วันจันทร์ที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

ธนาคารบันนังสตาเปิดแล้ว หลังโจรวางบึ้ม


เมื่อช่วงเช้า วันนี้(16 ก.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า  ธนาคาร ทั้ง 4 แห่ง ได้แก่ ธ.กรุงไทย ธ.ออมสิน ธ.เพื่อการเกษตรและสหกรณ์เกษตร และ ธ.อิสลาม สาขาบันนังสตา  จ.ยะลา  ได้เปิดทำการตามปกติแล้ว หลังจากถูกคนร้ายลอบวางระเบิดตู้เอทีเอ็ม จนได้รับความเสียหาย เหตุเกิดเมื่อคืนวันที่ 13 ก.ค.ที่ผ่านมา  โดยบรรยากาศทั่วไป  ยังคงมีประชาชนมาใช้บริการธนาคารกันตามปกติ   ซึ่งส่วนใหญ่ก็จะมา ฝาก-ถอน ที่บริเวณด้านใน  เนื่องจาก ตู้เอทีเอ็ม ยังไม่สามารถทำธุรกรรมได้ ทั้งนี้  เจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร ฝ่ายปกครอง  ได้เพิ่มมาตรการในการลาดตระเวน  ดูแลพื้นที่  โดยเฉพาะสถานที่สำคัญ เช่นโรงเรียน โรงพยาบาล สถานที่ของรัฐ เพิ่มมากขึ้น เพื่อป้องกันการโจมตี

ด้าน นางรุจิรา  ยี่รัญศิริ รักษาการผู้ช่วยผู้จัดการธนาคารออมสิน สาขาบันนังสตา เปิดเผยว่า ขณะนี้ ทางธนาคารฯ ได้แจ้งไปยัง สาขาใหญ่เพื่อขอตู้เอทีเอ็ม มาใหม่ เนื่องจากตู้เดิมได้รับความเสียหายทั้งหมดไม่สามารถซ่อมแซมได้  คาดว่า อีกประมาณ 1 สัปดาห์ ก็จะได้ตู้ใหม่ ส่วนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ยอมรับว่า ยังรู้สึกตกใจ และหวาดกลัวอยู่ โดยไม่คาดคิดว่าจะเกิดเรื่องอย่างนี้กับธนาคาร ทั้ง 4 แห่งพร้อมกัน  อย่างไรก็ตาม  พนักงานทุกคนยังต้องทำงานปฏิบัติหน้าที่กันต่อไป..

ตร.คาดคดีน้องเบิร์ดดับคาห้องหนีไฟ คนร้ายยังอยู่ในอาคาร


วันนี้ (16 ก.ค.)ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ต.พิสิฎฐ์  พิสุทธิศักดิ์ รอง ผบช.น. ดูแลงานสืบสวน เปิดเผยความคืบหน้าคดีที่ ด.ช.อรรถสิทธิ์ ลีเลิศยุทธ  หรือน้องเบิร์ด อายุ13 ปี นักเรียน ชั้น ม.1 โรงเรียนวชิรธรรมสาธิต ที่ถูกคนร้ายใช้ของแข็งทุบหัวเสียชีวิตอย่างมีปริศนา ที่บริเวณ ทางลงบันไดหนีไฟ ระหว่างชั้น 3 – 4  ภายในอาคารยงเจริญคอมเพล็กซ์ ซ.สุภาพงษ์ 1แขวงหนองบอน  เขตประเวศ กรุงเทพ เหตุเกิดเมื่อวันที่ 13 กรกฎาคม ที่ผ่านมา ว่า  ขณะนี้ให้ฝ่ายสืบสวนตรวจสอบห้องพักทั้ง 180 ห้องในอาคารดังกล่าวว่ามีใครเคยรู้จักผู้ตาย และผู้ตายเคยเข้าไปที่ห้องใดบ้าง ซึ่งแต่ละห้องมีใครอยู่บ้าง ยังพักกันอยู่ครบถ้วนหรือไม่ มีใครหายไปบ้าง รวมถึงมีใครได้ยินเสียงในวันเกิดเหตุหรือไม่

พล.ต.ต.พิสิฎฐ์ กล่าวอีกว่า  ส่วนภาพจากกล้องวงจรปิดที่จับภาพชาย 3 คนเข้ามาในอาคารนั้น ได้นำตัวไปตรวจสอบหมดแล้วแต่ไม่พบพิรุธ เบื้องต้นเชื่อว่าคนร้ายน่าจะอยู่ในอาคาร และไม่น่าจะเกี่ยวข้องกับเหตุทะเลาะวิวาทกันที่โรงเรียนก่อนหน้านี้ เพราะหากทะเลาะจริงก็อาจใช้คนมาสั่งสอน แต่เมื่อตรวจสอบก็ไม่มีใครเข้ามา จึงไม่น่าจะใช่ประเด็นนี้  ส่วนการติดตามคนร้ายก็ต้องสืบสวนหาพยานคนร้ายในที่เกิดเหตุต่อไป นอกจากที่โรงเรียนที่ทะเลาะก็มีปัญหากับเด็กในร้านอินเทอร์เน็ตแต่ก็เล็ก น้อยไม่ใช่เรื่องใหญ่โต ส่วนกรณีที่พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผบช.น. ระบุว่าอาคารดังกล่าวมีปัญหาเรื่องยาเสพติด ก็อาจเป็นไปได้ว่าน้องเบิร์ดไปเจอพวกเสพยาจึงถูกทำร้ายดังกล่าว แต่ต้องตรวจสอบให้ชัดเจนอีกครั้ง..

ยิงปะทะสกัดลำเลียงยาเสพติดล็อตใหญ่ดับ 7 ศพ


วันนี้ (16 ก.ค.) พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ ผบ.ตร.  พล.ต.ท.ชัยวัฒน์ โชติมา ผบช.ปส.  พล.ต.ท.สุเทพ เดชรักษา ผบช.ภ.5  พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ โทปุญญานนท์ ผบก.ภ.จว.เชียงราย พ.ต.อ.ณัฎฐวุฒิ ยุววรรณ ผกก.สภ.แม่สาย  ฝ่ายทหารนำโดย พ.อ.ถนัดพล โกศัยเสวี ผบ.ฉก.ม.3 กองกำลังผาเมือง นายวิชัย ไชยมงคล ผอ.ปปส.ภ.5 พร้อมด้วยแพทย์นิติเวชโรงพยาบาลแม่สาย ฝ่ายปกครอง เจ้าหน้าที่อัยการจังหวัด เข้าตรวจสถานที่เกิดเหตุ หลังเกิดการยิงปะทะกัน ระหว่างเจ้าหน้าที่กับขบวนการลักลอบขนยาเสพติด  ที่ริมถนนสาย อ.แม่สาย-บ้านผาหมี ต.เวียงพางคำ อ.แม่สาย จ.เชียงราย
จุดเกิดเหตุ เป็นเส้นทางเลียบชายแดนติดกับประเทศพม่า มีลักษณะเป็นเหวลึก เจ้าหน้าที่ต้องใช้วิธีโรยตัวลงไปตรวจที่เกิดเหตุ พบศพชายไม่ทราบชื่อ อายุระหว่าง 25 - 45 ปี จำนวน 7 ศพ นอนกระจัดกระจายอยู่ในป่า สภาพศพถูกยิงด้วยอาวุธปืนหลายขนาดและโดนสะเก็ดระเบิดเข้าตามร่างกายหลายจุด บางศพแหลกเละ  มีการแต่งกายคล้ายชุดทหารว้า สวมรองเท้ายางสีเขียว สะพายเป้สีเขียวจำนวน 9 ใบ  มีถุงดำและกระสอบฟางอยู่ภายใน เมื่อเปิดออกดูพบยาบ้าชนิดเม็ดสีเขียวบรรจุอยู่ในถุงพลาสติกแบบหูรูดสีฟ้า ห่อด้วยกระดาษกาวสีน้ำตาลหุ้มด้วยกระดาษไข รวมทั้งสิ้น 1 ล้านเม็ด และยาไอซ์ ชนิดเกร็ดใสบรรจุในถุงกันน้ำอย่างดีอีก 70 ก.ก. นอกจากนี้ยังตรวจพบปืนอาก้า ปืนสั้นแบบลูกโม่อีกจำนวนหนึ่ง จึงเก็บรวบรวมไว้เป็นหลักฐาน 
จากการสอบสวนทราบว่า เมื่อเวลาประมาณ 03.30 น. วันนี้ เจ้าหน้าที่ บช.ปส. สนธิกำลังกับเจ้าหน้าที่ตำรวจตระเวนชายแดน(ตชด)327 กก.ตชด.32 เจ้าหน้าที่ทหาร กกล.ผาเมือง และ ตร.ภ.จว.เชียงราย ตร.สภ.แม่สาย สืบทราบว่าจะมีขบวนการค้ายาเสพติดจะลักลอบลำเลียงยาเสพติดล็อตใหญ่จากฝั่ง ประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อนำเข้ามาในพื้นที่ อ.แม่สาย จ.เชียงราย จึงนำกำลังมาซุ่มดู ต่อมาขบวนการเป้าหมายได้เข้ามาในจุดที่ซุ่มโป่ง เจ้าหน้าที่จึงส่งสัญญาณเรียกตรวจค้น แต่กลุ่มคนร้ายไม่ยอมจำนน ก่อนชักปืนกราดยิงเข้าใส่ จึงมีการยิงปะทะกันเสียงดังสนั่นหวั่นไหวนานกว่า 20 นาที จนกลุ่มคนร้ายบางส่วนล่าถอยไป ทิ้งศพและเป้สะพายเอาไว้ ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ตรึงกำลังเอาไว้ถึงช่วงเช้าก่อนเข้าตรวจสอบ 
พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ เปิดเผยว่า จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแสดงว่ากลุ่มผู้ค้ายังมีความพยายามลักลอบลำเลียงยา เสพติดเข้ามาจำหน่ายในประเทศไทย ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ก็ไม่ได้นิ่งเฉย ได้มีการสนธิกำลัง มีการวางกำลังหาข่าว ตรวจตราตามจุดเสี่ยงต่างๆอยู่ตลอดเวลาจากการปะทะในครั้งนี้ทางฝ่ายเจ้า หน้าที่ของเราไม่มีใครได้รับบาดเจ็บซึ่งแสดงถึงความพร้อมของเจ้าหน้าที่ใน การปฏิบัติงาน จึงขอชมเชยและขอให้ตั้งใจทำหน้าที่กันต่อไป ส่วนยาเสพติดล็อตนี้ ถือว่าเยอะมากหากหลุดรอดไปจะสร้างความเสียหายแก่สังคมไทยอย่างยิ่งอย่างไรก็ ตามจะยังวางกำลังเพื่อกดดันขบวนการค้ายาเสพติดอย่างต่อเนื่อง...

ธนาคารบันนังสตาเปิดแล้ว หลังโจรวางบึ้ม


เมื่อช่วงเช้า วันนี้(16 ก.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า  ธนาคาร ทั้ง 4 แห่ง ได้แก่ ธ.กรุงไทย ธ.ออมสิน ธ.เพื่อการเกษตรและสหกรณ์เกษตร และ ธ.อิสลาม สาขาบันนังสตา  จ.ยะลา  ได้เปิดทำการตามปกติแล้ว หลังจากถูกคนร้ายลอบวางระเบิดตู้เอทีเอ็ม จนได้รับความเสียหาย เหตุเกิดเมื่อคืนวันที่ 13 ก.ค.ที่ผ่านมา  โดยบรรยากาศทั่วไป  ยังคงมีประชาชนมาใช้บริการธนาคารกันตามปกติ   ซึ่งส่วนใหญ่ก็จะมา ฝาก-ถอน ที่บริเวณด้านใน  เนื่องจาก ตู้เอทีเอ็ม ยังไม่สามารถทำธุรกรรมได้ ทั้งนี้  เจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร ฝ่ายปกครอง  ได้เพิ่มมาตรการในการลาดตระเวน  ดูแลพื้นที่  โดยเฉพาะสถานที่สำคัญ เช่นโรงเรียน โรงพยาบาล สถานที่ของรัฐ เพิ่มมากขึ้น เพื่อป้องกันการโจมตี

ด้าน นางรุจิรา  ยี่รัญศิริ รักษาการผู้ช่วยผู้จัดการธนาคารออมสิน สาขาบันนังสตา เปิดเผยว่า ขณะนี้ ทางธนาคารฯ ได้แจ้งไปยัง สาขาใหญ่เพื่อขอตู้เอทีเอ็ม มาใหม่ เนื่องจากตู้เดิมได้รับความเสียหายทั้งหมดไม่สามารถซ่อมแซมได้  คาดว่า อีกประมาณ 1 สัปดาห์ ก็จะได้ตู้ใหม่ ส่วนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ยอมรับว่า ยังรู้สึกตกใจ และหวาดกลัวอยู่ โดยไม่คาดคิดว่าจะเกิดเรื่องอย่างนี้กับธนาคาร ทั้ง 4 แห่งพร้อมกัน  อย่างไรก็ตาม  พนักงานทุกคนยังต้องทำงานปฏิบัติหน้าที่กันต่อไป..

ภตช.จี้ ผบ.ตร.ดำเนินคดีหมิ่นม.112 หน้าศาล รธน.


ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ วันนี้ (16 ก.ค.) นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ เลขาธิการภาคีเครือข่ายต่อต้านการทุจริตคอรัปชั่นของชาติ (ภตช.) พร้อมด้วย ดร.โชติ เนืองนันท์ คณบดีคณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยราชภัฏรำไพพรรณนี และประธานภาคีเครือข่ายต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชั่นของชาติ จังหวัดจันทบุรี เดินทางมายังสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อยื่นหนังสือถึง พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ขอให้ดำเนินคดี พร้อมระงับการเดินทางออกนอกประเทศกับ นางฐิตินันท์ จันทรานนท์ อายุ 63 ปี ซึ่งกระทำการอันมิบังควรต่อพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว หน้าศาลรัฐธรรมนูญ เมื่อวันที่ 13 กรกฎาคมที่ผ่านมา โดยหมิ่นพระบรมเดชานุภาพเข้าข่ายความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 และรัฐธรรมนูญ มาตรา 8 ว่าด้วยพระมหากษัตริย์ ที่ผู้ใดจะละเมิดมิได้

นายมงคลกิตติ์ กล่าวต่อว่า หลังเกิดเหตุมีผู้ไปร้องทุกข์กล่าวโทษที่ สน.ทุ่งสองห้อง แต่ถึงขณะนี้ยังไม่มีแจ้งข้อหาใดๆ จึงฝาก ผบ.ตร. ตรวจสอบและดำเนินการทางวินัยกับผู้กำกับการสถานีตำรวจนครบาลทุ่งสองห้อง ที่อาจละเลยการปฏิบัติหน้าที่ ไม่ดำเนินคดีกับ นางฐิตินันท์ โดยยังไม่มีการแจ้งข้อกล่าวหา ทั้งที่เป็นความผิดซึ่งหน้า ทั้งนี้ แม้นางฐิตินันท์ จะอ้างว่า สภาพจิตไม่ปกติ ก็ควรส่งตัวไปตรวจสอบที่สถาบันจิตเวช กระทรวงสาธารณสุข เพื่อให้ยืนยันอย่างเป็นทางการ ซึ่งหากภายใน 3 วัน ตำรวจไม่ดำเนินการใดๆ ภาคีเครือข่ายจะเคลื่อนขบวนการปักหลักหน้าสำนักงานตำรวจแห่งชาติในวันศุกร์ ที่ 20 ก.ค.นี้..

“คณิต” ร่อนหนังสือถึง “เฉลิม” ติงกล่าวอ้างผลสอบคตน. ไม่มีฆ่าตัดตอน


วันนี้ (16 ก.ค.) นายคณิต  ณ นคร  ประธานคณะกรรมการอิสระตรวจสอบและค้นหาความจริงเพื่อการปรองดองแห่งชาติ(คอ ป.)  ทำหนังสือถึงร.ต.อ.เฉลิม  อยู่บำรุง  รองนายกรัฐมนตรี เพื่อตอบโต้กรณี ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวพาดพิงในรายการ“รัฐบาลยิ่งลักษณ์พบประชาชน” ออกอากาศเมื่อวันที่ 30 มิ.ย. ที่ผ่านมา โดยระบุข้อความหนึ่งว่า “คือการแก้ปัญหายาเสพติดที่ทำได้ผลมากที่สุดสมัยท่านพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร แล้วก็มีคนตาย 2,500 คน ก็ถูกกล่าวหาว่า ฆ่าตัดตอน ในความเป็นจริงแล้วหลังมีการปฏิวัติ มีการตรวจสอบเรื่องนี้ถึงสองครั้งท่านอาจารย์ ดร.คณิต ณ นคร ก็เป็นประธานการตรวจสอบยืนยันว่าไม่มีการฆ่าตัดตอน”  โดยมองว่าเป็นความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนจากความเป็นจริง และน่าจะมีเป้าหมายเพื่อปกป้องและยกย่อง พ.ต.ท.ทักษิณ โดยใช้ประโยชน์จากการทำงานของ คตน.  ซึ่งน่าจะถือเป็นการกระทำที่ผิดจรรยาบรรณทางการเมือง พร้อมขอให้มีการตรวจสอบการทำงานของ คตน.ให้เข้าใจอย่างละเอียดก่อนนำไปขยายความ  โดยนายคณิต ระบุว่า  กรณีดังกล่าวถือว่ากระทบกับความเชื่อถือศรัทธาของตน

นายคณิต  ระบุด้วยว่า  ใน “รายงานการศึกษาเบื้องต้น” ของคตน. นั้นได้ระบุไว้ชัดว่าในนโยบายเกี่ยวกับการปราบปรามยาเสพติดของรัฐบาลพ.ต.ท. ทักษิณ น่าเชื่อว่าความผิดฐานอาชญากรรมต่อมนุษยชาติได้เกิดขึ้นจากการกำหนดนโยบาย เกี่ยวกับยาเสพติดและการนำนโยบายไปปฏิบัติที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตจากการนี้ เป็นจำนวนมาก ซึ่งในรายงานได้ให้ความเห็นไว้เพิ่มเติมอีกว่า  การกระทำของเจ้าหน้าที่ระดับปฏิบัติน่าเชื่อว่าเป็นการทำเพื่อตอบสนองนโยบาย รัฐ ไม่ใช่การทำเพื่อตนเอง  ด้วยเหตุนี้ในทางวิชาการจึงอาจถือว่าผู้อยู่เบื้องหลังต่างหากที่เป็นผู้ กระทำการฆาตกรรมประชาชน เจ้าหน้าที่รัฐเป็นเพียงผู้สนับสนุนการกระทำผิดของผู้อื่น  ขณะที่ผู้อยู่เบื้องหลังที่เป็นผู้ที่ได้วางนโยบายและสั่งการตามขั้นตอนโดย ขาดความรอบคอบทั้งไม่มีการตรวจสอบใด ๆ และผลปฏิบัติเกิดการสูญเสียชีวิตและการสูญหายของบุคคลเป็นจำนวนมากต่างหาก ที่เป็นผู้กระทำความผิด

นายคณิต ยังระบุถึงข้อเสนอของคตน.ในเรื่องดังกล่าวว่ากรณีอาจมีการกระทำความผิดอาญา เกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นกรณีความรับผิดตามประมวลกฎหมายอาญาหรือความรับผิดตามกฎหมายอาญา ระหว่างประเทศว่าด้วยอาชญากรรมต่อมนุษยชาติเกิดขึ้นในการนำนโยบายไปสู่การ ปฏิบัติ แต่การหาตัวผู้รับผิดชอบต่อความเสียหายที่เกิดขึ้นจะต้องมีการตรวจสอบข้อ เท็จจริงเพิ่มเติมต่อไปอีก รวมทั้งการศึกษาวิจัยเพื่อหามาตรการป้องกันมิให้การดำเนินนโยบายปราบปรามยา เสพติดที่ผิดพลาดซ้ำแล้วซ้ำอีก และที่สำคัญยิ่งจะต้องดำเนินการศึกษาวิจัยเพื่อกำหนดมาตรการเยียวยาความเสีย หายที่เกิดขึ้นแก่ประชาชน ซึ่งการดำเนินการทั้งสองประการนี้อยู่ระหว่างดำเนินการของ คตน. และจะได้นำเสนอในรายงานฉบับสมบูรณ์ต่อไป..

ซุปเปอร์กระบะซิ่งสยองดับ2ศพ


 เมื่อวันที่ 15 ก.ค.  พ.ต.ท.ฉัฐพล คำเขียว พนักงานสอบสวน ( สบ3 )  สน.ธรรมศาลา รับแจ้งเหตุรถกระบะชนกับรถบรรทุกสิบล้อมีผู้เสียชีวิต  บริเวณปากซอยสวนผัก 53  แขวงศาลาธรรมสพน์  เขตตลิ่งชัน จึงไปตรวจสอบพร้อมแพทย์ รพ.ศิริราช และมูลนิธิร่วมกตัญญู
            ที่เกิดเหตุเป็นถนนขนาดสองช่องทาง พบรถกระบะอีซูซุ  สีบรอนซ์เงิน ทะเบียน  ลม 693 กรุงเทพมหานคร  ชนประสานงานกับรถสิบล้ออีซูซุ  สีม่วง ทะเบียน  75-7469  กรุงเทพมหานคร ของบริษัทอภิสิทธิ์และบุตรขนส่ง จำกัด  จากการตรวจสอบภายในรถกระบะพบผู้เสียชีวิต  2 รายติดอยู่ภายใน  เจ้าหน้าที่ต้องใช้เครื่องตัดถ่างนำร่างผู้เสียชีวิตออกมา   ทราบชื่อนายชาคริต  นักจะเข้  อายุ18 ปี ชาว จ.สุพรรณบุรี  เป็นผู้ขับขี่  ส่วนผู้เสียชีวิตที่นั่งอยู่ด้านข้างทราบชื่อนายภัทรศักดิ์  สอนทอง  อายุ 18 ปี         
             จากการสอบสวนนายสมศักดิ์   มณีกรรณ์  อายุ 56 ปี คนขับรถคู่กรณี  ให้การว่า  ก่อนเกิดเหตุขับรถขนสินค้าไปตรวจสอบน้ำหนักที่ด่านตรวจช่าง จากนั้นจึงนำไปส่งลูกค้าที่ย่านถนนพุทธมณฑลสายสอง  ระหว่างทางเห็นรถคันดังกล่าวขับมาด้วยความเร็วสูง  ก่อนจะเสียหลักหมุนเหวี่ยงฟาดกับต้นไม้ข้างทาง และพุ่งเข้ามาชนกับรถของตนทั้งที่พยายามจะหักหลบแต่ก็ไม่พ้น 
           ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการตรวจสอบเครื่องยนต์ของรถกระบะคันที่เกิดเหตุพบว่ามีการวางเครื่องมา ใหม่ เป็นเครื่องยนต์รุ่นอาร์บี 25  เทอร์โบ ออโต้  ขนาด 2,500 ซีซี ยี่ห้อนิสสัน ซึ่งใช้สำหรับรถแข่งที่ต้องมีการเสริมช่วงล่างให้ยึดติดถนน  แต่สำหรับรถคันดังกล่าวไม่มีการเสริมช่วงล่าง จึงอาจเป็นสาเหตุที่ทำให้รถที่ใช้ความเร็วสูงเกิดเสียหลักได้

ตร.มั่นใจคนในคอนโดสังหาร“น้องเบิร์ด”


      เมื่อวันที่  15 ก.ค. ที่ สน.พระโขนง  พล.ต.ท.คำรณวิทย์  ธูปกระจ่าง ผบช.น.   พล.ต.ต.พิสิฏฐ์ พิสุทธิ์ศักดิ์  รองผบช.น.  พล.ต.ต.รณศิลป์  ภู่สาระ ผบก.สส.  พล.ต.ต.กฤษฏิ์  เปียแก้ว ผบก.น.5  และเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน บก.สส.บช.น. กก.สส.น.5 และสน.พระโขนง เข้าร่วมประชุม  เพื่อประมวลความคืบหน้ากรณี ด.ช.อรรถสิทธิ์  ลีเลิศยุทธ์  หรือ น้องเบิร์ด อายุ 13 ปี ที่เสียชีวิตบริเวณบันไดหนีไฟภายในอาคารยงเจริญคอมเพล็กซ์ ตึกดี เลขที่ 80-80/207 ซอยสุภาพงษ์ 1 ถนนศรีนครินทร์ แขวงหนองบอน  เขตประเวศ  กทม. เมื่อวันที่ 13 ก.ค.ที่ผ่านมา
          พล.ต.ท.คำรณวิทย์ เปิดเผยว่า คดีมีความคืบหน้าไปมาก จากการตรวจสอบบาดแผลของน้องเบิร์ด ทางแพทย์รพ.จุฬาฯได้ระบุชัดเจนว่าถูกทำร้าย  เนื่องจากฐานกะโหลกร้าว เลือดออกในสมอง คอด้านซ้ายมีร่องรอยการถูกของแข็งตี มีรอยฟกช้ำ เลือดคลั่งที่สมอง จนทำให้เสียชีวิต อย่างไรก็ตามผลชันสูตรอย่างเป็นทางการจากแพทย์นิติเวชยังไม่ออกมา ต้องรอผลการตรวจเลือด อาหารและบาดแผลอีกครั้ง ส่วนประเด็นทะเลาะวิวาทกับเพื่อนที่โรงเรียนไม่ใช่ประเด็นหลัก ขณะนี้ตำรวจเน้นเป้าไปที่คนในคอนโดที่น้องเบิร์ดกับยายอาศัยอยู่   เบื้องต้นได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนลงพื้นที่หาเบาะแสในคอนโดที่ เกิดเหตุ  ซึ่งทราบว่ามีกล้องวงจรปิดเพียงตัวเดียวบริเวณหน้าลิฟต์  โดยเห็นน้องเบิร์ดเดินเข้าไปภายในตึกเวลา 19.04 น. ของวันที่ 12 ก.ค. แต่ไม่กลับออกมาอีกเลย
        ผู้สื่อข่าวถามว่าศพถูกเคลื่อนย้ายมาจากที่อื่นหรือไม่ เนื่องจากรองเท้าของผู้ตายหายไป พล.ต.ท.คำรณวิทย์ กล่าวว่า จากการสืบสวนคงไม่ใช่อย่างนั้น ตอนนี้มุ่งไปที่คนภายในตึก และจะได้สอบเพิ่มเติมทางญาติอีกครั้ง เพื่อหาข้อมูลเพิ่มเติม ส่วนมีความเป็นไปได้หรือไม่ว่าผู้ตายออกจากห้องพักไปพบวัยรุ่น ที่กำลังซื้อขายยาเสพติดกัน  ทำให้ถูกลากตัว ไปทำร้ายบริเวณบันไดหนีไฟที่เป็น จุดอับไม่มีใครใช้ในการขึ้นลง   พล.ต.ท.คำรณวิทย์  กล่าวว่า  ประเด็นดังกล่าวก็มีความเป็น ไปได้ จึงสั่งการให้ฝ่ายสืบสวนหาข้อมูลในส่วนนี้เพิ่มเติม เนื่องจากบริเวณดังกล่าว เป็นชุมชนมีผู้พักอาศัยหนาแน่นอาจมีการค้ายาเสพติดค่อนข้างมาก  ส่วนสาเหตุและรายละเอียดต่างๆ ไม่สามารถเปิดเผยได้เพราะอาจทำให้เสียรูปคดี
ต่อมาเมื่อเวลา 16.00น.วันนี้ 15 ก.ค ที่วัดต้นไทร ซ.อ่อนนุช 29 แขวงและเขต สวนหลวง ได้มีการชาปกิณ ด.ช. อรรถสิทธิ์ ลีเลิศยุทธ์ หรือน้องเบิร์ด อายุ 13 ปี นักเรียนโรงเรียน วชิรธรรมสาธิต (วัดทุ่ง)จากการเสียชีวิตที่ทางหนีไฟภายในแฟรชที่อาศัยอยู่โดยยังไม่ทราบ สาเหตุ  เมื่อวันที่ 13 ที่ผ่านมาบรรยากาศเป็นไปด้วยความโศกเศร้าเสียใจ ของญาติพี่น้อง และเพื่อนๆร่วมโรงเรียนที่มาแสดงความเสียใจ กับผู้ตายเป็นครั้งสุดท้าย

ด้าน น.ส. วราภรณ์ คำแสน อายุ 38 ปีแม่ผู้ตาย เปิดเผยทั้งน้ำตาว่า จากการที่ตนจัดพิธีสวดศพของน้องเบิร์ดเพียงวันเดียวนั้นเนื่องจากทนเห็นลูก ชายเพียงคนเดียวในสภาพอย่างนี้นานไม่ได้ และเป็นแม่คนไหนก็ทนไม่ได้ ที่ต้องมานั่งดูความสูญเสียลูกของตนเองนอนแน่นิ่งอยู่ในโรงศพแบบนี้  จึงอยากจัดการงานนี้ให้เร็วที่สุดเพื่อให้น้องเบิร์ดไปสู่สุขคติโดยเร็ว

ทางด้านคดี น.ส. วราภรณ์ กล่าวต่อว่า ตนเชื่อว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจจะต้องจับตัวมาได้ในไม่ช้านี้ เนื่องจากตนมั่นใจในเจ้าหน้าที่ตำรวจไทย และถ้าจับคนร้ายได้เมื่อใด ก็อยากจะให้มาขอขมาน้องเบิร์ดด้วย และถ้าคนร้ายเป็นเด็กรุ่นเดียวกันกับน้องเบิร์ด ก็อยากจะถามว่า ทำไมถึงทำแบบนี้ ใครเป็นคนสั่งให้มาทำแบบนี้กับลูกตน แล้วพ่อแม่ไม่สั่งไม่สอนหรือไง แต่ถ้าหากเป็นผู้ใหญ่ จะถามเขาว่าน้องเบิร์ดไปทำอะไรให้ ถึงได้ทำกับน้องเบิร์ดอย่างนี้ จิตใจทำด้วยอะไร มีความเป็นคนอยู่หรือเปล่า
“ทั้งนี้ ตนอยากขอฝากขอบคุณมายังสื่อทุกแขนงที่ช่วยประชาสัมพันธ์ งานของน้องเบิร์ดนี้จนมีญาติพี่น้องมากันครบพร้อมหน้า และที่ช่วยติดตามการดำเนินคดีของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ตนขอบพระคุณมายังที่นี้ด้วย”แม่ผู้ตายกล่าวทิ้งท้าย

วิสามัญฯโจรชิงทรัพย์“โต๊ด เขาย้อย”


           เมื่อวันที่ 15 ก.ค. พ.ต.ท.สมชาย ทองเสงี่ยม พนักงานสอบสวน สภ.เมืองราชบุรี รับแจ้งจากฝ่ายสืบสวน กก.สส.ภ.จว.ราชบุรี ว่า ได้วิสามัญฯคนร้ายขัดขืนจับกุมที่บริเวณพงหญ้าในพื้นที่หมู่ 1 ต.หินกอง จ.เมือง จ.ราชบุรี และเป็นผู้ต้องหาใช้อาวุธปืนจี้ชิงทรัพย์พยายามข่มขืนผู้เสียหาย เคยถูกดำเนินคดีข้อชิงทรัพย์ผู้อื่นในพื้นที่ จ.เพชรบุรี และราชบุรี จึงนำกำลังเดินทางไปตรวจสอบพร้อมด้วยพล.ต.ท.หาญพล นิตย์วิบูลย์ ผบช.ภ.7 พล.ต.ต.โสภณ พิสุทธิวงศ์ รอง ผบช.ภ.7 พล.ต.ต.สุทธิพงษ์ วงษ์ปิ่น ผบก.สส.ภ.7  แพทย์รพ.ศูนย์ราชบุรีและมูลนิธิปฐมบรมราชานุสรณ์
          ที่เกิดเหตุพบศพนายสันติภาพ พุ่มพวง หรือโต๊ด เขาย้อย อายุ 28 ปี อยู่บ้านเลขที่ 82 หมู่ 5 ต.บางเค็ม อ.เขาย้อย จ.เพชรบุรี สภาพนอนหงายจมกองเลือด สวมเสื้อยืดแขนสั้นสีม่วง กางเกงยีนขาขาวสีน้ำเงิน มีบาดแผลถูกยิงด้วยอาวุธปืนเข้าที่บริเวณหน้าอก 1 นัด และใบหน้าอีก 1 นัด ข้างศพพบอาวุธปืนขนาด .38 ตกอยู่ 1 กระบอก ห่างไปเล็กน้อยพบรถจักรยานยนต์ของผู้ตายยี่ห้อฮอนด้า ฟิโน่ สีขาวน้ำเงิน ทะเบียน ขท 596 เพชรบุรี พลิกคว่ำอยู่ จึงรวบรวมไว้เป็นหลักฐาน
          ด้าน พ.ต.อ.วีระ วิจิตรหงส์  ผกก.กก.สส.ภ.จว.ราชบุรี กล่าวว่า วันนี้ได้รับแจ้งจากหญิงสาวผู้เสียหายรายหนึ่งว่าถูก นายสันติภาพ  โทรศัพท์มาข่มขู่ให้เดินทางออกมาพบ ที่บริเวณหน้าเข้าแก่นจันทร์ ใน เขต อ.เมืองราชบุรี พร้อมกับประสานขอกำลังตำรวจคุ้มครองช่วยเหลือ จึงสั่งการให้ฝ่ายสืบสวนนำกำลังไปดักซุ่มเพื่อจับกุม จนกระทั่งพบนายสันติภาพ ขี่รถจักรยานยนต์มาในบริเวณดังกล่าว แสดงตัวเข้าจับกุมแต่คนร้ายกลับไหวตัวและพยายามเร่งเครื่องยนต์หลบหนีไปถึง บริเวณจุดเกิดเหตุ แล้วทิ้งรถวิ่งไปในพงหญ้าริมทางพร้อมชักอาวุธปืนยิงใส่ เพื่อเปิดทางหลบหนี ทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องใช้อาวุธปืนยิงตอบโต้ ถูกคนร้ายเสียชีวิต

ลูกสาวทรพีคลั่งคว้าชะแลงหวดแม่ดับ


เมื่อเวลา 09.30 น.วันนี้(16ก.ค.)  ร.ต.อ.ชัยพร พูนจันทร์ทึก ร้อยเวรสอบสวน สภ.ทุ่งคอก อ.สองพี่น้อง จ.สุพรรณบุรี รับแจ้ง เหตุทะเลาะวิวาท มีผู้เสียชีวิต จึงพร้อมด้วย พ.ต.อ.พศวีร์ เรืองภู่ ผกก. พ.ต.ท.สมนึก พันธ์แจ่ม สว.สส. และชุดสืบสวน เดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุบ้านเลขที่ 11 หมู่ 6 ต.บ่อสุพรรณ อ.สองพี่น้อง จ.สุพรรณบุรี พบศพ นางพวง น้ำค้าง อายุ 73 ปี  เจ้าของบ้าน สภาพศพถูกของแข็งตีเข้าที่ศีรษะด้านซ้าย กระโหลกแตก ตามร่างกายยังมีรอยเขียวคล้ำ และบาดแผลฉกรรจ์หลายแห่ง นอนเสียชีวิตจมกองเลือดอยู่ในห้องกลางบ้าน ส่วนคนร้ายที่ก่อเหตุทราบชื่อต่อมาคือ น.ส.สุบิน น้ำค้าง อายุ 46 ปี บุตรสาวคนเดียวของผู้ตาย ซึ่งมีอาการทางประสาท หลังก่อเหตุวิ่งหนีเข้าไปหลบอยู่ในห้องนอน และยังคงอยู่ในอาการคลุ้มคลั่งไม่ยอมมอบตัว  ตำรวจต้องใช้เวลาเกลี้ยกล่อมอยู่นาน จึงยอมมอบตัว พร้อมกับในมือยังถือชะแลงเหล็ก ความยาว 1.20 เมตร เปรอะเปรื้อนเลือด 1 อัน ยืนร้องไห้น้ำตาซึม ไม่ยอมให้การใดๆ เจ้าหน้าที่จึงได้นำตัวไปสอบสวนที่สถานีตำรวจ
จากการสอบสวนพยานเพื่อนบ้าน ให้การตรงกันว่า ก่อนเกิดเหตุได้ยินเสียงผู้ตายทะเลาะกับลูกสาว จากนั้นก็เห็น นางพวง วิ่งหนีออกมามีเลือดไหลอาบร่าง ร้องขอความช่วยเหลือก่อนล้มฟุบลงกับพื้น ด้านพ.ต.อ.พศวีร์ เรืองภู่ ผกก.สภ.ทุ่งคอก กล่าวว่า เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจสันนิษฐานว่า ผู้ตายอาจว่ากล่าว ตักเตือนลูกสาว ซึ่งมีอาการทางปราสาทอยู่แล้ว จึงทำให้เกิดความไม่พอใจ โกรธแค้น และบันดาลโทสะคว้าชะแลงเหล็กกระหน่ำตีแม่จนเสียชีวิต ขณะที่เพื่อนบ้านจะเข้าไปห้าม แต่กลัวถูกตีได้รับบาดเจ็บจึงรีบโทร 191 แจ้งตำรวจให้มาระงับเหตุ แต่ก็ไม่ทันการณ์.

“ ศรีราชา” แถลงข่าวรับผิดพลาดกรณีมีคนร้อง “กษิต”


ที่สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน วันนี้ (13 ก.ค.) นายศรีราชา เจริญพานิช ผู้ตรวจการแผ่นดิน แถลงข่าวชี้แจงกรณีที่เคยกล่าวว่า ไม่มีคนมายื่นคำร้อง นายกษิต ภิรมย์ อดีตรมว.ต่างประเทศ เข้ามา ให้ผู้ตรวจการฯ ตรวจสอบการเข้ารับตำแหน่ง ความจริงแล้วมีคนเคยร้องนายกษิต คือนายพิชา วิจิตรศิลป์ ทั้งนี้เมื่อตรวจสอบแล้วไม่ถือเป็นการสองมาตรฐานอย่างที่มีผู้วิพากษ์ วิจารณ์ถือเป็นมาตรฐานเดียวกัน การวินิจฉัยก็เช่นเดียวกับกรณีนางนลนี ทวีสิน รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กับนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รมช.เกษตรและสหกรณ์ ทั้งสองกรณีถือว่ายุติไป แต่กรณีที่ปรากฎลายมือชื่อของตนในการส่งผลการประชุมแจ้งนายพิชา เป็นลายมือชื่อในขณะนั้นตนเองได้ดำรงตำแหน่งเลขาธิการผู้ตรวจการแผ่นดิน และไม่ได้มีส่วนในการพิจารณา ซึ่งเรื่องได้เกิดมานานและในขณะนั้นตนก็ทำงานผ่านเอกสารเป็นร้อยๆ และเมื่อตรวจสอบแล้วเห็นว่ามีเรื่องเข้ามา ตนก็ได้มาบอกกกล่าวโดยสุจริตใจ และไม่มีเจตนาที่ปกปิดเรื่องไว้ และหลังจากตรวจสอบพบว่าเกิดข้อผิดพลาดจากระบบคอมพิวเตอร์ ที่มีการคีย์ข้อมูลลงระบบ อีกทั้งระบบมีการย้ายสำนักงานฯจากตึกเก่ามาอยู่ที่ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ ที่ใหม่แห่งนี้  ขอยืนยันว่าไม่ได้มีเจตนาปิดบังหรือบิดเบือนเป็นข้อผิดพลาดโดยเจตนาสุจริต เกิดขึ้นโดยไม่ได้จงใจแต่เป็นอุบัติเหตุ
นายศรีราชา กล่าวอีกว่า ส่วนที่มีการนำไปลงในเว็บไซต์เฟสบุ๊กระบุว่า ตนแต่งตั้งภรรยาเป็นที่ปรึกษาตัวเอง ความจริงแล้วไม่เคยมี มีแต่การแต่งตั้งวุฒิอาสารวบรวมคนที่มีไฟทำงานเพื่อแผ่นดินมาช่วยกันทำงาน เท่านั้น ทั้งนี้การมาทำงานของภรรยาตนไม่ได้ใช้งบประมาณของแผ่นดินหรือมีการเบิกจ่าย ใดๆทั้งสิ้น แต่เป็นการมาทำงานเพื่อแผ่นดินโดยจิตอาสาเท่านั้น..

ศาลรธน.วินิจฉัยยกคำร้อง-นปช.เฮลั่น


เมื่อเวลา 14.45 น.วันนี้ (13 ก.ค.) คณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ขึ้นนั่งบัลลังก์ อ่านคำวินิจฉัย คดีแก้รัฐธรรมนูญ โดยคณะตุลาการ ขึ้นนั่งบัลลังก์ ช้ากว่ากำหนด 45 นาที จากนั้น นายวสันต์ สร้อยพิสุทธิ์ ประธานศาลรัฐธรรมนูญ กล่าวถึงสาเหตุที่ช้า ว่ามีข้อพิจารณาเพื่อให้คำวินิจฉัยลงตัวอีกเล็กน้อย ทำให้เกิดความล่าช้า จากนั้นได้เริ่มอ่านคำวินิจฉัย ซึ่งจะมีการพิจารณาใน 4 ประเด็นคือ 1. ประเด็นที่ต้องพิจารณาว่า ผู้ร้องมีอำนาจยื่นคำร้องในคดีนี้ได้หรือไม่ และศาลรัฐธรรมนูญมีอำนาจรับคดีนี้ไว้พิจารณาได้หรือไม่ 2. ประเด็นพิจารณาว่า การขอแก้ไขรัฐธรรมนูญของผู้ถูกร้องชอบด้วย มาตรา 291 หรือไม่ 3. ประเด็นพิจารณาว่าการกระทำของผู้ถูกร้องขัดต่อมาตรา 68 ของรัฐธรรมนูญหรือไม่ และ4. ประเด็นพิจารณาว่า ต้องยุบพรรคการเมืองและเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งหัวหน้าพรรค และกรรมาการบริหารพรรคหรือไม่ ซึ่งคณะตุลาการสลับกันอ่านไล่เรียงไปทีละประเด็น โดยใช้เวลาประมาณ 30 นาที จึงแล้วเสร็จ
จากนั้นศาลได้อ่านคำวินิจฉัยให้ผู้ร้องและผู้ถูกร้องฟัง มีใจความว่า”จากที่มีผู้ร้อง ขอให้ศาลทำการวินิจฉัยคดีของผู้ร้องทั้ง 5 เพื่อวินิจฉัยร่วมกับคดีของผู้ร้อง ศาลพิจารณาแล้วไม่มีเหตุสมควรที่จะให้รอการวินิจฉัยไว้จึงมีคำสั่งให้ยกคำ ร้อง แจ้งคำสั่งให้พล.ต.จำลอง ศรีเมือง ทราบ ศาลได้อ่านคำวินิจฉัยให้คู่กรณี ที่มาศาลฟังแล้วให้คู่กรณีคัดถ่ายสำเนาคำวินิจฉัยได้ เมื่อพ้นกำหนด 15 วัน นับแต่วันที่ศาลอ่านคำวินิจฉัย”
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าระหว่างที่ศาลอ่านคำวินิจฉัย นั้น บรรยากาศด้านหน้าศาลรัฐธรรมนูญ เต็มไปด้วยความหงอยเหงา จากนั้นเริ่มมีการพูดคุย ก่อนทยอยเดินทางกลับอย่างสงบ โดยไม่มีเหตุรุนแรงใดๆ ขณะที่บริเวณที่ทำการ นปช.ห้างอิมพิเรียล ลาดพร้าว มีการโห่ร้องส่งเสียงเห่กันอย่างสนุกสนาน.

“เฉลิม”ยิ้มคำวินิจฉัยศาลรธน.ตรงตามคาด


เมื่อ เวลา 15.45 น.วันนี้(13ก.ค.) ที่ทำเนียบรัฐบาล  ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี และส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยยกคำร้องร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 291 เพราะไม่เข้าข่ายล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตย ว่า ต้องขอบคุณศาลรัฐธรรมนูญที่ให้ความเป็นธรรม ซึ่งตนเคยให้สัมภาษณ์มาตลอดว่าแนวทางคงเป็นอย่างนี้ แต่จากการฟังคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ ยังเข้าใจไม่ถ่องแท้ว่าสรุปแล้วจะให้สมาชิกรัฐสภาลงมติในการพิจารณาร่างรัฐ ธรรมนูญ มาตรา 291 วาระ 3 ได้หรือไม่ นอกจากนี้ดูเหมือนศาลรัฐธรรมนูญแนะนำว่าควรจะแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นรายมาตรา และใช้อำนาจของรัฐสภา อย่างไรก็ตาม ถ้าได้อ่านคำวินิจฉัยที่เป็นลายลักษณ์อักษรแล้ววิเคราะห์ก็จะสามารถพิจารณา แนวทางต่อไปได้ แต่ทั้งหมดอยู่ที่การตัดสินใจของนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรี(ครม.) ถ้าบ้านเมืองเป็นไปตามกฎเกณฑ์กติกาและยึดความถูกต้อง ประเทศก็เดินหน้าต่อไปได้ นายกรัฐมนตรีจะได้แก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ และแก้ปัญหายาเสพติดกับปัญหาผู้มีอิทธิพล บ้านเมืองก็จะดี
เมื่อถามถึงการที่ศาลรัฐธรรมนูญระบุว่าควรให้ประชาชนลงประชามติก่อนว่า ควรจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่หรือไม่ หรือให้อำนาจรัฐสภาดำเนินการแก้ไข รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เรื่องการทำประชามติต้องเป็นเรื่องของนายกรัฐมนตรี เพราะเป็นเรื่องใหญ่ ส่วนรัฐสภาจะต้องรีบเรียกประชุมเพื่อหารือถึงเรื่องนี้หรือไม่นั้น ต้องให้นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานรัฐสภา ดำเนินการ แต่ต้องมีการอ่านรายละเอียดคำวินิจฉัยอีกครั้งแล้วจะเกิดความเข้าใจอย่าง ถ่องแท้
ต่อข้อถามว่าคิดว่าจากนี้ไปรัฐบาลควรจะทำอะไร และยังไม่ควรทำอะไร ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ไม่กล้าบอก เดี๋ยวจะถูกกล่าวหาล้ำเส้น คิดว่าถูกพรรคพวกหมั่นไส้ เพราะเขาคิดอย่างหนึ่ง แต่ตนคิดอีกอย่างแล้วบังเอิญตรง  เมื่อถามว่าควรจะต้องเร่งแก้ไขรัฐธรรมนูญไปเลยหรือไม่ รองนายกฯ กล่าวว่า เมื่อเป็นนโยบายของพรรคเพื่อไทยที่เคยใช้ในการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งและ แถลงไว้ต่อรัฐสภา ก็มีทางที่เป็นอย่างอื่นไปได้ยาก จึงต้องแก้ไขรัฐธรรมนูญ แต่เรื่องของรูปแบบอาจต้องมีการประยุกต์เพื่อไม่ให้มีคนนำไปร้องอีก ส่วนจะประยุกต์อย่างไรนั้นต้องถามนายกรัฐมนตรี แต่ถ้านายกฯถามตน ก็จะบอกท่าน หรือถ้าคนในพรรคเพื่อไทยถาม ก็จะวิเคราะห์ให้ฟัง แต่ตนไม่พูดก่อนเพราะเสียดาย
เมื่อถามว่าฝ่ายที่เป็นผู้ร้องจะต้องแสดงความรับผิดชอบอย่างไร รองนายกฯ กล่าวว่า ไม่เป็นอะไร อย่าไปอาฆาตมาดร้ายเลย ทำงานให้บ้านเมืองดีกว่า  ส่วนการประเมินสถานการณ์ความรุนแรงทางการเมืองจากนี้ไป ตนเห็นว่าจะแผ่ว และยิ่งนายกรัฐนตรีขยันทำงาน แก้ปัญหาต่างๆได้ คะแนนนิยมของนายกฯก็มากขึ้น.. 

รมว.กลาโหม เปิดฝึกร่วมกองทัพไทย 55


วันนี้ (13 ก.ค.) พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พร้อมด้วย พล.อ.ธนศักดิ์ ปฏิมาประกร ผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.สส.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) พล.ร.อ.สุรศักดิ์ หรุ่นเริงรมย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ (ผบ.ทร.) พล.อ.อ.อิทธพร ศุภวงศ์ ผู้บัญชาการทหารอากาศ (ผบ.ทอ.) และผู้บังคับบัญชาระดับสูงทั้ง 3 เหล่าทัพ ได้เดินทางเข้าร่วมสังเกตการฝึกปฏิบัติการยุทธสะเทินน้ำสะเทินบก และการฝึกป้องกันภัยทางอากาศ ณ สนามฝึกหาดยาวกองทัพเรือ ต.แสมสาร อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี และการฝึกอพยพประชาชนออกนอกพื้นที่ขัดแย้ง ณ กองการบินทหารเรือ กองเรือยุทธการ สนามบินอู่ตะเภา อ.บ้านฉาง จ.ระยอง ภายใต้รหัส ฝึกร่วมกองทัพเรือไทย ประจำปี 2555
สำหรับการฝึกร่วมกองทัพเรือไทยในปีนี้ เป็นการฝึกร่วมระหว่างกองบัญชาการกองทัพไทย และเหล่าทัพ ซึ่งมีผู้บัญชาการทหารสูงสุด เป็นผู้อำนวยการฝึก โดยมีห้วงการฝึกระหว่างเดือนมีนาคม – กรกฎาคม 55 มีการดำเนินการฝึก 5 กิจกรรมหลัก คือ การฝึกแลกเปลี่ยนปรับมาตรฐานระหว่างกองบัญชาการกองทัพไทยกับเหล่าทัพ การดำเนินการฝึกกองหนุนกองบัญชาการกองทัพไทย การช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่การฝึก การร่วมสามเหล่าทัพ และการฝึกปัญหาที่บังคับการ
โดยการฝึกครั้งนี้ได้จัดกองกำลังเฉพาะกิจจาก 3 เหล่าทัพ เข้าปฏิบัติการยุทธสะเทือนน้ำสะเทือนบก ประกอบด้วย กองทัพบก 1 กองร้อยทหารราบยานเกราะ รถ BTR จำนวน 4 คัน และ 1 กองร้อยทหารราบ กองทัพเรือ จัดเรือหลวงจักรีนฤเบศร เรือหลวงสายบุรี เรือหลวงคีรีรัฐ เรือยกพลขึ้นบกขนาดใหญ่ชุดเรือหลวงสุรินทร์ เรือระบายพลขนาดใหญ่ 3 ลำ ได้แก่ เรือหลวงมันกลาง เรือหลวงมัตโพน เรือหลวงราวี และ เฮลิคอปเตอร์จำนวน 6 ลำ นอกจากนี้ ยังมีชุดปฏิบัติการพิเศษจากหน่วยสงครามพิเศษทางเรือ พร้อมเรือยาง 4 ลำ และ 1 หน่วยยกพลขึ้นบกนาวิกโยธิน พร้อมรถสะเทินน้ำสะเทินบก AAV จำนวน 8 คัน และกองทัพอากาศ จัดกำลังเครื่องบิน GIPPEN จำนวน 2 ลำ เครื่องบินขับไล่ ประกอบด้วย F16 จำนวน 4 ลำ L39 จำนวน 2 ลำ F5 จำนวน 2 ลำ และเครื่องบินลำเลียง C130 จำนวน 1 ลำ พร้อมชุดผู้ควบคุมอากาศยานส่วนหน้า
แบ่งการปฏิบัติออกเป็น 3 คลื่นโจมตี ประกอบด้วย คลื่นแรกเป็นคลื่นโจมตีทางผิวพื้น ประกอบด้วย รถสะเทินน้ำสะทินบก AAV จำนวน 8 ลำ บรรทุกทหารราบนาวิกโยธิน 109 นาย ขึ้นโจมตีฝั่ง คลื่นที่สอง คลื่นโจมตีทางอากาศ ประกอบด้วย เฮลิคอปเตอร์กองทัพเรือ จำนวน 6 ลำ บรรทุกทหารราบนาวิกโยธิน จำนวน 41 นาย ขึ้นฝั่ง และคลื่นที่สาม เป็นการขึ้นบกทางธุรการ ประกอบด้วย เรือระบายพลขนาดใหญ่จำนวน 3 ลำ บรรทุกรถหุ้มเกราะ BTR กองทัพบก จำนวน 4 ลำ กำลังทหารราบยานเกราะจำนวน 130 นาย และกำลังทหารราบกองทัพบก 166 นาย ซึ่งเป็นการขึ้นฝั่งทางธุรการภายหลังจากขึ้นโจมตีสถาปนาหัวหาดได้สำเร็จ
พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวว่า การฝึกร่วมกองทัพเรือไทย ประจำปี 2555 เป็นการฝึกที่แตกต่างจากทุกครั้ง เพื่อหาข้อขัดข้อง นำไปสู้การพัฒนากำลังพล ยุทโธปกรณ์ และการปฏิบัติให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น โดยการฝึกได้มีการดำเนินการมาอย่างต่อเนื่องเป็นประจำทุกปี เพื่อพัฒนาศักยภาพให้กับกองทัพสามารถทำงานได้ภายใต้ความขาดแคลน โดยมุ่งเน้นไปที่คุณภาพ และการวิเคราะห์แก้ไขปัญหา เพื่อการผสมผสานการทำงานของแต่ละเหล่าทัพให้ปฏิบัติงานร่วมกันได้อย่างมี ประสิทธิภาพ
ในตอนท้ายผู้สื่อข่าวได้ สอบถาม พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ถึงปัญหาการชุมนุมของกลุ่ม นปช. ที่ศาลรัฐธรรมนูญ โดยได้รับคำตอบว่า อันนี้เป็นหน้าที่ของทางเจ้าหน้าที่ตำรวจที่จะรับมือกับกลุ่มผู้ชุมนุม คิดว่า คงมีการเตรียมพร้อมรับมือไว้เรียบร้อย ไม่น่าจะเกิดเหตุการณ์บานปลาย ส่วนทางด้านทหาร เป็นผู้มีวินัย และเป็นทหารของพระเจ้าอยู่หัว ที่ดูแลทุกข์สุขให้กับประชาชน และอยู่ตามกฎกติกา ส่วนคำถามที่ว่า จะมีการรัฐประหาร และปฏิวัติหรือไม่นั้น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้ถามกลับว่า ทหารเป็นผู้มีวินัยหรือไม่ ถ้ามีคำถามนี้คงไม่ต้องตอบ.

Blog Archive

Design Downloaded from ซ่อมคอมพิวเตอร์นอกสถานที่ รามคำแหง บางกะปิ | Free Textures | Web Design Resources