ศาลฎีกาอ่านคำพิพากษาให้ ขสมก.-รถร่วมฯ ชดใช้ 9.85 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี กรณี นศ.สาวเอแบคตกรถเมล์สาย 207 เสียชีวิต พ่อเหยื่อจี้ ก.คมนาคม คุมเข้มออกใบอนุญาตขับรถ หากมีประวัติร้ายแรง ไม่ควรให้...
ที่ศาลแพ่งวันที่ 8 มี.ค. ศาลอ่านคำพิพากษาศาลฎีกา ในคดีที่นายนำ และนางลักษณา โชติมนัส สามีภรรยา ร่วมกันเป็นโจทก์ฟ้อง นายทวิม แสงเดช พนักงานขับรถเมล์สาย 207 นายธนสิทธิ์ วรโชติหิรัญศิริ นายจ้างพนักงานขับร, นายฤกษ์ชัย เรืองกิตติยศ เจ้าของรถ, บริษัท 207 เดินรถจำกัด, นายเชาวน์ กระแสชล เจ้าของสัมปทานเดินรถ และองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ เป็นจำเลยที่ 1 ถึง 6 ตามลำดับฐานละเมิด กรณี น.ส.ปิยะธิดา หรือน้องหุย โชติมนัส พลัดตกรถเมล์ตาย ที่แยกลำสาลี เมื่อวันที่ 14 ก.ย. 2547 เรียกค่าสินไหมทดแทน 12 ล้านบาทเศษ
คดีนี้ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาให้จำเลยร่วมกันใช้เงิน 10,747,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 นับแต่วันละเมิด และยกฟ้องนายฤกษ์ชัย จำเลยที่ 3 เพราะเป็นเพียงผู้มีชื่อเป็นเจ้าของรถอยู่เดิมเท่านั้น คดีนี้ จำเลยที่ 1 กับ 5 ขาดนัดพิจารณาและไม่ยื่นฎีกา ศาลฎีกาพิพากษาใจความว่า ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า จำเลยที่ 1 เป็นพนักงานขับรถเมล์สาย 207 วิ่งระหว่างรามคำแหง หัวหมากถึงรามคำแหงบางนา จำเลยที่ 1 ยอมรับในคดีอาญาว่า กระทำโดยประมาทจริง ศาลอาญาลงโทษจำคุก 1 ปี 6 เดือน คดีถึงที่สุดแล้ว คดีแพ่งจึงจำต้องอาศัยข้อเท็จจริงส่วนอาญา ฟังว่าในคดีแพ่งจำเลยกระทำโดยประมาทด้วย เห็นว่าจำเลยกระทำละเมิดต่อโจทก์หรือไม่ เห็นว่านายทวิม จำเลยขับรถเมล์ อันเป็นยานพาหนะเดินเครื่องจักรกลตามกฎหมาย ป.แพ่งมาตรา 437 ย่อมต้องระมัดระวังไม่ให้เกิดความเสียหาย กลับปล่อยปละไม่ปิดประตูรถเมล์
จำเลยที่ 2, 4, 6 เป็นนายจ้างต้องร่วมรับผิดในการกระทำของลูกจ้าง และแม้พยานจำเลยอ้างว่าผู้เสียหายมีส่วนผิด ก้าวเท้าพลาดตกไปเองก็ตาม แต่ศาลเห็นประตูรถเมล์เป็นสิ่งป้องกันมิให้เกิดอันตราย เมื่อรู้ว่าประตูเสียกลับไม่ซ่อมแซม และไม่ปิดประตูรถ ทำให้ผู้ตายพลัดตกไปตาย จึงเป็นความประมาทของจำเลยที่ 1 และจำเลยอื่นๆ ทุกคน ต้องรับผิดในผลแห่งละเมิดด้วย ซึ่งเป็นค่ารักษาพยาบาล ค่าปลงศพ ค่าขาดไร้อุปการะเป็นเวลา 20 ปี ซี่งเป็นค่าสินไหมทดแทน พิพากษาว่า จำเลยที่ 1,2,4,5,6 ต้องรับผิดใช้ค่าสินไหมทดแทนทั้งสิ้น 9,856,000บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันละเมิด และให้ออกหมายบังคับคดี คำบังคับคดี ไปยึดทรัพย์จำเลยมาชำระหนี้แก่โจทก์ต่อไป
นายนำเผยว่าในฐานะพ่อ ตนได้ต่อสู้เรื่องนี้มานานและทุกวันยังมีข่าวอุบัติเหตุ ทำให้คนเจ็บคนตายแทบทุกวัน จนเมืองไทยแทบจะเป็นที่ 1 ในประเทศที่มีอุบัติเหตุสูงสุด จึงขอฝากให้กระทรวงคมนาคม ระมัดระวังการออกใบอนุญาตใบขับขี่สาธารณะให้เข้มงวด และต้องหมั่นระมัดระวังผู้ขับรถ โดยเฉพาะช่วงเทศกาลสงกรานต์ที่จะถึง และบรรดาผู้ขับรถต้องหมั่นตรวจตรารถให้อยู่ในสภาพปลอดภัย ใครที่เคยมีประวัติอุบัติเหตุร้ายแรง อย่าปล่อยให้ไปขับอีก คดีนี้จะเป็นข้อเตือนใจให้ผู้ขับขี่รถต้องพึงระมัดระวัง อีกทั้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพราะหากใช้ความระมัดระวัง ซ่อมแซมอุปกรณ์ที่บกพร่องก็ไม่ต้องมาจ่ายค่าสินไหมจำนวนมากเช่นนี้ แม้ลูกสาวจะตายไปแล้ว แต่ก็ไม่อยากให้ลูกใครต้องมาประสบเคราะห์กรรมอย่างเดียวกันอีกเลย.
แหล่งที่มาข้อมูล www.thairath.co.th
0 - ซ่อมคอมพิวเตอร์นอกสถานที่ บางกะปิ 083-792-5426:
แสดงความคิดเห็น
หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น