วันอาทิตย์ที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

สุดสลดพ่อถอยรถเก๋งทับลูกวัยขวบเศษดับอนาถ


เมื่อเวลา 12.30 น. วันนี้ (17 พ.ย.) ร.ต.ต.ธัชกร  นารานันทญา ร้อยเวร สภ.หนองขาม อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี รับแจ้งจาก รพ.แหลมฉบังอินเตอร์ เนชั่นแนล ว่ามีผู้เด็กหญิงได้รับอุบัติเหตุ อาการสาหัสถูกนำตัวมาส่งโรงพยาบาล แต่ทนพิษบาดแผลไม่ไหวเสียชีวิตในเวลาต่อมา อยู่ในสภาพคอหัก เลือดไหลออกมาจากทางปาก จมูก และรูหู จึงเดินทางไปตรวจสอบพบศพด.ญ.พิชชาภัทธ ลิ้มเบญจทรัพย์ หรือน้องยูริ วัย 1 ปี 5 เดือน โดยมีนายมนตรี ลิ้มเบญจทรัพย์ อายุ 37 ปี และนางรุ่งรัตน์ ลิ้มเบญจทรัพย์ อายุ 35 ปี พ่อและแม่ของน้องยูริ ร้องไห้กอดศพลูกปริ่มแทบจะขาดใจตาม
จากการสอบสวนนายมนตรีให้การทั้งน้ำตาว่า ก่อนเกิดเหตุตนกับภรรยาจะพาน้องยูริไปเที่ยวทะเลที่ จ.ระยอง ขณะที่ภรรยากำลังเก็บของอยู่ในบ้าน ตนได้ออกมาติดเครื่องพร้อมกับถอยรถเก๋งเพื่อหันหน้าออกถนนใหญ่ ระหว่างนั้นได้ยินเสียงเหมือนล้อรถทับอะไรบางอย่าง แต่ไม่ได้เอะใจสงสัยจนมองเห็นหยดเลือดบนพื้น เลยรีบลงมาดูใต้ท้องรถ วินาทีนั้นหัวใจตนแทบหยุดเต้นเมื่อมองเห็นร่างลูกสาวตัวน้อย นอนจมกองเลือดอยู่ใต้ท้องรถ ตนเลยรีบดึงลูกออกมาก่อนรีบนำส่ง รพ.แต่ไม่ทันการณ์เสียแล้ว ตนไม่คิดว่าลูกสาวจะมายืนอยู่หลังรถ เพราะตนมองแล้วไม่เห็นตัวลูกสาว เพราะน้องยูริยังตัวเล็ก เลยทำให้ถอยรถทับลูกจนเสียชีวิตดังกล่าว เบื้องต้นเจ้าหน้าที่แจ้งข้อหาขับรถประมาทจนเป็นเหตุให้ผู้อื่นเสียชีวิตไว้ ก่อน.

แฉคลิปนักโทษแหกคุกสามโคกลวดไฟฟ้าดูดตายอนาถ


วันนี้ (17 พ.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงบ่ายที่ผ่าน นช.สุริยา ฉิมพลี อายุ 30 ปี นช.เดชา ฉิมพลี อายุ 29 ปี สองพี่น้องที่ถูกจับในคดีร่วมกันชิงทรัพย์ ท้องที่ สภ.สามโคก จ.ปทุมธานี เมื่อวันที่ 15 ก.ย.ที่ผ่านมา และ นช.สมพร แสงรี อายุ 27 ปี ที่ถูกจับในความผิด พ.ร.บ.อาวุธปืน เมื่อวันที่ 1 พ.ย.ที่ผ่านมา ในท้องที่ สภ.ปากคลองรังสิต ได้ร่วมกันปีนกำแพงเรือนจำสามโคกหลบหนี ขณะที่ผู้คุมกำลังทยอยนำผู้ต้องขังเข้าเรือนนอน เนื่องจากมีผู้ต้องขังรายหนึ่งป่วยเสียชีวิตกะทันหัน โดยทั้ง 3 ได้ใช้เศษผ้าผูกเป็นเชือกปีนกำแพงในแดน 5 ด้านใกล้บ่อบำบัดน้ำเสีย ซึ่งกล้องวงจรปิดของเรือนจำสามารถจับภาพได้ตลอด โดยทั้ง 3 ปีนอย่างรีบเร่ง จน นช.สุริยา กับ นช.เดชา สามารถทำสำเร็จ แต่ นช.สมพร กลับเคราะห์ร้ายรีบปีนจนพลาดถูกกระแสไฟฟ้าจากขดลวดหนามหีบเพลงที่ขึงอยู่บน ขอบกำแพงดูดเสียชีวิตห้วยโตงเตงเป็นที่น่าสยดสยอง อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่สามารถติดตามจับกุม นช.เดชา ได้ขณะแอบซ่อนอยู่ในป่ากก เพราะอาการเจ็บหลังจากการกระโดดลงมาจากขอบกำแพงที่อยู่สูงกว่า 5 เมตร.

บึ้มรถไฟสายยะลา-สุไหงฯ ตกรางเจ็บตายเพียบ


เมื่อเวลา 07.30 น. วันที่ 18 พ.ย. เจ้าหน้าที่ สภ.รือเสาะ จ.นราธิวาส รับแจ้งเกิดระเบิดใกล้สถานีรถไฟบูกิ๊ต อ.รือเสาะ จึงรีบนำกำลังผู้เกี่ยวข้องไปตรวจสอบ ที่เกิดเหตุพบรถไฟขบวนท้องถิ่นวิ่งระหว่าง ยะลา-สุไหงโก-ลก ที่อยู่ในรางฝั่งขาล่องไปสุไหงโก-ลก จอดตกรางอยู่ โดยโบกี้ท้ายขบวนที่มีเจ้าหน้าที่อาสาสมัครชุดคุ้มกันรักษาความปลอดภัยได้ รับความเสียหายอย่างหนักจากอนุภาพของแรงระเบิดมีเจ้าหน้าที่เสียชีวิต 1 ราย บาดเจ็บ 8 ราย นอกจากนี้ยังมีผู้โดยสารได้รับบาดเจ็บอีก 4 ราย จึงรีบลำเลียงส่ง รพ.รือเสาะ เบื้องต้นคาดเป็นฝีมือผู้ก่อเหตุรุนแรงลอบฝังระเบิดไว้ใต้รางรถไฟหวังสังหาร เจ้าหน้าที่ ทำให้การรถไฟต้องประกาศปิดการเดินรถในช่วงดังกล่าว ส่วนความคืบหน้าผู้สื่อข่าวจะจะรายงานให้ทราบต่อไป.

พท. ท้า “มาร์ค” ฟ้องศาลเล่นงาน รมว.กลาโหม


วันนี้ (18 พ.ย.) ที่พรรคเพื่อไทย นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณี ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ 153 คน เข้าชื่อเพื่อให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ตรวจสอบและเอาผิด พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รมว.กลาโหม กรณีถอดยศและปลดออกนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ว่า เป็นแค่การยื่นฟ้องเพื่อเบี่ยงเบนข้อเท็จจริง แต่พรรคนี้กลับแสดงธาตุแท้ออกมาปกป้องพวกเดียวกัน อีกทั้งการยื่นฟ้องไปที่ ป.ป.ช. น่าจะผิดที่ เหตุใดนายอภิสิทธิ์ไม่ไปฟ้องศาลยุติธรรม เหมือนกรณีที่นายอภิสิทธิ์ยื่นฟ้องหมิ่นประมาทนายจตุพร พรหมพันธุ์ ต่อศาลยุติธรรมในกรณีเดียวกันก่อนหน้านี้ แต่ศาลยกฟ้อง ดังนั้นหากนายอภิสิทธิ์เป็นทองแท้ ไม่กลัวไฟฉันใด ขอให้เอาเอกสารออกมาชี้แจง

วุฒิฯฮึ่มซักฟอกขู่รัฐบาลเลี่ยงเข้าข่ายขัดรธน.


เมื่อวันที่ 18 พ.ย. นายสุรชัย ชัยตระกูลทอง ส.ว.ชลบุรี ในฐานะเลขานุการคณะกรรมาธิการวิสามัญกิจการวุฒิสภา (วิปวุฒิสภา) เปิดเผยว่าจะได้ข้อยุติในวันอังคารที่ 20 พ.ย. นี้ กรณีวันซักฟอกรัฐบาลของวุฒิสภา โดยจะรอดูท่าทีของรัฐบาลอีกครั้ง ทั้งนี้หากมีหนังสือชี้แจงเป็นลายลักษณ์อักษรก็พร้อมจะเข้าใจ เพราะวุฒิสภาไม่ได้ยืนกรานที่จะใช้วันที่ 23-24 พ.ย. เท่านั้น
ส่วนสาเหตุที่รัฐบาลไม่กล้าตัดสินใจใช้วันดังกล่าว เพราะกำลังวิเคราะห์สถานการณ์บ้านเมือง และตรงกับวันชุมนุม พร้อมยืนยันว่าวุฒิสภาไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการชุมนุมขององค์การพิทักษ์ สยาม ขณะเดียวกันหากนายกรัฐมนตรีติดภารกิจก็อยากให้รัฐมนตรีเข้ามาชี้แจงแทน เนื่องจากตามมาตรา 161 ระบุไว้ชัดเจนว่า หากไม่เข้ามาชี้แจงก็อาจเข้าข่ายผิดกฎหมายตามรัฐธรรมนูญ และอาจทำให้สมาชิกตำหนิหรือยื่นฟ้องรัฐบาลต่อศาลรัฐธรรมนูญได้

ทางด้านนายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย  กล่าวถึงการนัดประชุมวุฒิสภา วันที่ 23 -24 พ.ย.นี้ เพื่ออภิปรายทั่วไปรัฐบาล  ว่าประเด็นดังกล่าวเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องรับฟัง แต่ต้องเข้าใจภารกิจของนายกรัฐมนตรี ด้วย ส่วนเรื่องการกำหนดเวลาอภิปรายนั้น อยู่ที่การประสานงานกันระหว่างวุฒิสภา และคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล โดยในสัปดาห์หน้าทราบว่าทางวิปรัฐบาลจะมีการหารือเรื่องนี้ เห็นใจเรื่องเวลา  แต่การกำหนดเวลาใดๆ ต้องมีการประสานกัน ทั้งนี้หากนายกฯ ไม่สามารถเข้าร่วมประชุมได้ ก็อาจถูกกลุ่ม ส.ว. ที่อยู่ตรงข้ามรัฐบาล โจมตีได้ว่านายกฯ หนีสภาฯอีก

ชมรมนิสิตนักศึกษาฯต้าน"แช่แข็งประเทศ"


ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 18 พ.ย. “ชมรมนิสิตนักศึกษารักประชาธิปไตย” นำโดย นายนันทศักดิ์ พูลผล ประธานชมรมนิสิตฯ ได้ออกแถลงการณ์ต่อต้านการแช่แข็งประเทศไทย โดยนายนันทศักดิ์ กล่าวว่า กลุ่มพวกตนที่เป็นนักศึกษาเป็นพลังคนรุ่นใหม่ต้องการต่อต้านการรัฐประหาร และการแช่แข็งประเทศไทย เนื่องจากประเทศไทยเป็นประเทศประชาธิปไตย และเห็นว่าการที่ พล.อ.บุญเลิศ แก้วประสิทธิ์ ประธานองค์การพิทักษ์สยาม ออกมาต่อต้าน และพยายามขับไล่รัฐบาลที่ประชาชนเลือกมานั้น ยอมรับไม่ได้
ทั้งนี้ การชุมนุมของกลุ่มองค์การพิทักษ์สยามอาจก่อให้เกิดการรัฐประหาร โดยการก่อความไม่สงบ พวกตนอยากเห็นประเทศไทยเดินหน้า ไม่ต้องการเห็นประเทศไทยถอยหลังอีกแล้ว และประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศได้เลือกรัฐบาลชุดนี้เข้ามาบริหารประเทศ ประชาชนคนไทยก็ต้องยอมรับผลการเลือกตั้งดังกล่าว

ทางด้าน นายซิม ไฮแอท ประธานที่ปรึกษาชมรมนิสิตนักศึกษารักประชาธิปไตย กล่าวว่า การรวมตัวกันในวันนี้ เพราะไม่เห็นด้วยกับการกระทำของ พล.อ.บุญเลิศ และท่านเป็นทหาร แต่สิ่งที่ทำตอนนี้รับพวกตนรับไม่ได้ เพราะการกระทำดังกล่าวถือเป็นกบฏ พวกตนเป็นเด็กไม่ต้องการโจมตีใครแต่อย่างใด แต่พวกตนสุดทน และไม่เห็นด้วยกับการกระทำของผู้ใหญ่กลุ่มนี้ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นทหารของประชาชน ได้รับเงินเดือนจากภาษีของประชาชน และสิ่งที่ทำอยู่นั้นเป็นการล้มล้างอำนาจของประชาชนซึ่งเป็นสิ่งที่รับไม่ ได้ และการรวมตัวของพวกตนในขณะนี้ยังไม่มีการนัดชุมนุมแต่อย่างใด แต่หากการชุมนุมของกลุ่มองค์การพิทักษ์สยาม ได้ยกระดับการชุมนุม กลุ่มพวกตนพร้อมที่จะออกมาสู้เพื่อปกป้องสิทธิ์ของตนเอง และเชื่อมั่นว่าประชาชนทั่วไปที่รักประชาธิปไตยจะพร้อมใจกันออกมาต่อสู้ด้วย เช่นกัน

นายซิม กล่าวต่อว่าในช่วงบ่ายกลุ่มของพวกตน จะเข้าร่วมกับกลุ่มไฟเขียวประเทศไทย ที่จะทำการรณรุงค์ต่อต้านการชุมนุมของ กลุ่มองค์การพิทักษ์สยาม ที่บริเวณ สยามสแควร์ด้วย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากออกแถลงการณ์แล้ว ชมรมนิสิตนักศึกษารักประชาธิปไตยได้มีการแจกสติกเกอร์ ที่มีข้อความว่า “หยุดการแช่แข็งประเทศไทย” ให้กับประชาชนในบริเวณดังกล่าว และทางกลุ่มชมรมนิสิตนักศึกษารักประชาธิปไตย ได้ระบุว่าหลังจากนี้จะทำการแจกสติกเกอร์ให้กับประชาชนต่อไป

“เสธ.อ้าย”อุ่นเครื่องปล่อยคาราวานทั่วกรุง


วันนี้ (18พ.ย.) ที่ลานพระบรมรูปทรงม้า กลุ่มองค์การพิทักษ์สยาม(อพส.) นำโดย พล.อ.บุญเลิศ แก้วประสิทธิ์ ประธาน อพส. พร้อมแนวร่วมจำนวนหนึ่ง ได้รวมตัวเพื่อทำกิจกรรมคาราวานรณรงค์ เชิญชวนคนไทยร่วม  "ปฏิวัติการเมืองไทย ด้วยอธิปไตยของปวงชน" โดยกลุ่มคาราวานดังกล่าวประกอบด้วยรถจักรยานยนต์ และรถยนต์ติดเครื่องขยายเสียงกว่า 50 คัน ออกรณรงค์กิจกรรมไปใน 4 เส้นทางหลักของกรุงเทพมหานคร ประกอบด้วยเส้นทางที่ 1 จะเคลื่อนจากลานพระบรมรูปทรงม้า ไปยังถนนราชวัตร บางซื่อ จตุจักร ลาดพร้าว เส้นทางที่ 2 ประตูน้ำ คลองตัน รามคำแหง บางกะปิ รามอินทรา เส้นทางที่ 3 ไปยังหัวลำโพง สามย่าน สีลม และเส้นทางที่ 4 ไปยังสนามหลวง ศิริราช วงเวียนใหญ่

พล.อ.บุญเลิศ กล่าวว่า  การจัดกิจกรรมในครั้งนี้เป็นการเชิญชวนประชาชนมาร่วมชุมนุมในวันที่ 24 พ.ย.55 เพื่อแสดงพลังในการคัดค้านการกระทำของรัฐบาลที่นิ่งเฉยต่อกลุ่มที่จาบจ้วง สถาบัน รวมถึงบุคคลในรัฐบาลที่ออกมายุยงให้มีการจาบจ้วงสถาบันอย่างชัดเจน และเพื่อเป็นการขับไล่รัฐบาลหุ่นเชิด พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งไม่เป็นไปตามหลักนิติรัฐ นิติธรรม และมีการทุจริตคอรัปชั่นจำนวนมาก

“การชุมนุมครั้งนี้ไม่ได้เป็นการปิดประเทศ  แต่เพียงต้องการหยุดนักการเมืองไม่ให้ทำร้ายประเทศไทยเท่านั้น  ซึ่งเห็นว่า แม้รัฐบาลจะได้มาจากการเลือกตั้งมา แต่เป็นการเลือกตั้งที่ไม่สุจริต เพราะมีบัตรเสียและการทุจริตในการเลือกตั้ง พร้อมทั้งยืนยันว่าการชุมนุมครั้งนี้จะไม่หวนกลับไปเช่นดังปี 2549 ที่มีการปฏิวัติรัฐประหาร  หากใครหวั่นกลัวว่าจะเป็นเช่นในปี 2549 ก็คงต้องปล่อยให้นักการเมืองทำร้ายประเทศต่อไป   ส่วนการดำเนินการหลังจากการชุมนุมขับไล่รัฐบาล จะมีแนวทางในการบริหารประเทศต่อไปอย่างไร และถึงขั้นต้องมีนายกรัฐมนตรีพระราชทานตามมาตรา 7 หรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับจำนวนของประชาชนที่มาร่วมชุมนุม หากมีจำนวนมากก็แสดงว่าประชาชนเห็นด้วย” พล.อ.บุญเลิศ กล่าว

นอกจากนี้ พล.อ.บุญเลิศ ยังกล่าวด้วยว่า การชุมนุมไม่มีการซ่องสุมอาวุธ   โดยเชื่อว่าการชุมนุมจะไม่มีเหตุความรุนแรงที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตและบาด เจ็บ  อย่างไรก็ตามเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดูแลสถานการณ์ให้เรียบร้อย ซึ่งเป็นหน้าที่ของตำรวจที่จะต้องดูแลประชาชน ทั้งนี้ไม่เห็นด้วยกับรัฐบาลที่จะมีการใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคง เพื่อควบคุมสถานการณ์ในการชุมนุม เพราะประชาชนมาชุมนุมภายใต้กรอบของรัฐธรรมนูญ โดยยืนยันว่าการชุมนุมในครั้งนี้จะไม่มีการนำมวลชนไปบุกรัฐสภาในช่วงที่มี การอภิปรายไม่ไว้วางใจอย่างแน่นอน  ส่วนในขณะนี้ ที่มีการเคลื่อนไหวของกลุ่มคนเสื้อแดงที่ออกมาชุมนุมในจังหวัดต่างๆ ชัดเจนว่าเป็นการวางบิล ของพ.ต.ท.ทักษิณ  อย่างไรก็ตามเชื่อมั่นว่าจะไม่มีเหตุปะทะกันของกลุ่มผู้ชุมนุม

เปิดประชุมอาเซียนซัมมิตครั้งที่ 21 อย่างเป็นทางการ


วันนี้ (18 พ.ย. ) เวลา 09.00 น. นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยนายสุรพงษ์  โตวิจักษณ์ชัยกุล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.การต่างประเทศ  นายนิวัฒน์ธำรง บญทรงไพศาล รมต.สำนักนายกรัฐมนตรี นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ รมว.พาณิชย์ เดินทางไปยังสำนักงานนายกรัฐมนตรีแห่งราชอาณาจักรกัมพูชา เพื่อเข้าร่วมพิธีเปิดการประชุมสุดยอดอาเซียนครั้งที่ 21 อย่างเป็นทางการ
โอกาสนี้สมเด็จอัครมหาเสนาบดีเดโช ฮุน เซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา กล่าวสุนทรพจน์เปิดการประชุมสุดยอดอาเซียนครั้งที่ 21 ว่า ยินดีต้อนรับผู้นำชาติอาเซียนในการมาร่วมประชุมเพื่อแสวงหาความร่วมมือ และกระชับความสัมพันธ์ในการนำชาติอาเซียนไปสู่การเป็นประชาคมอาเซียนในปี 2015 ด้วยการต่อยอดความร่วมมือทั้งสามเสา คือ เศรษฐกิจ การเมืองความมั่นคง และสังคมวัฒนธรรม และหวังว่าในการประชุมครั้งนี้จะได้ผลสำเร็จที่เป็นรูปธรรม และสร้างประโยชน์ร่วมกันแก่ชาติอาเซียน
จากนั้นผู้นำอาเซียนได้ขึ้นไปบนเวทีเพื่อถ่ายภาพหมู่ร่วมกัน และร่วมพิธีเปิดสถาบันอาเซียนสำหรับสันติภาพและสมานฉันท์ ต่อมาเวลา 10.00 น. นางสาวยิ่งลักษณ์ เข้าร่วมการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 21 โดยนายกรัฐมนตรีกล่าวถ้อยแถลงเพื่อแสดงวิสัยทัศน์เกี่ยวกับการผลักดันสู่การ เป็นประชาคมอาเซียน มีสาระสำคัญดังนี้
นายกรัฐมนตรีแสดงความขอบคุณแก่นายกรัฐมนตรีฮุนเซนที่ให้การต้อนรับ อย่างอบอุ่น และขอแสดงความเสียใจต่อการเสด็จสรรคตของพระบาทสมเด็จพระนโรดมสีหนุ โอกาสนี้นายกรัฐมนตรีได้ยกย่องความเป็นผู้นำและคำมั่นของกัมพูชาในฐานะ ประธานอาเซียนที่จะสานต่อข้อริเริ่มต่าง ๆ ในการกระชับความร่วมมือที่เข้มแข็งของอาเซียน และการเตรียมความพร้อมไปสู่การเป็นประชาคมอาเซียนในปี 2015
ประการแรก ในปีนี้อาเซียนประสบความสำเร็จในการพัฒนาร่างปฏิญญาอาเซียนว่าด้วยสิทธิ มนุษยชน สะท้อนให้เห็นถึงเจตนารมณ์ทางการเมืองของอาเซียนในการส่งเสริมและคุ้มครอง สิทธิมนุษยชน ซึ่งประเทศไทยรอคอยให้การนำปฏิญญาดังกล่าวไปใช้ให้เกิดผลอย่างสมบูรณ์ การส่งเสริมและการปกป้องสิทธิมนุษยชนกำลังเกิดขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป โดยหวังว่าปฏิญญานี้จะปูทางให้เกิดการพัฒนาสิทธิมนุษยชนในภูมิภาค ทั้งนี้ไทยยังได้มีการทำงานอย่างแข็งขันในการส่งเสริมสิทธิของเด็กและสตรี กำจัดความรุนแรงต่อเด็กและสตรี การสร้างอำนาจแก่สตรี การสร้างความเท่าเทียมกัน และการพัฒนาเด็ก
ประการที่สอง การต่อยอดความร่วมมือทั้งสามเสาเพื่อสร้างประชาคมอาเซียนที่แข็งแกร่ง สำหรับเสาเศรษฐกิจต้องขจัดอุปสรรคทางการค้าด้านภาษี การอำนวยความสะดวกในการค้าการลงทุนได้อย่างเสรี การปรับปรุงกฎระเบียบเพื่อเอื้อประโยชน์ และการสร้างกลไกและสถาบันของอาเซียนให้ตอบสนองต่อการรวมกลุ่มเศรษฐกิจได้ดี ยิ่งขึ้น สิ่งเหล่านี้จะนำไปสู่การบูรณาการด้านเศรษฐกิจของภูมิภาค และใช้ประโยชน์อย่างเต็มที่จากประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) รวมถึงเพิ่มความสามารถด้านการแข่งขันในระยะยาว ประเทศไทยยินดีที่ได้มีการพัฒนาต่อยอดความตกลงพันธมิตรทางเศรษฐกิจระดับ ภูมิภาค และรอคอยการประกาศเจรจาความตกลงดังกล่าวในอีก 2 วันข้างหน้า และเห็นว่าควรมอบหมายให้เจ้าหน้าที่เริ่มต้นการเจรจาช่วงต้นปี 2556
สำหรับเสาด้านการเมืองความมั่นคง นายกรัฐมนตรีเห็นว่าควรให้ความสำคัญในการต่อสู่กับปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติ และการฟอกเงิน ในด้านยาเสพติดนั้นควรผลักดันผลสำเร็จจากการจัดประชุมรัฐมนตรีอาเซียนสมัย พิเศษด้านยาเสพติดซึ่งไทยเป็นเจ้าภาพ และขยายความร่วมมือในการต่อต้านยาเสพติดระหว่างพรมแดน ส่วนปัญหาด้านการค้ามนุษย์ ไทยเห็นว่าควรเร่งรัดอนุสัญญาอาเซียนว่าด้วยการค้ามนุษย์ และผลักดันให้มีการจัดทำแผน Regional Plan Action to Combat Trafficking in Persons

เสาด้านสังคมวัฒนธรรม ควรขยายความร่วมมือด้านการบริหารจัดการภัยพิบัติ ไทยยินดีที่ศูนย์ประสานงานอาเซียนสำหรับความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมในการ จัดการภัยพิบัติได้ดำเนินการอย่างเต็มรูปแบบ และเห็นว่าควรมีการประสานงานและทำงานร่วมกับศูนย์ภัยพิบัติอื่นๆ ในภูมิภาคเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของการบริหารจัดการภัยพิบัติ โดยเฉพาะในเรื่องข้าว ประเทศไทยมีความพร้อมที่จะเป็นศูนย์กลางสนับสนุนในด้านข้าว นอกจากนี้ไทยจะเป็นเจ้าภาพร่วมกับสาธารณรัฐเกาหลีเพื่อจัดการฝึกซ้อมตามแผน ARF Disaster Relief Exercise 2013 เพื่อให้รับมือกับภัยพิบัติได้อย่างมีประสิทธิภาพ ในด้านภัยพิบัติทางน้ำ ประเทศไทยจะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมกับประเทศอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขงกับจีนใน ปีหน้า เพื่อแลกเปลี่ยนประสบการณ์ในการบริหารจัดการน้ำ
ประการที่สาม การลดการช่องว่างด้านการพัฒนา ไทยยืนยันที่จะให้ความร่วมมือเพื่อการพัฒนาแก่ประเทศเพื่อนบ้าน โดยเน้นการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ การพัฒนาสาธารณูปโภค ทั้งในกรอบระดับทวิภาคี กรอบอนุภูมิภาคและกรอบอาเซียน รวมถึงส่งเสริมความร่วมมือในลักษณะไตรภาคี เพื่อเร่งให้การลดช่องว่างด้านการพัฒนาของประเทศเพื่อนบ้านประสบผลสำเร็จโดย เร็ว
ประการที่สี่ การสร้างความเชื่อมโยงระหว่างกันในอาเซียน ซึ่งถือเป็นวาระสำคัญสูงสุดอย่างหนึ่งของอาเซียน ในการสร้างความเชื่อมโยงนั้นสิ่งสำคัญคือการระดมเงินทุนเพื่อสร้างเครือข่าย สาธารณูปโภค อำนวยความสะดวกในการไปมาหาสู่และการค้าการลงทุนระหว่างกัน ขณะนี้ประเทศไทยได้ทำงานอย่างใกล้ชิดกับเมียนมาร์ ในโครงการพัฒนาท่าเรือน้ำลึกทวายเพื่อเป็นสะพานเชื่อมโยงเอเชียตะวันออก เฉียงใต้กับเอเชียใต้ ซึ่งจะส่งเสริมให้อาเซียนเป็นศูนย์กลางด้านโลจิสติกส์ของภูมิภาค สำหรับด้านการศึกษา ได้มีโครงการเคลื่อนย้ายนักศึกษาในภูมิภาค การแลกเปลี่ยนนักศึกษาระหว่างกัน
ประการที่ห้า การทำให้อาเซียนเป็นประชาคมที่มีประชาชนเป็นศูนย์กลางอย่างแท้จริง ให้ประชาชนมีคุณภาพชีวิตที่ดี จึงต้องมีความร่วมมือด้านความมั่นคงทางอาหารอย่างใกล้ชิด แสวงหาแนวทางและวิธีการเพื่อให้มีอาหารที่เพียงพอ ทั้งในกรอบทวิภาคี อนุภูมิภาค และอาเซียน+3 โดยไทยได้ทำงานอย่างใกล้ชิดกับประเทศสมาชิกอาเซียนเพื่อเพิ่มปริมาณผลผลิต ข้าว ยางพารา
ในตอนท้ายนายกรัฐมนตรีได้แสดงความขอบคุณแก่นายสุรินทร์ พิศสุวรรณ เลขาธิการอาเซียนคนปัจจุบัน ที่ได้มีบทบาทในการสร้างประชาคมอาเซียนอย่างแข็งขันมาตลอดระยะเวลาห้าปี และไทยยินดีสนับสนุนเลขาธิการคนต่อไปคือ นายเลอ เลือง มินห์ ซึ่งเป็นชาวเวียดนาม และเชื่อมั่นว่าด้วยความรู้ ความสามารถและประสบการณ์ของนายเลอ เลือง มินห์ จะนำอาเซียนไปสู่การเป็นประชาคมอาเซียนอย่างสมบูรณ์ในปี 2015 อย่างแน่นอน

รวมพลใส่ชุดกันหนาวเย้ย "เสธ.อ้าย" แช่แข็งประเทศไทย


วันนี้ (18 พ.ย.) ที่สถานีรถไฟฟ้าบีทีเอส สยาม นายสมบัติ บุญงามอนงค์ หรือ บก.ลายจุด พร้อมผู้ชุมนุมกลุ่มวันอาทิตย์สีแดง ประมาณ 100 คน รวมตัวกันจัดกิจกรรม “เทศกาลแช่แข็งประเทศไทย” เพื่อเป็นการล้อเลียน พล.อ.บุญเลิศ แก้วประสิทธิ์ ประธานองค์การพิทักษ์สยาม ที่นัดชุมนุมใหญ่เพื่อไล่รัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ครั้งที่สอง ในวันที่ 24 พ.ย. และเตรียมใช้โมเดล "แช่แข็งประเทศ 5 ปี" หลังจากไล่รัฐบาลออกไปแล้ว โดยกล่มผู้ชุมนุมพากันแต่งกายด้วยชุดกันหนาว ผ้าพันคอ ถุงมือ ถุงน่อง ถือป้ายข้อความ กับสติ๊กเกอร์ ที่มีข้อความเขียนต่าง ๆ เช่น หยุดการแช่แข็งประเทศไทย ,NO Freeze Thailand หรือ หนาว แน่ มึง ฯลฯ มาทำแฟลชม็อบ (Flash Mob) กันบนสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสสยาม ก่อนจะพากันขึ้นรถไฟฟ้าเดินทางไปทำแฟลชม็อบที่สถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสจตุจักร แล้วนั่งรถไฟฟ้าย้อนกลับมาที่สถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสสยามก่อนแยกย้ายกันกลับ

นายสมบัติ กล่าวว่า วันนี้ตั้งใจมาจัดกิจกรรมเทศกาลแช่แข็งประเทศไทย ทำแฟลชม็อบเพื่อเป็นการล้อเลียน เสธ.อ้าย โดยต้องการจะสื่อให้เห็นว่า หากประเทศไทยถูกแช่แข็งแล้วประชาชนจะต้องทำตัวอย่างไรบ้าง เพื่อเป็นการส่งสัญญาณไปก่อนที่สัปดาห์หน้า เสธ.อ้าย จะเริ่มปฏิบัติการแช่แข็งประเทศตามลำดับขั้น โดยส่วนตัวมองว่า การที่คนกลุ่มหนึ่งจะหยุดไม่ให้มีการเลือกผู้แทนของประชาชนถึง 5 ปี และจะตั้งตัวแทนของพวกตัวเองขึ้นมาบริหารประเทศโดยไม่ผ่านกระบวนการเลือก ตั้งนั้นไม่สอดคล้องกับความเป็นจริงของสังคมไทยกับสังคมโลกในปัจจุบัน

นายสมบัติ กล่าวต่อว่า การที่ เสธ.อ้าย เสนอแบบนี้นั้นเหมือนกับหลุดมาจากยุคน้ำแข็ง ที่ตัวเองนึกอยากจะทำอะไรก็ทำได้ คิดว่าตัวเองมีกำลังเรียกทหารออกมาได้ ซึ่งความเป็นจริงแล้ว ประเทศไม่ได้อยู่ในยุคน้ำแข็งแต่อยู่ในสังคมประชาธิปไตยที่ประชาชนมีสิทธิ์ ร่วมด้วย คนเหล่านี้มีสิทธิ์ที่จะมีความเห็นทางการเมืองที่แตกต่างได้ แต่ต้องมาสู้กันผ่านกระบวนการรัฐสภา หากจะคิดเปลี่ยนแปลงอะไร อย่างไรก็ตาม ตนเคารพสิทธิในการชุมนุมที่สนามม้านางเลิ้ง ไม่คัดค้านการชุมนุมที่นั่น แต่คัดค้านข้อเสนอแช่แข็งประเทศไทย เพราะเห็นว่าเป็นข้อเสนอที่สังคมไทยรับได้ยาก ไม่น่าจะมีมวลชนสนับสนุนข้อเสนอนี้ ทำให้วาทกรรม “แช่แข็งประเทศไทย” ของ เสธ.อ้าย แทนที่จะแช่แข็งประเทศไทย กลับเป็นย้อนมาแช่แข็ง เสธ.อ้าย เรียบร้อย

บก.ลายจุด กล่าวต่อว่า กระแสการต่อต้านข้อเสนอของ พล.อ.บุญเลิศ แก้วประสิทธิ์ และการเคลื่อนไหวขององค์การพิทักษ์สยาม ยังมีอีกหลายรูปแบบ เช่น การขึ้นป้ายสนับสนุนรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง คัดค้านการรัฐประหาร รวมทั้งยังมีกลุ่มเสื้อแดงที่ใช้ชื่อ “สมัชชาประชาธิปไตยแห่งประเทศไทย” เตรียมจัดกิจกรรมประกาศเจตนารมณ์คนนนทบุรีไม่เอาการแช่แข็งประเทศและเจตจำนง ในการต่อต้านการรัฐประหารทุกรูปแบบในวันที่ 24 พ.ย.นี้ เวลา 15.00 น. ที่หน้าสถานีดาวเทียมไทยคม จังหวัดนนทบุรี  อีกด้วย

ผบ.ตร.ตรวจทำเนียบพร้อมรับ “โอบามา”



เมื่อวันที่ 18 พ.ย. เวลา 12.30 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ให้สัมภาษณ์ภายหลังเป็นประธานรับฟังบรรยายสรุปสถานการณ์การรักษาความปลอดภัย บริเวณโดยรอบทำเนียบรัฐบาล ว่าขณะนี้สถานการณ์เป็นไปด้วยความเรียบร้อย ยังไม่มีกระแสข่าวรายงานว่าจะมีกลุ่มผู้ไม่หวังดีเข้ามาสร้างสถานการณ์ โดยมีการเตรียมความพร้อมในการดูแลรักษาความปลอดภัยนายบารัค โอบามา ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาที่จะเดินทางมาเยือนไทยอย่างเป็นทางการ
ทั้ง นี้ตนได้กำชับผู้ใต้บังคับบัญชาในเรื่องการทำงาน ความพร้อมและการตรวจสอบความเรียบร้อย รวมทั้งการประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อย่างไรก็ตามเรื่องการรักษาความปลอดภัยได้มีการประสานงานร่วมกันกับเจ้า หน้าที่ของสหรัฐฯด้วย ส่วนการชุมนุมเคลื่อนไหวของกลุ่มต่างๆ บริเวณลานพระบรมรูปทรงม้าในวันนี้ (18 พ.ย.) นั้น ถือว่าเป็นสิทธิ์ของประชาชนตามระบอบประชาธิปไตย ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องทำหน้าที่ดูแลการชุมนุมให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย เชื่อว่าจะไม่มีปัญหาต่อการดูแลรักษาความเรียบร้อยบริเวณทำเนียบรัฐบาล

"เด็ดพี่"ยกผลโพลค้านม็อบเสธ.อ้าย


ที่พรรคเพื่อไทย เมื่อวันที่ 18 พ.ย. นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า พรรคเพื่อไทยจะประชุมในวันที่ 20 พ.ย.นี้ เพื่อเตรียมความพร้อมและซักซ้อมสมาชิกก่อนการอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกฯ และรัฐมนตรีช่วงวันที่ 25 – 27 พ.ย.
ทั้งนี้จากการตรวจสอบข้อมูลที่จะอภิปรายนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรี มั่นใจว่าไม่มีปัญหาและไม่กังวลการอภิปรายของฝ่ายค้าน เชื่อว่าจะชี้แจงได้ โดยจะมีการถ่ายทอดสดเพื่อให้ประชาชนได้เห็นข้อมูลทั้งจากฝ่ายค้านและรัฐบาล ซึ่งเป็นไปตามหลักการของประชาธิปไตยตามระบบรัฐสภา  อย่างไรก็ตาม พรรคเพื่อไทยกังวลกลุ่มการเมืองและพรรคการเมืองบางกลุ่ม ใช้เครือข่ายหัวคะแนนชักชวนประชาชนมาร่วมชุมนุมกับกลุ่มองค์การพิทักษ์สยาม ที่นัดชุมนุมในวันที่ 24 พ.ย.นี้ ทราบมาว่าใช้เงินต่อหัวสูงถึง 1,500 บาทต่อวัน ถือเป็นเล่นการเมืองแบบสองขา  คือ ขาตรวจสอบในระบบรัฐสภา และขาที่ชวนประชาชนให้เข้าร่วมการชุมนุมกับกลุ่มองค์การพิทักษ์สยาม เป็นสิ่งที่น่าห่วง

นายพร้อมพงศ์ กล่าวว่า ขณะนี้ประเทศไทยกำลังมีความน่าเชื่อถือ โดยนายบารัก โอบามา ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เดินทางมาเยือนประเทศไทยวันนี้ แสดงถึงความเชื่อมั่นและน่าลงทุน แต่การชุมนุมในวันดังกล่าว อาจจะส่งผลกระทบกับการท่องเที่ยว ทำประเทศเสียโอกาส ทั้งนี้ การประกาศแช่แข็งประเทศไทยของกลุ่มองค์การพิทักษ์สยาม แสดงถึงการตรงข้ามกับระบอบประชาธิปไตย กลุ่มนี้เป็นพวกสุดโต่ง เป็นพวกไดโนเสาร์

“เอแบคโพล ได้สำรวจความคิดเห็นประชาชน โดยร้อยละ 94 ไม่เห็นด้วยกับการแช่แข็งประเทศ ดังนั้นกลุ่มองค์การพิทักษ์สยามและผู้จะมาร่วมชุมนุม ควรรับฟังเสียงของประชาชนทั้งนี้ มองว่าการชุมนุมดังกล่าวอาจขัด มาตรา 68 ซึ่งพรรคจะรวบรวมข้อมูล หากพบว่านักการเมืองหรือพรรคการเมืองใดเข้าไปเกี่ยวของ พรรคจะยื่นเรื่องเพื่อยุบพรรคต่อไป ทั้งนี้พรรคมีความเป็นห่วงเรื่องมือที่สามว่าอาจจะสร้างสถานการณ์ ดังนั้นขอฝากไปยังผู้ชุมนุมว่าขอให้สอดส่องบุคคลแปลกปลอม ขณะที่พรรคจะเสนอให้มีการติดตั้งกล้องซีซีทีวีเพิ่มเติมในที่ชุมนุมให้ครอบ คลุม เพื่อดูแลความปลอดภัยและป้องกันมือที่สาม รวมทั้งเห็นด้วยที่จะใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคงฯ ในการดูแลการชุมนุมด้วย” นายพร้อมพงศ์ กล่าว

ปัดข่าว “ปู-เจ๊แดง” สกัด “หญิงหน่อย” ลงผู้ว่าฯ กทม.


วันนี้ (18 พ.ย.) ที่พรรคเพื่อไทย นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณี ส.ส. , ส.ก. และ ส.ข.พรรคเพื่อไทย จะเข้าชื่อสนับสนุนให้ คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ลงสมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) ในนามพรรคเพื่อไทย แต่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และนางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ แกนนำพรรคเพื่อไทย ไม่เห็นด้วยว่า ขอปฏิเสธว่าไม่เป็นความจริง ทั้งนายกฯ และนางเยาวภาไม่เกี่ยวข้อง เป็นการพิจารณาของกลุ่ม กทม. ทั้งสามโซน ที่ต้องไปหาข้อสรุป และเสนอชื่อให้คณะกรรมการบริหารพรรคพิจารณา เชื่อว่าจะไม่มีความขัดแย้ง และเป็นไปตามระบอบประชาธิปไตยของพรรคที่ให้เกียรติ ส.ส.กรุงเทพฯ ทั้งสามโซนไปพิจารณา ทั้งนี้ ยืนยันว่าการเสนอตัวผู้ว่าฯ กทม.ทันอย่างแน่นอนก่อนที่จะไปสู่การรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งต่อไป

เกจิดังเพ่งดวงอาทิตย์ขอพลังคุ้มครอง"นายกฯปู"



เมื่อเวลา 09.39 น. วันที่ 18 พ.ย. พระครูสุเทพสิทธิคุณ หรือ "หลวงพ่อพันเทวา" อายุ 74 ปี เจ้าอาวาสวัดศรีบุญเรือง ต.หนองหอย อ.เมือง จ.เชียงใหม่ พร้อมพระลูกวัดอีก 5 รูป ทำพิธีเพ่งดวงอาทิตย์ด้วยตาเปล่าที่บริเวณวัดศรีบุญเรือง เป็นเวลานานกว่า 30 นาที
หลวงพ่อพันเทวา กล่าวว่า การทำพิธีในครั้งนี้ เป็นการเพ่งดวงอาทิตย์เพื่อขอบารมีสุริยะเทพลดกระแสความร้อนแรงของบ้านเมือง ลง จากการทำพิธีในช่วงต้นพิธีได้มีเมฆมาบดบังดวงอาทิตย์ จากนั้นไม่นานกลุ่มเมฆก็ได้เคลื่อนตัวออกไป ซึ่งตีความได้ว่าว่า ประเทศชาติอาจจะประสบปัญญาภัยคุกคามในบางช่วง แต่จะผ่านพ้นไปได้ด้วยดี นอกจากนี้ ยังได้มีการบริกรรมคาถา เพื่อขอให้เทพ และเทวดาต่างๆ ให้ช่วยคุ้มครองบ้านเมือง ให้ประเทศไทยเข้าสู่ความร่มเย็นเป็นสุข หากมีคนคิดร้ายทำลายบ้านเมือง รวมถึงสถาบัน ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ขอให้คนเหล่านั้นมีอันเป็นไป
นอกจากนี้ หลวงพ่อพันเทวายังกล่าวอีกว่า อยากให้น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ตั้งใจทำสิ่งที่ดีๆ ทำงานเพื่อประเทศชาติ และประชาชนต่อไป อย่าท้อถอย ให้บากบั่นแก้ไขปัญหาเพื่อนำพาบ้านเมืองให้เป็นสุขต่อไปให้ได้ เป็นธรรมดาการทำงานเพื่อส่วนรวมมีทั้งคนเห็นด้วยและไม่เห็นด้วยย่อมมีปัญหา บ้าง แต่ปัญหาที่มีอยู่ในขณะนี้จะเบาบางลงได้หลังจากที่ตนทำพิธีให้ในวันนี้ ตนได้เพ่งมองดวงอาทิตย์เพื่อขอให้พลังสุริยะเทพแผ่พลังคุ้มครองให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์พ้นจากภัย ไกลจากเวรที่เกิดขึ้นมาในเวลานี้ ภัยอันใด เวรอันใดที่มีมาจะถึงตัว ขอให้หมดไปเสีย อย่าได้มาถึงตัว ทุกอย่างปลอดภัยหายห่วง
สำหรับหลวงพ่อพันเทวา ถือเป็นเกจิอาจารย์ชื่อดังของเชียงใหม่และดินแดนล้านนา มีชื่อเสียงทางด้านวิชาอาคมจนเป็นที่นับถือของชาวเชียงใหม่ โดยเฉพาะกลุ่มคนเสื้อแดง และเป็นพระอาจารย์ของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เมื่อกลุ่มเสื้อแดงเชียงใหม่มีกิจกรรมและการเคลื่อนไหว ครั้งใด มักจะนิมนต์ หลวงพ่อพันเทวา มาทำพิธีทุกครั้ง นอกจากนั้นหลวงพ่อพันเทวา ยังทำพิธีจ้องมองพระอาทิตย์ บริกรรมคาถาเสริมดวงให้กับพ.ต.ท.ทักษิณ มาหลายครั้ง และครั้งนี้ทำการเพ่งดวงอาทิตย์เสริมดวงให้กับน.ส.ยิ่งลักษณ์ เพราะอีกไม่กี่วันรัฐบาลต้องรับศึกหนักจากการอภิปรายไม่ไว้วางใจของฝ่ายค้าน รวมทั้งม็อบเสธ.อ้าย ที่กำลังจะรวมตัวขับไล่รัฐบาล.

จับ 3 โจ๋ตั้งแก๊งลักรถจักรยานยนต์กว่า 100 คัน


วันนี้ (18 พ.ย.) ที่ สน.ลาดพร้าว พล.ต.ต.นัยวัฒน์ ผะเดิมชิต ผบก.น. 4 พ.ต.อ.สาโรช ซุ่นทรัพย์ พ.ต.อ.วัชรพงศ์  ดำรงศรี รอง ผบก.น.4 พ.ต.อ.ณรงค์ฤทธิ์ พรหมสวัสดิ์ ผกก.สน.ลาดพร้าว พ.ต.ต.ธานี จิตรธรรม สว.สส.สน.ลาดพร้าว ร่วมกันแถลงผลการจับกุม แก๊งโจรกรรมรถจักรยานยนต์ เป็นเยาวชน จำนวน 3 คน ประกอบด้วย นายกบ นายนัท  นายโด่ง (นามสมมติทั้งหมด) ทั้งสามคนอายุ 15 ปี  พร้อมของกลาง รถจักรยานยนต์ ยี่ห้อฮอนด้า โซนิค สีน้ำเงิน ทะเบียน พบข 474 กรุงเทพมหานคร , รถจักรยานยนต์ ยี่ห้อฮอนด้า เวฟ สีดำ ทะเบียน ขขธ 630 นครสวรรค์ , รถจักรยานยนต์ ยี่ห้อฮอนด้า เวฟ สีดำ ทะเบียน กวพ 28 สุรินทร์ , รถจักรยานยนต์ ยี่ห้อฮอนด้า เวฟ สีเทา ทะเบียน รศษ 886 กรุงเทพมหานคร และรถจักรยานยนต์ ยี่ห้อยามาฮ่า สีดำ ทะเบียน ยกบ 436 กรุงเทพมหานคร โดยจับกุมผู้ต้องหาทั้งสามมาจากบริเวณห้างแห่งหนึ่ง บริเวณถนนแฮปปี้แลนด์สาย 2 แขวงคลองจั่น เขตบางกะปิ

สืบเนื่องมาจากเมื่อวันที่ 17 พ.ย. ที่ผ่านมามีผู้เสียหายเดินทางเข้ามาแจ้งความที่ สน.บึงกุ่ม ว่า ถูกคนร้ายลักรถจักรยานยนต์ ยี่ห้อฮอนด้า โซนิค สีน้ำเงิน ทะเบียน พบข 474 กรุงเทพมหานคร ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจสืบทราบมาว่ากลุ่มผู้ต้องหาแอบเอารถที่ ขโมยมาจากจุดต่าง ๆ ไปซุกซ่อนที่บริเวณห้างดังกล่าว จึงไปซุ่มเฝ้าสังเกตการณ์ เมื่อผู้ต้องหาปรากฏตัวก็จับกุมไว้ได้พร้อมรถของกลาง จากนั้นจึงพาไปตรวจค้น ขยายผลที่หมู่บ้านร่วมใจ ซอย 20 มิถุนา แขวงและเขตห้วยขวาง กทม. และพบรถจักรยานยนต์ อีก 4 คัน จึงยึดไว้ตรวจสอบ นอกจากนี้ยังได้ขยายผลติดตามจับกุมนายนัทและนายโด่ง ในเวลาต่อมา

ด้านนายกบ ให้การหารับสารภาพว่า ตนเองพร้อมพวกไม่ได้เรียนหนังสือแล้ว จึงออกมาตระเวนลักรถจักรยานยนต์ตามสถานที่ต่าง ๆ โดยไม่ได้เลือก เมื่อเจอรถเป้าหมายก็จะเข้าไปทำการปลดล็อคคอรถ และต่อสายไฟตรงเพื่อสตาร์ท จากนั้นก็นำรถไปแต่งและออกไปขับซิ่งบนท้องถนน  ถ้าหากรถที่ตนเองขับขี่เกิดยางแตกหรือเสียขึ้นมาก็จะทิ้งรถทันทีและจะร่วม กับพวกไปขโมยมาใหม่

อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่ปักใจเชื่อคำรับสารภาพของนายกบแต่อย่างใด เนื่องจาก รถจักรยานยนต์ที่ถูกนายกบพร้อมพวกขโมยไปในพื้นที่มีเป็นจำนวนมากกว่า 100 คัน จึงเชื่อว่าน่าจะนำรถจักรยานยนต์ที่ขโมยมาไปขายตามแหล่งรับซื้อต่าง ๆ ซึ่งจะได้สืบสวนติดตามต่อไป และจากการตรวจสอบประวัตินายกบยังพบว่าเคยติดคุกในคดีลักรถจักรยานยนต์มาแล้ว 1 ครั้ง และเพิ่งพ้นโทษมาได้ 4 เดือน แต่ยังไม่เข็ดหลาบ จึงแจ้งข้อกล่าวหาว่า ร่วมกันลักทรัพย์หรือรับของโจร พร้อมนำตัวผู้ต้องหาและของกลางส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีต่อไป

“เสธ.อ้าย”อุ่นเครื่องปล่อยคาราวานทั่วกรุง


วันนี้ (18พ.ย.) ที่ลานพระบรมรูปทรงม้า กลุ่มองค์การพิทักษ์สยาม(อพส.) นำโดย พล.อ.บุญเลิศ แก้วประสิทธิ์ ประธาน อพส. พร้อมแนวร่วมจำนวนหนึ่ง ได้รวมตัวเพื่อทำกิจกรรมคาราวานรณรงค์ เชิญชวนคนไทยร่วม  "ปฏิวัติการเมืองไทย ด้วยอธิปไตยของปวงชน" โดยกลุ่มคาราวานดังกล่าวประกอบด้วยรถจักรยานยนต์ และรถยนต์ติดเครื่องขยายเสียงกว่า 50 คัน ออกรณรงค์กิจกรรมไปใน 4 เส้นทางหลักของกรุงเทพมหานคร ประกอบด้วยเส้นทางที่ 1 จะเคลื่อนจากลานพระบรมรูปทรงม้า ไปยังถนนราชวัตร บางซื่อ จตุจักร ลาดพร้าว เส้นทางที่ 2 ประตูน้ำ คลองตัน รามคำแหง บางกะปิ รามอินทรา เส้นทางที่ 3 ไปยังหัวลำโพง สามย่าน สีลม และเส้นทางที่ 4 ไปยังสนามหลวง ศิริราช วงเวียนใหญ่

พล.อ.บุญเลิศ กล่าวว่า  การจัดกิจกรรมในครั้งนี้เป็นการเชิญชวนประชาชนมาร่วมชุมนุมในวันที่ 24 พ.ย.55 เพื่อแสดงพลังในการคัดค้านการกระทำของรัฐบาลที่นิ่งเฉยต่อกลุ่มที่จาบจ้วง สถาบัน รวมถึงบุคคลในรัฐบาลที่ออกมายุยงให้มีการจาบจ้วงสถาบันอย่างชัดเจน และเพื่อเป็นการขับไล่รัฐบาลหุ่นเชิด พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งไม่เป็นไปตามหลักนิติรัฐ นิติธรรม และมีการทุจริตคอรัปชั่นจำนวนมาก

“การชุมนุมครั้งนี้ไม่ได้เป็นการปิดประเทศ  แต่เพียงต้องการหยุดนักการเมืองไม่ให้ทำร้ายประเทศไทยเท่านั้น  ซึ่งเห็นว่า แม้รัฐบาลจะได้มาจากการเลือกตั้งมา แต่เป็นการเลือกตั้งที่ไม่สุจริต เพราะมีบัตรเสียและการทุจริตในการเลือกตั้ง พร้อมทั้งยืนยันว่าการชุมนุมครั้งนี้จะไม่หวนกลับไปเช่นดังปี 2549 ที่มีการปฏิวัติรัฐประหาร  หากใครหวั่นกลัวว่าจะเป็นเช่นในปี 2549 ก็คงต้องปล่อยให้นักการเมืองทำร้ายประเทศต่อไป   ส่วนการดำเนินการหลังจากการชุมนุมขับไล่รัฐบาล จะมีแนวทางในการบริหารประเทศต่อไปอย่างไร และถึงขั้นต้องมีนายกรัฐมนตรีพระราชทานตามมาตรา 7 หรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับจำนวนของประชาชนที่มาร่วมชุมนุม หากมีจำนวนมากก็แสดงว่าประชาชนเห็นด้วย” พล.อ.บุญเลิศ กล่าว

นอกจากนี้ พล.อ.บุญเลิศ ยังกล่าวด้วยว่า การชุมนุมไม่มีการซ่องสุมอาวุธ   โดยเชื่อว่าการชุมนุมจะไม่มีเหตุความรุนแรงที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตและบาด เจ็บ  อย่างไรก็ตามเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดูแลสถานการณ์ให้เรียบร้อย ซึ่งเป็นหน้าที่ของตำรวจที่จะต้องดูแลประชาชน ทั้งนี้ไม่เห็นด้วยกับรัฐบาลที่จะมีการใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคง เพื่อควบคุมสถานการณ์ในการชุมนุม เพราะประชาชนมาชุมนุมภายใต้กรอบของรัฐธรรมนูญ โดยยืนยันว่าการชุมนุมในครั้งนี้จะไม่มีการนำมวลชนไปบุกรัฐสภาในช่วงที่มี การอภิปรายไม่ไว้วางใจอย่างแน่นอน  ส่วนในขณะนี้ ที่มีการเคลื่อนไหวของกลุ่มคนเสื้อแดงที่ออกมาชุมนุมในจังหวัดต่างๆ ชัดเจนว่าเป็นการวางบิล ของพ.ต.ท.ทักษิณ  อย่างไรก็ตามเชื่อมั่นว่าจะไม่มีเหตุปะทะกันของกลุ่มผู้ชุมนุม

กำหนดการ “บารัค โอบามา” เยือนไทยเป็นทางการ


วันนี้ (18 พ.ย.) เว็บไซต์ทางการของรัฐบาลไทย www.thaigov.go.th ได้เผยแพร่กำหนดการนายบารัค โอบามา ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา เดินทางเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการในฐานะแขกของรัฐบาล (Official Visit) โดยมีกำหนดการระหว่างเวลา 17.00-19.00 น. ดังนี้
เวลา 17.00 น.  น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ร่วมเข้าเฝ้าฯ ในโอกาสที่นายบารัค โอบามา ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา เข้าเฝ้าฯ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ณ ห้องประชุมสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ อาคารเฉลิมพระเกียรติ  ชั้น 14 โรงพยาบาลศิริราช
เวลา 18.00 น.  พิธีต้อนรับนายบารัค โอบามา ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา อย่างเป็นทางการ ณ สนามหญ้าหน้าตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล
  - ลงนามในสมุดเยี่ยม
  - การหารือทวิภาคีระหว่างประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาและนายกรัฐมนตรี
  - การแถลงข่าวร่วมระหว่างประธานาธิบดีสหรัฐอมริกาและนายกรัฐมนตรี
  - นายกรัฐมนตรี เป็นเจ้าภาพเลี้ยงอาหารค่ำเพื่อเป็นเกียรติแก่ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา

Blog Archive

Design Downloaded from ซ่อมคอมพิวเตอร์นอกสถานที่ รามคำแหง บางกะปิ | Free Textures | Web Design Resources