วันพฤหัสบดีที่ 8 มีนาคม พ.ศ. 2555

จะใช้ dreamweaver สร้างเว็บบอร์ดต้องทำงัยนะ ??


ก่อนอื่นเราต้องปรับปรุงไฟล์ webboard.php เพื่อให้สามารถเปิดไฟล์ ans_webboard.php ได้ดังนี้

1. เลือกไฟล์ที่ต้องการลิงค์ไป
2. ผลจะเป็นดังรูป ด้านล่าง
3. เลือกเมนู Parameters จะปรากฎกรอบด้านบน
4. + เพิ่มตัวแปร - ลบตัวแปร
5. ใส่ชื่อตัวแปรที่ต้องการส่ง
6. ค่าที่ต้ิองการส่งไป ถ้าต้องการค่าจากฐานข้อมูล เลือกรูปสายฟ้าจะปรากฎดังรูปด้านล่าง









7. เลือกฟิลด์ที่ต้องการส่งค่าไป จะได้ผลดังรูป

8. ที่ชื่อกระทู้จะปรากฏลิงค์เพื่อไปหน้า ans_webboard.php

ส่วนไฟล์ ans_webboard.php พิมพ์โค้ดดังนี้
<html>
<head>
<meta http-equiv="Content-Type" content="text/html; charset=windows-874" />
<title>Untitled Document</title>
</head>
<body>
<div align="center">
<table width="633" border="0" cellspacing="1" cellpadding="1">
<tr>
<td bgcolor="#CCCCCC" scope="col">รหัสกระทู้</td>
<td bgcolor="#CCCCCC" scope="col">ผู้ตั้ง</td>
<td bgcolor="#CCCCCC" scope="col">รายละเอียด</td>
</tr>
<tr>
<th width="150" height="19" bgcolor="f2f2f2" scope="col"></th>
<th width="127" bgcolor="f2f2f2" scope="col"></th>
<th width="346" bgcolor="f2f2f2" scope="col"></th>
</tr>
</table>
<br />
<br />
<table width="633" border="0" cellspacing="1" cellpadding="1">
<tr>
<td bgcolor="#CCCCCC" scope="col">ผู้ตอบ</td>
<td width="490" bgcolor="#CCCCCC" scope="col">รายละเอียด</td>
</tr>
<tr>
<th width="136" height="19" bgcolor="f2f2f2" scope="col"></th>
<th bgcolor="f2f2f2" scope="col"></th>
</tr>
</table>
<br />
</div>
<form id="form1" name="form1" method="post" action="">
<table width="500" border="0" align="center" cellpadding="1" cellspacing="0">
<tr>
<td colspan="2" scope="col"><div align="center">ตอบกระทู้</div></td>
</tr>

<tr>
<td width="84">รายละเอียด</td>
<td width="416"><label>
<textarea name="message" cols="50" rows="4" id="message"></textarea>
</label></td>
</tr>
<tr>
<td>ผู้ตอบ</td>
<td><label>
<input name="name" type="text" id="name" />
<input name="id_quiz" type="hidden" id="id_quiz" value="<?php echo $row_Recordset1['id_quiz']; ?>">//ให้สร้างขึ้นแล้วลากค่าของ id_quiz มาใส่ในนี้ด้วย 
</label></td>
</tr>
<tr>
<td colspan="2"><div align="center">
<label>
<input type="submit" name="Submit" value="ตอบกระทู้" />
</label>
</div></td>
</tr>
<tr>
<td colspan="2">&nbsp;</td>
</tr>
</table>
</form>
</body>
</html>


การแสดงข้อมูลกระทู้



1. ชื่อ Recorset1
2. ชื่อการติดต่อฐานข้อมูล
3. ชื่อตารางที่ต้องการดึงข้อมูลมาแสดง
4. เลือกการค้นหาแบบเจาะจง ในที่นี่ใช้ฟิลด์ id_quiz ให้ เท่ากับ ค่าที่ส่งมาในข้อที่ 5
5. ค่าที่ส่งมาจาก webboard ชื่อ id_quiz 

การแสดงข้อมูลตอบกระทู้

 ู้

1. ชื่อ Recorset2
2. ชื่อการติดต่อฐานข้อมูล
3. ชื่อตารางที่ต้องการดึงข้อมูลมาแสดง
4. เลือกการค้นหาแบบเจาะจง ในที่นี่ใช้ฟิลด์ id_quiz ให้ เท่ากับ ค่าที่ส่งมาในข้อที่ 5
5. ค่าที่ส่งมาจาก webboard ชื่อ id_quiz

ต่อด้วย เพื่อให้แสดงข้อมูลตอบกระทู้ทั้งหมด



ทำการแทรกลงฐานข้อมูล



1. ชื่อฟอร์มที่ต้องการส่งค่า
2. ชื่อการติดต่อฐานข้อมูล
3. ชื่อตาราง ที่จะแทรกฐานข้อมูล
4. รายชื่อฟิลด์
5. เมื่อแทรกฐานข้อมูล ให้มาหน้า ans_webboard.php และส่งค่าตัวแปร id_quiz รับค่าจาก id_quiz ในฐานข้อมูล
หน้า ans_webboard.php เมื่อเสร็จแล้ว


** ลากค่าของ id_quiz มาใส่ในนี้ด้วย ** 


เมื่อเสร็จสมบูรณ์ จะได้ผลามรูปด้านล่าง

วิธีสร้าง Template Dreamweaver MX ทำงัยนะ ??

Template ประกอบด้วย ข้อมูลในบริเวณพื้นที่ ที่สามารถแก้ไขได้ และ ข้อมูลบริเวณพื้นที่ ที่ไม่สามารถแก้ไขได้ สะดวกในการปรับปรุง หรือเปลี่ยนรูปแบบ ในเวลาอันรวดเร็ว 

ขั้นตอนการสร้าง ( ก่อนอื่นควรสร้าง SiteMap ก่อน ดูหัวข้อ สร้าง Site Map ) 
1. ออกแบบเอกสาร HTML เป็นที่เรียบร้อย เลือก Save เป็น Save As Template 
2. จะปรากฏหน้าต่าง Save As Template
    Site
 คือชื่อไซค์ ที่ได้ SiteMap ไว้แล้ว 
    Existing Templates ชื่อ Template ใน SiteMap 
    Save As ชื่อที่ตั้งขึ้นใหม่ 
3. เมื่อ เลือก SiteMap และตั้งชื่อFile แล้ว จะเป็น ไฟล์นามสกุล .dwt ใน Folder ชื่อ Templates 



4. สร้างพื้นที่สำหรับแก้ไขได้ โดยคลิกปุ่ม Editable Region ที่แท็บ Template 
5. จะปรากฏหน้าต่าง New Editable Region ขึ้นมา 
6. ตั้งชื่อ บริเวณที่ แก้ไขข้อมูลได้ ในช่อง Name แล้วคลิกปุ่ม OK 



7. จะปรากฏ Code เกิดขึ้น ในมุมมองทั้งส่วน Show Code และส่วน Show Design 
8. ทำซํ้าอีก ถ้าต้องการสร้างพื้นที่ส่วนที่แก้ไขได้ ตั้งแต่ข้อ 4-7 แล้ว Save 
9. เสร็จสิ้นขั้นตอนการสร้าง Templates
10. การสร้างเอกสาร HTML ใหม่ เพื่อเรียกTemplates มาใช้ เลือก File > New


11. จะปรากฏหน้าต่าง New Document ที่แท็บเลือก Templates และกดปุ่ม Create 
12. เมื่อสร้างใหม่จะเห็นพื้นที่ในส่วน แก้ไขไม่ได้้ เป็น สีเทา ( พอยน์เตอร์ จะเป็นรูปวงกลม ) 
13. พื้นที่แก้ไขได้ จะเป็นสีเขียว ในมุมมองของ Show Design View
14. ถ้าต้องการเปลี่ยน File ที่เรียกจาก Templates เป็น HTML 
เลือกเมนู Modify > Templates > Detach from Templates
ข้อมูลจาก : http://www.cannot.info/

จะเชื่อมต่อฐานข้อมูล Connect Database ผ่าน DreamweaverMX ได้อย่างไร ??


ขั้นตอนการให้ DreamweaverMX ติดต่อฐานข้อมูล Database
1.เปิดโปรแกรม คลิกเมนู File เลือก New เพื่อสร้างไฟล์ขึ้นใหม่ (New Document )
2. แท็ป General ในช่อง Category เลือก Dynamic Page และ เลือกภาษา ที่ต้องการติดต่อ เช่น ASP VBScript , PHP กดปุ่ม Create เพื่อยืนยัน


3. เลือก เมนู Window > Databases ปรากฏหน้าต่าง Application
Create a site for this file ( ควรทำการ MapSite ด้วยดูในหัวข้อ "สร้าง Site Map" )
เลือก Choose a document type เลือกFile Extension และ เลือกภาษาที่ไช้ กด OK
เลือก Set up the site's testing server เพื่อตั้งค่า แล้วคลิกปุ่ม OK เพื่อยืนยัน



4. ตั้งค่าใน หน้าต่าง Site Definition ที่แท็ป Advanced
Server Model เลือก ภาษาที่ใช้ติดต่อ
Access เลือก Local/Network
Testing Server Folder ชี้ไปที่เก็บ File
URL Prefix ใส่ http://localhost/



5.หลังจากตั้งค่าเรียบร้อยแล้ว เลือกเครื่องหมาย+ ที่หน้าต่าง Application ดังรูปข้างบน
ถ้าใช้ภาษา ASP โปรดไปข้อที่ 6
ถ้าใช้ภาษา PHP โปรดไปข้อที่ 7
--------------------------------------------------------------------------------
6. ขั้นตอน การตั้งค่า สำหรับภาษา ASP 
ถ้าใช้ภาษา ASP จะปรากฏรายการดังนี้
Custom Connection String
Data Source Name (DNS)



ตั้งค่า ถ้าเลือก Custom Connection String 
Connection Name ใส่ชื่อของการติดต่อ เพื่อใช้อ้างถึงภายในโปรแกรม Dream
Connection String ตั้งค่าคำสั่งติดต่อกับฐานข้อมูล ( ดูจากหัวข้อ "รวมคำสั่ง ASP ติดต่อ ฐานข้อมูล")



ตั้งค่า ถ้าเลือก Data Source Name (DNS) 
Connection Name ใส่ชื่อของการติดต่อ เพื่อใช้อ้างถึงภายในโปรแกรม Dream
Data Source Name (DNS) เลือกรายการชื่อฐานข้อมูล
( จาก ODBC Data Source แท็บ System DSN ใน Control Panel )
User Name ใส่ชื่อที่มีใน ฐานข้อมูล
Password ใส่รหัสผ่านที่มีใน ฐานข้อมูล



คลิกปุ่ม Test เพื่อทดสอบการ Connection และคลิกปุ่ม OK เพื่อยืนยัน

--------------------------------------------------------------------------------
7. ขั้นตอน การตั้งค่า สำหรับภาษา PHP
ถ้าใช้ภาษา PHP จะปรากฏรายการดังนี้
MySQL Connection



การตั้งค่า ใน MySQL Connection 
Connection Name ใส่ชื่อของการติดต่อ เพื่อใช้อ้างถึงภายในโปรแกรม Dream
MySQL Server เลือกชื่อเซิฟเวอร์ที่ใช้ หรือ localhost
User Name ใส่ชื่อที่มีใน MySQL
Password ใส่รหัสผ่านที่มีใน MySQL

และกดปุ่ม Select เพื่อเลือก ฐานข้อมูล
ถ้า User Name และ Password ถูกต้อง จะปรากฏหน้าต่าง Select Database 
เลือก Database และกดปุ่ม OK เพื่อยืนยัน



คลิกปุ่ม Test เพื่อทดสอบการ Connection และคลิกปุ่ม OK เพื่อยืนยัน

--------------------------------------------------------------------------------



8. หน้าต่าง Application ที่ติดต่อฐานข้อมูลเรียบร้อยแล้ว
ข้อมูลจาก : http://www.cannot.info/

จะเปลี่ยน เปลี่ยน HTML เป็น XHTML ได้อย่างไร ???


ขั้นตอนการเปลี่ยน HTML เป็นเอกสาร XHTML
HTML ( HyperText Markup Language) คือภาษาที่เอาไว้เขียนสร้างเว็บเพจ เป็นภาษาที่คนทั่วโลก รู้จักดี และมีเวบเพจนับล้านที่ใช้ภาษา HTML แต่ข้อเสียของภาษา HTML คือการแสดงผลผ่านบราวเซอร์ (browser)ของค่ายต่างๆ
เช่น Internet Explorer, Netscape, Opera, Mozilla และอื่นๆ อีกมากมาย การแสดงผลที่แตกต่างกัน โดยสิ้นเชิง โอมเพจที่ออกแบบสวยงาม ของคุณ อาจดูไม่ได้ หรือไม่สามารถเข้าดูได้ เมื่อเปิดผ่านบราวเซอร์ ค่ายอื่น
ทาง องค์กร W3C ได้นำเอา ภาษา HTML มาปรับปรุงใหม่ โดยยึดหลักการของ XML และได้เพิ่มกฎเกณฑ์บางอย่าง เพื่อให้การใช้งานมีความเข้มงวด และเป็นมาตรฐานยิ่งขึ้น และปูทางให้ตลาดบราวเซอร์ (browser) ปัจจุบัน และในอนาคต ที่ออกบราวเซอร์ใหม่ ให้ใช้มาตรฐานเดียวกัน ในการแสดงผล ได้อย่างถูกต้อง

และในอนาคต โฮมเพจของคุณ อาจจะไม่มีคำนี้ อีกต่อไป " โฮมเพจจะดูดีได้ ถ้าท่านเข้าชมด้วย Internet Explorer 5 ขึ้นไป " หรือ " Best view with Internet Explorer 5 or higher"


XHTML (Extensible HyperText Markup Language) มาตรฐานใหม่ 
และเป็นเรื่องที่ดียิ่ง หากท่านเริ่มต้น หรือปรับปรุงเวบเพจของท่าน ให้เป็น XHTML

เพื่อรองรับมาตรฐาน ในอนาคต
XHTML แปลงเอกสารด้วย Dreamweaver
Dreamweaver ตระกูล MX จะเครื่องมือ Convert ไฟล์ ให้เป็น XHTML
File > Convert > XHTML
ท่านสามารถ Convert ไฟล์ ASP, PHP ที่ใช้ไฟล์ร่วมกับภาษา HTML ได้
ข้อแตกต่าง ระหว่าง HTML กับ XHTML
อีลิเมนต์(element) และแอตทริบิวต์(attributes) จะต้องเขียนเป็นตัว พิมพ์เล็ก เท่านั้น
<body bgcolor="#cccccc">
อีลิเมนต์ ของ XHTML ที่ไม่ใช่อีลิเมนต์ว่าง (empty element)หรือไม่มีการเก็บข้อมูล
XHTML จะต้องเว้นช่องว่าง และมีแท็กปิด "< />" ด้วย
<br> ---------------> <br />
<hr> ---------------> <hr />
<form> จาก ของเดิม checked เปลี่ยนเป็น checked="checked"
<input type="checkbox" checked>
เป็น <input type="checkbox" checked="checked" />

จะต้องเว้นช่องว่าง และมีแท็กปิด "< />" ด้วย
<input type="text" name="formName" /> <img src="image.gif" />

การประกาศ DOCTYPE ของ XHTML ในส่วนบนสุดบรรทัดของทุกๆเพจ
<!DOCTYPE html PUBLIC "-//W3C//DTD XHTML 1.0 Transitional//EN"
"http://www.w3.org/TR/xhtml1/DTD/xhtml1-transitional.dtd">
DOCTYPE คือ การประกาศว่าเอกสารนี้ จัดอยู่ในประเภทใด และ
ตรวจสอบความถูกต้องกับ DTD เพื่อในกรณี กับ Browser ประเภทต่างๆ

ข้อมูลจาก : http://www.cannot.info/

การสร้างเงาให้ตารางใน Dremweaver


1. ให้ทำการสร้างไฟล์ Pixels img ขึ้นมาก่อน โดยใช้ Photoshop สร้างไฟล์ใหม่
File --> New แล้วกำหนด Contents = Transparent และปรับความสูงความกว้าง เท่ากับ 5 จากนั้นเราก็จะได้ไฟล์ใหม่ที่มีลักษณะโปร่ง จากนั้นให้ทำการ Save For Web โดย กำหนดให้เป็นไฟล์เป็นนามสกุลGif เราก็จะได้ไฟล์ pixels.gif (ให้บันทึกชื่อ
pixels)
2. ให้การเปิดโปรแกรม Dreamweaver ขึ้นมาจากนั้นให้ใส่Table 2 Columns โดยคลิ๊กไอค่อนรูป Table หรือใช้คำสั่ง Insert --> Table แล้วให้ตั้งค่าดังตัวอย่าง
3. จากนั้นให้ใส่ Table โดยใช้ขั้นตอนที่(หรือทำการคลิ๊กที่Table แล้วทำการ Copy แล้ว Paste อีก 2บรรทัด) เพิ่มอีก 2 ดังตัวอย่าง
4. ให้ทำการใส่สีพื้นหลัง Table แถวที่ 1. ใน Columns ที่ 1เป็นสีพื้นหลังของเมนู Columns 2. ไม่ต้องใส่. ก็จะได้ดั่งตัวอย่าง.
5. ให้ทำการใส่สีพื้นหลัง Table แถวที่ 2. ใน Columns ที่ 1เป็นสีพื้นหลังของเมนู Columns 2. ไม่ต้องใส่. ก็จะได้ดั่ง ตัวอย่าง.
6. ให้ทำการใส่สีพื้นหลัง Table แถวที่ 2. Columns ที่ 2. เป็นสีพื้นของเงา (โคสสี #C0C0C0) แล้วใส่Table แถวที่ 3. Columns 2. เป็นสีเงาเหมือน แถวที่ 2. ดังตัวอย่าง
7. เมื่อเราได้โครงร่าง Table ดังตัวอย่างแล้วหลังจากนั้นให้ทำการปรับแต่งโดยการกำหนดความกว้างภายใน Columns แต่ ละ Columns และ ใช้ pixels.gif กำหนดความสูงความกว้างในแต่ละ Columns โดยมีขั้นตอนดังต่อไปนี้
7.1 ให้การทำงานมาอยู่ที่ table แถวที่1. จากนั้นให้เคอร์เซอร์อยู่ใน Columns ที่1. แล้วให้ใส่ไฟล์pixels.gif ไป โดย คลิ๊กเลือกไอค่อนรูปภาพ แล้วปรับความกว้างใน Columns ที่ 2. เท่ากับ 5 จากนั้นTable ก็จะหมดความขนาดของ pixels.gif ดังตัวอย่าง.
7.2 จากนั้นให้การทำงานอยู่ที่ Table แถวที่2. แล้วให้พิมพ์ข้อมูลลงไปใน Columns ที่1. แล้วใส่Pixels.gif ลงไปใน Columns ที่2. แล้วใสความกว้างของ Columns = 5 ลักษณะ Table ก็จะหดตัวดังตัวอย่าง
7.3 จากนั้นให้การทำงานอยู่ที่ Table แถวที่3. แล้วให้ทำการใส่ Pixels.gif ลงไปในColumns ทั้งสองแล้วปรับค่าความ กว้างของ Colums แรก เท่ากับ 5 แล้ว Table ก็จะหดตัวเท่ากับความสูงของ pixels.gif


จากนั้นเราลองทำการแสดงผลที่ Browser ก็จะเห็นเมนูมีลักษณะมีเงาลอยออกมาจากพื้นดังตัวอย่าง ก็เป็นอันเสร็จกระบวนการ.

แสดงหรือซ่อนปุ่มบนแุถบเครื่องมือ


ปุ่มต่างๆบนแุถบเครื่องมือนั้นจะแสดงให้เห็นเฉพาะส่วนที่ใช้งานบ่อยๆเท่านั้นบางปุ่มจึงถูกซ่อนไว้ คุณสามารถแสดงปุ่มเหล่านี้ออกมาได้โดย
1.คลิกปุ่ม Toolbar Options(ตัวเลือกแุถบเครื่องมือ)

2.เลือนเมาส์ไปที่ Add or Remove Bottons/Toolbar Name(เพิ่มหรือเอาออกชื่อแุถบเครื่องมือ)
3.คลิกปุ่มที่ต้องการแสดงให้มีเครื่องหมายถูกนำหน้า หรือคลิกเอาปุ่มออก
4.หรือถ้าต้องการซ่อนอย่างรวดเร็วให้กดคีย์ Alt ค้างไว้ แล้วคลิกลากปุ่มนั้นออกมาปล่อยนอกแถบเครื่องมือ

ดูข้อความที่อยู่คนละหน้าได้พร้อมกัน


เมื่อเอกสารมีขนาดใหญ่จนไม่สามารถแสดงได้หมดในหนึ่งหน้าจอ คุณอาจแบ่งหน้าจอออกเป็น 2 ส่วนเพื่อดูข้อความที่อยู่ตอนต้นของเอกสารในหน้าจอส่วนหนึ่ง กับดูข้อความที่อยู่ท้ายเอกสารในหน้าจออีกส่วนหนึ่ง แล้วเปรียบเี่ทียบกัน
1.คลิกเลือกเมนู Window/Slip (หน้าต่าง/แยก) หลังจากนั้น

2.คลิกลาก Split Bar ไปตำแหน่งที่ต้องการแล้วคลิกหลังจากนั้นเอกสารก็จะถูกแบ่งออกเป็น 2 หน้าโดยแต่ละส่วนจะมีไม้บรรทัด และดสโครลบาร์หรือรางเลื่อนเป็นของตนเองเมื่อเลื่อนดูข้อความในส่วนใดอีกส่วนก็จะไม่เลื่อนตาม แต่ถ้ามีการแก้ไขส่วนใดอีกส่วนก็จะถูกแก้ไขไปด้วยเนื่องจากทั้งสองส่วนยังเป็นไฟล์เดียวกัน

3.ถ้าต้องการให้ Word กลับไปอยู่ตามเดิมก็สามารถคลิกเลือกที่เมนู Window/Remove Slip (หน้าต่าง/เอาการแยกออก)

การแสดงแมปเอกสาร(Document Map)


ในบางครั้งเรามีความจำเป็นที่จะต้องตรวจดูเอกสารที่มีจำนวนหลายหน้าแต่ต้องการเปิดดูเพื่อที่จะทำการแก้ไขแต่เนื่องจากงานมีหลายหน้าทำให้ลำบากในการค้นหาหัวเรื่อง เรื่องนี้แก้ไขได้โดยใช้วิธีคลิกปุ่ม Document Map  บนแถบเครื่องมือหรือเลือกที่View/Document Map เพื่อเปิดปิดกรอบด้านซ้ายซึ่งจะแสดงเฉพาะข้อความที่ใช้สไตล์หัวเรื่อง หรือระดับย่อหน้า เมื่อคลิกที่รายการใดในส่วนนี้ ทางด้านขวาก็จะแสดงหน้าที่มีข้อความนั้น(ในมุมมองเดิมก่อนเปิดเอกสาร) ทันที ทำให้เลื่อนไปยังหัวข้อต่างได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งเหมาะกับเอกสารที่อ่านบนหน้าจอแทนการอ่านบนกระดาษ

ลังจากนั้นท่านก็จะได้มุมมองแมปเอกสารซึ่งจะแสดงหัวข้อที่เป็นย่อหน้าทางด้านซ้ายหากคุณต้องการดูย่อหน้าใดก็ให้คลิกที่หัวข้อนั้นก็จะทำให้มุมมองเอกสารทางขวามือเปลี่ยนไปอยู่ที่ย่อหน้าทีี่เราเลือกแต่ถ้าต้องการกลับไปยังหน้าปกติก็ใหคลิกเลือกที่ อีครั้งเท่านี้เอกสารก็จะกลับไปสู่หน้าปกติต่อไป

แนะนำแถบเครื่องมือ word


แถบเครื่องมือจะเป็นที่อยู่ของปุ่มที่ทำคำสั่งต่างๆ ซึ่งจะเหมือนกับการเรียกคำสั่งที่แุถบเมนู ปุ่มเหล่านี้จึงถูกแยกออกเป็นหมวดหมู่ไว้บนแุถบเครื่องมือเป็นชุดๆ มีหลายชุดด้วยกัน

ปรับระยะห่างระหว่างตัวอักษร


ตามปกติตัวอักษรจะมีช่องว่างระหว่างตัวอักษรกำหนดมาให้อัตโนมัติแต่ในบางครั้งเรามีความจำเป็นต้องการปรับระยะห่างระหว่างตัวอักษรให้กว้างขึ้นซึ่งสามารถกำหนดได้ดังนี้
1.ทำการดาร์กเมาส์เลือกข้อความที่คุณต้องการจากครั้งที่แล้วเราเข้าที่เมนูคราวนี้เรามาลองคลิกขวาแล้วคลิกเลือกแบบอักษร
2.เลือกแท็บระยะห่างตัวอักษรเลือกระยะห่าง ปกติ ขยาย หรือบีบ
3.คลิกเลือก ตกลง รูปแบบอักษรก็จะทำการเปลี่ยนไปตามที่คุณต้องการ

การสร้างหัว Header และ Footer ให้เอกสาร Word


1. เปิดเอกสารที่ต้องการสร้างขึ้นมา จากนั้นให้เลือกที่ view --->Header and Footer

2. พิมพ์ข้อความที่ต้องการให้เ็ป็น Header ส่วนใหญ่จะใช้ข้อความที่เป็นชื่อของเอกสารนี้ นอกจากนั้นเรายัสามารถใส่เลขให้ให้กับเอกสารได้ด้วย โดยใช้ tool ที่แสดงขึ้นมา ซึ่งเป็นแทปของ Header and Footer เลือกที่ Insert Auto Text --->Page
3. ใส่ Footer ส่วนใหญ่จะใช้ชื่อของผู้จัดการเอกสารนี้ หรือ อาจใส่วันเวลาที่เราสร้างเอกสารนี้โดยอัติโนมัติได้เช่นกัน



4. ได้เอกสารที่มี Hearder และ Footer เรียบร้อยแล้วค่ะ ซึ่งมันจะติดกับทุกๆหน้าโดยอัตโนมัติ ได้เหมือการสารเอกสารทั่วๆไปค่ะ

Blog Archive

Design Downloaded from ซ่อมคอมพิวเตอร์นอกสถานที่ รามคำแหง บางกะปิ | Free Textures | Web Design Resources