เมื่อวันที่ 15 ก.ค. ที่ สน.พระโขนง พล.ต.ท.คำรณวิทย์
ธูปกระจ่าง ผบช.น. พล.ต.ต.พิสิฏฐ์ พิสุทธิ์ศักดิ์ รองผบช.น.
พล.ต.ต.รณศิลป์ ภู่สาระ ผบก.สส. พล.ต.ต.กฤษฏิ์ เปียแก้ว ผบก.น.5
และเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน บก.สส.บช.น. กก.สส.น.5 และสน.พระโขนง
เข้าร่วมประชุม เพื่อประมวลความคืบหน้ากรณี ด.ช.อรรถสิทธิ์ ลีเลิศยุทธ์
หรือ น้องเบิร์ด อายุ 13 ปี
ที่เสียชีวิตบริเวณบันไดหนีไฟภายในอาคารยงเจริญคอมเพล็กซ์ ตึกดี เลขที่
80-80/207 ซอยสุภาพงษ์ 1 ถนนศรีนครินทร์ แขวงหนองบอน เขตประเวศ กทม.
เมื่อวันที่ 13 ก.ค.ที่ผ่านมา
พล.ต.ท.คำรณวิทย์ เปิดเผยว่า คดีมีความคืบหน้าไปมาก จากการตรวจสอบบาดแผลของน้องเบิร์ด ทางแพทย์รพ.จุฬาฯได้ระบุชัดเจนว่าถูกทำร้าย เนื่องจากฐานกะโหลกร้าว เลือดออกในสมอง คอด้านซ้ายมีร่องรอยการถูกของแข็งตี มีรอยฟกช้ำ เลือดคลั่งที่สมอง จนทำให้เสียชีวิต อย่างไรก็ตามผลชันสูตรอย่างเป็นทางการจากแพทย์นิติเวชยังไม่ออกมา ต้องรอผลการตรวจเลือด อาหารและบาดแผลอีกครั้ง ส่วนประเด็นทะเลาะวิวาทกับเพื่อนที่โรงเรียนไม่ใช่ประเด็นหลัก ขณะนี้ตำรวจเน้นเป้าไปที่คนในคอนโดที่น้องเบิร์ดกับยายอาศัยอยู่ เบื้องต้นได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนลงพื้นที่หาเบาะแสในคอนโดที่ เกิดเหตุ ซึ่งทราบว่ามีกล้องวงจรปิดเพียงตัวเดียวบริเวณหน้าลิฟต์ โดยเห็นน้องเบิร์ดเดินเข้าไปภายในตึกเวลา 19.04 น. ของวันที่ 12 ก.ค. แต่ไม่กลับออกมาอีกเลย
ผู้สื่อข่าวถามว่าศพถูกเคลื่อนย้ายมาจากที่อื่นหรือไม่ เนื่องจากรองเท้าของผู้ตายหายไป พล.ต.ท.คำรณวิทย์ กล่าวว่า จากการสืบสวนคงไม่ใช่อย่างนั้น ตอนนี้มุ่งไปที่คนภายในตึก และจะได้สอบเพิ่มเติมทางญาติอีกครั้ง เพื่อหาข้อมูลเพิ่มเติม ส่วนมีความเป็นไปได้หรือไม่ว่าผู้ตายออกจากห้องพักไปพบวัยรุ่น ที่กำลังซื้อขายยาเสพติดกัน ทำให้ถูกลากตัว ไปทำร้ายบริเวณบันไดหนีไฟที่เป็น จุดอับไม่มีใครใช้ในการขึ้นลง พล.ต.ท.คำรณวิทย์ กล่าวว่า ประเด็นดังกล่าวก็มีความเป็น ไปได้ จึงสั่งการให้ฝ่ายสืบสวนหาข้อมูลในส่วนนี้เพิ่มเติม เนื่องจากบริเวณดังกล่าว เป็นชุมชนมีผู้พักอาศัยหนาแน่นอาจมีการค้ายาเสพติดค่อนข้างมาก ส่วนสาเหตุและรายละเอียดต่างๆ ไม่สามารถเปิดเผยได้เพราะอาจทำให้เสียรูปคดี
ต่อมาเมื่อเวลา 16.00น.วันนี้ 15 ก.ค ที่วัดต้นไทร ซ.อ่อนนุช 29 แขวงและเขต สวนหลวง ได้มีการชาปกิณ ด.ช. อรรถสิทธิ์ ลีเลิศยุทธ์ หรือน้องเบิร์ด อายุ 13 ปี นักเรียนโรงเรียน วชิรธรรมสาธิต (วัดทุ่ง)จากการเสียชีวิตที่ทางหนีไฟภายในแฟรชที่อาศัยอยู่โดยยังไม่ทราบ สาเหตุ เมื่อวันที่ 13 ที่ผ่านมาบรรยากาศเป็นไปด้วยความโศกเศร้าเสียใจ ของญาติพี่น้อง และเพื่อนๆร่วมโรงเรียนที่มาแสดงความเสียใจ กับผู้ตายเป็นครั้งสุดท้าย
ด้าน น.ส. วราภรณ์ คำแสน อายุ 38 ปีแม่ผู้ตาย เปิดเผยทั้งน้ำตาว่า จากการที่ตนจัดพิธีสวดศพของน้องเบิร์ดเพียงวันเดียวนั้นเนื่องจากทนเห็นลูก ชายเพียงคนเดียวในสภาพอย่างนี้นานไม่ได้ และเป็นแม่คนไหนก็ทนไม่ได้ ที่ต้องมานั่งดูความสูญเสียลูกของตนเองนอนแน่นิ่งอยู่ในโรงศพแบบนี้ จึงอยากจัดการงานนี้ให้เร็วที่สุดเพื่อให้น้องเบิร์ดไปสู่สุขคติโดยเร็ว
ทางด้านคดี น.ส. วราภรณ์ กล่าวต่อว่า ตนเชื่อว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจจะต้องจับตัวมาได้ในไม่ช้านี้ เนื่องจากตนมั่นใจในเจ้าหน้าที่ตำรวจไทย และถ้าจับคนร้ายได้เมื่อใด ก็อยากจะให้มาขอขมาน้องเบิร์ดด้วย และถ้าคนร้ายเป็นเด็กรุ่นเดียวกันกับน้องเบิร์ด ก็อยากจะถามว่า ทำไมถึงทำแบบนี้ ใครเป็นคนสั่งให้มาทำแบบนี้กับลูกตน แล้วพ่อแม่ไม่สั่งไม่สอนหรือไง แต่ถ้าหากเป็นผู้ใหญ่ จะถามเขาว่าน้องเบิร์ดไปทำอะไรให้ ถึงได้ทำกับน้องเบิร์ดอย่างนี้ จิตใจทำด้วยอะไร มีความเป็นคนอยู่หรือเปล่า
“ทั้งนี้ ตนอยากขอฝากขอบคุณมายังสื่อทุกแขนงที่ช่วยประชาสัมพันธ์ งานของน้องเบิร์ดนี้จนมีญาติพี่น้องมากันครบพร้อมหน้า และที่ช่วยติดตามการดำเนินคดีของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ตนขอบพระคุณมายังที่นี้ด้วย”แม่ผู้ตายกล่าวทิ้งท้าย
พล.ต.ท.คำรณวิทย์ เปิดเผยว่า คดีมีความคืบหน้าไปมาก จากการตรวจสอบบาดแผลของน้องเบิร์ด ทางแพทย์รพ.จุฬาฯได้ระบุชัดเจนว่าถูกทำร้าย เนื่องจากฐานกะโหลกร้าว เลือดออกในสมอง คอด้านซ้ายมีร่องรอยการถูกของแข็งตี มีรอยฟกช้ำ เลือดคลั่งที่สมอง จนทำให้เสียชีวิต อย่างไรก็ตามผลชันสูตรอย่างเป็นทางการจากแพทย์นิติเวชยังไม่ออกมา ต้องรอผลการตรวจเลือด อาหารและบาดแผลอีกครั้ง ส่วนประเด็นทะเลาะวิวาทกับเพื่อนที่โรงเรียนไม่ใช่ประเด็นหลัก ขณะนี้ตำรวจเน้นเป้าไปที่คนในคอนโดที่น้องเบิร์ดกับยายอาศัยอยู่ เบื้องต้นได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนลงพื้นที่หาเบาะแสในคอนโดที่ เกิดเหตุ ซึ่งทราบว่ามีกล้องวงจรปิดเพียงตัวเดียวบริเวณหน้าลิฟต์ โดยเห็นน้องเบิร์ดเดินเข้าไปภายในตึกเวลา 19.04 น. ของวันที่ 12 ก.ค. แต่ไม่กลับออกมาอีกเลย
ผู้สื่อข่าวถามว่าศพถูกเคลื่อนย้ายมาจากที่อื่นหรือไม่ เนื่องจากรองเท้าของผู้ตายหายไป พล.ต.ท.คำรณวิทย์ กล่าวว่า จากการสืบสวนคงไม่ใช่อย่างนั้น ตอนนี้มุ่งไปที่คนภายในตึก และจะได้สอบเพิ่มเติมทางญาติอีกครั้ง เพื่อหาข้อมูลเพิ่มเติม ส่วนมีความเป็นไปได้หรือไม่ว่าผู้ตายออกจากห้องพักไปพบวัยรุ่น ที่กำลังซื้อขายยาเสพติดกัน ทำให้ถูกลากตัว ไปทำร้ายบริเวณบันไดหนีไฟที่เป็น จุดอับไม่มีใครใช้ในการขึ้นลง พล.ต.ท.คำรณวิทย์ กล่าวว่า ประเด็นดังกล่าวก็มีความเป็น ไปได้ จึงสั่งการให้ฝ่ายสืบสวนหาข้อมูลในส่วนนี้เพิ่มเติม เนื่องจากบริเวณดังกล่าว เป็นชุมชนมีผู้พักอาศัยหนาแน่นอาจมีการค้ายาเสพติดค่อนข้างมาก ส่วนสาเหตุและรายละเอียดต่างๆ ไม่สามารถเปิดเผยได้เพราะอาจทำให้เสียรูปคดี
ต่อมาเมื่อเวลา 16.00น.วันนี้ 15 ก.ค ที่วัดต้นไทร ซ.อ่อนนุช 29 แขวงและเขต สวนหลวง ได้มีการชาปกิณ ด.ช. อรรถสิทธิ์ ลีเลิศยุทธ์ หรือน้องเบิร์ด อายุ 13 ปี นักเรียนโรงเรียน วชิรธรรมสาธิต (วัดทุ่ง)จากการเสียชีวิตที่ทางหนีไฟภายในแฟรชที่อาศัยอยู่โดยยังไม่ทราบ สาเหตุ เมื่อวันที่ 13 ที่ผ่านมาบรรยากาศเป็นไปด้วยความโศกเศร้าเสียใจ ของญาติพี่น้อง และเพื่อนๆร่วมโรงเรียนที่มาแสดงความเสียใจ กับผู้ตายเป็นครั้งสุดท้าย
ด้าน น.ส. วราภรณ์ คำแสน อายุ 38 ปีแม่ผู้ตาย เปิดเผยทั้งน้ำตาว่า จากการที่ตนจัดพิธีสวดศพของน้องเบิร์ดเพียงวันเดียวนั้นเนื่องจากทนเห็นลูก ชายเพียงคนเดียวในสภาพอย่างนี้นานไม่ได้ และเป็นแม่คนไหนก็ทนไม่ได้ ที่ต้องมานั่งดูความสูญเสียลูกของตนเองนอนแน่นิ่งอยู่ในโรงศพแบบนี้ จึงอยากจัดการงานนี้ให้เร็วที่สุดเพื่อให้น้องเบิร์ดไปสู่สุขคติโดยเร็ว
ทางด้านคดี น.ส. วราภรณ์ กล่าวต่อว่า ตนเชื่อว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจจะต้องจับตัวมาได้ในไม่ช้านี้ เนื่องจากตนมั่นใจในเจ้าหน้าที่ตำรวจไทย และถ้าจับคนร้ายได้เมื่อใด ก็อยากจะให้มาขอขมาน้องเบิร์ดด้วย และถ้าคนร้ายเป็นเด็กรุ่นเดียวกันกับน้องเบิร์ด ก็อยากจะถามว่า ทำไมถึงทำแบบนี้ ใครเป็นคนสั่งให้มาทำแบบนี้กับลูกตน แล้วพ่อแม่ไม่สั่งไม่สอนหรือไง แต่ถ้าหากเป็นผู้ใหญ่ จะถามเขาว่าน้องเบิร์ดไปทำอะไรให้ ถึงได้ทำกับน้องเบิร์ดอย่างนี้ จิตใจทำด้วยอะไร มีความเป็นคนอยู่หรือเปล่า
“ทั้งนี้ ตนอยากขอฝากขอบคุณมายังสื่อทุกแขนงที่ช่วยประชาสัมพันธ์ งานของน้องเบิร์ดนี้จนมีญาติพี่น้องมากันครบพร้อมหน้า และที่ช่วยติดตามการดำเนินคดีของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ตนขอบพระคุณมายังที่นี้ด้วย”แม่ผู้ตายกล่าวทิ้งท้าย
0 - ซ่อมคอมพิวเตอร์นอกสถานที่ บางกะปิ 083-792-5426:
แสดงความคิดเห็น
หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น