะถือโอกาสชี้แจงข่าวกิ๊กนอกจอ? โดม : “ใช่ครับ ผมไม่เคยออกงานคู่ใหม่เลยนะครับ เราไม่ได้กิ๊กกันครับ เพราะฉะนั้นก็อย่าเพิ่งไปคิดอย่างนั้นครับ ดูละคร อย่าไปอินนอกจอครับ” ใหม่ : “ก็ไม่เป็นความจริงค่ะ เราก็เป็นพี่น้องกันเป็นคนที่ร่วมงานกันค่ะ” ส่วนตัวใหม่เกรงใจคนของพี่โดมไหมที่มีข่าวแบบนี้? โดม รีบแทรก : “คือจริง ๆ การที่คนกิ๊กกันมันดูง่ายมากครับ แล้วก็จะมีข่าวออกไปเร็วมาก จะปิดยังไงก็ปิดไม่อยู่ แต่ตอนนี้มันไม่มีอะไรก็มีแค่เรื่องข่าว กระแสรักโปรโมต ผมว่ามันเป็นธรรมเนียมที่อยู่คู่กับละครมาโดยตลอด อย่าให้ธรรมเนียมที่ดีแบบนี้สูญหายไปเลยครับ (หัวเราะ)”
แหล่งที่มาข้อมูล www.dailynews.co.th 

แก๊งแขกขาวอาละวาดบุกปล้นร้านค้าไม้



วันนี้ ( 29 มี.ค.) เวลา 15.30 น. พ.ต.ต.สุวัฒน์ โพธิ์รี พนักงานสอบสวน สภ.ปากคลองรังสิต อ.เมือง จ.ปทุมธานี รับแจ้งมีคนร้ายแก๊งแขกชาวชิงทรัพย์เจ้าของร้านค้าไม้เก่า ที่ร้านค้าไม้เก่าอ.เจริญไว 2 ถนนโลคัลโรด หมู่ 1 ต.บางพูน อ.เมือง จึงนำกำลังไปตรวจสอบพร้อมด้วย พ.ต.อ.วิสูตร ฉัตรชัยเดช รอง.ผบก.ภ.จว.ปทุมธานี พ.ต.อ.กิตติ สกุณี ผกก. พ.ต.ท.ณรงค์ เอี่ยมระหงส์ สว.สส.และกำลังเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนจำนวนหนึ่ง    
ที่เกิดเหตุพบนางนิตินันท์ มากด่านกลาง อายุ 25 ปี อยู่บ้านเลขที่ 96/34 ม.2 ต.บางพูน อ.เมือง จ.ปทุมธานี เจ้าของร้านพร้อมด้วยญาติ ๆ ยืนคอยให้การว่า ขณะที่เปิดร้านค้าขายตามปกติ  มีคนร้ายลักษณะเป็นชายชาวต่างชาติคล้ายแขกขาว 3 คน ขับรถเก๋งโตโยต้า ยาริส สีฟ้าอ่อน มาจอดที่หน้าร้าน และทำทีเข้ามาเลือกซื้อไม้ในร้าน แล้วฉวยโอกาสที่ตนเผลอล้วงเงินในกระเป๋าใส่เงินกว่า  1 หมื่นบาทหลบหนี และระหว่างนั้นสามีผ่านมาเห็น จึงรีบวิ่งเข้ามาช่วยเหลือจนเกิดชกต่อยกับคนร้าย ก่อนที่คนร้ายจะหลบหนีไป
ด้าน พ.ต.อ.วิสูตร กล่าวว่า ขณะนี้มีแก๊งแขกขาว เข้ามาก่อเหตุในพื้นที่รวมทั้งในพื้นที่ใกล้เคียงบ่อยครั้ง และในเบื้องต้นได้สั่งการให้ชุดสืบสวนออกตรวจสอบกล้องวงจรปิดตามเส้นทางต่าง ๆ เพื่อใช้ไว้เป็นหลักฐานติดตามคนร้ายมาดำเนินคดีต่อไป.
แหล่งที่มาข้อมูล www.dailynews.co.th 

นายกฯปูสั่งทำแผนนับถอยหลังสู่อาเซียน


วันนี้ (29 มี.ค.) นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รักษาการโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ในการประชุมครม.น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้สั่งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเตรียมความพร้อมที่ในการเข้าสู่ประชาคมอาเซียนในปี 2558 โดยมอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมห่างชาติ (สศช.) และสำนักงานเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ไปจัดทำแผนแผนปฏิบัติการนับถอยหลังเพื่อนำไทยเตรียมความพร้อมสู่ประชาคมอาเซียน โดยต้องกำหนดกรอบระยะเวลาที่ชัดเจนและหากโครงการใดที่เกี่ยวข้องและจะเริ่มต้นงานพร้อมสามารถดำเนินการได้ทันที.
แหล่งที่มาข้อมูล www.dailynews.co.th 

ปะทะเดือดวิสามัญจีนฮ่อ ตร.ยึดยาบ้า6หมื่นเม็ด


เมื่อเวลา 20.00 น.วันที่ 29 มี.ค. ขณะปฏิบัติหน้าที่อยู่บนโรงพัก พ.ต.ท.ชลเทพ ไหมไชย สารวัตรเวร สภ.ฝาง จ.เชียงใหม่ ได้รับแจ้งเหตุจากเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดปราบปรามยาเสพติดตำรวจภูธรภาค 5 ว่าได้วิสามัญผู้ต้องหาค้ายาเสพติด 1 ราย บริเวณบ่อดิน หมู่ที่ 7 บ้านแม่ใจ ต.เวียง อ.ฝาง จ.เชียงใหม่ หลังได้รับแจ้งจึงได้รายงานให้กับผู้บังคับบัญชาทราบตามลำดับชั้น จากนั้นจึงไปตรวจสอบที่เกิดเหตุและพบกับเจ้าหน้าที่ชุดวิสามัญยืนรออยู่แล้ว บริเวณที่เกิดเหตุพบศพชาย 1 ราย ทราบชื่อต่อมาคือนายซิงหลง แซ่กุ๋ย อายุ 26 ปี ชาวจีนฮ่อ อยู่บ้านเลขที่ 730 หมู่ที่ 9 บ้านสันมะกอกหวาน ต.แม่งอน อ.ฝาง จ.เชียงใหม่ ใกล้กันนั้นพบยาบ้า 6 หมื่นเม็ด และอาวุธปืนขนาด 9 มม. 1 กระบอก
จากการสอบสวนได้ทราบว่า ทางเจ้าหน้าที่ชุดปราบปรามยาเสพติดตำรวจภูธรภาค 5 ได้ติดตามขบวนการค้ายาเสพติดของผู้ตายมานานแล้ว จนกระทั่งสามารถติดต่อล่อซื้อยาบ้าจำนวน 6 หมื่นเม็ดได้สำเร็จ โดยนัดส่งมอบของบริเวณดังกล่าว เมื่อถึงเวลานัดหมาย มีรถยนต์กระบะมาจอดส่งผู้ตาย เจ้าหน้าที่จึงเดินเข้าไปเพื่อติดต่อซื้อยาเสพติดตามที่ตกลงกันไว้ ปรากฏว่านายซิงหลง ผู้ตายเกิดไหวตัวโดยชักอาวุธปืนพกประจำกายออกมายิงต่อสู้กับเจ้าหน้าที่ ทำให้เกิดการปะทะกันประมาณ 5 นาที พอเสียงปืนสงบลง ทางเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบพบว่านายซิงหลง ได้ถูกอาวุธปืนของเจ้าหน้าที่ยิงเข้าตามลำตัว และเสียชีวิต จึงแจ้งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่ทราบดังกล่าว หลังการสอบสวนแล้ว ทางเจ้าหน้าที่ได้ทำบันทึกและตรวจยึดของกลางทั้งหมดไว้เป็นหลักฐาน เพื่อเตรียมรวบรวมข้อมูลก่อนดำเนินการตามมาตรการด้านยึดทรัพย์ และด้านคดีอื่นๆ ตามกฎหมายต่อไป.
แหล่งที่มาข้อมูล www.dailynews.co.th 

ยิงถล่มซีอาร์วี.พรุนคนขับรอดตายหวุดหวิด


วันนี้(30 มี.ค.) ร.ต.อ.เสนีย์ เวชพัฒ ร้อยเวร สภ.ศรีประจันต์ จ.สุพรรณบุรี รับแจ้งเหตุมีรถถูกยิงที่ถนนสายเลี่ยงเมือง-วังยาง หมู่ 2 ต.มดแดง ไปตรวจสอบพร้อม พ.ต.อ.ชัชชรินทร์ สว่างวงศ์ รองผบก.ภ.จ.สุพรรณบุรี พ.ต.อ.นภดลภ์ มณีใส ผกก. พ.ต.ท.สุชาย ศรอารา สวป. พ.ต.ท.วัชระ ไชยวานิช สว.สส.  เจ้าหน้าที่ พฐ.ภ.จ.สุพรรณบุรี และเจ้าหน้าที่มูลนิธิเสมอกัน
ที่เกิดเหตุพบรถเก๋งฮอนด้า ซี.อาร์.วี. สีน้ำเงิน ทะเบียน ภน 2054 กรุงเทพมหานคร จอดอยู่ริมถนน ถูกยิงด้วยอาวุธปืนขนาด 9 มม.ที่ ประตูและกระจกด้านคนขับ ทะลุด้านซ้าย เป็นรูพรุน รวม 34 รู ที่ซอกประตูด้านคนขับมีซองปืนเสียบคาอยู่ ภายในรถพบว่ามีหัวกระสุนตกอยู่ 2 หัว พร้อมกระเป๋าหนังสะพายสีดำวางอยู่ที่เบาะซ้ายในกระเป๋ามีเงินอยู่ 130,000 บาท ที่วางเท้าแถบซ้ายมีคอมพิวเตอร์พกพา ( โน้ตบุ๊ค ) วางอยู่ 1 เครื่อง นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ยังพบรอยเลือดหยดเป็นทางยาวลงไปในทุ่งนาที่อยู่ติดริมถนน ห่างออกไปราว 30 เมตรยังพบโทรศัพท์มือถือของคนเจ็บตกอยู่ 2 เครื่อง ใกล้กันพบปลอกกระสุนปืนขนาด 9 มม.ตกอยู่ 7 ปลอกพร้อมหัวกระสุนอีก 2 หัว จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน ส่วนคนเจ็บไม่พบตัว
ต่อมาจากการตรวจสอบทะเบียนรถทราบชื่อเจ้าของคือ นายวสันต์ จันที อายุ 44 ปีอยู่บ้านเลขที่ 327 หมู่ 2 ต.พังตรุ อ.พนมทวน จ.กาญจนบุรี  เจ้าหน้าที่จึงติดต่อไปหานายวสันต์ รับว่าเป็น เจ้าของรถและเป็นคนขับรถคันดังกล่าว ออกจากบ้านช่วงประมาณ 02.00 น.และถูกคนร้ายไม่ทราบจำนวนประกบยิงจนบาดเจ็บแต่ไม่สาหัส ตนได้อาศัยความมืดวิ่งหนีลงทุ่งนา ก่อนโทรศัพท์เรียกให้เพื่อนในกรุงเทพมหานคร ให้ขับรถมารับตัวไป
ด้าน พ.ต.อ.ชัชชรินทร์ สว่างวงศ์ รอง ผบก.ภ.จ.สุพรรณบุรี เปิดเผยว่าจากการตรวจสอบ รถที่ถูกยิงมีตรารถเข้าออกของรัฐสภา และสติ๊กเกอร์เข้าออกค่ายสุรสีห์ ติดอยู่ด้วย โดยเจ้าของทราบชื่อภายหลังชื่อนายวสันต์ จันที อายุ 44 ปี เป็นเจ้าของรถ และมีอาชีพรับจ้างขับรถตู้สายปากเกร็ด – รามคำแหง ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบว่ามาถูกยิงที่นี่ได้อย่างไร พฤติการณ์ของคนร้ายเป็นอย่างไร มี่กี่คน ใช้อาวุธปืนกี่กระบอกและใช้รถอะไร อย่างไรก็ตามได้สั่งการให้พนักงานสอบสวนติดตามตัวมาสอบปากคำไว้เป็นหลักฐาน ส่วนเงินสดที่พบในรถต้องตรวจสอบอีกทีว่ามีที่มาอย่างไร แล้วทำไมถึงมาถูกยิงที่นี่ โดยจะต้องรอให้คนเจ็บเดินทางมาให้ปากคำก่อนจึงจะสามารถสรุปสาเหตุที่แท้จริงและจะได้ติดตามคนร้ายมาดำเนินคดีต่อไป
แหล่งที่มาข้อมูล www.dailynews.co.th 

ดีเอสไอเตรียมยุติคดีล้มเจ้าเหตุไม่ปรากฏพยานหลักฐาน


วันนี้ (30 มี.ค.) ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) พ.อ.วิจารณ์  จดแตง  ผู้อำนวยการส่วนกฎหมายกองอำนายการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.)กล่าวภายหลังเข้าให้ปากคำกับพนักงานสอบสวนคดีการกระทำความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงแห่งรัฐด้วยการล่วงละเมิดสถาบัน (คดีล้มเจ้า) เพื่อชี้แจงที่มาแผนผังของศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน(ศอฉ.)นานกว่า 2 ชั่วโมง ว่า  ตนเข้าให้การโดยยืนยันตามคำให้การเดิมที่เคยให้ไว้เมื่อปี 2553 พร้อมมอบเอกสารเพิ่มเติมจำนวน 1 ลัง ซึ่งเป็นข้อมูลในชั้นการข่าว  เพื่อให้พนักงานสอบสวนนำไปดำเนินการสอบสวนต่อ โดยดีเอสไอไม่ได้ขอข้อมูลใดเพิ่มเติม   จากนี้จึงขึ้นอยู่กับการสอบสวนของพนักงานสอบสวนเห็นสมควรดำเนินการต่อไป
ด้านพ.ต.อ.ประเวศน์  มูลประมุข  รองอธิบดีดีเอสไอ ในฐานะหัวหน้าพนักงานสอบสวนคดีล้มเจ้า  กล่าวว่า พ.อ.วิจารณ์ไม่ได้ให้รายละเอียดใดเพิ่มเติมจากที่เคยให้การไว้เนื่องจากเป็นเพียงผู้รับมอบอำนาจจากศอฉ. ดังนั้นจึงไม่ทราบรายละเอียดของแผนผังเพราะเพิ่งเห็นแผนผังเมื่อพนักงานสอบสวนเรียกมาให้ข้อมูล  โดยที่ผ่านมาดีเอสไอได้เรียกสอบพยานที่เกี่ยวข้องครบถ้วนแล้วแต่ไม่มีพยานคนใดระบุถึงที่มาที่ไปของผังรวมถึงชี้ชัดถึงการกระทำความผิดของบุคคลตามแผนผังได้ สำหรับข้อมูลที่พ.อ.วิจารณ์นำมามอบให้ดีเอสไอวันนี้ก็เป็นข้อมูลเดิมที่ดีเอสไอสอบสวนไปแล้ว  ดังนั้น เมื่อไม่มีพยานหลักฐานเอาผิดตามข้อกล่าวหาได้   ดีเอสไอจึงจำเป็นต้องสรุปสำนวนตามพยานหลักฐานเท่าที่มีอยู่  เว้นแต่จะมีผู้ใดที่มีข้อมูลเข้ามาให้การเพิ่มเติม  โดยจะประชุมร่วมกับพนักงานอัยการเพื่อพิจารณาปิดสำนวนคดี  โดยคาดว่าจะสามารถสรุปสำนวนคดีได้ก่อนช่วงวันหยุดเทศกาลสงกรานต์
พ.ต.อ.ประเวศน์  กล่าวต่อว่า สำหรับคดีที่เกี่ยวเนื่องเกี่ยวพันซึ่งเป็นความผิดส่วนบุคคลกว่า 30 คดี ดีเอสไอจะดำเนินการสืบสวนต่อไปตามหลักฐานเป็นรายบุคคล  แต่ยอมรับว่าคดีส่วนใหญ่เป็นการกระทำความผิดที่ปรากฏตามเว็บไซด์และผู้ต้องหาส่วนใหญ่หลบหนีไปต่างประเทศ ทำให้การสอบสวนเอาผิดเป็นไปได้ยาก ซึ่งจำเป็นต้องขอความร่วมมือกับกระทรวงการต่างประเทศแต่ก็ไม่ได้รับความร่วมมือเท่าที่ควร.
แหล่งที่มาข้อมูล www.dailynews.co.th 

Blog Archive

Design Downloaded from ซ่อมคอมพิวเตอร์นอกสถานที่ รามคำแหง บางกะปิ | Free Textures | Web Design Resources