วันพุธที่ 6 มิถุนายน พ.ศ. 2555

ตร.คุมเข้มป้องกันม็อบปะทะม็อบ


วันนี้ ( 6 มิ.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานจากบริเวณหน้ารัฐสภาว่าตั้งแต่เวลา12.00 น.กลุ่มมวลชนคนเสื้อแดงทยอยเดินทางมาปักหลักชุมนุมที่บริเวณหน้ารัฐสภา เพื่อร่วมสนับสนุนรัฐบาล ในการพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย แก้ไขเพิ่มเติม และร่างพ.ร.บ.ว่าด้วยความปรองดองแห่งชาติ พ.ศ... โดยส่วนใหญ่เดินทางมาโดยรถจักรยานยนต์
นายโกมล อาภัสสระนนท์ ชาว จ.นนทบุรี เปิดเผยว่า เดินทางมาล่วงหน้าทำหน้าที่เป็นการ์ดให้กับกลุ่มผู้ชุมนุม โดยจะมาปักหลักค้างคืนตั้งแต่ค่ำวันนี้ (6 มิ.ย.) เป็นต้นไปจนถึงการประชุมสภาเสร็จเรียบร้อย โดยส่วนหนึ่งเพื่อป้องกันไม่ให้มีมวลชนกลุ่มอื่นเดินทางมากดดันการทำหน้าที่ ในสภาด้วย
สำหรับมาตรการรักษาความปลอดภัย พบว่ามีการนำแท่งคอนกรีตแบริเออร์ พร้อมรั้วเหล็กมาวางป้องกัน 2 ข้างฝั่งของรัฐสภาและบริเวณแยกการเรือน แยกพิชัย และแยกอู่ทองใน และบริเวณด้านหน้าประตูทางเข้าสวนสัตว์เขาดิน สำหรับจัดวางสกัดกลุ่มผู้ชุมนุม
ต่อมาเมื่อเวลา 14.00 น. พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ ผบ.ตร. พร้อมด้วย พล.ต.อ.วรพงษ์ ชิวปรีชา ที่ปรึกษา สบ.10 ทำหน้าที่รับผิดชอบฝ่ายความมั่นคง และพล.ต.ต.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง รรท.ผบช.น. ได้เดินทางมาดูพื้นที่พร้อมหารือถึงการจัดวางกำลังเจ้าหน้าที่สำหรับรักษา ความสงบในวันประชุมร่วมรัฐสภา โดยใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง
พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ กล่าวว่า ในส่วนของเจ้าหน้าที่ตำรวจจะดูแลความเรียบร้อย และดูเรื่องการจราจร ดูแล้วไม่น่าจะมีปัญหาอะไร เมื่อถามว่าประเมินแล้วหากมวลชน 2 กลุ่มเผชิญหน้ากันจะมีการปะทะกันหรือไม่ พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ กล่าวว่า ไม่น่าจะมี แต่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ซักซ้อมขั้นตอนแผนป้องกันการเผชิญเหตุตลอด ส่วนที่ห่วงว่าจะเกิดความรุนแรงนั้น อย่าไปชี้กันเร็วเกินไป และทางตำรวจนครบาลมีชุดเจรจาพูดคุยกับผู้ชุมนุม แต่การชุมนุมเป็นสิทธิ์ของทุกกลุ่ม ทั้งเสื้อเหลือง เสื้อแดง เพราะเป็นสิทธิตามหลักประชาธิปไตย หากไม่มีการบุกรุกสถานที่ราชการ ทำลายทรัพย์สินราชการหรือของชาวบ้านเสียหาย
ด้าน พล.ต.ต.คำรณวิทย์ กล่าวว่า ได้ให้นโยบายกับเจ้าหน้าที่ไปว่า ให้ป้องกันเหตุไม่ให้เกิดการปะทะกัน สำหรับรายละเอียดของแผนดูแลนั้น ต้องรอข้อสรุปในการหารือของ ศปก.ตร.อีกครั้ง พร้อมยืนยันว่า จะดูแลทุกกลุ่มอย่างเท่าเทียมกัน ไม่มีอะไรแตกต่าง อย่างไรก็ตามเท่าที่ทราบเห็นว่าไม่มีวาระเพื่อพิจารณาเรื่องปรองดองและการ แก้รัฐธรรมนูญ จึงไม่น่าจะมีอะไรรุนแรง.

แหล่งที่มาข้อมูล www.dailynews.co.th 

“วรงค์”โต้“โอ๊ค”ไม่เชื่อโพสต์เฟชบุ๊คเอง


วันนี้ ( 6 มิ.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ส.ส.พิษณุโลก พรรคประชาธิปัตย์ ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊คส่วนตัวถึงกรณีที่นายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชาย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีโพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊ค จี้ให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ขอโทษคนไทยที่ทำให้สภาไทยเสื่อมเสีย ว่า “สังเกตดูนะครับ ช่วงนี้จะมีการโพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊คของนายพานทองแท้ บ่อย แต่ไม่แน่ใจว่าจะเป็นของเขาเองหรือไม่ อาจมีผู้บงการคือ เป็นการใช้ชื่อให้คนอื่นมาโพสต์แทน โดยเฉพาะการเรียกร้องให้นายอภิสิทธิ์ ขอโทษประชาชน ความจริงสิ่งเหล่านี้ตนและเพื่อนทำกันเองหัวหน้าไม่รู้ แลบอกได้เลยว่า การขอโทษประชาชนไม่ใช่เรื่องยากเลย พร้อมอยู่แล้วครับ แต่อย่าหลงประเด็นว่าปัญหาทั้งหมดเกิดจากพวกเรา เพราะทุกอย่างมีที่มาที่ไป
“ทั้งนี้ในเฟซบุ๊คของนพ.วรงค์ ยังระบุอีกว่า “เนื่องจากค้อนปลอมตราดูไบ มีพฤติกรรมรวบรัด เร่งรีบ ปิดปากหรือเรียกว่าเผด็จการรัฐสภา พวกเราต้องแก้ปัญหาจากประธานด้วย รวมทั้งส.ส.ถ่อยจากเพื่อไทยด้วยที่ต้องเคารพกติกา ยืนยันว่าพวกเราพร้อมเคารพกติกาอยู่แล้ว แต่ประธานสภาและส.ส.เพื่อไทย (บางส่วน) พร้อมเคารพกติกาหรือไม่ ผมว่า พวกนี้เรียกร้องให้เรารักษาภาพสภาแต่ถ้าตัวเองไม่เป็นไร ฝากพานทองแท้ ไปเรียกร้องประธานสภาและส.ส.เพื่อไทย (บางส่วน) ด้วย และที่สำคัญไปอบรมคนที่ทำลายประเทศจนย่อยยับเอาแต่ได้ แค่ศาลมีคำวินิจฉัยไม่เป็นไปตามที่ต้องการก็ฟาดงวงฟาดงาแล้วครับ....ง่ายที่ สุดพานทองแท้บอกพ่อคนเดียว ทุกอย่างจะดีขึ้น”

แหล่งที่มาข้อมูล www.dailynews.co.th 

“รสนา”จวกแผนพลังงานเพื่อพวกพ้อง


วันนี้ ( 6 มิ.ย.)  ที่รัฐสภา น.ส.รสนา โตสิตระกูล  ส.ว.กทม. ในฐานะประธานอนุกรรมาธิการธรรมาภิบาลด้านพลังงาน วุฒิสภา  แถลงข่าวคัดค้านการที่กระทรวงพลังงานจะนำแผน PDP 2010 ปรับปรุงครั้งที่ 3 เข้าสู่ที่ประชุมนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.)ในวันที่ 8 มิ.ย.นี้ โดยระบุว่าเป็นการฉวยโอกาสสถานการณ์วุ่นวายทางการเมืองนำแผนที่ขัดกับมติ ครม. ที่ให้ประหยัดพลังงาน และจะส่งผลให้ค่าไฟฟ้าต่อหน่วยสูงถึง 4.56 บาทในปี 2573 ทั้งที่ควรจะประหยัดการลงทุนพลังงานเป็นมูลค่ากว่า 4 แสนล้านบาทใน 20 ปีข้างหน้า
น.ส.รสนา กล่าวต่อว่า คณะอนุกรรมาธิการเรียกร้องให้ชะลอแผนดังกล่าวด้วยเหตุผล  ว่า  เป็นการขัดกับมติ ครม. เพื่อการประหยัดพลังงานของรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์  ชินวัตร นายกรัฐมนตรีที่มีขึ้นเมื่อวันที่ 27 ธ.ค. 2554 และยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงมติแต่อย่างใด  โดยแผนดังกล่าวได้นำเป้าหมายเดิมที่กำหนดให้ประหยัดพลังงานให้ได้ 96,653 ล้านหน่วยในปี 2573 มาใช้เพียง 20 % หรือประหยัดเพียง 20,497 ล้านหน่วย ส่งผลให้ค่าไฟฟ้าแพงขึ้นจากราคาหน่วยละ 2.89 บาทในปัจจุบันเป็นหน่วยละ 4.56 บาทในปี 2573 เพราะหากประหยัดตามแผนมติ ครม. 100 % จะเหลือค่าไฟในปี  2573 เพียงหน่วยละ 3.00 บาทเท่านั้น หรือถูกลง 1.56 บาทต่อหน่วย และยังประหยัดเงินลงทุนด้านพลังงานราวสี่แสนล้านบาทในอีก 20 ปีข้างหน้า
“นอกจากนี้ยังมีการเร่งรัดโดยไม่ดำเนินการทำประชาพิจารณ์อย่างถูกต้อง ทั้งยังมีการแก้ไขแบบรื้อทั้งฉบับเหมือนทำใหม่ เป็นการเพิ่มภาระประเทศชาติและประชาชน โดยเสนอในวันที่บ้านเมืองวุ่นวายกับการประท้วงเรื่องการลงมติรัฐธรรมนูญ เพื่อสร้างโอกาสให้กับตนเองและพวกโดยไม่ให้เป็นที่สังเกต”  น.ส.รสนา กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า มีอะไรเป็นแรงจูงใจในการเสนอแผนดังกล่าว น.ส.รสนา กล่าวว่า  เป็นการเอื้อประโยชน์ธุรกิจก๊าซ ถ่านหิน จนถึงโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ และขอไปตรวจสอบดูได้ว่า กลุ่มธุรกิจพลังงานเหล่านี้มีใครอยู่เบื้องหลัง.

แหล่งที่มาข้อมูล www.dailynews.co.th 

ศาลรธน.แถลงรับร่างแก้รธน.ถูกต้องตามม.68 วอนอย่ามีอคติต่อศาล


วันนี้ ( 6 มิ.ย.) เมื่อเวลา 15.00 น. ผู้สื่อข่าวรานงานว่า นายวสันต์ สร้อยพิสุทธิ์ ประธานศาลรัฐธรรมนูญ พร้อมทีมโฆษกสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ ออกแถลงชี้แจงกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญรับคำร้องและสั่งให้สภาชะลอ การพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ วาระ 3 ไว้ก่อนจนกว่าศาลจะมีคำวินิจฉัย ว่า  ขอยืนยันศาลรัฐธรรมนูญมีอำนาจในการรับคำร้องตามมาตรา 68 ของรัฐธรรมนูญ ที่มาตราดังกล่าวถือเป็นมาตรการป้องกัน หลังมีผู้กล่าวหา  ว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญจะนำไปสู่การปกครองลักษณะอื่น ซึ่งข้อเท็จจริงต้องมีการไต่สวนต่อไป หลังพบว่าการกระทำดังกล่าวอาจเป็นไปได้ในการล้มล้างการปกครองในระบอบ ประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข เพราะการให้ ส.ส.ร.เขียนรัฐธรรมนูญใหม่ทั้งหมด c]tหากปล่อยให้ผ่านเลยไป อาจไม่สามารถเยียวยาได้ในภายหลัง พร้อมแสดงความมั่นใจตุลาการรธน.ยึดประโยชน์สาธารณะเป็นหลัก และขณะนี้เป็นแค่ชั้นรับคำร้อง การส่งหนังสือถึงสำนักงานเลขาธิการสภาฯ ไม่ได้เป็นการสั่งรัฐสภา แต่เป็นการแจ้งให้เลขาธิการสภา เสนอให้ประธานสภาได้รับทราบ ทั้งนี้หากประธานสภาจะลงมติวาระ 3 ถือเป็นความรับผิดชอบของสภา
“เบื้องต้นมีคำร้องกล่าวหาว่า มีการกระทำแบบนี้ จะเป็นการเปลี่ยนแปลงการปกครองไปสู่ระบบอื่น ต้องฟังก่อนว่าคนที่ถูกฟ้องเจะว่าอย่างไร จะรับสารภาพหรือไม่ ผมว่าเขาคงไม่รับสารภาพว่า จะทำแบบนั้น และแท้ที่จริงมีเหตุผลใด มีเจตนาที่จะกำลังเปลี่ยนแปลงตามที่เขากล่าวอ้างหรือไม่  ถ้าไม่ชี้แจงจะให้ศาลรับฟังว่าอย่างไร ถ้าไม่มาชี้แจงความจริง ไม่มาต่อสู้คดีศาลจะฟังว่าอย่างไร ว่า เป็นจริงตามที่เขากล่าวอ้างหรือไม่ แล้วดูไปว่าอนาคตใครจะสุจริต ใครไม่สุจริต ศาลไม่ได้ตกเป็นเครื่องมือของใครเพราะยึดตามหลักกฎหมาย และอย่ามาตั้งแง่ว่าศาลมีอคติ เพราะศาลจะมีอคติไม่ได้ ดังนั้นต้องเข้ามาสู่กติกาบ้านเมืองกันดีกว่ามาชี้แจงให้เหตุผลมาแสดงหลัก ฐาน ซึ่งศาลก็อยากฟัง”นายวสันต์ กล่าว
นายวสันต์ กล่าวด้วยว่าต้องยอมรับว่าขณะนี้มีกระบวนการของการถูกข่มขู่เช่นกัน แต่ไม่กลัว เพราะอายุมากแล้วไม่เป็นไร และคงไปห้ามไม่ได้  อีกทั้งไม่กลัวถูกถอดถอน เพราะถือว่าเป็นสิทธิ์ที่ทำได้  พร้อมยืนยันไม่มีผู้ใดสั่งศาลรัฐธรรมนูญ การวินิจฉัยของศาล เพราะระมัดระวังเสมอในการก้าวล่วงอำนาจของฝ่ายนิติบัญญัติ และรัฐบาล ดูอย่างเช่น การพิจารณา พ.ร.ก.กู้เงิน 2 ฉบับ
ทั้งนี้ทีมโฆษก ศาล รธน. ยังมีความเห็นด้วยว่า หากสภาชะลอตามคำร้องขอของศาล อาจจะทำให้ขั้นตอนการทำงานของสภาสะดุจบ้าง แต่จะเป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้กับนาน ๆ ประเทศได้ว่ามีการใช้อำนาจอย่างถูกต้อง และมีการตรวจสอบแบบถ่วงดุลแล้ว  และหากมีการไต่สวนในวันที่ 5 และ 6 ก.ค.แล้วคาดว่าจะใช้เวลา ประมาณ 1 สัปดาห์จะวินิจฉัยได้.

แหล่งที่มาข้อมูล www.dailynews.co.th 

เสื้อแดงแจ้งธาริตเอาผิดมาร์ค-สุเทพฐานสร้างความปั่นป่วน


วันนี้ (6 มิ.ย.) ที่พรรคเพื่อไทย นายวรชัย เหมะ ส.ส.สมุทรปราการ ฐานะแกนนำกลุ่มนปช.เปิดเผยว่า ในวันที่ 7 มิ.ย. เวลา10.00 น. ตนพร้อมด้วยส.ส.แกนนำเสื้อแดง จะเดินไปแจ้งความต่อนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษหรือดีเอสไอ เพื่อแจ้งความดำเนินคดีกับนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ส.ส.สุราษฎร์ธานี และนายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย ส.ส.ตรัง พรรคประชาธิปัตย์

สืบเนื่องจากให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชนประกาศต่อต้านคัดค้าน ร่าง พ.ร.บ.ปรองดอง จนถึงที่สุด ทั้งในและนอกสภาเป็นเหตุให้เกิดความปั่นป่วนทั้งในและนอกสภา พร้อมกันนี้ยังปราศรัยเรียกร้องให้ประชาชนออกมาชุมนุมต่อต้าน การกระทำดังกล่าว ถือได้ว่านายอภิสิทธิ์กับพวก กระทำให้ปรากฏแก่ประชาชนด้วยวาจาและวิธีอื่นใด เพื่อให้เกิดความปั่นป่วนและความกระด้างกระเดื่องในหมู่ประชาชนถึงขนาดเกิด ความไม่สงบขึ้นในราชอาณาจักรหรือเพื่อให้ประชาชนล่วงละเมิดกฎหมาย ถือได้ว่าเป็นการร่วมกันกระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา ม.116 และ ม.83 และเนื่องจากผู้กระทำมีสถานะเป็นส.ส.และมีจำนวนมาก พฤติการณ์แห่งการกระทำเกี่ยวข้องกับมวลชนจำนวนมาก และเกี่ยวเนื่องในหลายพื้นที่และเป็นความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงในราช อาณาจักร จึงจำเป็นต้องดำเนินการสืบสวนสอนเป็นกรณีพิเศษ
นายวรชัย ยังกล่าวด้วยว่า การแถลงข่าวของประธานศาลรัฐธรรมนูญเป็นเพียงการหาเหตุผลมาลบล้าง ทั้งที่ศาลรัฐธรรมนูญไม่มีอำนาจกระทำการขัดธรรมนูญ เป็นกระบวนการที่จะล้มรัฐบาล ซึ่งกระบวนการนี้เคยใช้ยึดอำนาจ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีมาแล้ว และตัวละครเป็นกลุ่มคนหน้าเดิม ๆ ทั้งพรรคประชาธิปัตย์และตัวละครกลุ่มอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ดังนั้นในวันที่ 7 มิ.ย.นี้ กลุ่ม นปช.จะตั้งโต๊ะล่ารายชื่อประชาชนที่หน้ารัฐสภา เพื่อขับไล่ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ โดยคาดว่า จะมีประชาชนเดินทางมาชุมนุมที่หน้ารัฐสภาเพื่อแสดงเจตจำนงไม่ยอมรับศาลรัฐ ธรรมนูญ หากศาลยังคงเดินหน้าใช้อำนาจที่มิชอบต่อนปช.และเตรียมจะจัดชุมนุมใหญ่ขับไล่ แน่ เพราะศาลรัฐธรรมนูญกำลังเข้ามาจัดการองค์กรที่มาจากประชาธิปไตย โดยจะชุมนุมอย่างสันติเพื่อแสดงเจตนารมณ์.

แหล่งที่มาข้อมูล www.dailynews.co.th 

"อรรถพล"ยันทำความเห็นเสนออสส.ทันทีหากหลักฐานครบ


วันนี้ (6 มิ.ย.) นายอรรถพล ใหญ่สว่าง รองอัยการสูงสุด ในฐานะประธานคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง กรณีบุคคลและคณะบุคคล 6 ราย ยื่นหนังสือพร้อมหลักฐานให้อัยการสูงสุดตรวจสอบข้อเท็จจริงที่ 416 ส.ส. – ส.ว. เสนอแก้รธน. มาตรา 291 เพื่อยื่นคำร้องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยสั่งการ ตาม รธน.มาตรา 68 ว่า ในวันที่ 7 มิ.ย. เวลา 13.00 น. คณะกรรมการจะร่วมประชุมกันเพื่อพิจารณาเอกสารที่ได้จากคำร้อง และที่ได้ขอเพิ่มเติมจากสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร และศาลรัฐธรรมนูญ โดยขณะนี้ให้ฝ่ายเลขาฯ คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงดูแลเรื่องการติดตามเอกสารจากสภาและศาลรัฐ ธรรมนูญ หากอัยการได้เอกสารครบถ้วนก็สามารถมีความเห็นเสนอนายจุลสิงห์ วสันตสิงห์ อัยการสูงสุดได้ทันทีว่าจะส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามาตรา 68 ได้หรือไม่ หรือคำร้องไม่มีมูลข้อเท็จจริงที่จะเกิดการกระทำเพื่อจะให้ยื่นคำร้องได้ตาม มาตรา 68
             
นายอรรถพล  กล่าวชี้แจงอีกว่า เหตุที่ต้องขอเอกสารจากสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรนั้น เพื่อให้ได้เอกสารอย่างเป็นทางการที่จะตรวจสอบข้อเท็จจริง และเพื่ออัพเดทล่าสุดว่าการเสนอแก้รัฐธรรมนูญมีจริงหรือไม่ อย่างไร กระบวนการอยู่ขั้นตอนใด เพราะขณะนี้มีเพียงข้อเท็จจริงจากฝ่ายผู้ร้อง ซึ่งอัยการมีหน้าที่ตามรธน.มาตรา 68 ต้องตรวจสอบข้อเท็จจริง เช่นเดียวกับกรณีที่จะต้องขอเอกสารจาก ศาลรัฐธรรมนูญเพื่อจะได้ยืนยันว่าศาลรัฐธรรมนูญรับคำร้องเรื่องนี้ไว้จริง หรือไม่ เนื่องจากที่ผ่านมาไม่มีเอกสารยืนยันจากหน่วยราชการ อัยการเห็นเพียงข่าวจากสื่อมวลชนที่นำเสนอเท่านั้น การตรวจสอบของอัยการต้องอาศัยข้อเท็จจริงไม่ใช่ข่าวที่ออกมา ดังนั้น อัยการจึงต้องขอเอกสารมาตรวจสอบอย่างเป็นทางการ ไม่ได้จะประวิงเวลาอะไร
               
ส่วนเรื่องการติดตามเอกสารจากสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรและศาลรัฐ ธรรมนูญ นั้นนายวินัย  ดำรงค์มงคลกุล โฆษกสำนักงานอัยการสูงสุดและเลขานุการ คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง ฯ กล่าวว่า ขณะนี้ยังขาดเอกสารบางส่วนอยู่ แต่ยังเปิดเผยรายละเอียดไม่ได้ ซึ่งจะพยายามเร่งรัดให้ได้เอกสารเร็วที่สุด อย่างไรก็ตาม ภายหลังการประชุมของคณะกรรมการฯ ในวันที่ 7 มิ.ย.นี้ จะยังไม่มีการแถลงข่าวเ พราะยังไม่รู้ระยะเวลาของการประชุมแน่ชัด แต่จะพยายามแถลงข่าวเร็วที่สุด โดยจะแจ้งให้สื่อมวลชนทราบอีกครั้งว่าเป็นวันและเวลาใด ถ้าไม่มีอะไรขัดข้องคาดว่าจะแถลงข่าวในวันที่ 8 มิ.ย.นี้.

แหล่งที่มาข้อมูล www.dailynews.co.th 

แจ้งจับ3ส.ส.ปชป.ทำร้ายร่างกายประธานสภา


วันนี้ (6 มิ.ย.) เวลา 13.00 น. ที่ สน.ดุสิต พ.ต.ต.เสงี่ยม สำราญรัตน์ ข้าราชการการเมือง ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะแกนนำกลุ่มคนเสื้อแดง พร้อมด้วยทนายความ เดินทางเข้าพบ พ.ต.ท.พิตตินันท์ อุทธสิงห์ รอง ผกก.สส.สน.ดุสิต เพื่อแจ้งความดำเนินคดีกับ นายอภิชาติ สุภาแพ่ง นายพงษ์เวช เวชชาชีวะ และนางรังสิมา รอดรัศมี ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ในความผิดฐานใช้กำลังประทุษร้ายร่างกาย และขัดขวางการทำหน้าที่ของเจ้าพนักงานขณะปฏิบัติหน้าที่ เพื่อไม่ให้กระบวนการพิจารณาของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรดำเนินการต่อไปได้ จากกรณีที่เกิดความวุ่นวายในการประชุมสภา เมื่อวันที่ 30 พ.ค.ที่ผ่านมา พร้อมนำเอกสารภาพถ่ายเหตุการณ์ความวุ่นวายในการประชุมรัฐสภา มามอบให้เป็นหลักฐาน
พ.ต.ต.เสงี่ยม กล่าวว่า การกระทำของ ส.ส.ทั้ง 3 ราย ถือเป็นการขัดขวางการประชุมสภา มีการกระทำเป็นขบวนการและมีขั้นตอนวางแผนมาก่อน โดยนายอภิชาตได้บุกรุกขึ้นไปบนบังลังก์ใช้กำลังประทุษร้ายต่อร่ายกายและ กระชากแขนของนายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานสภาผู้แทนราษฎร โดยเจตนาให้ประธานตกเก้าอี้ ส่วนนายพงษ์เวช ได้บุกขึ้นไปด้านหลังบังลังก์เพื่อกันบุคคลอื่นที่อาจขึ้นมาช่วยปกป้อง ประธานสภาฯ ส่วนนางรังสิมา เป็นผู้รับหน้าที่กระชากเก้าอี้ประธานสภาฯออกจากบังลังก์ลงไปไว้นอก6ห้อง ประชุม โดยเจตนาเพื่อไม่ให้กลับมาทำหน้าที่ได้อีก ตนพร้อมทนายความจึงเดินทางเข้า แจ้งความเพื่อให้ทางตำรวจดำเนินการกับบุคคลทั้งสาม โดยหลังจากนี้จะมีการแจ้งความผู้ที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติมอีก แต่อยู่ระหว่าง รวบรวมพยานหลักฐาน นอกจากนี้อาจนำหลักฐานดังกล่าวยื่นเรื่องให้ยุบพรรคประชาธิปัตย์ด้วย
ด้าน พ.ต.ท.พิตตินันท์ กล่าวว่า เบื้องต้นจะได้สอบปากคำผู้เข้าแจ้งความและรวบรวมพยานหลักฐานเสนอเรื่องไปยัง กองบัญชาการตำรวจนครบาล เพื่อให้ผู้บังคับบัญชาพิจารณาดำเนินการต่อไป.

แหล่งที่มาข้อมูล www.dailynews.co.th 

พท.ไม่หวั่นปชป.ทำป้ายโจมตีพ.ร.บ.ปรองดอง


วันนี้ (6 มิ.ย.) เวลา10.15 น.ที่ทำเนียบรัฐบาล นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย กล่าวถึงป้ายที่พรรคประชาธิปัตย์ออกมาโจมตีพ.ร.บ.ปรองดอง พร้อมกรณีที่นายวิชาญ มีนชัยนันท์ ส.ส.กทม.พรรคเพื่อไทย เข้าแจ้งความให้ปลดข้อความโจมตีรัฐบาล ที่มีรูปของส.ก.พรรคประชาธิปัตย์ ว่า อะไรถูกสังคมและสื่อมวลชนเห็นเอง ทางพรรคมีเจ้าหน้าที่คอยดูอยู่แล้วและอย่ากังวลไป ส่วนการสั่งเด้งผกก.สำราญราษฎร์ และธรรมศาลา ไม่เกี่ยวกับเรื่องนี้  แต่เป็นเหตุผลของผู้บังคับบัญชา และคิดว่าบ้านเมืองที่เป็นประชาธิปไตย การแสดงความเห็นที่ไม่ตรงกันเป็นเรื่องธรรมดา

แหล่งที่มาข้อมูล www.dailynews.co.th 

“ยงยุทธ”ลั่นไม่ตกใจข่าวปรับครม.



วันพุธที่ 6 มิถุนายน 2555 เวลา 11:39 น.
วันนี้ ( 6 มิ.ย.) เวลา10.15 น.ที่ทำเนียบรัฐบาล นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย กล่าวถึงกรณีที่มีกระแสข่าวการปรับครม.ในช่วงเดือนก.ค. หลังจากที่สมาชิกบ้านเลขที่ 111 พ้นโทษทางการกเมืองและครม.แต่งตั้ง ให้บางคนเข้ามามีบทบาทในรัฐบาล นายกรัฐมนตรีได้หารือเรื่องนี้บ้างหรือไม่ ว่า ไม่มี อย่าไปถามล่วงหน้าและสมมุติเหตุการณ์ เมื่อถามว่าหากมีการปรับจริงจะรู้สึกหวั่นไหวหรือไม่ นายยงยุทธ กล่าวว่า จะทำงานของตนไป จะหวั่นไหวทำไม ไม่มีเหตุผล.

แหล่งที่มาข้อมูล www.dailynews.co.th 

“ปู”ใช้เกณฑ์ปราบยา-ช่วยน้ำท่วมย้ายขรก.มท.


วันนี้ ( 6 มิ.ย.) เวลา10.15 น.ที่ทำเนียบรัฐบาล นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย กล่าวถึงกรณีที่ชาวบ้าน จ.ปทุมธานี ร้องเรียนว่าได้รับเงินเยียวยาน้ำท่วมไม่เท่าเทียวกัน ว่า ได้ตั้งกรรมการไปตรวจสอบเรื่องนี้แล้ว เพราะชาวบ้านได้รับอย่างยุติธรรม ชาวบ้านจะยอมรับ ขณะที่การสำรวจครั้งที่ผ่านมาอาจรีบร้อนและมีผู้เดือดร้อนจำนวนมาก ทำให้การดำเนินการไม่ทั่วถึง จึงต้องลงไปตรวจสอบดูอีกครั้ง ส่วนข้อผิดพลาดเรื่องตัวเลขเงิน จะต้องเห็นใจเจ้าหน้าที่บ้าง เนื่องจากผู้เดือดร้อน เช่น จ.ปทุมธานีและจ.นนทบุรี มีประมาณ 2 แสนราย ดังนั้นอย่าไปเอาเป็นเอาตายกันเลย และเหตุที่เกิดขึ้นไม่ได้มีเรื่องร้องเรียนการทุจริต
เมื่อถามว่าจะส่งผลต่อการพิจารณาแต่งตั้งโยกย้ายผู้ว่าฯปทุมฯหรือไม่ นายยงยุทธ กล่าวว่า ขึ้นอยู่กับประสิทธิภาพในการทำงาน ถ้ามีประสิทธิภาพก็ไม่มีปัญหา ทั้งนี้นายกรัฐมนตรีมอบหมายว่าประเด็นที่จะมีผลต่อการโยกย้ายเดือนต.ค.ต่อ ข้าราชการกระทรวงมหาดไทย คือการไม่เอาจริงเรื่องการปราบปรามยาเสพติด และการเยียวยาฟื้นฟูแก้ปัญหาเรื่องน้ำท่วม

แหล่งที่มาข้อมูล www.dailynews.co.th 

ปชป.ปัดไม่คิดล้มล้างรัฐบาล


วันนี้ ( 6 มิ.ย.) ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ แถลงถึงกรณีที่นายก่อแก้ว พิกุลทอง ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย และแกนนำคนเสื้อแดง ออกมาระบุว่า พรรคประชาธิปัตย์กำลังเดินเกมล้มรัฐบาลโดยอักษรย่อ “ส” เป็นคนล็อบบี้พรรคร่วมฯ ว่า ตนขอปฏิเสธ เพราะพรรคประชาธิปัตย์มีจุดยืน เราเคลื่อนไหวเพื่อต่อต้านกฎหมายล้างผิดคนโกง และเรายินดีที่จะให้รัฐบาลทำงานจนครบวาระ ดังนั้นหากรัฐบาลจะล้มต้องเป็นตัวของรัฐบาลเอง การออกมาพูดเช่นนี้เป็นเรื่องที่ไม่เป็นความจริง เป็นการสร้างจินตนาการ สร้างกระแส ปลุกคนเสื้อแดง เพราะขณะนี้แกนนำนปช. พยายามสร้างประเด็นให้คนเสื้อแดงลุกขึ้นมาชุมนุม โดยหยิบยกประเด็น การปฏิวัติ ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญทำหน้าที่รับใช้อำมาตย์ ขึ้นมา
“ทั้งนี้หากว่านายก่อแก้ว หรือคนในพรรคเพื่อไทย วิเคราะห์สถานการณ์ว่า อาจจะมีการถอดถอนส.ส. ที่ไปลงชื่อร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ ตนขอเรียนว่าทุกอย่างล้วนแต่เป็นการกระทำของพรรคเพื่อไทยทั้งสิ้น หากถูกดำเนินการตามกฎหมายจะมาตีโพยตีพายว่าพรรคประชาธิปัตย์ หรืออำมาตย์มากลั่นแกล้งไม่ได้ต้อง เพราะเป็นการฆ่าตัวตายของพรรคเพื่อไทยเอง ไม่ใช่คนนอกแต่อย่างใด” นายเทพไท กล่าว

แหล่งที่มาข้อมูล www.dailynews.co.th 

“เทพไท”ขู่ตร.ปลดป้ายค้านปรองดองฯ ระวังโดนข้อหาลักทรัพย์


วันนี้ ( 6 มิ.ย.)  ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ แถลงถึงกรณีที่โฆษกพรรคเพื่อไทย พยายามกดดันผ่านเจ้าหน้าที่ตำรวจให้เก็บป้ายการคัดค้านพ.ร.บ.ปรองดองของพรรค ประชาธิปัตย์ เพื่อจะนำไปสู่การยุบพรรคประชาธิปัตย์ ว่า ป้ายดังกล่าวไม่ได้เป็นป้ายที่ผิดกฎหมายอาญาใด ๆ และหากผิดก็แค่พ.ร.บ.รักษาความสะอาดของกรุงเทพมหานคร แต่วันนี้รัฐบาลพยายามขัดขวางโดยใช้ส.ส.พรรคเพื่อไทย เป็นตัวเดินเกม แจ้งความดำเนินคดี ซึ่งปรากฏการณ์เช่นนี้จะเกิดรัฐตำรวจ เหมือนสมัยของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และในยุครัฐบาลน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ได้ใช้ตำรวจเป็นเครื่องมือเช่นกัน และเตรียมสถาปนารัฐตำรวจขึ้นมาอีกครั้ง จึงอยากเรียนว่า หากรัฐบาลให้ตำรวจไปเก็บป้าย เท่ากับเป็นการสุ่มเสี่ยงที่เจ้าของป้ายจะแจ้งข้อหาลักทรัพย์แก่เจ้าหน้าที่ ตำรวจได้ เพราะเขาไม่มีอำนาจไปเก็บไป เนื่องจากเป็นเรื่องของทางกทม.

แหล่งที่มาข้อมูล www.dailynews.co.th 

ปชป.ปูดกลยุทธ์แดงล้อมสภา 7 มิ.ย.


วันนี้ ( 6 มิ.ย.)  ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ แถลงว่า ปัญหาความขัดแย้งขณะนี้อยู่ที่พ.ร.บ.ปรองดอง แต่นายกรัฐมนตรีกลับบอกว่า เรื่องความปรองดองอยู่ที่สภาฯ จะยิ่งทำให้ไม่คลี่คลาย และไม่อยากโยนให้เป็นเรื่องของสภาฯ เพราะสภาฯ กับพรรคเพื่อไทย คือส่วนเดียวกัน เป็นเสียงข้างมากอยู่แล้ว ไม่อยากให้แบ่งหน้ากันเล่นหรือตีสองหน้า เพื่อปฏิเสธความรับผิดชอบ ส่วนที่ประธานสภาฯ นัดให้มีการประชุมร่วมรัฐสภาในวันที่ 8 มิ.ย. โดยอ้างว่ากำหนดวาระพิเศษ เจรจากรอบมาตรา 190 ตนอยากให้สังเกตว่า การเรียกประชุมร่วม มีวาระซ่อนเร้นอะไรหรือไม่ เพราะการเรียกประชุมน่าจะเป็นการตอบโจทย์กรณีที่รัฐบาลไม่ปิดสมัยประชุม เพื่อผลักดันแก้ไขรัฐธรรมนูญ วาระ 3 และพ.ร.บ. ปรองดองฯ ให้สำเร็จ เพื่อให้สังคมเห็นว่าสภาฯ ยังมีภารกิจที่ต้องพิจารณา ทั้ง ๆ ที่ไม่ใช่เป็นเรื่องสำคัญ ขณะนี้สื่อได้มีการนำเสนอว่านปช.เตรียมออกมาเคลื่อนไหว โดยจะส่งคนเสื้อแดงมาปิดล้อมสภาฯ และตนเชื่อว่าเหตุการณ์เช่นนี้น่าจะเกิดขึ้นในวันที่ 7 มิ.ย. โดยอ้างว่า จะเป็นการแสดงออกคัดค้านตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ และเรียกร้องให้สภาฯ ลงมติวาระ 3

“ผมเชื่อว่าเสื้อแดงจะใช้กลวิธี พักค้างคืนอยู่ที่รัฐสภา และปิดล้อม เพื่อไม่ให้ผู้อื่นเข้ามาประท้วง เป็นไปได้ว่าม็อบเหล่านี้จะอยู่ยาว จนสามารถลงมติวาระ 3 และพิจารณาพ.ร.บ.ปรองดองฯ ได้สำเร็จ และขอให้จับตามมองว่าวันที่ 11 มิ.ย. ประธานสภาฯ จะมีคำสั่งเรียกประชุมหรือไม่ เพราะเชื่อมั่นว่ารัฐบาลมีธงที่ชัดเจน ในการรอเวลาที่เหมาะสมเพื่อผลักดันพ.ร.บ.ปรองดองฯ ถ้าไม่มีเจตนาเช่นนี้ ก็น่าจะปิดสมัยประชุมแล้ว อยากเรียกร้องให้ประธานสภาฯ และนายกฯ กลับไปดูข้อเสนอของคอป. โดยเฉพาะนายกฯ ต้องเป็นผู้ปฏิบัติตามคำแนะนำ ในฐานะที่รัฐบาลมีคนเสื้อแดงหนุนหลังต้องตระหนักว่า การปลุกม็อบ อาจจะเกิดม็อบชนม็อบขึ้น ถ้าเป็นเช่นนั้นนายกฯ ต้องเป็นผู้รับผิดชอบ ไม่อยากให้ดึงดันที่จะเปิดสภาฯ ต่อไปอีก” นายเทพไท กล่าว

แหล่งที่มาข้อมูล www.dailynews.co.th 

อาลัย "หมอประสพ รัตนากร" สิ้นลมสงบในบั้นปลายชีวิตด้วยอายุ 92 ปี


วันนี้ ( 5 มิ.ย.) ศ.นพ.วินิต พัวประดิษฐ์ คณบดีคณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล ให้สัมภาษณ์ว่า  เมื่อเวลา 14.47 น. ศ.นพ.ประสพ รัตนากร  ประธานคณะที่ปรึกษามูลนิธิรัฐบุรุษ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ได้ถึงถึงแก่กรรมด้วยวัย 92 ปี  ที่ห้องไอซียู รพ.รามาธิบดี ซึ่ง ศ.นพ.ประสพมีอายุมากแล้ว ก็มีโรคของคนแก่เป็นธรรมดา โดยทราบว่ามีการตั้งสวดอภิธรรมศพ ที่ วัดมกุฏกษัตริยารามราชวรวิหาร ศาลา7 และจะมีพิธีพระราชทานน้ำหลวงอาบศพในวันที่ 6 มิ.ย.

ศ.นพ.สุรศักดิ์ ลีลาอุดมลิปิ ผอ.รพ.รามาธิบดี กล่าวว่า  ศ.นพ.ประสพ ได้เข้ารับการรักษาตัวที่ห้องไอซียู ชั้น 9 รพ.รามาธิบดี ตั้งแต่วันที่ 18 พ.ค.ถึงวันที่ 5 มิ.ย. ด้วยโรคไตวายเรื้อรัง และมีภาวะติดเชื้อในกระแสเลือด ทำให้ระบบไหลเวียนโลหิตล้มเหลว ก่อนเสียชีวิตอย่างสงบ  ในวัย 92 ปี

สำหรับประวัติ  ศ.นพ.ประสพ  สำเร็จการศึกษาแพทยศาสตร์บัณฑิต คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ปริญญาโทจิตเวชศาสตร์และประสาทวิทยา มหาวิทยาลัยเพนซิลเวเนีย ประเทศสหรัฐฯ นอกจากนี้ได้ศึกษาด้านจิตวิทยา ประสาทวิทยา เพิ่มเติมจากมหาวิทยาลัยอีกหลายแห่ง ได้รับประกาศนียบัตรแพทย์เฉพาะทางประสาทวิทยาและจิตวิทยาคนแรกของไทย และยังเป็นผู้ริเริ่มการก่อตั้งโรงพยาบาลประสาททั้งในส่วนกลางและส่วน ภูมิภาคของประเทศไทย  เผยแพร่ความรู้ด้านจิตวิทยาสู่สาธารณชนด้วยรายการใจ เขาใจเรา ทางวิทยุและโทรทัศน์ ต่อเนื่องกันกว่า 50 ปี  เป็นผู้ริเริ่มก่อตั้งคณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล รวมทั้งก่อตั้งสมาคมวิชาชีพทางสุขภาพจิต ประสาทวิทยา จิตเวชศาสตร์ และสังคมวิทยา เป็นผู้ริเริ่มงานด้านสุขภาพผู้สูงอายุและชมรมผู้สูงอายุทั่วประเทศ รวมทั้งเป็นผู้ก่อตั้งมูลนิธิวิจัยประสาทในพระบรมราชูปถัมภ์ และมูลนิธิรัฐบุรุษพลเอกเปรม ติณสูลานนท์ นอกจากนี้ ยังได้รับการยกย่องจากทั่วโลกในผลงานด้านสุขภาพจิต จิตวิทยา และประสาทวิทยาศาสตร์ ได้รับรางวัลเชิดชูเกียรติมากมาย รวมทั้งได้รับการสดุดีจากองค์การอนามัยโลก ให้เป็นนักสุขภาพจิตชุมชนในรอบ 50 ปี.

แหล่งที่มาข้อมูล www.dailynews.co.th

ที่ประชุม ส.ส.เพื่อไทย มีมติเดินหน้าลงมติร่างแก้ รธน.วาระ 3


วันนี้ ( 5 มิ.ย.) เมื่อเวลา 13.30 น. ที่พรรคเพื่อไทย มีการประชุมส.ส.ประจำสัปดาห์ โดยมี พ.อ.อภิวันท์ วิริยะชัย ส.ส.บัญชีรายชื่อ ทำหน้าที่ประธาน ซึ่งฝ่ายกฎหมาย นำโดยนายชูศักดิ์ ศิรินิล อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เข้าชี้แจงเรื่องอำนาจศาลรัฐธรรมนูญต่อการยับยั้งฝ่ายนิติบัญญัติแก้ไขรัฐ ธรรมนูญ ซึ่ง ส.ส.ได้อภิปรายอย่างกว้างขวางรวมถึง ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ได้อภิปรายเรื่องนี้ด้วย

จากนั้นเวลา 15.30 น. นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย แถลง ว่า ที่ประชุมพรรคเพื่อไทยมีมติไม่เห็นด้วยกับกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งชะลอ การเรียกประชุมร่วมรัฐสภาเพื่อลงมติร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ วาระ 3 ด้วยเหตุผล 1.ศาลรัฐธรรมนูญไม่มีอำนาจตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 68 ทั้งส่วนที่เป็นลายลักษณ์อักษรและตามเจตนารมณ์ 2.ประธานศาลรัฐธรรมนูญไม่มีอำนาจสั่งให้องค์กรนิติบัญญัติชะลอการพิจารณา ร่างรัฐธรรมนูญ วาระ 3 เป็นการใช้อำนาจแทรกแซงอำนาจอธิปไตย เพราะไม่มีกฎหมายรองรับ ส่วนฝ่ายนิติบัญญัติจะดำเนินการอย่างไรต่อไปนั้นขึ้นอยู่กับความเห็นของที่ ประชุมร่วมรัฐสภาวันที่ 8 มิ.ย.นี้ ซึ่งรวมถึงการประชุม โดยคาดว่าจะมีการอภิปรายของสมาชิกรัฐสภาอย่างกว้างขวาง สำหรับพรรคเพื่อไทยกำชับ ส.ส.ให้เข้าร่วมประชุมพร้อมเพรียง  ในส่วนของร่างพ.ร.บ.ปรองดองแห่งชาติ ที่ประชุมพรรคเพื่อไทยไม่ได้มีการหารือ

แหล่งที่มาข้อมูล www.dailynews.co.th

“ขุนค้อน” ถอดใจประชุมร่วมรัฐสภา 8 มิ.ย.ไม่โหวต รธน.วาระ 3 แน่


วันนี้ ( 5 มิ.ย.)ที่รัฐสภา นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานสภาผู้แทนราษฏร ได้เรียกประชุมคณะกรรมการฝ่ายกฏหมายรัฐสภาเพื่อหารือกรณีศาลรัฐธรรมนูญมีคำ สั่งให้ชะลอการลงมติรัฐธรรมนูญวาระสาม  ซึ่งใช้เวลานาน กว่า 3 ชม.

จากนั้นนายสมศักดิ์ เปิดเผยภายหลังการประชุมว่า ในวันที่ 6 มิ.ย. เวลา 11.00 น. คณะกรรมการฝ่ายกฏหมายสภาผู้แทนราษฎรจะชี้แจงความคิดเห็นของสภาต่อคำสั่งของ ศาลรัฐธรรมนูญ พร้อมตอบคำถามสื่อมวลชนทุกประเด็นโดยตนจะไม่มารวมแถลงข่าวด้วย เพราะเป็นหน้าที่ของฝ่ายกฏหมายสภาฯ ส่วนการประชุมร่วมรัฐสภาในวันที่ 8 มิ.ย.จะมีการนัดหมายในกรณีพิเศษเพื่อพิจารณากฏหมายของรัฐบาลตามมาตรา 190 โดยไม่มีเรื่องการลงมติร่างรัฐธรรมูญในวาระสาม  นอกจากนี้ในวันที่ 13 -14 มิ.ย.ก็จะมีการเรียกประชุมสภาผู้แทนราษฎรเป็นกรณีพิเศษเช่นกัน และจะไม่มีการพิจารณาร่างพ.ร.บ.ปรองดองทั้ง 4 ฉบับเช่นกัน ดังนั้นกลุ่มที่ชุมนุมและเคลื่อนไหวคัดค้านก็ไม่ต้องกังวลและยุติการเคลื่อน ไหวได้

“ขณะนี้ผมต้องทำใจให้จิตว่างและคิดหาหนทางให้ประเทศชาติไปสู่ความปกติสุข เพราะขณะนี้ผมทำอะไรก็ผิดจะลงมติรัฐธรรมนูญก็ละเมิดอำนาจศาล และหากไม่ลงมติวาระสาม ก็ขัดรัฐธรรมนูญมาตรา 291 วรรคห้า ที่ระบุว่าต้องลงมติภายใน 15 วัน หากไม่ทำก็ผิดอีก ดังนั้นหากใครมีทางออกช่วยบอกที ส่วนกรณีที่ ส.ส.ประชาธิปัตย์กระชากแขนและขว้างหนังสือใส่ผมในระหว่างการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ปรองดองนั้นก็ยืนยันว่าเป็นเรื่องเล็ก ไม่มีเวลาไปคิดเอาผิด ถ้าพรรคเพื่อไทยจะดำเนินการแทนก็เป็นสิทธิ์ แต่ส่วนตัวขอคิดแต่การทำประโยชน์ให้ประเทศชาติก่อน”นายสมศักดิ์ กล่าว

แหล่งที่มาข้อมูล www.dailynews.co.th

ปูปัดให้ความเห็น ปธน.พม่ายกเลิกเยือนไทย


วันนี้ ( 5 มิ.ย.) เมื่อเวลา 14.30น. ที่ทำเนียบรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงการมอบหมายให้ รมว.การต่างประเทศไปทำความเข้าใจกับทางการพม่าหลังมีกระแสข่าวว่าไม่พอใจ เรื่องนางออง ซาน ซูจี ผู้นำพรรคสันนิบาตแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตยของเมียนมาร์ เยือนไทย จนทำให้พล.อ.เต็ง เส่ง ประธานาธิบดีของสหภาพเมียนมาร์ยกเลิกการเดินทางมาเยือนไทย ว่า เรื่องนี้ขอยังไม่ตอบเพราะเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ความจริงเราก็มีการหารือกันตามปกติอยู่แล้ว ทั้งนี้ต้องขอชี้แจงว่าการเดินทางมาประเทศไทยของนางออง ซาน ซูจี เป็นการเดินทางมาในนามแขกของเวิร์ล อีโคโนมิค ฟอรั่ม  ( WEF ) ซึ่ง WEF  ได้มาใช้ประเทศไทยเป้นสถานที่จัดการประชุม รัฐบาลไทยทำได้เพียงดูแลเรื่องความปลอดภัยตามการทูตปกติ
เมื่อถามว่าพล.อ.เต็ง เส่ง ยังจะมีกำหนดการเดินทางมาประเทศไทยอีกหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า  ต้องไปหารือกัน เพราะเรื่องการเดินทางทางพม่าเองอาจจะติดขัดอะไรก็ได้ แต่ยืนยันว่ารัฐบาลต้องร่วมกันสร้างความสัมพันธ์กับประเทสในกลุ่มอาเซียน เช่นเดิม

แหล่งที่มาข้อมูล www.dailynews.co.th

“ก่อแก้ว” แฉแผนล้มรัฐบาล เตือนเทพประทาน ภาค 2 คัมแบ็ก



วันนี้ (5 มิ.ย.)ที่รัฐสภา นายก่อแก้ว พิกุลทอง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย แกนนำคนเสื้อแดง แถลงยืนยันว่า ขณะนี้มีกระบวนการเดินเกมล้มรัฐบาล ของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี โดยมีการประสานงานอย่างครบวงจร ทั้งมวลชนของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ( พธม.) พรรคประชาธิปัตย์ และได้มีการต่อสายไปยังนายทหารระดับสูงของกองทัพบก ดังนั้นตนขอฝากไปยัง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก ( ผบ.ทบ.) ให้เตือนลูกน้อง  อย่าให้มีการแตกแถวเพราะตนยืนยันว่านายทหารระดับสูงในกองทัพที่ติดต่อกับ พรรคประชาธิปัตย์และ พธม. แต่ไม่ใช่ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายทหารระดับรองลงมาที่มีอำนาจดำเนินการได้ อีกทั้งขณะนี้ มีกระบวนการล็อบบี้พรรคร่วมรัฐบาล และกลุ่ม ส.ว.ให้ร่วมสนับสนุนการตั้งรัฐบาล “เทพประทาน ภาค 2” โดยมีคนของพรรคประชาธิปัตย์ อักษรย่อ “ส.”เป็นผู้เดินเกมดังกล่าว  การล็อบบี้พรรคร่วมรัฐบาลนั้นได้มีการเสนอสิ่งจูงใจ คือจะยกกระทรวงเกรดเอ ให้ดูแล ทั้งนี้กระบวนการดังกล่าวจะเกิดขึ้นได้ หากนายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานรัฐสภา เรียกประชุมร่วมรัฐสภาและให้มีการลงมติแก้ไขรัฐธรรมนูญวาระ 3  จากนั้นพรรคประชาธิปัตย์ จะใช้เป็นข้ออ้างเพื่อยื่นเรื่องต่อศาลรัฐธรรมนูญให้ถอดถอน ส.ส.และส.ว.ที่ร่วมลงมติผ่านร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ และจะยื่นเรื่องให้ยุบพรรคเพื่อไทยด้วย

“หากพรรคเพื่อไทยถูกยุบจริงๆจะเปิดช่องให้ ส.ส.ของพรรคเพื่อไทยมีการย้ายพรรคได้ โดยแผนการณ์นี้เป็นแผนเดียวกันกับสมัยที่นายเนวิน ชิดชอบ แกนนำพรรคภูมิใจไทย ย้ายไปสนับสนุนให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้านในขณะนั้นเพื่อตั้งรัฐบาล โดยแผนการอยู่ในช่วงเริ่มต้นกระบวนการคือมีการล็อบบี้พรรคร่วมรัฐบาล จากนี้ไปก็จะเป็นกระบวนการล็อบบี้ ส.ส.พรรคเพื่อไทย ส่วนศาลรัฐธรรมนูญที่ทำหน้าที่ขณะนี้ถือว่าเป็นเพียงหนึ่งในเครื่องมือทาง การเมืองเท่านั้น และหากเป็นไปตามนั้นจริงแผ่นดินจะลุกเป็นไฟ และเกิดการเผชิญหน้า ปะทะกันอย่างรุนแรง ดังนั้นคนที่ทำหน้าที่ศาลรัฐธรรมนูญควรคิดถึงประเทศให้มากที่สุด” นายก่อแก้ว กล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่า การที่เสื้อแดงล่าชื่อถอดถอนคณะตุลาการรัฐธรรมนูญจะถือว่าเป็นตัวช่วยสกัด แผนล้มรัฐบาลได้หรือไม่ นายก่อแก้ว กล่าวว่า กระบวนการเสนอเรื่องให้ถอดถอนคณะตุลาการรัฐธรรมนูญนั้นต้องยื่นผ่านประธาน วุฒิสภาและใช้เสียงในวุฒิสภา 3 ใน 4 หรือประมาณ111 คน  ซึ่งเป็นส.ว.สายแต่งตั้งจำนวน 74 คน คิดเป็นร้อยละ50 ดังนั้นจึงไม่มีความเป็นไปได้ว่าจะสามารถถอดถอนคณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญชุด ปัจจุบันได้ เพราะเสียงไม่พอ แต่ทางมวลชนคนเสื้อแดงยังเดินหน้าเพื่อสะท้อนให้สังคมเห็นว่าตุลาการศาลรัฐ ธรรมนูญชุดปัจจุบันไม่มีความชอบธรรมในการปฏิบัติหน้าที่

แหล่งที่มาข้อมูล www.dailynews.co.th

"ปู"ใจหายทุจริตคอรัปชั่นไทยตกต่ำ


วันนี้ ( 6 มิ.ย.) เวลา 09.20 น. ที่โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ คอนเวนชั่น น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ร่วมงานสัมมนาผลการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติว่าด้วยการป้องกันและปราบปราม การทุจริต พร้อมกล่าวปาฐกถาพิเศษ เรื่อง บทบาทภาครัฐต่อการป้องกันและปราบปรามการทุจริต ว่า การป้องกันและปราบปรามการทุจริต ถือเป็นวาระของคนทั้งประเทศที่จะต้องร่วมมือกันและรณรงค์ให้เกิดเป็นกระแส ต่อต้านของสังคม เพื่อไม่ให้วงจรนี้กลับคืนสู่ระบบของไทยอีก และไม่อยากให้วงจรทุจริตคอรัปชั่นที่เกิดขึ้นมายาวนานนี้ จนกลายเป็นวัฒนธรรมของคนไทยที่เมื่อทำสิ่งไม่ถูกมากขึ้น แล้วกลายเป็นสิ่งถูก เพราะขณะนี้ภาพลักษณ์ด้านการคอรัปชั่นซึ่งจัดโดยองค์การเพื่อความโปร่งใส นานาชาติพบว่าคะแนนการทุจริตของประเทศไทยยังอยู่ในระดับต่ำเพียง 3.4 จากคะแนนเต็ม10 ซึ่งน่าใจหาย อีกทั้งถือว่าน้อยกว่าสิงคโปร์และมาเลเซียที่อยู่ในภูมิภาคเดียวกัน ขณะที่ อันดับความมีประสิทธิภาพของระบบราชการไทยที่จัดทำโดยบริษัทที่ปรึกษาด้าน ความเสียงทางการเมืองและเศรษฐกิจอยู่ที่5.25 และใกล้เคียงกับปีที่แล้ว
นายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า ปัญหาการทุจริตคอรัปชั่นยังเป็นปัญหาส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของประเทศ และความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่างประเทศแสะภาคเอกชนของไทย รัฐบาลจึงได้กำหนดยุทธศาสตร์การป้องกันและปราบปรามการทุจริตเป็น 1 ในนโยบายเร่งด่วน โดยเน้นการปลูกจิตสำนึกให้ตระหนักถึงพิษภัยของการทุจริต สร้างค่านิยมที่ถูกต้อง พัฒนาองค์กรให้มีความโปร่งใส และที่สำคัญต้องไม่ให้เกิดวัฒนธรรมซื้อขายตำแหน่ง เพราะเป็นจุดเริ่มต้นของการทุจริต และจะทำให้วงจรทุจริตคอรัปชั่นกลับมาอีก พร้อมปรับปรุงแก้ไขข้อกฎหมายให้เกิดความโปร่งใส แต่ต้องไม่ไปสร้างภาระ อุปสรรคให้กับภาคธุรกิจหรือทำให้ล่าช้า และการตรวจสอบเฝ้าระวังเชิงรุก โดยเปิดสายด่วนแจ้งเรื่องได้ที่ 1206 และ 1205 ของ ป.ป.ช.  นายกรัฐมนตรี  กล่าวด้วยว่า รัฐบาลเน้นการทำงาน 2 แนวทาง คือการปราบปรามการทุจริตคอรัปชั่น ขณะเดียวกันก็จะให้กำลังใจคนทำดีเพื่อให้เกิดวัฒนธรรมที่ถูกต้องขององค์กร หากทุกฝ่ายร่วมมือกันทำเรื่องนี้ให้เป็นวาระแห่งชาติ ปัญหาทุจริตคอรัปชั่นก็จะลดลงได้.

แหล่งที่มาข้อมูล www.dailynews.co.th

Blog Archive

Design Downloaded from ซ่อมคอมพิวเตอร์นอกสถานที่ รามคำแหง บางกะปิ | Free Textures | Web Design Resources