วันพุธที่ 13 มิถุนายน พ.ศ. 2555

มือสาดน้ำกรดยังนิ่งแม้เห็นลูกชายโดนคดียาไอซ์!!


วันนี้ (12 มิ.ย.) พ.ต.ท.มงคล พรมโสภา พงส.(สบ2) สน.สุทธิสาร นำตัวนายราชันหรือหมู ธีรกิจนุกูล อายุ 49 ปี ผู้ต้องหาที่นำสารเคมีสาดใส่คนเดินถนนย่านลาดพร้าว สุทธิสาร และสะพานควาย มาสอบปากคำเพิ่มเติม  ภายหลัง พ.ต.ท.ธงชนะ หาญกิตติกาญจนา รองผกก.สส.สน.สุทธิสาร กล่าวว่า สั่งให้พนักงานสอบสวน สน.สุทธิสารนำตัวนายราชันส่งฟ้องอัยการศาลแขวงพระนครเหนือ ในข้อหาทำร้ายร่างกายผู้อื่นให้ได้รับบาดเจ็บและข้อหาเสพยาเสพติด ซึ่งมีโทษจำคุก 4 ปี ปรับ 4,000 บาทหรือทั้งจำทั้งปรับ
สำหรับข้อหาทำร้ายร่างกายผู้อื่นนั้น ทางพนักงานสอบสวนต้องรอผลการตรวจร่างกายของผู้เสียหาย จากทางแพทย์โรงพยาบาลเปาโล ว่าผลการตรวจหาสารเคมี เป็นชนิดใดและมีผลกับผู้เสียหายมาน้อยขนาดไหน ถ้ามีผลต่อผู้เสียหายมากหรือร้ายแรง ทางพนักงานสอบสวนจะเพิ่มข้อหาเป็นทำร้ายร่างกายผู้อื่นให้ได้รับบาดเจ็บ สาหัส ทั้งนี้เมื่อวาน(11 มิ.ย.)ที่ผ่านมา ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ประสานจิตแพทย์จากสถาบันกัลยาราชนครินทร์ กรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข มาตรวจสอบและสอบถามอาการนายราชัน ซึ่งหลังตรวจสอบ ทางจิตแพทย์ระบุว่านายราชันไม่ได้อาการทางประสาทแต่อย่างใด สำหรับสาเหตุที่นายราชันนำสารเคมีไปไล่สาดชาวบ้าน น่าจะมาจากผลข้างเคียงของการเสพยาเสพติดติดต่อกัน 5-6 ปี

ด้าน พ.ต.ท.เสน่ห์ วันทอง สว.สส.สน.สุทธิสาร เปิดเผยว่า ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวนสน.สุทธิสาร กำลังจับกุมตัวและค้นห้องพักนายราชัน ในซอยอินทามาระ39 อยู่นั้น นายเอก ธีรกิจนุกุล อายุ 27 ปี บุตรชายของนายราชันเดินเข้ามาที่ห้องพักพอดี ท่าทางมีพิรุธ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงขอตรวจค้นร่างกาย พบยาไอซ์ 2 ถุง น้ำหนัก 1.87 กรัม จึงควบคุมตัวมาพร้อมกันเมื่อวันที่ 10 มิ.ย.ที่ผ่านมา จากการสอบสวนนายเอกให้การรับสารภาพว่านำยาไอซ์มาส่งให้นายราชัน ผู้เป็นพ่อเสพ ทางเจ้าหน้าที่จึงนำตัวส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดี ในข้อหาครอบครองยาไอซ์เพื่อจำหน่าย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วงที่นายราชันและนายเอกถูกควบคุมตัวอยู่นั้น นางบัวลอย เหลือสุข อายุ 46 ปี ภรรยาของนายราชัน มารดาของนายเอกได้เดินทางมาเยี่ยมผู้ต้องหาทั้ง 2 คนพร้อมกับลูกสะใภ้และหลานชาย โดยนางบัวลอย เปิดเผยว่า ได้เลิกรากับนายราชันมาประมาณ 5 ปีแล้ว หลังจากนั้นก็ติดต่อเป็นบางครั้ง กระทั่งมาทราบข่าวว่าถูกจับกุม เพราะน้ำสารเคมีไปไล่สาดชาวบ้านจนเป็นข่าวดัง ซึ่งหลังจากแยกทางกับอดีตสามีก็ไม่ได้ติดต่อกัน จึงไม่ทราบอะไรมากนัก

ต่อมาเมื่อเวลา 12.00 น.พนักงานสอบสวนควบคุมตัวนายเอก ธีรกิจนุกุล อายุ 27 ปี บุตรชายของนายราชัน ที่ถูกจับกุมข้อหาครอบครองยาไอซ์เพื่อจำหน่าย ไปส่งฝากขังศาลอาญา พร้อมคัดค้านการประกันตัว ซึ่งหลังจากเจ้าหน้าที่ควบคุมตัวนายเอกไปส่งศาลแล้ว นางบัวลอย ผู้เป็นแม่ก็เดินทางกลับไปพร้อมกับลูกสะใภ้และหลาน โดยไม่ได้พูดจากับนายราชันแต่อย่างใด
จนกระทั่ง เวลา 15.00 น. พ.ต.ท.มงคล พรมโสภา พงส.(สบ2) สน.สุทธิสาร ควบคุมตัวนายราชันหรือหมู ธีรกิจนุกูล อายุ 49 ปี ผู้ต้องหาที่นำสารเคมีสาดใส่คนเดินถนน ไปยังศาลแขวงพระนครเหนือโดยพนักงานสอบสวนได้นำคำร้องฟื้นฟูแนบในสำนวนการสอบ สวนคดีทำร้ายร่างกาย ส่งให้ศาลพิจารณา เพราะในทางกฎหมายระบุว่า ถ้าผู้ต้องหา ถูกแจ้งข้อหาเสพยาเสพติด ต้องเข้ารับการฟื้นฟู  ศาลแขวงพระนครเหนือ พิจารณาแล้วมีคำสั่งอนุญาตให้นำตัวผู้ต้องหาไปรับการฟื้นฟูที่เรือนจำคลอง เปรมได้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตลอดระยะเวลาที่พนักงานสอบสวนคุมตัวนายราชันมายื่นคำร้องขอส่งตัวไปบำบัด รักษา นายราชันมีสีหน้าเรียบเฉย พร้อมทั้งให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวว่า ตนขอยอมรับผิดที่ได้สาดน้ำล้างห้องน้ำใส่คน 30 ราย ในระหว่างนี้หากศาลหรือเจ้าหน้าที่ตำรวจจะนำตนไปบำบัดรักษาก็ยินดี หลังจากนี้ก็พร้อมที่จะปรับตัวเป็นคนดี อย่างไรก็ตาม ตนเพิ่งทราบว่านายเอก ธีรกิจนุกุล อายุ 27 ปี บุตรชาย ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินคดีข้อหามียาเสพติดไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย ซึ่งตนมีลูกอีก 2 คนกำลังเรียนอยู่ จึงกังวลเรื่องระยะเวลาที่ต้องอยู่เรือนจำนานเท่าไหร่ โดยในวันนี้ภรรยาตนก็ได้มายื่นคำร้องขอประกันตัว แต่ก็ไม่ได้เจอกัน.

ตร.ตั้งคณะกรรมการ 4 ชุดตรวจสอบการทุจริตสอบเข้าเป็นตำรวจประทวน


ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ตร.) วันนี้ (12 มิ.ย.) เมื่อเวลา 15.00 น. พล.ต.ต.ปิยะ อุทาโย โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ แถลงข่าวภายหลังการประชุมแนวทางการสืบสวนการทุจริตสอบคัดเลือกบุคคลภายนอก ที่จบวุฒิ ม.6 หรือเทียบเท่าเข้าเป็นข้าราชการตำรวจชั้นประทวน เมื่อวันที่ 10 มิ.ย.ที่ผ่านมาว่า ภายหลังการประชุมที่ประชุมมีมติให้ยกเลิกการสอบครั้งนี้ เนื่องจากพบหลักฐานน่าเชื่อว่ามีการทุจริตชัดเจน ตามประกาศกองบัญชาการศึกษาเรื่องรับสมัครและคัดเลือกบุคคลภายนอกผู้มีวุฒิ ประกาศนียบัตรประโยคมัธยมศึกษาตอนปลายหรือประกาศนียบัตรวิชาชีพหรือเทียบ เท่าเพื่อบรรจุเป็นนักเรียนนายสิบตำรวจ พ.ศ.2555 ตามข้อ 6.2 (วรรค3) ที่ระบุว่าหากพบมีการทุจริตหรือส่องไปในทางทุจริตไม่ว่าในขั้นตอนใดก็ตามให้ คณะกรรมการสามารถพิจารณาให้ยกเลิกการสอบได้

พล.ต.ต.ปิยะ กล่าวต่อว่า พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงษ์  ผบ.ตร.ได้ตั้งคณะกรรมการ 4 ชุดเพื่อดำเนินในเรื่องนี้ ชุดแรก มอบหมายให้พล.ต.อ.ปานศิริ ประภาวัต รองผบ.ตร.เป็นหัวหน้าคณะกรรมการตรวจสอบในภาครวมของการสอบตั้งแต่เริ่มรับ สมัครจนถึงการสอบเพื่อดำเนินคดีกับเครือข่ายที่กระทำการทุจริตในการสอบครั้ง นี้ โดยแต่ละกองบัญชาการให้แต่งตั้งรองผบช.เป็นหัวหน้าคณะกรรมการดำเนินการรวบ รวมพยานหลักฐานทั้งหมดและส่งให้พล.ต.อ.ปานศิริดูในภาพรวมทั้งหมด ชุดที่ 2 มอบหมายให้พล.ต.ท.จรัมพร สุระมณี ผู้ช่วยผบ.ตร.เป็นหัวหน้าคณะกรรมการ ทำงานรวมกับ สำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจ (สพฐ.)และ สำนักงานเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (สทส.) เพื่อสืบสวนเทคโนโลยีการสื่อสารที่นำมาใช้ในการทุจริตครั้งนี้ ชุดที่ 3 มอบหมายให้ พล.ต.อ.สถาพร หลาวทอง จเรตำรวจแห่งชาติ เป็นหัวหน้าคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง ว่าแต่ละบช.มีความบกพร่องหรือไม่ที่ปล่อยให้มีการทุจริตเกิดขึ้นและ ชุดที่ 4 มอบหมายให้ พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ รองผบ.ตร. เป็นหัวหน้าคณะกรรมการเพื่อหามาตรการแก้ไขข้อบกพร่อง ช่องว่างที่ทำให้มีการทุจริตเพื่อแก้ไขในการสอบใหม่อีกครั้ง
พล.ต.ต.ปิยะ กล่าวอีกว่า สำหรับสาเหตุที่มีมติให้ยกเลิกการสอบ เนื่องจากมีการพบพยานหลักฐานต่างๆ จำนวนมากที่น่าเชื่อว่าเป็นการทุจริต และเชื่อว่ามีการทุจริตเกิดขึ้นจริง มีคนที่ทุจริตหลุดรอดและทำข้อสอบไปได้ บวกกับประกาศของกองบัญชาการศึกษา ข้อ 6.2 (วรรค3) ซึ่งผู้เข้าสอบทุกคนต้องยอมรับประกาศข้อนี้แล้ว โดย ตร.ย้ำว่าจะไม่ยอมให้คนที่ทุจริตมาเป็นตำรวจได้อย่างแน่นอน รวมถึงเพื่อมุ่งหมายให้เกิดความยุติธรรม เสมอภาคทุกคนที่จะมาสอบเป็นตำรวจ และต้องการกำจัดกลุ่มคนดำเนินการทุจริตออกไปให้ได้ อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ยังไม่ได้ข้อสรุปว่าจะจัดให้มีการสอบใหม่เมื่อไหร่
“จากการสอบสวนถึงตอนนี้ยังมีเพียงดาบตำรวจนายหนึ่งใน สภ.เมืองศรีษะเกษเข้าไปเกี่ยวข้อง ยังไม่พบตำรวจนายอื่นที่ยศใหญ่กว่านี้เข้าไปเกี่ยวข้อง แต่ถึงแม้จะเป็นตำรวจยศอะไรก็เป็นการเสื่อมเสียของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กระบวนการทุจริตครั้งนี้เป็นขบวนการใหญ่จริงๆ  ถือว่าเป็นแก๊งอาชญากรรมกลุ่มหนึ่งที่พยายามหาช่องว่างของการสอบราชการหลอก ลวงประชาชนหาเงินได้เป็นจำนวนมาก” โฆษกตร.กล่าว

รวบเว็บไซต์พนันบอลยูโร


เมื่อเวลา 13.30 น. วันนี้ (12 มิ.ย.) พล.ต.ต.สาโรจน์ พรหมเจริญ รอง ผบช.น. พล.ต.ต.พสิฎฐ์ พิสุทธิศักดิ์ รอง ผบช.น. พ.ต.อ.สุทิน ทรัพย์พ่วง รอง ผบก.สปพ.191 พ.ต.อ.นภันต์วุฒิ เลี่ยมสงวน กก.สส.บก.น.2 พ.ต.ท.กิตติศัพท์ ทองศรีวงศ์ รอง ผกก.สส.บก.น.2 พร้อมเจ้าหน้าที่ชุดปราบปรามการพนันฟุตบอลได้นำกำลังเข้าตรวจค้นจับกุมคอ ลเซ็นเตอร์ของเว็บไซต์โฆษณาชักชวนให้มีการเล่นการพนันผ่านเครือข่ายอินเตอร์ เน็ตเว็บไซต์ www.corner88.com และ www.sure999.com  ที่บ้านเลขที่ 88/8 หมู่ 19 ถ.กาญจนาภิเษก แขวงศาลาธรรม์สพน์ เขตทวีวัฒนา กรุงเทพฯ ซึ่งเปิดบริการเป็นสนามฟุตบอลชื่อ เดอะ คอนเนอร์ ได้ผู้ต้องหา 4 ราย ประกอบด้วย นายอาทิตย์ ไตรยศ อายุ 26 ปี  นายวิศรุต ปัจจคิรีกุล อายุ 26 ปี น.ส.ชลธาร ปราสัย อายุ 26 ปี และ น.ส.ทยิดา ศรียา อายุ 30 ปี พร้อมของกลางจอคอมพิวเตอร์จำนวน 13 ตัว ซีพียูจำนวน 7 เครื่อง คอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊ค จำนวน 2 เครื่อง โทรศัพท์มือถือ จำนวน 15 เครื่อง สมุดบัญชีธนาคาร จำนวน 5 เล่ม บัตรเอทีเอ็ม จำนวน 2 ใบ และเอกสารเกี่ยวกับโพยพนันการเล่นพนัน จำนวน 446 แผ่น

พล.ต.ต.สาโรจน์ กล่าวว่า สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ชุดปราบปรามการพนันฟุตบอลได้พบเห็นการโฆษณารับพนัน ฟุตบอลยูโรผ่านทางเว็บไซต์ดังกล่าว จึงได้แฝงตัวเป็นผู้เล่นพนัน และทำการแกะรอย จนพบว่า เว็บไซต์พนันดังกล่าวได้เปิดให้เล่นพนันฟุตบอลจริง และตั้งอยู่ที่สนามฟุตบอลย่านฝั่งธนฯ จึงได้นำกำลังเข้าตรวจค้นภายในสนามฟุตบอล พบว่าด้านหลังสนามได้มีการเช่าห้องทำเป็นออฟฟิศเปิดเป็นศูนย์รับพนันบอลออ นไลน์ มีเครื่องคอมพิวเตอร์จำนวนมาก โดยมีชายหญิงจำนวน 4 คน เป็นผู้ดูแล โดยทำมาแล้วกว่า 4 เดือน ซึ่งช่วงการแข่งขันบอลยูโรมีเงินเข้าออกวันละไม่ต่ำกว่า 7 แสนบาท เจ้าหน้าที่จึงแจ้งฐานความผิด พ.ร.บ.การพนัน พ.ศ.2478 ตามมาตรา 12 ผู้ใดจัดให้มีการเล่นหรือการทำอุบายล่อช่วยประกาศโฆษณา หรือชักชวนโดยทางตรงหรือทางอ้อมให้ผู้อื่นเข้าเล่น หรือเข้าพนันในการเล่น ซึ่งมิได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงาน ส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

สั่งปิดล้อมหาตัวโจ๋เวียดนามหลบหนีได้ขณะทำแผน


วันนี้ (12 มิ.ย.)  ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พ.ต.อ.เจริญ ศรีศศลักษณ์ รอง ผบก.น.2 พร้อมด้วย พ.ต.ท.จอมพล พิเศษกุล รอง ผกก.ป.สน.สายไหม พ.ต.ต.สุรินทร์ ภู่ฤทธิ์ สวป.สน.สายไหม และฝ่ายสืบสวน สน.สายไหม ยังคงนำกำลังปิดล้อมล่าตัว นายเหงียน หรือ บี ชาวเวียดนาม ผู้ต้องหาแก๊งอุ้มรีดค่าไถ่ ที่นำมาทำแผนประกอบคำรับสารภาพ ภายในซอยพหลโยธิน 54/4 ถนนพหลโยธินขาเข้า แขวงและเขตสายไหม แล้ววิ่งหลบหนีตำรวจไปได้ โดยกระจายกำลังปิดล้อมและตรวจค้นทุกตรอกซอกซอยแต่ก็ยังไม่พบร่องรอย

พ.ต.อ.เจริญ กล่าวว่า จนถึงขณะนี้ก็ยังไม่มีวี่แววของผู้ต้องหา แต่เชื่อว่าน่าจะยังอยู่ในบริเวณดังกล่าว เนื่องจากตอนที่ผู้ต้องหาวิ่งหลบหนีเจ้าหน้าที่ตำรวจมาอีกซอยหนึ่ง มีคนงานก่อสร้างเห็นว่าผู้ต้องหาวิ่งมาเจอตำรวจเลยย้อนกลับไปทางเดิม และเจ้าหน้าที่ที่อยู่อีกฝั่งหนึ่งก็ยังไม่เห็นคนร้ายวิ่งย้อนกลับมา จึงคาดว่าน่าจะหลบอยู่ในบ้านใดบ้านหนึ่ง หรือตามพงหญ้ารกร้าง ได้สั่งให้กระจายกำลังปิดล้อมตลอดทั้งคืน เพื่อกดดันให้ผู้ต้องหาออกมามอบตัว ส่วนการดำเนินการกับเจ้าของคดีที่ปล่อยให้ผู้ต้องหาหลบหนีไปได้ ทางสน.จะมีการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงก่อนจะพิจารณาลงโทษต่อไป

ด้าน พ.ต.ต.ฉัตรชัย คู่สันเทียะ พงส.(สบ2) สน.สายไหม เจ้าของคดี กล่าวถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่า เมื่อช่วงเช้าตนและฝ่ายสืบสวนพาผู้ต้องหามาทำแผนในซอยพหลโยธิน54/4 โดยใส่กุญแจมือเอาไว้ทั้งหมด พอลงจากรถกำลังพาเดินไปตรงจุดเกิดเหตุเพื่อทำแผน แต่อยู่ๆ นายเหงียนก็ถอดกุญแจมือออกมาได้อย่างไรไม่ทราบแล้ววิ่งหนีไป ตนจะวิ่งตามไปก็กลัวผู้ต้องหาที่เหลือหลบหนี จึงให้ลูกน้องวิ่งไล่ตามไปก่อน แต่นายเหงียนได้วิ่งขึ้นกำแพงบ้านคนและทะลุออกมาอีกซอยหนึ่ง พอพวกตนวิ่งไล่ตามไปแต่ก็ไล่ไม่ทัน แล้วนายเหงียนก็หายตัวไป โดยมีคนเห็นว่านายเหงียนวิ่งย้อนกลับมาทางเดิม แต่หาเท่าไรก็ยังหาไม่เจอ คาดว่าคงหลบซ่อนตัวอยู่ละแวกดังกล่าว ทั้งนี้ผู้บังคับบัญชาได้สั่งให้นำกำลังเฝ้าปิดล้อมไว้ทั้งคืน เพราะเชื่อว่าคนร้ายน่าจะยังอยู่ และอาจจะออกมาในช่วงกลางคืนนี้

รวบโจ๋เหงียนหนีตำรวจทำแผนสำเร็จ


วันนี้ 12 (มิ.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณี พ.ต.อ.เจริญ ศรีศศลักษณ์ รอง ผบก.น.2 พร้อมด้วย พ.ต.ท.จอมพล พิเศษกุล รอง ผกก.ป.สน.สายไหม พ.ต.ต.สุรินทร์ ภู่ฤทธิ์ สวป.สน.สายไหม และฝ่ายสืบสวน สน.สายไหม นำกำลังปิดล้อมล่าตัว นายเหงียน หรือบี  ชาวเวียดนาม ผู้ต้องหาแก๊งอุ้มรีดค่าไถ่ ที่นำมาทำแผนประกอบคำรับสารภาพ ภายในซอยพหลโยธิน54/4 ถนนพหลโยธินขาเข้า แขวงและเขตสายไหม แล้ววิ่งหลบหนีตำรวจเข้าไปแอบในพื้นที่ดังกล่าว ตั้งแต่ช่วงเช้านั้น
ล่าสุด นายเหงียน ได้ถูกควบคุมตัวเอาไว้ได้แล้วหลังจากได้แอบปีนขึ้นไปหลบซ่อนตัวบนยอดต้น มะม่วง ริมบ้านหลังหนึ่งภายในซอยที่เกิดเหตุ ใกล้แยกซอยกู้เกียรติ โดยก่อนหน้านี้เจ้าหน้าที่และชาวบ้านได้พยายามใช้บันไดปีนขึ้นไปค้นหาตัวผู้ ต้องหาบนหลังคาบ้านแต่ละหลังและใช้ไฟสปอร์ตไลท์ส่องค้นหาก็ไม่พบจึงซุ่มดู อยู่บริเวณโดยรอบ จนนายเหงียนเกิดอาการอ่อนเพลียและเกิดตายใจนึกว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจได้กลับ หมดแล้วจึงปีนลงมา ทำให้สุนัขในบ้านเห่าไล่ เจ้าหน้าที่จึงพากันกรูเข้าไปจับกุมตัวผู้ต้องหาเอาไว้ได้ในสภาพที่อิดโรย

ทั้งนี้พนักงานสอบสวนได้แจ้งข้อหาหลบหนีการจับกุมของเจ้าพนักงานเพิ่มไปอีก ข้อหา พร้อมนำตัวเข้าห้องขัง ซึ่งในวันพรุ่งนี้เช้าจะนำตัวผู้ต้องหาไปฝากขังที่ศาลจังหวัดมีนบุรี

มือปืนเหี้ยมดักลั่นกระสุน3นัดซ้อนหนุ่งรง.ตายอนาถ


เมื่อเวลา 21.45 น.วันที่ 12 มิ.ย. 55  ร.ต.ท.ชานนท์ นุชถนอม ร้อยเวรสอบสวน สภ.เมืองปทุมธานี รับแจ้งมีผู้ถูกยิงด้วยอาวุธปืนจนเสียชีวิต ขอให้เจ้าหน้าที่มาตรวจสอบด้วย เหตุเกิดบริเวณหน้าศาลพระพรหม ภายในหมู่บ้านเมืองประชา ม.10 ต.บางคูวัด อ.เมือง หลังรับแจ้งจึงรายงานผู้บังคับบัญชาทราบตามลำดับชั้น พร้อมทั้งรุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุร่วมกับ พ.ต.อ.พิชาญ ทองสุกแก้ว ผกก.สภ.เมืองปทุมธานี พ.ต.ท.วัชระพงศ์ ฉุยฉาย รอง.ผกก.ป. พ.ต.ท.สายชล คุ้มทรัพย์ สวป. พ.ต.ท.ภูริสิทธิ์ ทิมทอง สว.สส.สภ.คูบางหลวง ช่วยราชการงานสืบสวน ภ.จว.ปทุมธานี และกำลังเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนจำนวนหนึ่ง  แพทย์จากโรงพยาบาลปทุมธานี เจ้าหน้าที่ศูนย์พิสูจน์หลักฐาน เขต 1(ศพฐ.1)และอาสาสมัครมูลนิธิร่วมกตัญญู              

ในที่เกิดเหตุเจ้าหน้าที่พบศพชายนอนหงายเสียชีวิตอยู่กับพื้นกลางถนน ทราบชื่อต่อมาคือนายสวัสดิชัย ขวัญโพน อายุ 29 ปี อยู่บ้านเลขที่ 69 ม.1 ห้วยโพธิ์ อ.เมือง จ.กาฬสินธุ์ สภาพศพถูกยิงด้วยอาวุธปืนไม่ทราบขนาดเข้าที่ราวนมขวา 1 นัด หัวไหล่ขวา 1นัด และกลางหลัง 1 นัด  ดับกลางถนนหน้าศาลพระพรหม                           

สอบสวนนายเตชสิทธิ์ เปี่ยมสุข อายุ 38 ปี ผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์รับจ้าง กล่าวว่า ตนเองขับรถจักรยานยนต์รับจ้างอยู่ที่วินหน้าหมู่บ้านเมืองประชา โดยก่อนเกิดเหตุนายสวัสดิชัย ผู้ตายนั้น ได้มาว่าจ้างรถของตนเองให้ไปส่งห้องพักที่คอนโดเมืองประชา ภายในหมู่บ้านเมืองประชา ระหว่างที่ตนเองขับรถเข้ามาในหมู่บ้านและนายสวัสดิชัย นั่งซ้อนท้ายมาด้วยนั้น พอเข้ามาในหมู่บ้านได้ประมาณ 500 เมตร ซึ่งตรงกับศาลพระพรหมของหมู่บ้านและถนนจะมีทางลูกระนาด ตนเองก็ชะลอความเร็ว ซึงจังหวะนั้นก็มีคนขับรถจักรยานยนต์ตามหลังมาและขับแซงขึ้นไปทางด้านขวา จากนั้นก็มีเสียงปืนดังขึ้นจำนวนหลายนัด ซึ่งนายสวัสดิชัยที่นั่งซ้อนท้ายก็ร้องขึ้นจากนั้นก็ร่วงตกลงไปจากรถของตน ซึ่งตนเองมองไปก็เห็นคนร้ายที่มากับรถจักรยานยนต์คันนั้นเป็นชาย 2 คนสวมหมวกกันน็อคทั้งคู่ ก่อนที่คนร้ายจะเร่งเครื่องตรงเข้าไปทางหลังหมู่บ้านซึ่งมีทางออกด้านหลัง ด้วย แต่ตนเองจำรถและทะเบียนของคนร้ายไม่ได้เลย             
 
ด้านนางพัชรินทร์ ขวัญโพน อายุ 29 ปี ภรรยาของผู้ตาย กล่าวว่า นายสวัสดิชัย สามีของตนเองนั้นทำงานอยู่ที่โรงงานอิเลกโทนิค แห่งหนึ่งย่านบางคูวัด และวันนี้ตอนประมาณ ทุ่มเศษๆ สามีได้โทรศัพท์มาบอกกับตนเองว่าต้องทำโอ และจะออกจากโรงงานประมาณ 3 ทุ่ม จากนั้นสามีก็วางสายไป จนกระทั่งมีคนบอกว่าสามีของตนเองถูกยิงเสียชีวิตแล้วจึงรีบมาดู สาวนสาเหตุนั้นตนเองไม่ทราบเพราะว่าสามีไม่เคยมีเรื่องโกรธแค้นหรือทะเลาะ กับใครมาก่อน              

หลังการสอบสวนในเบื้องต้นเจ้าหน้าที่ยังไม่สามารถระบุสาเหตุการสังหารใน ครั้งนี้ว่ามาจากเรื่องใด ซึ่งจะได้สอบสวนญาติๆและผู้ร่วมงานเพื่อหาเบาะแสการสังหาร เพื่อเป็นแนวทางในการติดตามตัวคนร้ายมาดำเนินคดีตามกฏหมายต่อไป อย่างไรก็ตาม ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจมอบศพของนายสวัสดิชัย ขวัญโพน ผู้เสียชีวิต ให้เจ้าหน้าที่อาสาสมัครมูลนิธิร่วมกตัญญู นำส่งยังสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ รพ.ธรรมศาสตร์ เฉลิมพระเกียรติ (ศูนย์รังสิต)เพื่อพิสูจน์ศพอย่างละเอียดก่อนจะมอบให้ญาติๆรับกลับไปบำเพ็ญ กุศลตามประเพณีต่อไป.

เลื่อนฟังคำสั่ง “สมชาย วงศ์สวัสดิ์” สั่งม็อบ


ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก วันนี้ ( 13 มิ.ย.) ศาลได้อ่านคำสั่งศาลอุทธรณ์คดีหมายเลขดำ อ.2350/2555  ที่นายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ เลขาธิการสมัชชาประชาชนแห่งประเทศไทย เป็น 1 ใน 36 พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) ที่ถูกออกหมายเรียกคดีบุกยึดสนามบินเมื่อปี 2551 ยื่นฟ้อง พล.ต.ท.วุฒิ พัวเวส  ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติในขณะนั้น และเป็นหัวหน้าพนักงานสอบสวนคดี พธม.บุกยึดสนามบิน เป็นจำเลย ในความผิดต่อเจ้าพนักงานในการยุติธรรม โดยโจทก์ยื่นฟ้องว่า เมื่อวันที่ 1 ก.ค.51 จำเลยได้ลงนามออกหมายเรียกโจทก์ โดยกล่าวหาโจทก์ว่ากระทำการให้ปรากฏแก่ประชาชนด้วยวาจา หนังสือ หรือวิธีการอื่นใด ซึ่งไม่ใช่วิธีการตามความมุ่งหมายของรัฐธรรมนูญ ก่อความวุ่นวายในบ้านเมือง ที่มีการชุมนุมในสนามบินสุวรรณภูมิ และดอนเมือง โดยโจทก์อ้างว่า ตนเองไม่ได้อยู่ในสนามบิน หรือสถานที่เกิดเหตุ คดีนี้ศาลชั้นต้นยกฟ้อง
ศาลอุทธรณ์ พิเคราะห์แล้วเห็นว่า การลงนามออกหมายเรียกเป็นการปฏิบัติหน้าที่ตามขั้นตอนเพื่อดำเนินการสอบสวน ตามกฎหมาย จึงเป็นการกระทำโดยชอบด้วยกฎหมาย คำฟ้องโจทก์ไม่มีมูล ซึ่งโจทก์เองก็ไม่ได้ฟ้องว่าจำเลยใช้อำนาจหน้าที่กลั่นแกล้ง ที่ศาลชั้นต้นพิพากษามานั้นศาลอุทธรณ์เห็นพ้องด้วยจึงพิพากษายืน
ส่วนคดีหมายเลขดำ อ. 4142/2551 ที่นายสิทธิพร โพธิโสดา ทนายความอาชีพ ผู้เสียหายจากเหตุการณ์สลายการชุมนุมกลุ่มพันธมิตรประชาชน เพื่อประชาธิปไตย ที่บริเวณหน้าอาคารรัฐสภา เป็นโจทก์ฟ้องนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี กับพวกรวม 5 คน เป็นจำเลย ในความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ, ความผิดเกี่ยวกับชีวิตและร่างกาย กรณีสลายการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ ที่บริเวณรัฐสภา และคดีหมายเลขดำ อ.3262/2551 ที่นายอภิชัย ล้อไพบูรณ์ทรัพย์ เจ้าหน้าที่สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน เป็นโจทก์ ฟ้องคุณหญิงจารุวรรณ เมณฑกา อดีตผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน และอดีตคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) และพวกรวม 2 คนเป็นจำเลย ในความผิดฐานร่วมกันปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ วันนี้ศาลมีคำสั่งให้เลื่อนการอ่านคำสั่งไปเป็นวันที่ 18 ก.ค. เวลา 9.30 น.

ศาลอุทธรณ์แก้รับ “ทักษิณ” ฟ้องหมิ่น “แก้วสรร”


ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก วันนี้( 13 มิ.ย.) ศาลอ่านคำสั่งศาลอุทธรณ์คดีหมายเลขดำ อ.2226/2550 ที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี มอบอำนาจให้นายศราวุธ นาคะปัท ผู้รับมอบอำนาจ เป็นโจทก์ ฟ้องนายแก้วสรร อติโพธิ์ อดีตคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) เป็นจำเลย ในความผิดฐานหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา, พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต
คำฟ้องโจทก์ระบุว่า เมื่อวันที่ 28 เม.ย.50 จำเลยได้ใส่ความโจทก์โดยการโฆษณา ด้วยการกระจายภาพและเสียง ทางสถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบก ช่อง 5 ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย  เสียชื่อเสียง  ถูกดูหมิ่นและเกลียดชังจากบุคคลที่ได้ยินและประชาชนทั่วไป  เหตุเกิดที่แขวงสนามเป้า เขตพญาไท และแขวงจอมพล เขตจตุจักร  กรุงเทพมหานคร
คดีนี้ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฟ้องคดี โจทก์อุทธรณ์ขอให้ศาลมีคำสั่งรับคำฟ้องไว้พิจารณา
ศาลอุทธรณ์ประชุมปรึกษาหารือกันแล้วเห็นว่า อุทธรณ์โจทก์ฟังขึ้นบางข้อ จึงพิพากษาแก้ให้ประทับรับคำฟ้องไว้พิจารณาในความผิดหมิ่นประมาทด้วยการ โฆษณา มาตรา 238 ส่วนความผิดตามพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการ ทุจริต ให้ยกฟ้องตามศาลชั้นต้น

ตำรวจภาค1จับ 2 มือปืนยิงกำนันดังตาย


วันนี้ ( 11 มิ.ย.) พล.ต.ต.ปิยะ สอนตระกูล รรท.ผบช.ภ.1 พล.ต.ต.วิรุฬ เอี่ยมไพจิตร  รอง ผบช.ภ.1 พล.ต.ต.ทวิตชาติ พละศักดิ์ ผบก.สส.ภ. 1  ได้ร่วมกันแถลงข่าวผลการจับกุมตัว กลุ่มมือปืนรับจ้างยิงนายจรัญ สุนทรพฤกษ์ กำนัน ต.อุทัย  อ.อุทัยจ.พระนครศรีอยุธยา เมื่อวันที่  17 พ.ค. ที่ผ่านมา  ได้ตัวผู้ต้องหา 2 คน ชื่อ นายปัญญา แสงเพ็ญจันทร์ อายุ 47 ปี อาชีพทำสวนยางพารา อยู่บ้านเลขที่ 55 ม. 1 ต.พระแก้ว อ.ภาชี  จ.พระนครศรีอยุธยา  ตามหมายจับของศาลจังหวัดพระนครศรีอยุธยา 287/2555 ลงวันที่ 9 มิ.ย.2555 และนายธีรเดช ไวจัทร์ อายุ 42  อาชีพรับจ้างทั่วไป อยู่บ้านเลขที่ 156 ม.11 ต.วังตะเฆ่ อ.หนองบัวระเหว จ.ชัยภูมิ  ตามหมายจับของศาลจังหวัดพระนครศรีอยุธยา 289/2555 ลงวันที่ 9 มิ.ย.2555 พร้อมรถยนต์ของกลาง  ยี่ห้อ เชฟโรเลต รุ่นซาฟิร่า สีบรอนด์ทอง  หมายเลขทะเบียน  ศช 7219 กทม.
โดย พล.ต.ต.ปิยะ  กล่าวว่า “การจับกุมผู้ต้องหาในครั้งนี้ สืบเนื่องจาก วันที่ 17 พ.ค. เวลาประมาณ 19 .00 น. ได้เกิดเหตุมีคนร้ายได้อาวุธปืนบุกเข้ายิง ยิงนายจรัญ สุนทรพฤกษ์  กำนัน ต.อุทัย อ.อุทัยจ.พระนครศรีอยุธยา จนเสียชีวิต ที่หน้าบ้านเลขที่ 40/1 ม.11  ต.อุทัย อ.อุทัย จ.พระนครศรีอยุธยา  จึงได้ส่งชุดสืบสวน  บก.สส.ภ.1 และ ภ.จว.พระนครศรีอยุธยา  ลงพื้นที่สืบหาตัวคนร้าย จนได้หลักฐานข้อมูลทราบว่า  กลุ่มมือปืนที่ยิงนายจรัญฯ จำนวน 3 คน คือนายธีรเดช ฯ , นายปัญญาฯ และนายนก ไม่ทราบชื่อสกุลจริง จึงได้ขออนุมัติขอออกหมายจับ พร้อมทั้งติดตามจับกุมตัวผู้ต้องหามาได้ จำนวน 2 คน พร้อมรถยนต์ของกลางที่ใช้ก่อเหตุ เมื่อวันที่ 10 มิ.ย.ที่ผ่านมา
ด้าน นายธีรเดช หนึ่งในผู้ต้องหา ได้รับสารภาพว่า “ตนได้ร่วมกับผู้ต้องหาอีก 2 คน ได้รับจ้างจาก คู่แข่งทางการเมืองท้องถิ่น ของนายจรัญ ได้ว่าจ้างเป็นจำนวนเงินคนละ  20,000 บ. โดยให้เงินเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินการอีกจำนวน 24,000 บ.  ซึ่งตนนั้นมีหน้าที่ขับรถพาผู้ต้องหา ไปยังหน้าบ้านเกิดเหตุ โดยมีนายปัญญาฯ เป็นผู้เหนี่ยวไกยิงผู้ตาย ด้วยปืนพกสั้น ขนาด 0.38  จำนวน 6 นัด จากนั้นนายนกฯ ผู้ต้องหาอีกหนึ่งคน เป็นผู้ยิงซ้ำ  ต่อมาจึงได้ทำการแยกย้ายกันหลบหนีไปกบดานที่ จ.สมุทรปราการ  โดยได้นำปืนของกลางที่ใช้ในกลางก่อเหตุ ไปขว้างทิ้งที่แม่นำเจ้าพระยา บริเวณ ด้านหนาศาลากลาง จ.สมุทรปราการ ต่อมาจึงได้ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าจับกุมตัวในขณะกำลังจะเดินทางกลับไปทำ สวนยางพารา ที่ จ.ชัยภูมิ
นอกจากนี้ยังทราบว่า กลุ่มมือปืนดังกล่าวและผู้จ้างวานในคดีนี้ ยังมีส่วนพัวพันในคดี อีกหลายคดีในพื้นที่ บช.ภ.1  ในเบื้องต้นพนักงานสอบสวน บก.ส.ภ.1 ได้แจ้งข้อหาร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน , ร่วมกันมีอาวุธปืนเครื่องกระสุนไว้ครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และร่วมกันพาอาวุธปืนไปในเมืองหมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต โดยไม่มีเหตุจำเป็น เร่งด่วนตามสมควรแก่พฤติการณ์  พร้อมทั้งเร่งติดตามผู้ต้องหาและผู้จ้างวานที่กำลังหลบหนี มาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

หมอชี้ซาเล้งน้ำกรดไม่ใช่โรคจิต



วันนี้ ( 12 มิ.ย.) นพ.สุรวิทย์ คนสมบูรณ์ รมช.สาธารณสุข เปิดเผยว่า เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ได้รับรายงานจาก นพ.ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ อธิบดีกรมสุขภาพจิต ว่า กรณีชายอายุ 50 ปี ขี่ซาเล้งเก็บของเก่าขาย ใช้น้ำยาล้างท่อ น้ำยาล้างห้องน้ำสาดใส่เหยื่อหลายรายนั้น ทางกรมสุขภาพจิตได้ส่งทีมจิตแพทย์และสหวิชาชีพเข้าไปประเมินสภาพจิตใจแล้ว โดยใช้หลักจิตวิทยา พบว่า สภาพจิตใจอยู่ในเกณฑ์ปกติ ไม่ถือว่าเป็นโรคจิต แต่เนื่องจากชายคนนี้มีประวัติการใช้ยาเสพติด จึงทำให้พูดจาสับสน วกวนเป็นครั้งคราว
  "กรณีนี้ทางกระทรวงสาธารณสุขได้ให้ความสนใจเป็นพิเศษ เนื่องจากอยู่ในความสนใจของประชาชน แต่ผลการประเมินออกมาแล้วว่าสภาพจิตใจปกติ ส่วนอารมณ์และพฤติกรรมที่ทำลงไปนั้น อาจมีผลมาจากยาเสพติด"นพ.สุรวิทย์ กล่าว

ด่วน! สตช.ประกาศการสอบตำรวจชั้นประทวนทั่วประเทศเป็นโมฆะ


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 14.00 น.วันนี้ (12 มิ.ย.) ที่ชั้น 20 อาคาร 1 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ ผบ.ตร.เป็นประธานการประชุมแนวทางการสืบสวนการทุจริตสอบคัดเลือกบุคคลภายนอก ที่จบวุฒิ ม.6 หรือเทียบเท่าเข้าเป็นข้าราชการตำรวจชั้นประทวน เมื่อวันที่ 10 มิ.ย.ที่ผ่านมา โดยมี พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ รอง ผบ.ตร.พล.ต.ท.จรัมพร สุระมณี ผู้ช่วย ผบ.ตร.พล.ต.ท.เรืองศักดิ์ จริตเอก ผบช.ศ.และตัวแทนจาก บช.ภ.2 , 3 , 5 , 6 เข้าร่วมประชุมด้วย โดยภายหลังประชุมจะมีการแถลงว่า จะยกเลิกการสอบหรือชะลอการประกาศผลสอบหรือไม่
โดย พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ กล่าวว่า วันนี้เป็นการประชุมเพื่อสรุปการสืบสวนการทุจริตการสอบ ซึ่งเบื้องต้นได้รับฟังข้อมูลจาก ผบช.ภ.3 ที่สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ 4 ราย พร้อมเครื่องส่งสัญญาณ โดยเชื่อว่าการก่อเหตุครั้งนี้ทำเป็นเครือข่ายขบวนการที่ใหญ่โต และขณะนี้ทางตำรวจรู้ตัวผู้อยู่เบื้องหลังหมดแล้ว ที่เชื่อว่าเป็นกลุ่มเดียวกันทั้งหมด โดยยอมรับว่าส่วนหนึ่งเป็นกลุ่มกวดวิชาหน้ามหาวิทยาลัยรามคำแหง รวมถึงมีเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามาเกี่ยวข้องที่สามารถจับกุมตัวได้แล้ว อย่างไรก็ตามขอยืนยันว่าข้อสอบไม่ได้รั่วออกไปอย่างแน่นอน แต่ขบวนการนี้มีลักษณะการก่อเหตุแบบส่งคนเข้าไปสอบ ก่อนส่งสัญญาณออกมานอกห้อง เพื่อให้กลุ่มขบวนการด้านนอกยิงสัญญาณเข้ามาอีกชั้นหนึ่ง ทั้งนี้ยังไม่ทราบตัวบุคคลที่รับหน้าที่เข้าไปส่งสัญญาณในห้องสอบ
“ขณะนี้ตำรวจรู้ขั้นตอนการทำงานของกลุ่มทุจริตนี้แล้ว จึงขอเตือนว่าเรารู้ว่าคุณทำมาหลายครั้ง ไม่ใช่เฉพาะการสอบตำรวจเท่านั้น พวกคุณร่ำรวยมากเป็นร้อยล้านแล้ว ฉะนั้นอย่าทำอีก โดยครั้งนี้เราไม่ปล่อยให้กระทำผิดซ้ำอีกและเราจะดำเนินคดีอย่างแน่นอน” ผบ.ตร.กล่าว
ด้าน พล.ต.ต.จักรทิพย์ โหละสุตสกุล รอง ผบช.ภ.3 กล่าวว่า ขั้นตอนการทุจริตการสอบครั้งนี้ในพื้นที่ จ.นครราชสีมา พบว่าจะมีการนัดแนะกับกลุ่มผู้ปกครอง โดยนำรถตู้ 3 คันไปรับผู้เข้าสอบ 30 คน เมื่อวันที่ 9 มิ.ย.ที่ผ่านมา เพื่อไปเข้าอบรมทำการเรียนรู้การใช้เครื่องสั่นที่โรงแรมวีวัน จ.นครราชสีมา ที่มีการจองห้องพักจำนวน 20 ห้อง และในช่วงเช้าวันที่ 10 มิ.ย.ที่เป็นวันสอบ จะมีการอบรมวิธีการซ่อนเครื่องรับสัญญาณว่า ควรจะแอบซ่อนไว้ตรงส่วนไหน รวมถึงบอกขั้นตอนว่าก่อนการสอบจะมีการส่งสัญญาณในลักษณะใด ซึ่งจากการสอบสวนพบว่า หลังจากเข้าห้องสอบประมาณ 1.30 ชั่วโมง จะมีการส่งสัญญาณให้เตรียมตัวเป็นจังหวะสั่นยาวๆ 2 ครั้ง ก่อนจะมีการส่งสัญญาณสั่นมาทีละข้อ ติดต่อกันจำนวน 120 ข้อ ซึ่งข้อ ก.สั่น 1 ครั้ง , ข.สั่น 2 ครั้ง , ค.สั่น 3 ครั้ง , ง.สั่น 4 ครั้ง เมื่อจบรอบแรกแล้ว จะมีการทวนคำตอบทั้งหมดอีก 1 รอบ
“ทั้งนี้ก่อนเข้าห้องสอบเราสามารถจับกุมได้ 7 คน ซึ่งตรงนี้แสดงว่ามีผู้หลงเหลือเข้าห้องสอบอีกประมาณ 23 คน แต่หลังสอบเสร็จเราสามารถจับกุมได้เพิ่ม 20 กว่าคน ซึ่งส่วนใหญ่ให้การทำนองเดียวกันว่ามาจาก จ.ศรีษะเกษ ฉะนั้นจึงเชื่อว่าเป็นขบวนการเดียวกันทั้งหมด จากนั้นตำรวจได้ขยายผลติดตามรถตู้ไปยังโรงแรมวีวัน ก่อนจับกุมผู้ต้องหาเพิ่มได้อีก 3 คน ประกอบด้วย นางเตือนใจ พงษ์พันธ์ อายุ 45 เป็นครูในโรงเรียนแห่งหนึ่งใน จ.ศรีษะเกษ และมีสามีเป็นนายดาบตำรวจที่ สภ.ศรีษะเกษ นายธนกร วิเศษ อายุ 36 ปี และนางศตพร วิเศษ อายุ 37 ปี เป็นครูเอกชนแห่งหนึ่งใน จ.ศรีษะเกษ ภรรยาของนายธนกร พร้อมของกลางเป็นเสื้อเชิ๊ตที่ติดเครื่องรับสัญญาณ” รอง ผบช.ภ.3 กล่าว  
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับผลการประชุมว่าจะยกเลิกการสอบหรือชะลอการประกาศผลสอบหรือไม่นั้น ในที่สุดได้ข้อสรุปว่าให้การสอบทั้งหมดเป็นโมฆะ และจะมีการสอบใหม่ทั่วประเทศ
ทางด้าน สำนักงานผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 อ.เมือง จ.นครราชสีมา  พล.ต.ท.ภาณุ เกิดลาภผล ผบช.ภ.3  เปิดเผยถึงความคืบหน้ากรณี จับกุมขบวนการโกงสอบเข้านายสิบตำรวจ ว่า ล่าสุด พ.ต.ท.อนันต์ พิมพ์เจริญ รองผู้กำกับงานสืบสวนสอบสวน สภ.เมืองนครราชสีมา นำหมายศาลจังหวัดนครราชสีมา เลขที่ 168 /2555 ลงวันที่ 11 มิ.ย.  มอบให้เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน นำโดย พ.ต.อ.วชิรวิชญ์ กฤษณ์ฤทธิศักดิ์ รอง ผบก.ภ.จว.นครราชสีมา  เข้าทำการจับกุมตัวนายดาชัย อุชุโกศลการ อายุ 42 ปี อยู่บ้านเลขที่  1/8  หมู่ 2 ต.ปงเตา อ.ลำปาง จ.ลำปาง  ผู้สมัครนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดลำปาง และ ประธานสมาพันธ์หมู่บ้านเสื้อแดงเพื่อประชาธิปไตยแห่งประเทศไทย  โดยออกหมายจับกุม ในข้อหาร่วมกันฉ้อโกงประชาชน หลังผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมได้ก่อน ได้ซักทอดว่าเป็นหนึ่งในผู้ที่อยู่เบื้องหลังขบวนการดังกล่าว
จากการตรวจสอบเบื้องต้นคาดว่าน่าจะมีการรวมตัวกันทำการทุจริตสอบมาแล้ว หลายครั้งในการสอบคัดเลือกบรรจุเข้าไปราชการหน่วยงานต่างๆ แต่ทั้งนี้รายละเอียดจะเป็นอย่างไรยังคงต้องอผลการสอบสวนที่ชัดเจนอีกครั้ง และขายผลจับกุมผู้ร่วมขบวนการต่อไป.

รวบแล้วแก็งปล้นบ้านแม่ลูกสาวย่านลาดพร้าว


วันนี้( 13 มิ.ย.) ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล(บช.น.) พล.ต.ต.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง รรท.ผบช.น. พล.ต.ต.พิสิฏฐ์ พิสุทธิ์ศักดิ์ พล.ต.ต.สาโรจน์ พรหมเจริญ รองผบช.น. พล.ต.ต.รณศิลป์ ภู่สาระ ผบก.สส.บช.น. ร่วมกันแถลงผลการจับกุม 1.นายมงคล หรือปุ้ย บุญเค็ม อายุ 24 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 716/55 ลงวันที่ 17 พ.ค. 2555 ในข้อหาร่วมกันปล้นทรัพย์ 2.นายดรัล หรือแม็ก แซ่ตั้ง อายุ 21 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 718/55 ลงวันที่ 17 พ.ค.2555 ในข้อหาร่วมกันปล้นทรัพย์ 3.น.ส.ธนนันท์ หรือจ๋า จิราภรณ์สิริกุล อายุ 26 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 863/55 ลงวันที่ 17 พ.ค.2555 ในข้อหาร่วมกันปล้นทรัพย์ และนายไนท์(นามสมมติ)อายุ 17 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลเยาวชน โดยจับกุมตัวนายมงคลได้ที่แฟลตการเคหะคลองเตย พร้อมพระเครื่อง 3 องค์ จับกุมตัวนายดรัลได้ที่ลุมพินีเพลสพระราม 9 ย่านห้วยขวาง และจับกุมตัวนายไนท์ได้ที่ย่านชุมชนคลองเตย
การจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 8 พ.ค. เวลาประมาณ 07.25 น. ได้มีคนร้ายจำนวน 4 คน บุกเข้าไปปล้นทรัพย์ภายในบ้านเลขที่ 312/30 หมู่บ้านเมอริท เพลส ซอยลาดพร้าว 87 แยก 10 แขวงคลองเจ้าคุณสิงห์ เขตวังทองหลาง ท้องที่สน.โชคชัย ซึ่งเป็นบ้านของน.ส.สาวิณี พิกุลหอม ได้ทรัพย์สินไปมูลค่ากว่า 1 ล้านบาท โดยจับผู้เสียหายซึ่งเป็นหญิงสาวและเด็กชายวัย 10 เดือน มัดเอาไว้ภายในบ้าน ก่อนจะรื้อค้นทรัพย์สินแล้วหลบหนีไป คดีดังกล่าวพล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ ผบ.ตร.ได้สั่งการให้เร่งรัดจับกุมให้ได้ เนื่องจากคนร้ายก่อเหตุอย่างอุกอาจในเวลาตอนเช้าและผู้เสียหายเป็นหญิงสาวคน แก่และเด็ก สร้างความหวาดกลัวให้กับประชาชนในพื้นที่ ซึ่งต่อมาเจ้าหน้าที่บก.สส.บช.น. ได้ทำการสืบสวนจนทราบเบาะแสของกลุ่มคนร้ายและดำเนินการจับกุมตัวเอาไว้ได้ใน ที่สุด
ด้านพล.ต.ต.พิสิฏฐ์ กล่าวว่า แก็งดังกล่าวมีนายขวัญชัย หรือดำ จุ้ยมณี อายุ 38 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 717/55 ลงวันที่ 17 พ.ค.2555 ในข้อหาร่วมกันปล้นทรัพย์ เป็นหัวหน้าแก็ง ซึ่งต่อมาเมื่อวันที่ 29 พ.ค. นายขวัญชัยได้ถูกยิงเสียชีวิตในพื้นที่จ.ปทุมธานี สาเหตุมาจากการขัดแย้งเรื่องยาเสพติด ส่วนคดีปล้นทรัพย์ที่เกิดขึ้นนั้นสืบเนื่องมาจาก น.ส.ธนนันท์ ซึ่งเป็นเพื่อนสนิทกับผู้เสียหาย และเป็นภรรยาของนายดรัลหนึ่งในผู้ต้องหา ได้พากลุ่มผู้ต้องหามาดูลาดเลาและเข้าปล้นบ้านของผู้เสียหาย เนื่องจากรู้ว่ามีทรัพย์สินอยู่ภายในบ้านจำนวนมากและมีแต่ผู้หญิงอาศัยอยู่ กันเพียงแค่ 3 คน เมื่อชุดจับกุมเชิญตัวมาสอบสวนน.ส.ธนนันท์ ก็ให้การรับสารภาพ ว่าเป็นคนชี้เป้าจริง โดยวันเกิดเหตุนายขวัญชัยเป็นคนคอยสั่งการและใช้ปืนจี้ผู้เสียหาย นายมงคลทำหน้าที่ถือปืน และดูต้นทางอยู่ด้านล่างในบ้านของผู้เสียหาย ส่วนนายดรัลและนายไนท์ทำหน้าที่จับผู้เสียหายมัดและรื้อค้น
จากการสอบถามน.ส.มณีวรรณ หรือจ๋า พิกุลหอม อายุ 24 ปี ผู้เสียหาย ให้การว่า ตนเป็นน้องสาวของน.ส.สาวิณี รู้จักกับน.ส.ธนนันท์ มาเกือบ 3 ปีแล้ว เนื่องจากก่อนหน้านี้เคยทำงานที่เดียวกัน แต่ปัจจุบันตนทำงานอยู่ที่พัทยาระหว่างที่เดินทางไปทำงานที่พัทยากับพี่สาว น.ส.ธนนันท์ก็ขอเดินทางไปด้วย เมื่อกลับมากรุงเทพฯก็ไปมาหาสู่กันตลอด โดยน.ส.ธนนันท์มักจะชอบพูดคุยโอ้อวดว่าเป็นคนมีฐานะและเคยทำงานเป็นแอร์ โฮสเตส จึงไม่ได้คิดเอะใจอะไร และยังเล่าให้น.ส.ธนนันท์ ฟังด้วยว่าพี่สาวมีสามีเป็นนักธุรกิจชาวมาเลเซีย เพิ่งจะซื้อบ้านหลังดังกล่าวได้ไม่นาน กำลังสั่งซื้อตู้เซฟเพื่อนำมาเก็บทรัพย์สินต่างๆ กระทั่งพาน.ส.ธนนันท์ไปที่บ้านหลังเกิดเหตุซึ่งน.ส.ธนนันท์ ก็ทำทีขอไปเข้าห้องน้ำและเดินสำรวจภายในบ้าน จนมาเกิดเหตุดังกล่าว ซึ่งตั้งแต่ที่มาเช่าบ้านหลังนี้เคยมีคนเดินทางมาเพียงแค่ 3 คน เท่านั้น ไม่คิดว่าเพื่อนที่รู้จักกันมานานจะทำเช่นนี้
สำหรับนายขวัญชัย หัวหน้าแก็งปล้นรายนี้ เป็นนักค้ายาเสพติดรายใหญ่ในแก็งท่าอิฐ เคยก่อเหตุใช้อาวุธปืนสงครามยิงถล่ม ด.ต.อรุณ แตงสมุทร และส.ต.อ.นพดล เหมือนติ เจ้าหน้าที่ตำรวจบก.สส.บช.น. ขณะทำการล่อซื้อยาบ้า เป็นเหตุให้ด.ต.อรุณ เสียชีวิต ส่วนส.ต.อ.นพดล ได้รับบาดเจ็บสาหัส เมื่อวันที่ 15 ธ.ค. 2553 ที่ผ่านมา

"สุรพงษ์" รับเป็นคนกลางประสาน "ฮิลลารี่" ยกเลิกเซ็งชั่นพม่า


ที่กรุงวอชิงตัน ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อเวลา 18.30น. วันที่(12มิ.ย.)ตามเวลาท้องถิ่น นายสุรพงษ์​ โตวิจักษณ์ชัยกุล รมว.ต่างประเทศ ซึ่งเดินทางเยือนสหรัฐอเมริกาในระหว่างวันที่ 11-17 มิ.ย. เปิดเผยว่า การเดินทางเยือนสหรัฐฯครั้งนี้ จะได้มีโอกาสพบปะและหารือทวิภาคีกับนางฮิลลารี คลินตัน รมว.ต่างประเทศสหรัฐฯ ในวันที่ 13 มิ.ย. ซึ่งก็จะได้หยิบยกปัญหาเรื่องพม่าเข้าไปพูดคุยด้วย เพราะสหรัฐฯเองก็อยากให้เราเป็นตัวเชื่อมกับพม่า เห็นได้จากช่วงที่ตนได้พบกับนางฮิลลารีในเวทีการประชุมเอเปค และตอนที่เดิน ทางไปยูเอ็น นางฮิลลารี่ก็ได้ส่ง รมช.ต่างประเทศมาพบอีก ซึ่งก็บอกไปไปว่าทิศทางของพม่าไปในทางบวก เป็นประชาธิปไตยและเกิดความปรองดองขึ้น
นายสุรพงษ์ กล่าวอีกว่า และเมื่อวันที่ 8 มิ.ย.ที่ผ่านมา ที่ตนได้เดินทางไปพบกับ รมว.ต่างประเทศพม่า เพื่อจะสอบถามความชัดเจนถึงกำหนดวันที่ พล.อ.เต็งเส่ง ประธานาธิบดีพม่ามาเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการ ซึ่งทางพม่าก็ฝากให้ไป ช่วยพูดกับสหรัฐฯ เรื่องยกเลิกการเซ็งชั่นทั้งหมด เพราะขณะนี้รัฐบาลออสเตรเลียก็ได้ยกเลิกการแซ็งชั่นพม่าทั้งหมดแล้ว
"ดังนั้นหากในการหารือนางฮิลลารี่ถามผมถึงเรื่องเมียนมาร์ ผมก็ต้องพูดแทนเมียนมาร์ ในฐานะที่ประเทศไทยเป็นเฟรนด์ออฟเมียนมาร์ โดยการขอให้สหรัฐฯยกเลิกการเซ็งชั่นให้ เพื่อเป็นการสนับสนุนพัฒนาการในเมียนมาร์ ซึ่งก็จะเป็นประโยชน์ต่อประชาชนในเมียนมาร์ รวมทั้งการดูแลผู้อพยพด้วย ซึ่งวันนี้มีค่ายผู้อพยพถึง 9 แห่งในประเทศไทย แนวโน้มอีกไม่นานก็คงจะย้ายกลับไปอยู่ประเทศเขาหลังจากที่สงบขึ้น ซึ่งได้ข่าวว่าทางการเมียนมาร์ก็พร้อมนำคนของเขากลับไปแล้วหลังจากสงบขึ้น มา"รมว.ต่างประเทศ กล่าวและว่า จากที่ได้พูดคุยกันพล.อ.เต็งเส่งจะเดินทางมาเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการ แน่นอน หลังจากที่ยกเลิกไปแล้วถึง 3 ครั้ง โดยจะเดินทางมาเยือนไทยประมาณสัปดาห์ที่ 3 ของเดือน ก.ค.นี้ เป็นเวลา 2 วัน ขณะนี้กำลังกำหนดวันและกำหนดการกันอีกครัั้งหนึ่ง

“ปุระชัย” แจงวอล์คเอาท์ไม่ลงมติ


เมื่อเวลา 10.00 น. วันนี้(13 มิ.ย.)  ร.ต.อ.ปุระชัย เปี่ยมสมบูรณ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ  ประธานพรรครักษ์สันติ ได้โพส์ข้อความลงในเฟสบุ๊ค โดยระบุถึงเหตุผลในการประชุมร่วมรัฐสภาวันที่ 12 มิ.ย.55  ซึ่งพรรครักษ์สันติไม่ร่วมลงมติด้วยการวอล์คเอาต์ ในการลงมติเกี่ยวกับ การเห็นชอบหรือไม่เห็นชอบกับคำสั่งของศาลรัฐธรรมนูญที่แจ้งมายังเลขาธิการ สภาผู้แทนราษฎร เนื่องจากตนเห็นว่าการให้เกียรติกันระหว่างอำนาจสูงสุดของรัฐเป็นสิ่งสำคัญ ที่ต้องรักษาไว้ การที่อำนาจหนึ่งจะมีมติใดกับอำนาจอื่นต้องใช้ความระมัดระวัง เพราะอำนาจทั้ง3  ได้แก่ อำนาจบริหาร นิติบัญญัติ และตุลาการ เป็นเสาหลักค้ำจุนเอกราชและอธิปไตยของประเทศ ความเคารพซึ่งกันและกันจึงจำเป็นอย่างยิ่ง

บี้ศรภ.-กลาโหม ริบรถกันกระสุนคืนจาก“มาร์ค-เทพเทือก


ที่รัฐสภาวันนี้(13 มิ.ย.) นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ โฆษกพรรคเพื่อไทย ในฐานะรองประธานคณะกรรมาธิการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ สภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า ตามที่มีข่าวรถยนต์นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้านเกิดอุบัติเหตุระหว่างขึ้นลานจอดรถรัฐสภา ซึ่งเป็นรถกันกระสุนยี่ห้อแลนด์โรเวอร์ จัดซื้อสมัยศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน(ศอฉ.)จำนวน 20 คัน ราคาคันละกว่า 16 ล้านบาทนั้น ล่าสุดได้ส่งหนังสือสอบถามไปยัง พล.ต.ต.ธวัช บุญเฟื่อง รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี และจะสอบถามไปยัง พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รมว.กลาโหม เนื่องจากรถล๊อตดังกล่าวอยู่ในความดูแลของศูนย์รักษาความปลอดภัย(ศรภ.)ว่า ได้มีการทำเรื่องส่งคืนหรือยัง ขอให้ตรวจสอบว่ายังอยู่ที่ใครบ้าง เพราะทราบมาว่าจนถึงวันนี้นายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตรองนายกรัฐมนตรี ก็ยังใช้รถดังกล่าวอยู่ ดังนั้นอาจเข้าข่ายกระทำผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 ฐานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ รวมถึงอาจเข้าข่ายยักยอกของหลวง
นายพร้อมพงศ์ กล่าวอีกว่า ขณะเดียวกันยังเข้าข่ายกระทำผิดพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและ ปราบปรามการทุจริต ที่ห้าม ส.ส.รับเงินหรือสิ่งของที่มีมูลค่าเกินกว่า 3,000 บาท วันที่เป็นนายกฯหรือมีตำแหน่งทางการบริหารท่านสามารถใช้รถหลวงเหล่านี้ได้ แต่วันนี้มาเป็นผู้นำฝ่ายค้าน ขณะที่นายสุเทพก็เป็นส.ส.ธรรมดา ดังนั้นอย่าลักไก่ใช้รถหลวง และยังทราบด้วยว่าวันนี้นายอภิสิทธิ์ก็เบิกใช้รถประจำตำแหน่งผู้นำฝ่ายค้าน ด้วย ถ้าจะอ้างเรื่องความไม่ปลอดภัย ตนก็คงต้องทำเรื่องถึงหน่วยงานเพื่อขอใช้รถยนต์กันกระสุนบ้าง เพราะทุกวันนี้ก็ถูกปองร้ายเช่นกัน คนเป็นส.ส. เป็นคนของประชาชน ทำไมต้องกลัวประชาชน อย่าไปกลัวตาย เมื่อเทียบกับข้าราชการทั่วไปเวลาถูกโยกย้ายหรือเกษียณอายุราชการ ต้องคืนของให้หลวง แต่ทำไมนายอภิสิทธิ์พ้นตำแหน่งไปแล้วจึงไม่ยอมคืน ทำไมจริยธรรมต่ำขนาดนี้

“จุรินทร์” จวก สภาฯนัดประชุมแก้เกี้ยวหนีข้อหาขยายสมัยประชุมฯ



ที่รัฐสภา วันนี้ ( 13 มิ.ย.) นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) กล่าวว่า การที่ประธานสภานัดประชุมสภาวันที่ 13 มิ.ย. ถือเป็นการนัดประชุมเพื่อเป็นการแก้เกี้ยวหลบข้อหาว่าขยายสมัยประชุมเพียง เพื่อพิจารณาการแก้รัฐธรรมนูญและกฎหมายล้างผิดแต่เพียง 2 เรื่องเท่านั้น แต่ในการลงมติในการประชุมรัฐสภาเมื่อวันที่12 มิ.ย.ที่ผ่านมา สะท้อนว่า พรรคเพื่อไทยและพรรคแกนนำรัฐบาลมีปัญหาในเรื่องของความคิดที่แตกต่างกัน โดยหลายคนเห็นว่าหากไม่รับฟังคำสั่งของศาลรัฐธรรมก็อาจจะมีปัญหาต่อการลงมติ ในวาระ 3 และอาจมีปัญหาติดตัวไปด้วย อีกทั้งยังเกรงว่าเรื่องนี้จะเป็นปัญหากับ น.ส.ยิ่งลักษณ์  ชินวัตร  นายกรัฐมนตรี เพราะการเร่งรัดลงมติในวาระ 3 ในร่างรัฐธรรมนูญที่ยังมีปัญหาก็เท่ากับว่าเอารัฐธรรมนูญที่มีปัญหามีมลทิน ไปให้นายกฯนำขึ้นทูลเกล้าฯภายใน 20 วัน ถือเป็นเรื่องที่ไม่บังควรอย่างยิ่ง นอกจากนี้ยังมี ส.ว.หลายคนที่ไม่เห็นด้วยเพราะถือว่าคำสั่งศาลเป็นคำสั่งที่ชอบด้วยกฎหมาย
“อย่างไรก็ตามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้นเป็นแค่การถอดชนวนเพื่อให้ความขัด แย้งยุติชั่วคราว ผมเชื่อว่าเรื่องนี้ยังไม่จบและยังมีความพยายามที่จะต้องผลักดันอย่างน้อย  2 เรื่องคือ การแก้รัฐธรรมนูญและการผลักดันกฎหมายล้างผิดเพราะถือเป็นเป้าหมายสำคัญที่จะ ต้องทำให้เสร็จตามใบสั่งซึ่งชนวนความขัดแย้งก็ยังคงค้างคาอยู่เพียงแต่รอว่า จะปะทุขึ้นมาเมื่อไหร่เท่านั้น” นายจุรินทร์ กล่าว
ส่วนกรณีที่นายอัชพร จารุจินดา เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา ระบุหากคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญนั้นเป็นไปอย่างไม่ชอบฝ่ายนิติบัญญัติ สามารถออกกฎหมายมาล้างคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญได้นั้น  นายจุรินทร์ กล่าวว่า เป็นเรื่องในอนาคต เพราะ 3 อำนาจทั้งฝ่ายบริหาร ฝ่ายนิติบัญญัติ และฝ่ายตุลาการก็คานกันอยู่ซึ่งศาลก็มีอำนาจในฐานะตุลาการฝ่ายนิติบัญญัติก็ มีอำนาจในการออกกฎหมาย ทั้งนี้เรื่องทั้งหมดต้องอยู่ที่ความสมดุลระหว่างแต่ละอำนาจว่าควรจะเป็น อย่างไร ซึ่งตนมองว่าปัจจุบันไม่ได้มีปัญหาเรื่องอำนาจถ่วงดุลแต่มีปัญหาเรื่องตัว บุคคลที่ไม่พอใจศาล และนำมาซึ่งความคิดที่ต้องการไปลบล้างอำนาจศาลโดยการแก้ไขรัฐธรรมนูญหรือ ดำเนินการด้วยวิถีทางใดวิถีทางหนึ่ง

จวกสภาฯนัดประชุมแก้เกี้ยวหนีข้อหาขยายสมัยประชุมฯ


ที่รัฐสภา วันนี้(13 มิ.ย.) นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) กล่าวว่า การที่ประธานสภานัดประชุมสภาวันที่ 13 มิ.ย. ถือเป็นการนัดประชุมเพื่อเป็นการแก้เกี้ยวหลบข้อหาว่าขยายสมัยประชุมเพียง เพื่อพิจารณาการแก้รัฐธรรมนูญและกฎหมายล้างผิดแต่เพียง 2 เรื่องเท่านั้น แต่ในการลงมติในการประชุมรัฐสภาเมื่อวันที่12 มิ.ย.ที่ผ่านมา สะท้อนว่า พรรคเพื่อไทยและพรรคแกนนำรัฐบาลมีปัญหาในเรื่องของความคิดที่แตกต่างกัน โดยหลายคนเห็นว่าหากไม่รับฟังคำสั่งของศาลรัฐธรรมก็อาจจะมีปัญหาต่อการลงมติ ในวาระ 3 และอาจมีปัญหาติดตัวไปด้วย อีกทั้งยังเกรงว่าเรื่องนี้จะเป็นปัญหากับ น.ส.ยิ่งลักษณ์  ชินวัตร  นายกรัฐมนตรี เพราะการเร่งรัดลงมติในวาระ 3 ในร่างรัฐธรรมนูญที่ยังมีปัญหาก็เท่ากับว่าเอารัฐธรรมนูญที่มีปัญหามีมลทิน ไปให้นายกฯนำขึ้นทูลเกล้าฯภายใน 20 วัน ถือเป็นเรื่องที่ไม่บังควรอย่างยิ่ง นอกจากนี้ยังมี ส.ว.หลายคนที่ไม่เห็นด้วยเพราะถือว่าคำสั่งศาลเป็นคำสั่งที่ชอบด้วยกฎหมาย
“อย่างไรก็ตามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้นเป็นแค่การถอดชนวนเพื่อให้ความขัด แย้งยุติชั่วคราว ผมเชื่อว่าเรื่องนี้ยังไม่จบและยังมีความพยายามที่จะต้องผลักดันอย่างน้อย  2 เรื่องคือ การแก้รัฐธรรมนูญและการผลักดันกฎหมายล้างผิดเพราะถือเป็นเป้าหมายสำคัญที่จะ ต้องทำให้เสร็จตามใบสั่งซึ่งชนวนความขัดแย้งก็ยังคงค้างคาอยู่เพียงแต่รอว่า จะปะทุขึ้นมาเมื่อไหร่เท่านั้น” นายจุรินทร์ กล่าว
ส่วนกรณีที่นายอัชพร จารุจินดา เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา ระบุหากคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญนั้นเป็นไปอย่างไม่ชอบฝ่ายนิติบัญญัติ สามารถออกกฎหมายมาล้างคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญได้นั้น  นายจุรินทร์ กล่าวว่า เป็นเรื่องในอนาคต เพราะ 3 อำนาจทั้งฝ่ายบริหาร ฝ่ายนิติบัญญัติ และฝ่ายตุลาการก็คานกันอยู่ซึ่งศาลก็มีอำนาจในฐานะตุลาการฝ่ายนิติบัญญัติก็ มีอำนาจในการออกกฎหมาย ทั้งนี้เรื่องทั้งหมดต้องอยู่ที่ความสมดุลระหว่างแต่ละอำนาจว่าควรจะเป็น อย่างไร ซึ่งตนมองว่าปัจจุบันไม่ได้มีปัญหาเรื่องอำนาจถ่วงดุลแต่มีปัญหาเรื่องตัว บุคคลที่ไม่พอใจศาล และนำมาซึ่งความคิดที่ต้องการไปลบล้างอำนาจศาลโดยการแก้ไขรัฐธรรมนูญหรือ ดำเนินการด้วยวิถีทางใดวิถีทางหนึ่ง

ปภ.รายงานน้ำท่วมฉับพลันแล้ว 9 จังหวัด ขอพื้นที่เสี่ยงภัยระวังในระยะสัปดาห์นี้




วันนี้ ( 13 มิ.ย.) นายวิบูลย์ สงวนพงศ์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) กล่าวว่าปัจจุบัน มีพื้นที่ประสบสถานการณ์อุทกภัยแล้ว 9  จังหวัด ได้แก่ ระนอง ชุมพร สุราษฎร์ธานี กระบี่ พังงา นครศรีธรรมราช สุโขทัย พิษณุโลก และปราจีนบุรี   โดยส่วนใหญ่สถานการณ์คลี่คลายแล้ว และอยู่ระหว่างการฟื้นฟูพื้นที่
นายวิบูลย์กล่าวอีกว่า ขอแจ้งประชาชนที่อาศัยบริเวณที่ราบต่ำริมทางน้ำไหลผ่าน ที่ลาดเชิงเขา พื้นที่ชายฝั่งทะเล และพื้นที่เสี่ยงภัยของจังหวัด ระมัดระวังอันตรายในระยะ 5- 6 วันนี้ และหากประชาชนได้รับความเดือดร้อนจากสถานการณ์อุทกภัย สามารถติดต่อขอความช่วยเหลือทางสายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อประสานและให้ความช่วยเหลือโดยด่วน

สดศรี ชี้ รธน.ควรแก้ไขเพิ่มสัดส่วนผู้หญิงทางการเมืองให้มากขึ้น ชม นายกฯ ปู ทำงานไร้ตำหนิ พร้อมแนะควรมีบทบาทผู้นำมากกว่า นี้



วันนี้ ( 13 มิ.ย.)นางสดศรี สัตยธรรม กกต. ด้านกิจการพรรคการเมือง กล่าวภายหลังการปาฐกถาพิเศษว่า บทบาทของสตรีในประเทศไทยยังมีน้อยอยู่ แม้ในรัฐธรรมนูญจะบัญญัติให้สัดส่วนของสตรีในทางการเมืองนั้นใกล้เคียงกับ ผู้ชาย แต่ขณะนี้นักการเมืองผู้หญิงมีเพียง 15 เปอร์เซ็นต์ ต่อไปควรจะต้องให้ผู้หญิงมีบทบาทมากขึ้น ซึ่งในการแก้ไขรัฐธรรมนูญก็ควรระบุสัดส่วนของผู้หญิงให้มีส่วนร่วมทางการ เมืองให้มากยิ่งขึ้นกว่าเดิม อย่างที่หลายประเทศในอาเซียนที่กำหนดให้ผู้หญิงมีบทบาททางการเมืองมาก
ส่วนบทบาทหน้าที่ของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีนั้น กกต.หญิงกล่าวว่า ถือว่าเป็นผู้หญิงเก่งคนหนึ่ง แสดงให้เห็นถึงศักยภาพการเป็นผู้นำได้ดีคนหนึ่ง และสิ่งที่ท่านปฏิบัติก็ยังไม่มีข้อตำหนิใดๆ อาจจะบางครั้งที่พูดว่า “เอาอยู่” จริงๆ แล้วไม่ใช่เรื่องสำคัญเลย ที่สำคัญคือการที่ท่านได้เข้ามารับใช้ประเทศ และได้แสดงความกล้าหาญในการตัดสินใจในแต่ละเรื่อง อย่างไรก็ตาม ตนเห็นว่าท่านควรจะมีบทบาทในเวทีอาเซียนมากยิ่งขึ้น เช่น การทำอย่างไรให้ผู้หญิงมีบทบาทในเวทีอาเซียนมากยิ่งขึ้น

“นายกฯปู”หนุนชะลอโหวตวาระ3 ลั่นรัฐบาลมีหน้าที่สร้างความปรองดอง


.
วันนี้ (12 มิ.ย.) รายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาล แจ้งว่า ก่อนเข้าสู่วาระการพิจารณา ได้มีการหยิบยกมติของวิปรัฐบาล ที่เสนอเสนอให้ปิดสมัยประชุมรัฐสภา สมัยสามัญนิติบัญญัติ ในวันที่ 19 มิ.ย.โดยนายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ซึ่งได้รับมอบหมายให้ประสานงานระหว่างรัฐบาลกับวิปรัฐบาล ได้แจ้งว่าวิปรัฐบาลมีมติที่จะโหวตไม่รับคำสั่งของศาลรัฐธรรมนูญ จากนั้นนายอำพน กิตติอำพน เลขาธิการครม. ได้แจ้งที่ประชุมว่ามี 2 เรื่อง ที่จะพิจารณาคือ พ.ร.ฎ.ปิดสมัยประชุมฯ และการทำคำชี้แจงของรัฐบาลส่งไปยังศาลรัฐธรรมนูญ  ซึ่งในเรื่องของการแก้ไขรัฐธรรมนูญนั้น มีรัฐมนตรีได้แสดงความเห็นค่อนข้างน้อย โดยร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ได้แสดงความเห็นโดยย้ำในท่าทีที่เคยชี้แจงในที่ประชุมพรรคเพื่อไทย และสภาผู้แทนราษฎร ที่เห็นว่าควรชะลอการลงมติวาระ 3 ไปก่อน ซึ่งเป็นความเห็นที่ตรงกับแนวทางของคณะกรรมการยุทธศาตร์พรรคเพื่อไทย ยกเว้นเพียงนายจาตุรนต์ ฉายแสง และพ.อ.อภิวันท์ วิริยะชัย ส.ส.บัญชีรายชื่อ ที่เห็นควรเดินหน้าลงมติในวาระ 3 ขณะที่นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รมช.เกษตรฯและสหกรณ์ ได้ชี้แจงถึงท่าทีของตัวเอง และส.ส.บางส่วนในพรรค ที่เห็นว่าควรเดินหน้าดำเนินการต่อ ทั้งนี้ที่ประชุมได้รับฟังความเห็นทั้งของร.ต.อ.เฉลิม และนายณัฐวุฒิ แต่ไม่ได้แสดงความเห็นเพิ่มเติม

ด้าน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี  ได้ฟังการหารือของทั้งร.ต.อ.เฉลิม และนายณัฐวุฒิ และกล่าวขึ้นว่า “ หน้าที่ของรัฐบาลคือการบริหารราชการแผ่นดิน  ซึ่ง 3 อำนาจอธิปไตย ต้องแยกกันให้ชัดเจน เราไม่ก้าวล่วง  รัฐบาลมีหน้าที่สร้างความสงบสุข และจะทำทุกอย่างให้เกิดความสงบสุข ซึ่งท่าทีของน.ส.ยิ่งลักษณ์ เห็นด้วยกับแนวทางของร.ต.เฉลิม  จากนั้นที่ประชุมจึงหารือกันในเรื่องคำชี้แจงของรัฐบาลไปยังศาลรัฐธรรมนูญ โดยนายอัชพร จารุจินดา เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา กล่าวต่อที่ประชุมว่า รัฐธรรมนูญจะขัดรัฐธรรมนูญได้อย่างไร เพราะโดยหลักการแล้ว เมื่อเป็นรัฐธรรมนูญแล้ว รัฐธรรมนูญเก่าก็ต้องตกไป ทั้งนี้ในท้ายที่สุดที่ประชุมเห็นชอบเรื่องปิดสมัยประชุมและการส่งคำชี้แจง ต่อศาลรัฐธรรมนูญ ขณะที่นายณัฐวุฒิ ได้แต่นั่งรับฟังโดยไม่ได้กล่าวอะไรอีก

รายงานข่าวแจ้งว่า ก่อนหน้านั้น ร.ต.อ.เฉลิม ได้พูดคุยนอกรอบกับนายธงทอง จันทรางศุ ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ผอ.สำนักข่าวกรอง โดยกล่าวในทำนองชื่นชมนายณัฐวุฒิ ถึงการทำงานทางการเมือง  แต่ระบุว่าเสียอย่างเดียวที่นายณัฐวุฒิ อารมณ์ร้อน และพูดคุยในวงสนทนาว่า เรื่องนี้เหมือนเราเล่นว่าวที่ต้องรู้จักผ่อนหนักผ่อนเบาบ้าง เราต้องพิจารณาให้รอบคอบในเรื่องอำนาจของตุลาการ

นายกฯตั้งเป้าเร่งขุดลอกแม่น้ำน้อยเสร็จก่อนเดือน ส.ค.นี้


วันนี้ (12 มิ.ย.) น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และคณะ ได้เดินทางไปที่วัดโพธิ์ชนไก่ ตำบลไม้ดัด อำเภอบางระจัน จังหวัดสิงห์บุรี เพื่อชมความพร้อมของประตูระบายน้ำลำชวด และได้ทักทายประชาชน โดยนายธีระ วงษ์สมุทร รมว.เกษตรฯ รายงานว่า โครงการขุดลอกแม่น้ำน้อยเป็นการใช้เรือขุดนำมวลดินออกจากแม่น้ำ และถือว่ามีความสำคัญ เพราะการเพิ่มประสิทธิภาพการตัดยอดน้ำและการระบายน้ำต้องใช้วิธีการขุดลอก แม่น้ำน้อยทั้งสาย เนื่องจากน้ำท่วมปีที่ผ่านมามีการระบายน้ำผ่านแม่น้ำน้อย 180 ลูกบาศ์กเมตรต่อวินาที ส่งผลให้เกิดน้ำล้นตลิ่ง ทั้งนี้จะมีการขุดลอกเป็น 3 ช่วง ซึ่งกรมชลประทานกำหนดระยะเวลาแล้วเสร็จในเดือนส.ค.นี้ อีกทั้งโครงการขุดลอกแม่น้ำน้อย หากเร่งการขนย้ายตะกอนดินที่ขุดจำเป็นต้องการสนับสนุนเพิ่มเติมหรือขอกำลัง เจ้าหน้าที่จากกองทัพเข้ามาช่วยเหลือ กรมชลประทานก็ยินดี

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า สามารถดำเนินการเพิ่มประสิทธิภาพการระบายน้ำได้เพียงพอหรือไม่ หากเป็นไปได้อยากให้ขุดลอกแล้วเสร็จก่อนเดือนส.ค.นี้ อีกทั้งตนขอให้รมว.เกษตรฯ และรมว.กลาโหม หารือความร่วมมือในการขุดลอกแม่น้ำน้อยเสร็จก่อนกำหนด เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับประชาชน

ต่อมา นายกรัฐมนตรี ได้เดินทางต่อไปยัง จ.ชัยนาท เพื่อลงเรือตรวจความก้าวหน้าการขุดลอกแม่น้ำเจ้าพระยา ช่วงสิงห์บุรี –ชัยนาท แต่ต้องยกเลิกกำหนดการล่องเรือ เพราะเกิดฝนตกอย่างหนัก ไม่สามารถเดินเรือได้ ทำให้นายกรัฐมนตรี และคณะ เดินทางไปที่เขื่อนเจ้าพระยา จ.ชัยนาท ทันที เพื่อชมการสาธิตการปฏิบัติการศูนย์บัญชาการกลาง(Single Command Center) จากทำเนียบรัฐบาล และรับฟังการบรรยายการบริหารระบบน้ำทั่วปรเทศ

ที่ จ.สิงห์บุรี น.ส.ยิ่งลักษณ์  ให้สัมภาษณ์ภายหลังการตรวจดูความคืบหน้าการก่อสร้างประตูระบายน้ำพระงาม ว่า จากที่ได้ฟังการชี้แจงของอธิบดีกรมชลประทานรายงานคือประตูระบายน้ำอันเก่า นั้นดำเนินการซ่อมและพร้อมใช้งานแล้ว และได้ปรับจุดประตูระบายน้ำใหม่เพื่อรองรับความสูงเพิ่มขึ้น คาดว่าใน 60 วันคือประมาณเดือน ส.ค.จะแล้วเสร็จ อย่างไรก็ตาม แม้ประตูระบายน้ำใหม่จะยังไม่เสร็จสมบูรณ์ แต่หากมีปริมาณฝนตกลงมามากก็ยังสามารถที่จะช่วยรองรับและระบายน้ำได้ สำหรับปัญหาที่ จ.สุโขทัย เท่าที่ได้รับรายงานวันนี้เหมือนเป็นการทดสอบระบบและการรองรับน้ำ ในส่วนของประตูหลักๆ นั้น ได้ดำนินการติดตามและดำเนินการซ่อมหมดแล้ว

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ในส่วนความเดือดร้อนของชาวจ.สุโขทัย รัฐบาลได้เข้าไปดำเนินการช่วยเหลือ โดยทางผู้ว่าราชการจังหวัดได้ไปจัดการดูแลเป็นที่เรียบร้อย ส่วนการบริหารจัดการน้ำในปีนี้เราจะดูตามหลักความสมดุลย์ โดยจะรักษาระดับขั้นต่ำของปริมาณน้ำในเขื่อนไว้ โดยดูความเหมาะสมว่าบางส่วนต้องผันไปใช้ในพื้นที่เกษตรกรรม เราจะไม่ยึดหลักเหมือนปีที่ผ่านมาว่าเป็นระดับน้ำที่นิ่ง คณะกรรมการจะนำตัวเลขต่างๆมาวิเคาะห์อีกครั้ง โดยดูที่ปริมาณว่าถ้าเกินก็จะปล่อยค่อยๆระบายลง แต่ถ้าปริมาณน้ำฝนน้อยลงก็จะเก็บรักษาไว้ ปัจจุบันได้มีการติดตามระดับน้ำฝนอย่างใกล้ชิด ต้องบอกว่าน้ำท่วมในขณะนี้เป็นเรื่องของน้ำท่วมฉับพลัน ซึ่งเกิดจากปริมาณน้ำฝนในแต่ละพื้นที่ ส่วนการแก้ปัญหารัฐบาลจะทำอย่างดีที่สุด แต่สิ่งที่ยืนยันได้คือเราจะไม่ปล่อยให้น้ำท่วมขังนานเหมือนปีที่ผ่านมา
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าการแก้ปัญหาน้ำท่วมในพื้นที่จังหวัดภาคใต้มีความ คืบหน้าอย่างไรบ้าง นายกรัฐมนตรี ไม่ตอบคำถามดังกล่าว ก่อนที่จะเดินเลี่ยงไปตรวจดูสภาพความพร้อม

ด้านนายเลิศวิโรจน์ โกวัฒนะ อธิบดีกรมชลประทาน เปิดเผยว่า เรื่องปัญหาน้ำเหนือที่มีข่าวว่ามีปริมาณน้ำมากในขณะนี้นั้น ยืนยันว่าปริมาณน้ำยังมาในเกณฑ์ปกติ ที่ จ.สุโขทัย สภาพล่องน้ำยังใช้ได้ดีอยู่ ปริมาณน้ำก็ยังอยู่ต่ำกว่าตลิ่ง แต่ช่วงที่มีปัญหาเนื่องจากคันของท้องถิ่นขาดทำให้น้ำไหลเข้าไปท่วมพื้นที่ ของเกษตรกรเล็กน้อย ยืนยันว่าสถานการณ์ไม่น่าเป็นห่วงทุกอย่างยังอยู่ในเกณฑ์ปกติ ทั้งนี้ยืนยันว่าประตูระบายน้ำที่ จ.สุโขทัยส่วนใหญ่แล้วเสร็จหมดแล้ว ที่เกิดปัญหาเป็นพื้นที่จุดเล็กๆเท่านั้น
เมื่อถามว่าการปรับระดับน้ำในเขื่อนเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้หรือไม่ อธิบดีกรมชลประทาน กล่าวว่า ตามนโยบายที่รัฐบาลวางไว้ พร้อมการมอบหมายให้ดูแลเรื่องอุทกภัยปัจจุบันเรามีพื้นที่มากกว่าปีที่ผ่าน มา 1,600 ล้าน ลบ.ม. หมายความว่าเรามีพื้นที่รอรับน้ำมากกว่าปีที่แล้ว ส่วนการระบายน้ำก็เป็นการระบายตามสถานการณ์ที่กรมอุตตุนิยมวิทยาแจ้งมา

“ ความจริงเหตุการร์น้ำท่วมวันนี้ที่เกิดขึ้นนั้นเป็นเหตุน้ำท่วมฉับพลัน เป็นสภาพน้ำหลาก ไม่ใช่น้ำที่เอ่อขึ้นจากแม่น้ำ ถือว่าปริมาณน้ำในแม่น้ำยังอยู่ในเกณฑ์ปกติ ส่วนการบริหารจัดการน้ำในปีนี้เราจะดูตามหลักความสมดุลย์” อธิบดีกรมชลประทาน กล่าว

ยิ่งลักษณ์ดูเขื่อนเจ้าพระยาฟังข้อมูลเตรียมรับมือน้ำท่วม


วันนี้ (12 มิ.ย.) นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี พร้อมคณะ ได้เดินทางมาถึงเขื่อนเจ้าพระยา จ.ชัยนาท เพื่อชมการสาธิตการปฏิบัติการศูนย์บัญชาการกลาง (Single Command Center) จากทำเนียบรัฐบาล และรับฟังการบรรยายการบริหารระบบน้ำทั่วประเทศ โดยนายสุพจน์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รองปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า สถานการณ์การรับมือตอนนี้ถือว่าดีอยู่แล้ว เพราะปริมาณน้ำฝนไม่เพิ่มกว่าที่คาดการณ์  ส่วนปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ทั่วประเทศ มีประมาณ 3.7 หมื่นล้านลบ.ม. น้อยกว่าปีที่แล้ว 2 เปอร์เซ็นต์
สำหรับปริมาณน้ำที่จะมาในกรณีที่หนักสุด คือ 2.8 หมื่นล้านลบ.ม. มากกว่าปีที่แล้วเล็กน้อย ซึ่งต้องมีการผันลงคลองธรรมชาติโดยเร็วที่สุด โดยยังรับได้ แม่น้ำเจ้าพระยามีโอกาสที่เกิดน้ำล้นได้ในพื้นที่เป็นฟันหลอ ตนจึงขอเสนอให้เปิดประตูระบายน้ำที่เขื่อนเจ้าพระยา

ด้านนายรอยล จิตรดอน กรรมการนโยบายน้ำและอุทกภัยแห่งชาติ (กนอช.) กล่าวว่า เขื่อนป่าสักบริหารยากสุด เพราะค่าเฉลี่ยของน้ำที่ไหลเข้ามา 3 พันล้านลบ.ม.โดยเฉลี่ย แต่ครั้งนี้จะดูความรุนแรงอีกทีว่าฝนเหนือเขื่อนป่าสักเป็นอย่างไร ทั้งนี้มีการคาดการณ์ว่ามีโอกาสเกิดไต้ฝุ่นระดับ 2 ส่งผลต่อภาคอีสาน รวมถึงจ.แพร่ และน่าน  ปริมาณน้ำในตอนนี้ ภาคเหนือน้ำไหลเข้า 2.6 หมื่นล้านลบ.ม. ภาคอีสานมีน้ำมากกว่าและสูงกว่าปีที่แล้ว สิ้นเดือนนี้จะมีพายุเข้ามา ภาคตะวันตกยังไม่น่ากลัว แต่อาจจะมากขึ้นกว่าปีที่แล้ว ส่วนภาคใต้นั้น จากปริมาณน้ำฝนในช่วง 2 สัปดาห์ที่แล้ว ทำให้มีน้ำเพิ่มขึ้น เข้าเขื่อนรัชชประภา จ.สุราษฎร์ธานี มีประมาณ 122.27 ล้านลบ.ม.ต่อวัน ทั้งที่ตามปกติ น้ำในภาคใต้จะเข้าเขื่อนมากในเดือน ส.ค. แต่ปีนี้ถือว่าเปลี่ยนไปมาก

นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ศูนย์ดังกล่าวเป็นการนำข้อมูลทั้งหมดมาประมวลเพื่อใช้ในการวิเคราะห์ สั่งการ และเตือนภัย  ฝากโจทย์ให้กระทรวงมหาดไทยปรับระบบการเตือนภัยประชาชนภายใน 3 ชั่วโมงเมื่อเกิดเหตุ ซึ่งรวมถึงการจัดเตรียมที่พัก และการอพยพ  ถ้าเริ่มเก็บตัวเลขทั้งระบจะรู้ว่าที่ใดขุดลอกคูคลองไปแล้วบ้าง การระบายน้ำทำได้ แต่อาจมีน้ำแช่ขังบ้าง  อยากให้กบอ.ประเมินในสถานการณ์ที่แย่ที่สุดเพื่อให้เห็นว่าจะเป็นอย่างไร มีการเตรียมการไว้เป็นกรณีสำรอง  สอบถามเรื่องปริมาณน้ำในขณะนี้ว่าเป็นอย่างไรเพื่อใช้เป็นข้อมูลแจ้งต่อ ประชาชน  ครั้งนี้สบายใจขึ้นมาก เพราะโจทย์ที่ฝากไปได้มีการดำเนินการ และถือว่าเรามีข้อมูลชัดเจน ไม่ใช่ข้อมูลจากหน้ากระดาษเหมือนในปีที่แล้ว ซึ่งตนขอขอบคุณและขอชื่นชม นอกจากนี้ขอให้มีการนำข้อมูลต่างๆมารวมกันแล้วมีการวิเคราะห์เพื่อใช้ในการ แจ้งต่อประชาชน  รัฐบาลมีความต้องการใหเประชาชนเกิดความสบายใจ สามารถเข้าถึงแหล่งข้อมูล และการมีข้อมูลที่ถูกต้องจะทำให้เราสามารถแก้ปัญหาได้อย่างฉับพลัน การทำงานครั้งนี้ของแต่ละหน่วยงานถือว่าดีกว่าครั้งที่แล้ว.

“สามารถ” โวยโดนกลั่นแกล้ง ทำกกต.แจกใบเหลือง


วันนี้ ( 13 มิ.ย.) พ.ต.อ.นพ.สามารถ ม่วงศิริ ส.ส.กรงเทพฯ พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่ถูก กกต.แจกใบเหลืองว่า ยังไม่ทราบรายละเอียดและรู้สึกงงมาก และเหมือนมีการกลั่นแกล้งกัน ทำให้ตนนึกถึงกลอนของศรีปราชญ์ ที่ระบุในตอนท้ายว่า “เราบ่ผิดท่านมาล้าง ดาบนั้นคืนสนอง”สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้ตนรู้สึกว่าการเมืองเป็นเรื่องสกปรก และยิ่งทำให้ตนเบื่อการเมืองมากขึ้น สาเหตุที่ตนลงสมัครส.ส.ที่ผ่านมา เนื่องจากพื้นที่ดังกล่าว เป็นพื้นที่เก่าของต้นตระกูลจึงมีคนมาขอให้ชช่วยลงสมัคร เพราะไม่เช่นนั้นก็คงต้องยอมรับว่าจะต้องมีส.ส.ในลักษณะที่ฝั่งตรงข้ามส่งมา ลงสมัคร ความจริงตนเป็นแพทย์ ก็ไม่เดือดร้อนอะไรอยู่แล้ว
เมื่อถามว่า ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกฯ ดีใจอย่างออกนอกหน้า บอจะกว่าส่งนายวัน อยู่บำรุง บุตรชายลงสมัคร รู้สึกหนักใจหรือไม่ พ.ต.อ.นพ.สามารถ กล่าวว่า ไม่รู้ว่า เรื่องที่เกิดขึ้นมีธงอะไรอยู่หรือไม่ แต่เรื่องนี้ยังไม่จบ เพราะต้องไปสู้กันในศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้ง ซึ่งตนมั่นใจในความบริสุทธิ์  ต่อข้อถามว่าการที่บอกว่าเบื่อการเมือง แสดงว่า อาจถอดใจไม่ลงสมัครหากที่สุดแล้วศาลตัดสินให้ใบเหลือง พ.ต.อ.นพ.สามารถ กล่าวว่า ยังตอบไม่ได้ ตอนนี้ขอรวบรวมข้อเท็จจริงเพื่อสู้คดีในศาลก่อน อย่างไรก็ตามเมื่อเกิดเหตการณ์ขึ้น ก็มีคนในพรรคหลายคนมาให้กำลังใจหลายคน

“สดศรี” แนะควรเปิดเวทีปาถก ระหว่า นิติบัญญัติ-ตุลาการรธน. ทราบความเข้าใจปชช. พร้อมระบุควรรอศาลวินิจฉัยก่อนเดินหน้าวาระ 3


วันนี้ (13 มิ.ย.) ที่โรงแรมเซ็นทรา ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติฯ นางสดศรี สัตยธรรม กกต.ด้านกิจการพรรคการเมือง กล่าวถึงกระแสวิพากษ์วิจารณ์ว่าขณะนี้จะเกิดตุลาการภิวัฒน์ ที่อาจจะนำไปสู่ความขัดแย้งในสังคมว่า บทบาทของตุลาการไม่ใช่พึ่งจะมี แต่การทำหน้าที่ของตุลาการต้องยึดหลักกฎหมายเป็นสำคัญในฐานะที่ตนเคยเป็น ตุลาการมาก่อน เรายึดถือกฎหมายในการวินิจฉัยในการตัดสินใดๆ การเมืองก็ดีก็ไม่น่าเป็นอุปสรรค ที่ทำให้บทบาทของตุลาการผิดผันไป ตุลาการต้องยึดตัวบทกฎหมายเป็นสำคัญ ในการที่จะพิจารณาใดๆก็ตามอาจจะมีมุมมองว่ากฎหมายสามารถตีความได้หลายลักษณะ ซึ่งการตีความนี้ขึ้นอยู่กับมุมมองของฝ่ายที่ได้ประโยชน์ หรือฝ่ายที่เสียประโยชน์เป็นสำคัญ เพราะฉะนั้นตุลาการคงจะใช้บทบาทในฐานะเป็นตุลาการจริงๆ ไม่ใช่นักการเมือง

เมื่อถามว่า มองว่าประเด็นที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งให้ชะลอการพิจารณาการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ในวาระที่ 3 จะส่งผลต่อความขัดแย้งต่อฝ่ายนิติบัญญัติหรือไม่ นางสดศรี กล่าวว่า ที่จริงน่าจะคุยกันได้ในลักษณะที่ 2 องค์กรสำคัญของประเทศต้องมาจับเขาคุยกันในลักษณะว่า เรื่องที่ตุลาการวินิจฉัยนั้นท่านเข้าใจอย่างไร และควรเปิดเวทีปาถกกันจริง ว่าตุลาการทำอะไรผิดพลาดหรือไม่ถูกต้องอะไร   ต้องเปิดเวทีพูดและทางตุลาการต้องบอกความจริงว่าสิ่งที่ตุลาการทำไปเป็น อย่างไร ตรงตามตัวบทกฎหมายหรือไม่ น่าจะเป็นการพูดคุยกันทั้ง 2 ฝ่าย

เมื่อถามอีกว่า ในฐานะที่เคยเป็นตุลาการมองว่าเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นการก้าวล่วงอำนาจกัน หรือไม่ นางสดศรี กล่าวว่า เป็นมุมมองของแต่ละฝ่าย ฝ่ายที่มองแล้วว่าไม่ถูกต้อง  ก็คือเสียประโยชน์ อีกฝ่ายหนึ่งได้ประโยชน์ก็บอกว่าถูกต้อง เพราะฉะนั้นเราจะทำอย่างไรจับคน 2 ฝ่ายมาอยู่กึ่งกลางกันให้ได้ ประชาชนต้องมองบทบาทของทั้งด้านนิติบัญญัติ และตุลาการ ว่า ท่านล้ำเส้นกันหรือเปล่า ควรจะพิจารณาในบทบาทของแต่ละฝ่ายอย่าให้เกิดเหตุการณ์ที่หมุนเวียนกลับไป กลับมากันอยู่ตลอดเวลาเหมือนในขณะนี้ เพราะเราเดินช้าไปกว่าประเทศเพื่อนบ้านแล้วหลายก้าว อยากให้เกิดความสมานฉันท์กัน แล้วอย่าใช้คำว่ากฎหมายเป็นการพลิกผันวิกฤติการเมือง

เมื่อถามว่า มองอย่างไรว่าสภาเลื่อนการลงมติร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญในวาระ 3 จะส่งผลต่อระยะเวลาในการตั้ง ส.ส.ร.หรือไม่ นางสดศรี กล่าวว่าคงไม่มีผลต่อการตั้งส.ส.ร.เพราะเป็นกระบวนการยุติธรรมที่ศาลขอเวลา ในการไต่สวนเมื่อไต่สวนอย่างไรการเดินหน้าของรัฐสภาจะดำเนินการต่อไป เชื่อว่าระยะเวลาที่ยืดออกไปอาจจะทำให้การเมืองไม่สับสนขึ้นมา ไม่มีการหักกันเหมือนด้วยการหักด้ามพร้าด้วยเข่า  ต้องยืดเวลาให้เกิดการโปร่งใสยิ่งขึ้น เมื่อตุลาการศาลรัฐธรรมนูญต้องกหารไต่สวนเรื่องนี้ก็ควรจะรอ เพราะการเดินหน้าต่อของวาระที่ 3 นั้นใช้เวลาแค่วันเดียว ดังนั้นควรที่จะให้เวลาตุลาการหน่อย เพราะเห็นว่าตุลาการก็มีกำหนดนัดวันไต่สวนไว้แล้ว ถ้ารีบร้อนทำ ถามว่าผลที่เกิดอาจมีทั้งดีและร้ายขึ้นมาก็ได้ ดังนั้นเมื่อขั้นตอนกระบวนการยุติธรรมเดินไปอย่างนี้เราต้องให้เวลา 

ถามย้ำว่า ที่ผ่านมาไม่เคยมีการวิพากษ์ วิจารณ์ว่าตุลาการก้าวล้ำอำนาจฝ่ายนิติบัญญัติ นางสดศรี กล่าว่า มุมมองของกฎหมายหรือการตีความกฎหมายอาจจะแตกต่างกัน ตุลาการก็ตีความว่าตุลาการเองก็มีอำนาจในการที่จะพิจารณาเรื่องนี้ก่อน ขณะเดียวกันรัฐบาลก็บอกว่ามีอำนาจดำเนินเรื่องต่อไป แต่ถามว่าเวลาเพียงไม่กี่วันจากนี้ไปไปถึงวันที่ 5 ก.ค.เป็นเวลาอีกไม่กี่วัน ไม่น่าทำให้ไม่เกิดปัญหาซ้อนปัญหากันขึ้นมา ส่วนตัวเห็นว่าควรให้เวลาศาลวินิจฉัยต่อไป และถ้าผลเป็นอย่างไรคงจะมาพูดกันในสภาดีกว่า นำไปดำเนินการที่ยังไม่ชัดเจนว่าตุลาการท่านจะวินิจฉัยอย่างไร ซึ่งจริงๆ อัยการสูงสุดวินิจฉัยแล้วว่าไม่เข้ามาตรา 68 ก็เป็นกระบวนการหนึ่งของอำนาจศาลเหมือนกัน คิดว่าถ้าเรารับร้อนทำอะไรไปในตอนนี้ต้องถามตัวเองว่าผลลัพท์จะเกิดอะไร จะแรงขึ้นหรือไม่ หรือเกิดปัญหาที่เราไม่ต้องการเช่นการปฏิวัติรัฐประหารเราคงไม่ต้องการแบบ นั้น ขอระยะเวลาให้ศาลพิจารณาระยะหนึ่ง ผลอออกมาอย่างไรก็ว่าไปเช่นนั้น

เช็กเฉือนหวิวกรีซยิง2เม็ดใน6นาทีแรก


6นาทีแรกเช็กเบิ้ลยิงนำห่างกรีซ
ศึกฟุตบอลยูโร 2012 เมื่อวันอังคารที่ 12 มิ.ย. ในกลุ่ม A คู่แรก ที่สนามมูนิชิปัล สเตเดี้ยม เมืองรอกลอว์ ประเทศโปแลนด์ ระหว่าง กรีซ พบกับ เช็ก ซึ่งเป็นนัดที่ 2 ของทั้งคู่ โดยผลนัดแรก กรีซ เสมอกับ "เจ้าภาพร่วม" โปแลนด์ 1-1 มี 1 คะแนน ขณะที่ เช็ก แพ้ รัสเซีย 1-4 ยังไม่มีแต้ม ทำให้นัดนี้ เช็ก ต้องเก็บชัยชนะให้ได้ เพื่อรักษาความหวังในการผ่านเข้าสู่รอบน็อกเอาต์ต่อไป หากปราชัยจะตกรอบทันที
เริ่มเกมได้แค่ 3 นาที เช็ก ขึ้นนำเร็วจากการยิงของ ปีเตอร์ ยิราเช็ค จากนั้นอีก 3 นาที เช็ก ได้ประตูหนีห่างเป็น 2-0 จากฝีเท้าของ วัคลาฟ ปิลาร์ เป็นประตูที่ 2 ของเขาในศึกยูโรครั้งนี้ นาที 22 กรีซ ต้องเปลี่ยนตัวคนแรก เนื่องจาก คอสตาส ชาลคิอัส โกลตัวจริงบาดเจ็บ ต้องส่งตัวสำรอง มิชาลิส ซิฟาคิส ลงมาเฝ้าเสาแทน ท้ายครึ่งแรก นาที 41 กรีซ เกือบตีไข่แตกได้ เมื่อ จอร์จอส โฟตาคิส โขกบอลเข้าไปซุกก้นตาข่าย แต่ผู้ช่วยผู้ตัดสินยกธงล้ำหน้า ทำให้ยังตามหลังอยู่ 0-2 เหมือนเดิม
กรีซได้แค่ตีไข่แตกพ่ายเช็ก1-2
เข้าสู่ครึ่งหลัง นาที 53 กรีซ ไล่ตามมาเป็น 1-2 จากความผิดพลาดของ ปีเตอร์ เช็ก ที่สับสนกับกองหลัง ทำให้รับบอลหลุดมือมาเข้าทางปืน ธีโอฟานิส เกคาส กองหน้าตัวสำรองของกรีซ ที่รับส้มหล่นยิงเข้าไปง่าย ๆ หลังตีไข่แตกได้ เกมของกรีซที่น่าจะคึกคักขึ้น กลับแผ่วลง ทำให้โอกาสยิงตีเสมอแทบไม่มี หมดเวลาการแข่งขัน เช็ก เฉือนหวิว กรีซ 2-1 ลงเล่น 2 นัด มี 3 คะแนน ฝ่าย กรีซ มีแต้มเดียวเท่าเดิมแข่งเท่ากัน

Blog Archive

Design Downloaded from ซ่อมคอมพิวเตอร์นอกสถานที่ รามคำแหง บางกะปิ | Free Textures | Web Design Resources