วันอาทิตย์ที่ 13 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

เฟดชิงดำเบอร์ดิชหวดมาดริดฯ


ศึกเทนนิส เอทีพี และ ดับเบิลยูทีเอ ทัวร์ รายการ “มูตัว มาดริด โอเพน” ชิงเงินรางวัลรวม 5.1 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 153 ล้านบาท) ที่กรุงมาดริด ประเทศสเปน ประเภทชายเดี่ยว รอบรองชนะเลิศ โรเจอร์ เฟเดอเรอร์ มือวางอันดับ 3 ของรายการ ผ่านเข้ารอบชิงชนะเลิศรายการนี้เป็นหนที่ 3 หลังควงแรกเกตเอาชนะ ยานโก ทิปซาเรวิช จากเซอร์เบีย 2 เซตรวด 6-2, 6-3 เข้าชิงดำกับ โทมัส เบอร์ดิช มือ 6 จากเช็ก ที่เอาชนะ ฮวน มาร์ติน เดล ปอโตร จากอาร์เจนตินา 7-6 (7-5), 7-6 (8-6) โดย "เฟด-เอ็กซ์" เข้าชิงฯ รายการที่ 104 และลุ้นคว้าแชมป์อาชีพรายการที่ 74
ฝั่งหญิงเดี่ยว วิคตอเรีย อซาเรนกา มือ 1 โลกชาวเบลารุส เอาชนะ อักเนียสกา รัดวันสกา มือ 4 จากโปแลนด์ 6-2, 6-4 เข้าไปดวลกับ เซเรนา วิลเลียมส์ มือ 9 จากสหรัฐ ที่เอาชนะ ลูซี ฮราเดคกา จากเช็ก 7-6 (7-5), 6-0 สถิติเจอกัน 7 ครั้ง เซเรนา ดีกว่าเยอะ เมื่อชนะถึง 6 แพ้แค่ครั้งเดียว แต่นี่จะเป็นครั้งแรกที่ทั้งคู่เจอกันบนคอร์ตดิน.

แหล่งที่มาข้อมูล www.dailynews.co.th

ริโอคิดหนักโดนหั่นค่าเหนื่อยอื้อ


ริโอ เฟอร์ดินานด์ ปราการหลังของ "ผีแดง" แมนฯ ยูไนเต็ด สงสัยต้องคิดหนักหากหวังปักหลักค้าแข้งในถิ่นโอลด์ แทรฟฟอร์ด ต่อไป เมื่อสโมสรแม้ต้องการให้ ริโอ อยู่ต่อ ทว่าต้องการให้เจ้าตัวยอมลดค่าเหนื่อยลงมา 50,000 ปอนด์ต่อสัปดาห์จากที่เคยได้รับอยู่ 120,000 ปอนด์ ในการต่อสัญญาฉบับใหม่
กองหลังวัย 33 ปีมีสัญญาถึงปี 2013 และเซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน พร้อมยื่นสัญญาใหม่ให้อีก 1 ปี ซึ่งจะทำอดีตกองหลังเวสต์แฮมอยู่กับทีมอย่างน้อยถึงปี 2014 แต่กระนั้น ริโอ ก็ต้องยอมรับการโดนลดเงินค่าจ้าง ทั้งนี้เจ้าตัวยังมีทางเลือกอื่นคือย้ายไป สหรัฐ, รัสเซีย และ จีน ที่ให้ความสนใจอยู่และพร้อมจะจ่ายเงินก้อนโตอีกด้วย
ขณะเดียวกัน เฟอร์กี เผยว่า ริโอ อาจฟิตไม่พอสำหรับการทำศึกยูโร 2012 เนื่องจากมีปัญหาบาดเจ็บหลังมาตลอดฤดูกาลนี้ "คุณต้องลงสนามทุก 4 วันในยูโร และ ริโอ ไม่อาจทำเช่นนั้นได้

แหล่งที่มาข้อมูล www.dailynews.co.th"

เมีย-แม่สั่งโรบินอยู่ปืนใหญ่ต่อ


สาวก "เดอะ กันเนอร์ส" อาจได้เห็น โรบิน ฟาน เพอร์ซีย์ กองหน้าจอมถล่มประตูชาวดัตช์ อยู่ล่าตาข่ายในถิ่นเอมิเรตส์ สเตเดียมต่อไปในฤดูกาลหน้า หลัง บูคารา ภรรยาสาว และ โฮเซ แม่บังเกิดเกล้า ต่างออกมาเชียร์ โรบิน ว่าควรอยู่ในลอนดอนต่อไป
โรบิน เหลือสัญญาอีกปีเดียว และยังไม่ต่อสัญญาใหม่ ทำให้มีข่าวลือไม่เว้นแต่ละวันเกี่ยวกับการย้ายทีม อย่างไรก็ตามแฟนอาร์เซนอล คงต้องช่วยภาวนาให้ดาวเตะเลือดดัตช์รักภรรยามากเป็นพิเศษ เพราะ บูคารา ย้ำชัดว่าครอบครัวชอบชีวิตในลอนดอนและไม่ต้องการย้ายไปที่ไหน
"เราอยู่ที่ลอนดอนมา 8 ปีแล้ว ในฐานะครอบครับ เรารักที่นี่ โรบิน เป็นกัปตันทีมอาร์เซนอล และอย่างที่คนบอกว่าเขาเป็นผู้นำทีม อาร์เซนอล เชื่อมั่นในโรบิน ตั้งแต่เขายังอายุน้อยกว่านี้ และเขาเป็นพวกหัวดื้อ ลูกๆ ของเรา ชาควีล และ ไดนา เรียกในลอนดอน พวกเขามีความสุข เราต้องนั่งคุยกัน แต่มันไม่ใช่แค่ตัวเขาคนเดียว เขาต้องคำนึงถึงลูกและคำนึงถึงฉันด้วย"
เช่นเดียวกับแม่ของ โรบิน ที่ชูมือเชียร์ลูกชายให้อยู่ต่อว่า "อาร์เซนอล เป็นสโมสรที่งดงาม พวกเขาไม่มีหนี้และ โรบิน ได้รับการนับถือ ฉันรู้สึกได้จริงๆ ว่าแฟนและคนที่สโมสรรักเขา นั่นคือสิ่งที่มีค่า และทำให้ฉันภาคภูมิใจ".

แหล่งที่มาข้อมูล www.dailynews.co.th

“เจมส์”ซิวรางวัลเอ็มวีพีเอ็นบีเอสมัย3


วันนี้ ( 12 พ.ค.) สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า เลอบรอน เจมส์ ซูเปอร์สตาร์ยัดห่วงของไมอามี ฮีต คว้ารางวัลผู้เล่นทรงคุณค่า (เอ็มวีพี) ของศึกบาสเกตบอล เอ็นบีเอ สหรัฐอเมริกา ในฤดูกาลปกติของซีซั่น 2011-12 ไปครอง จากการเปิดเผยของเว็บไซต์กีฬาดัง "อีเอสพีเอ็น" ซึ่งอ้างแหล่งข่าวที่เชื่อถือได้ ซีซั่นนี้ เจมส์ ทำสกอร์เฉลี่ย 27.1 แต้มต่อเกม พร้อมทั้งยังทำ 7.9 รีบาวด์ กับ 6.2 แอสซิสต์ ต่อเกม ช่วยให้ ฮีต เป็นทีมที่มีสถิติดีสุดเป็นอันดับ 2 ของสายตะวันออก ทำให้ เจมส์ คว้ารางวัลเอ็มวีพีไปครองตามการยืนยันของแหล่งข่าว ส่งผลให้ เจมส์ เป็นผู้เล่นคนที่ 8 ในประวัติศาสตร์เอ็นบีเอที่ได้รางวัลเอ็มวีพี 3 สมัยหรือมากกว่า.

แหล่งที่มาข้อมูล www.dailynews.co.th

“มังกรไฟ” พ่นเพลิงย่าง “กระต่ายแก้ว” แซงขึ้นรองฝูง



  ศึกลูกหนัง “สอนเซอร์ ไทยพรีเมียร์ลีก 2012” เลกแรก เมื่อวันที่ 12 พ.ค. มีการฟาดแข้งกัน 5 คู่ โดยคู่เอกระดับ “บิ๊กแมทช์” อยู่ที่สนามเทพหัสดิน “มังกรไฟ” บีอีซี เทโรศาสน ทีมอันดับ 3 ที่ลงเตะ 7 นัด มี 15 แต้ม เปิดบ้านรับ “แรบบิท” บางกอกกล๊าส ทีมอันดับ 2 ลงเตะ 8 นัด มี 16 แต้ม ซึ่ง “เจ้าถิ่น” จัดการส่ง รังสรรค์ วิวัฒน์ชัยโชค, ปรัชญ์ สมัครราษฎร์, ชนาธิป สรงกระสินธ์ ลงคุมเกม ขณะที่ “บีจี” วาง พีรพงศ์ พิชิตโชติรัตน์, สุธี สุขสมกิจ, ธีรเทพ วิโนทัย เป็นแกนหลัก
  เริ่มเกมทั้ง 2 ทีมพยายามเปิดเกมสู้กัน โดย “มังกรไฟ” สามารถครองบอลได้ดีกว่า แต่ “แรบบิท” ก็เน้าจังหวสะสวนกลับเร็วได้น่ากลัว นาทีที่ 3 กรกช วิริยอุดมศิริ ได้จังหวะซัดระยะ 30 หลา ลูกกำลังจะมุมเสียบคาน แต่ กฤษกร เกิดผล นายทวารกระต่าย กระโดดลอยตัวปัดบอลข้ามคานไปได้ นาทีที่ 5 พีรพงศ์ พิชิตโชติรัตน์ เปิดลูกเตะมุมให้ อำนาจ แก้วเขียว  ขึ้นโขกคนเดียว ลูกพุ่งหลุดออกนอกกรอบประตู “เจ้าถิ่น” ไปนิดเดียว มาถึงนาทีที่ 19 รังสรรค์ วิวัฒน์ชัยโชค เปิดบอลยาวให้ คลีตัน ซิลวา หลุดเข้าไปในกรอบเขตโทษ กฤษกร พุ่งเข้าไปชน คลีตัน ล้มลง ผู้ตัดสินเป่าเป็นจุดโทษทันที และ คลีตัน รับหน้าที่สังหารเองไม่พลาด ทำให้ “มังกรไฟ” ขึ้นนำ 1-0
  เข้าครึ่งหลัง “แรบบิท” เปิดเกมรุกมากขึ้น แต่ยังทำอะไร “เจ้าบ้าน” ไม่ถนัด กลับเป็น “มังกรไฟ” ที่หาจังหวะตอบโต้ได้ดีกว่า นาทีที่ 57 คลีตัน ซิลวา ลองส่องไกล 35 หลา ข้ามคานไปแบบมีลุ้น จนนาทีที่ 64 กรกช วิริยอุดมศิริ นักเตะดาวรุ่งเจ้าถิ่น เปิดบอลจากราบซ้ายเข้ากลางให้ คลีตัน ซิลวา ทะยานขึ้นโขกบอลพุ่งเสียบเสา ทำให้ บีอีซี เทโรศาสน นำห่าง 2-0  และเป็นประตูที่ 7 ของกองหน้าชาวแซมบ้า ที่ทำได้ในฤดูกาลนี้ จากนั้นนาทีที่ 77 คลีตัน ซิลวา หลุดเดี่ยว แต่จังหวะชิพบอลไปติดปลายมือ กฤษกร บอลเลยพุ่งออกหลังไป ช่วงทดเวลาบาดเจ็บ รังสรรค์ จ่ายบอลให้ คลีตัน หลุดเข้าไปยิงเป็นประตูปิดท้าย ช่วยให้ บีอีซี เทโรศาสน เอาชนะ บางกอกกล๊าส 3-0 เก็บเพิ่มเป็น 18 แต้มแซงขึ้นไปอยู่อันดับ 2
  ที่สนามกีฬาสมุทรสงคราม “ปลาทูคะนอง” สมุทรสงคราม แพ้ “นกใหญ่พิฆาต” ชัยนาท 2-3 โดย ชัยนาท ได้ประตูจาก ณรงค์ชัย วชิรบาล นาทีที่ 20, ธนากร ขำโขมะ นาทีที่ 62, วิคเตอร์ ฮูวอส นาทีที่ 81 ส่วน “แม่กลอง” ได้ 2 ประตูจาก ณภัทร ธำรงศุภกร นาทีที่ 41, รัชพล นาวันโน นาทีที่ 88 (ทำเข้าประตูตัวเอง)
  ที่สนามกีฬากองทัพบก “สุภาพบุรุษโล่เงิน” เพื่อนตำรวจ เสมอ “เสือสามย่าน” บีบีซียู 1-1 โดย เพื่อนตำรวจ ได้ประตูขึ้นนำ 1-0 จาก เลอันโดร นาทีที่ 3 ก่อนที่ จักรพงษ์ ใหญ่โต จะมาตีเสมอจากลูกจุดโทษในนาทีที่ 69
  ที่สนาม ม. แม่ฟ้าหลวง จังหวัดเชียงราย “กว่างโซ้งมหาภัย” เชียงราย ยูไนเต็ด ชนะ “กูปรีอันตราย” อีสาน ยูไนเต็ด 2-1 จากการทำประตูของ เลอันโดร อัสซุมเซา นาทีที่ 44, นันทวัฒน์ แทนโสภา นาทีที่ 55 ส่วน อีสาน ยูไนเต็ด ตีไข่แตกได้จาก ธนา ชะนะบุตร นาทีที่ 49
  ที่สนามสมโภชเชียงใหม่ 700 ปี “สิงห์เหนือ” ทีทีเอ็ม เชียงใหม่ แพ้ “ฮัลโหล” ทีโอที 0-1 จากการทำประตูของ ดีเอโก้ วอล์ช นาทีที่ 88

แหล่งที่มาข้อมูล www.dailynews.co.th

เสือเหลืองขย้ำเสือใต้ซิวดับเบิลแชมป์


ศึกฟุตบอลถ้วยเดเอฟเบ โพคาล 2012 นัดชิงชนะเลิศ ที่สนามโอลิมเปีย สตาดิโอน ในกรุงเบอร์ลิน ประเทศเยอรมนี เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา "เสือเหลือง" โบรุสเซีย ดอร์ตมุนด์ ทีมแชมป์บุนเดสลีกา เยอรมนี 2 สมัยซ้อน งัดฟอร์มสุดยอดออกมาโชว์ ด้วยการไล่ขย้ำ "เสือใต้" บาเยิร์น มิวนิก ด้วยสกอร์ขาดลอยเกินคาด 5-2
เกมนี้ ดอร์ตมุนด์ ได้ประตูจาก ชินจิ คากาวะ ดาวดังแดนปลาดิบ ในนาทีที่ 3, แมตส์ ฮุมเมลส์ กองหลังทีมชาติเยอรมนี ซัดจุดโทษเข้าไปในนาทีที่ 41 จากนั้นเป็นคิวโชว์ของ โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี ดาวยิงทีมชาติโปแลนด์ ที่ซัดแฮตทริก ในนาทีที่ 45, 58 และ 81 ขณะที่ บาเยิร์น ได้ประตูจาก อาร์เยน ร็อบเบน ปีกชาวดัตช์ สังหารจุดโทษเข้าไปในนาที 25, ฟรองค์ ริเบรี ปีกแดนน้ำหอม นาที 76
ชัยชนะนัดนี้ทำให้ "เสือเหลือง" คว้าดับเบิลแชมป์ลูกหนังเมืองเบียร์ประจำฤดูกาล 2011-12 ไปครอง คือ ได้ทั้งแชมป์ลีกและแชมป์ฟุตบอลถ้วย พร้อมทำสถิติคว้าแชมป์เดเอฟเบ โพคาล เป็นสมัยที่ 3 ของสโมสร หลังจากเคยทำได้ในปี ค.ศ. 1965 และ 1989

แหล่งที่มาข้อมูล www.dailynews.co.th

บาร์ซาสิบคนหืดจับไล่เจ๊าเบติสทดเจ็บ


ศึกฟุตบอลลา ลีกา สเปน นัดสุดท้ายของฤดูกาล เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา มีลงสนามฟาดแข้งกัน 2 คู่ โดยคู่เอกอยู่ที่เกมระหว่าง รีล เบติส เปิดบ้านพบกับ "เจ้าบุญทุ่ม" บาร์เซโลนา เพราะเป็นการลงสนามคุมทีมในลีกนัดสุดท้ายของ เปป กอร์ดิโอลา กุนซือบาร์ซา ซึ่งหวังจะนำทีมคว้าชัยเพื่อเป็นการสั่งลา
เปิดฉากเกมได้แค่ 9 นาที ทีมเยือนขึ้นนำเร็วจากการยิงของ เซร์คิโอ บุสเกตส์ มิดฟิลด์ตัวรับทีมชาติสเปน แต่ในนาทีที่ 53 บาร์ซา ต้องเหลือตัวผู้เล่นแค่สิบคน เมื่อ ดาเนียล อัลเวส แบ๊กขวาจอมบุกแดนแซมบ้า ถูกใบเหลืองแดงไล่ออกจากสนาม เมื่อตัวผู้เล่นมากกว่า เจ้าถิ่น รีล เบติส ก็คึกคักขึ้นมาทันที ก่อนจะมาได้ 2 ประตูรวดแซงนำจากการเบิ้ลยิงของ รูเบน คาสโตร กองหน้าตัวเก่ง เกมทำท่าว่า เบติส จะคว้าชัยไปนอนกอดแล้ว ทว่า บาร์ซา โชว์บทตายยาก มาตามตีเสมอได้สำเร็จในช่วงทดเวลาบาดเจ็บจาก เซย์ดู เกอิตา หมดเวลาการแข่งขันเสมอกันไปอย่างดุเดือด 2-2 แบ่งกันไปทีมละแต้ม ทำให้ บาร์ซา มีเพิ่มเป็น 91 คะแนนจาก 38 นัด จบอันดับ 2 ของตารางแน่นอนแล้ว ขณะที่ รีล เบติส มี 47 คะแนนจาก 38 นัด อยู่อันดับ 12 ของตาราง
ด้านผลการแข่งขันอีกหนึ่งคู่ รีล โซเซียดัด เปิดรังเฉือนหวิว บาเลนเซีย 1-0 ได้ประตูชัยจาก อองตวน กรีซมันน์ ปีกชาวฝรั่งเศส ในนาที 64 ชัยชนะนัดนี้ทำให้ โซเซียดัด มีเพิ่มเป็น 47 คะแนนจาก 38 นัด อยู่ที่ 11 ของตาราง ส่วน บาเลนเซีย มี 61 คะแนนจาก 38 นัด จบอันดับ 3 แน่นอนแล้ว

แหล่งที่มาข้อมูล www.dailynews.co.th

ใช้จีโนมค้นหายีนต้านโรคในแตงกวา


สวทช. จับมือ ม.เกษตรและเอกชน ใช้เทคโนโลยีจีโนมค้นหายีนต้านโรคราน้ำค้างในแตงกวา ช่วยเกษตรกรลดความเสี่ยงจากการใช้สารเคมีในยาฆ่าเชื้อรา

ดร.ทวีศักดิ์ กออนันตกุล ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) เปิดเผยว่า ปัจจุบันไทยส่งออกเมล็ดพันธุ์แตงกวากว่า 298 ล้านบาทต่อปี นอกจากนี้ยังมีความสำคัญต่อการบริโภคในประเทศรวมทั้งการนำไปแปรรูปใน อุตสาหกรรมต่อเนื่องต่าง ๆ ทั้งด้านอาหาร และเครื่องสำอาง แต่ด้วยสภาพอากาศที่แปรปรวนส่งผลต่อการระบาดของโรค โดยเฉพาะโรคราน้ำค้าง ที่ทำให้เกิดความสูญเสียของผลผลิต ซึ่งการแก้ไขปัญหาเร่งด่วนของเกษตรกรคือการพ่นยาฆ่าเชื้อรา ซึ่งมีราคาแพง และเป็นอันตรายต่อทั้งเกษตรกรและสิ่งแวดล้อม เพื่อแก้ไขปัญหาในระยะยาว สวทช. ภายใต้โปรแกรมวิจัยและพัฒนาเมล็ดพันธุ์ จึงร่วมมือกับมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และบริษัทเจียไต๋ จำกัด นำเทคโนโลยีชีวภาพ มาใช้ในการพัฒนาสายพันธุ์แตงกวาต้านทานโรคราน้ำค้าง เบื้องต้นได้ทำงานวิจัยร่วมกันในโครงการ  “การสร้างแผนที่จีโนมและการค้นหาตำแหน่งยีนต้านทานโรคราน้ำค้างในแตงกวา” โดยมีเป้าหมายเพื่อให้ได้แผนที่พันธุกรรมและทราบตำแหน่งของยีนต้านทานโรครา น้ำค้างในแตงกวา เพื่อใช้ในการพัฒนาเครื่องหมายโมเลกุลในการปรับปรุงพันธุ์แตงกวาให้ต้านทาน โรคราน้ำค้างต่อไป โดยเครื่องหมายโมเลกุลต่อยีนต้านทานโรคราน้ำค้างจะช่วยให้การปรับปรุงพันธุ์ แตงกวาต้านทานโรคราน้ำค้างได้รวดเร็วยิ่งขึ้น

อย่างไรก็ดี การสร้างฐานความรู้ในครั้งนี้นอกจากจะได้เครื่องหมายโมเลกุลที่ใช้ในการคัด เลือกพันธุ์ต้านทานต่อโรคราน้ำค้างแล้ว ยังสามารถต่อยอดฐานความรู้ดังกล่าวในการพัฒนาเครื่องหมายโมเลกุลต่อลักษณะ ที่สำคัญทางเศรษฐกิจอื่น ๆ ได้แก่ ลักษณะผล รสชาติ หรือคุณสมบัติที่ตรงกับความต้องการของตลาดต่อไป.

แหล่งที่มาข้อมูล www.dailynews.co.th

เซ็นซื้อแท็บเล็ต "ป.1" แล้ว 60 วันส่ง 4แสนเครื่อง


วันนี้(10 พ.ค.) เวลา 10.00 น. ที่กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร(ไอซีที) น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร(ไอซีที) แถลงข่าว “พิธีลงนามจัดซื้อแท็บเล็ตป.1” ระหว่าง กระทรวงไอซีที กับ บริษัท เสิ่นเจิ้น สโคป ไซแอนทิฟิก ดีเวลลอปเมนต์ ว่า คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติให้กระทรวงไอซีทีดำเนินโครงการจัดหาแท็บเล็ตป.1ตั้งแต่ 22 ก.พ.55 โดยการดำเนินงานได้ทำอย่างต่อเนื่อง กระทั่งจัดหาแท็บเล็ตได้ในราคา 82 เหรียญ หรือ ประมาณ 2,400 บาท เป็นราคาจัดส่งถึงสนามบินสุวรรณภูมิ

“แท็บ เล็ตป.1จะได้รับการส่งมอบหลังลงนามในสัญญา 60 วัน จำนวน 400,000 เครื่อง มูลค่า 32,800,000 เหรียญสหรัฐ ที่เหลือจะดำเนินการให้เสร็จสิ้นภายใน 90 วัน และจะมีการเซ็นสัญญาจัดซื้อแต่ละล๊อตทุกครั้ง ซึ่งล็อตนี้ไอซีทีวางเงินมัดจำ 5 เปอร์เซ็นต์ของสัญญา หรือ 50 ล้านบาท โดยการจัดส่งบริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด จะเป็นผู้รับผิดชอบ” น.อ.อนุดิษฐ์ กล่าว
สำหรับสเปกแท็บเล็ตป.1  เป็นระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ 4.0 หน่วยประมวลผล 1.2 กิกะเฮิร์ตซ  หน่วยความจำหลัก 1 กิกะเฮิร์ตซ แบตเตอรี่ลิเธี่ยม 3600 แอมป์ หน้าจอ 7 นิ้ว  รับประกันสินค้า 2 ปี ดำเนินการตามมาตรฐานสากล ซึ่งเนื้อหากระทรวงศึกษาธิการส่งให้ไอซีที เพื่อบรรจุลงแท็บเล็ต โดยมีทั้งหมด 5 กลุ่มวิชาเรียน คือ ภาษาไทย คณิตศาสตร์ สังคมศาสตร์ วิทยาศาสตร์ และภาษาอังกฤษ และ 8 สาระวิชา  โดยแบ่งเป็นการเรียนเทอม 1 เทอม 2 และ มีเนื้อหาที่เข้าใช้งานได้ทั้งออนไลน์ และออฟไลน์
ทั้งนี้ การลงนามในสัญญาจัดซื้อแท็บเล็ตป.1 ตามโครงการคอมพิวเตอร์มือถือสำหรับนักเรียนทุกคน (One Tablet PC Per Child) เป็นการลงนามระหว่างนางจีราวรรณ บุญเพิ่ม ปลัดกระทรวงไอซีที กับ นายจุน หลิว ประธานของบริษัท เสิ่นเจิ้น สโคป ไซแอนทิฟิก ดีเวลลอปเมนต์ โดยมีนายกวน มู่ เอกอัครราชทูตจีนประจำประเทศไทย และตัวแทนของธนาคารของประเทศจีน และนายผานิตย์ มีสุนทร ผู้ตรวจราชการกระทรวงศึกษาธิการ เป็นพยานในการลงนาม
น.อ.อนุดิษฐ์ กล่าว่า ขณะนี้มีโรงเรียนที่พร้อมใช้งานแท็บเล็ตป.1 แล้ว 9,600 โรงเรียน โดย 20,000 กว่าโรงเรียนมีอินเทอร์เน็ตแล้วแต่ยังไม่เพียงพอ โดยพ.ค.ที่เปิดภาคเรียน เด็กป.1จะได้รับการปรับพื้นฐานเพื่อรองรับการเรียนการสอนได้ และก.ค.เด็กจะได้ใช้งานแท็บเล็ตที่บรรจุตำราเรียนของกระทรวงศึกษาธิการพร้อม แล้ว
โครงการแท็บเล็ตป.1 จัดซื้อทั้งหมดจำนวน 1 ล้านเครื่อง ราคาเครื่องละ 2,400 บาท จึงเป็นโครงการที่จะใช้งบประมาณรวม 2,400 ล้านบาท

แหล่งที่มาข้อมูล www.dailynews.co.th

“รอยล”หนุนสร้างเขื่อนแม่วงก์


เมื่อเวลา 12.00 น. (10 พ.ค.) นายรอยล จิตรดอน  ผอ.สถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำและการเกษตร(องค์การมหาชน) หรือ สสนก. เปิดเผยถึงสถานการณ์น้ำล่าสุดว่ายังยืนยันว่า ปีนี้ฝนจะตกมากโดยมีปริมาณน้ำ ฝนเท่ากับปี 2551 หรือประมาณ 1,500 มม. มากกว่าเกณฑ์เฉลี่ยของประเทศไทยที่อยู่ที่ 1,300  มม.  แต่น้อยกว่าปีที่ผ่านมา ที่มีปริมาณฝนมากถึง 1,800 มม. ปัจจุบันฝนเริ่มตกมากขึ้น  ทำให้มีปริมาณน้ำไหลเข้าเขื่อนสูง  โดยเฉพาะที่เขื่อนภูมิพล มีการไหลเข้ากว่า 30 ล้านลูกบาศก์เมตร จากเดิมที่มีประมาณ 2-3 ล้านลูกบาศก์เมตร เท่านั้น
ทั้งนี้คาดว่า สัปดาห์หน้าอาจมีฝนตกมากในภาคตะวันออกและภาคกลาง รวมถึงอันดามัน ซึ่งเป็นอิทธิพลของลมมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือ และตะวันตกเฉียงใต้  สถานการณ์แบบนี้อาจทำให้มีฝนตกต่อเนื่องตั้งแต่ พ.ค. และไม่ทิ้งช่วงในเดือน กค-สค.   เหมือนกับการได้รับอิทธิพลจากปรากฎการณ์เอลนิโญ กับลานินญ่า  เหมือนในปีที่ผ่านมา อย่างไรก็ดียังคงไม่สามารถบอกได้ว่า  ปีนี้น้ำจะท่วมหรือไม่ เพราะการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ  ทำให้สิ่งที่ไม่เคยเกิด สามารถที่จะเกิดขึ้นได้
สำหรับภัยแล้งในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ นายรอยล กล่าวว่า  ปริมาณฝนยังตกมากในภาคนี้ เพียงแต่ไม่เพียงพอต่อปริมาณการใช้น้ำ เพราะเกษตรกรหันมาทำเพาะปลูกในหน้าแล้งมากขึ้น  และพื้นที่ส่วนใหญ่ของภาคอีสานอยู่นอกเขตชลประทานถึง 94 %   ดังนั้นควรที่จะมีแผนบริหารจัดการน้ำในพื้นที่ด้วย รวมถึงต้องเลือกเพาะปลูกเฉพาะพืชที่ใช้น้ำน้อยทดแทน
ด้านการก่อสร้างเขื่อนแม่วงก์  จ.นครสวรรค์ นายรอยล กล่าวว่า มองว่าจำเป็นต้องสร้าง  เพื่อใช้กักเก็บน้ำ เนื่องจาก ปัจจุบัน ใจกลางพื้นที่ดังกล่าวมีน้ำท่วมต่อเนื่องมาแล้ว 2 ปี ขณะที่รอบ ๆ มีปัญหาภัยแล้ง และมีการขุดเจาะบ่อบาดาลทำให้พื้นที่ทรุดพังเสียหายอยู่แล้ว  การสร้างเขื่อนจะทำให้สามารถกักเก็บน้ำได้ถึง  200 ล้านลูกบาศก์เมตร  ช่วยให้มีน้ำใช้สำหรับพื้นที่เพาะปลูก และลดปริมาณน้ำไหลลงสู่แม่น้ำเจ้าพระยา แต่ขณะเดียวกันการวางแผนสร้างเขื่อน ก็ต้องหาจุดสมดุลระหว่างการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและการพัฒนา  โดยนอกจากมีแผนการสร้างเขื่อนแล้ว ต้องมีแผนการอนุรักษ์ สร้างพื้นที่ป่าซึ่งอาจเป็นป่าเศรษฐกิจควบคู่ไปด้วย  ที่สำคัญจะต้องให้ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในพื้นที่เป็นผู้ตัดสินใจ

แหล่งที่มาข้อมูล www.dailynews.co.th

เที่ยวไปกับไอโฟน - 1001


ต้องเริ่มด้วยแนะนำพระเอกก่อนคือ ไอโฟนสี่เอสหกสิบสี่กิกะไบต์ (iPhone 4s 64 gigabyte) มือถือสมาร์ทโฟนรุ่นท็อปใหม่ล่าสุดจากค่ายแอปเปิล อันนี้ไม่ได้โฆษณาผลิตภัณฑ์อะไร เพียงแต่หยิบอุปกรณ์ไฮเทคที่ถือได้ว่าสุดยอดในวงการแล้ว (ต้นปี 2555) มาเป็นกรณีศึกษา

มือถือตัวนี้มีวงจรที่ใช้เป็นสมองถึงสองชุด (dual-core) มีความจำพะเรอเกวียน (64 กิ๊กหรือใส่รูปได้ราวหกหมื่นรูป หรือถ้าถ่ายรูปทุกวันวันละร้อยรูปจะถ่ายไปได้สองปี) มีกล้องถ่ายรูป มีเข็มทิศ ไฟฉาย มีตัวจับตำแหน่ง (GPS) ต่อเน็ตได้ เหล่านี้นอกเหนือไปจากดูหนังฟังเพลงและโทรฯคุยกับแฟนตามปกติ

สัปดาห์ก่อนเดินทางไปประชุมต่างประเทศผมนำติดตัวไปด้วย ได้ไปขึ้นเขาถ่ายหิมะ ล่องเรือทะเลสาบ และอีกสารพัด ได้ใช้ส่งข้อความกลับบ้าน ถ่ายรูป เปิดไฟฉายส่องบันไดโรงแรมที่มืด เปิดเข็มทิศกันหลง ตอบจดหมายลูกศิษย์ และอื่น ๆ

เชื่อเถอะครับ เปลี่ยนโฉมหน้าการท่องเที่ยวได้ทีเดียว

ภาพของนักท่องเที่ยวชาวญี่ปุ่นที่เดินตามกันเป็นพรวน เป็นฝูง มือถือกล้องถ่ายรูปหันไปหันมาด้อกแด้กถ่ายรูปโชะเชะนั้นก็ยังมีให้เห็นที่ ยอดเขาที่ไปเที่ยวมา แต่สำหรับผมแล้วอยากถ่ายอะไรก็ล้วงกระเป๋าควักมือถือออกมายกถ่ายมือเดียว แล้วเก็บใส่กระเป๋าเดินเฉิบ ๆ สบายใจ

ทั้งเนื้อทั้งตัวมีอุปกรณ์ไฮเทคเพียงตัวเดียวจริงๆ (ไม่นับรวมเสื้อผ้านะครับ) ทั้งที่แต่ก่อนเวลาเดินทางต้องพกอุปกรณ์ไฮเทคอย่างโน้ตบุ๊ก มือถือ โมเด็ม กล้อง ฟิล์ม อแดปเตอร์ สายไฟ ฯลฯ มากหลาย พะรุงพะรัง หนักและวุ่นวายมาก

แต่ไปเที่ยวยอดเขาคราวนี้ผมสามารถ ถ่ายรูปหิมะแล้วส่งให้ครอบครัวดูได้ทันทีโดยผ่านเน็ตของร้านอาหารที่ยอดเขา นั่นเลยโดยมีมือถือเครื่องเดียว

การท่องเที่ยวน่าจะคำนึงถึงเรื่องนี้ให้มาก ๆ นะครับ นักท่องเที่ยวนั้นไม่ว่าไปไกลแค่ไหนต่างก็มีรากอยู่ทางบ้านที่ต้องการติดต่อ ส่งข่าวสารส่งรูปส่งภาพกลับไปอย่างทันอกทันใจ ที่ผมเดินทางคราวนี้มีเน็ตให้ใช้อย่างกระท่อนกระแท่นมากแต่การที่มีอุปกรณ์ ไฮเทคอย่างไอโฟนตัวนี้ทำให้คล่องตัวที่จะถ่ายรูปพักไว้แล้วรีบส่งต่อกลับ บ้านเมื่อเจอเน็ตแม้เพียงเดินผ่านโถงล็อบบี้โรงแรมแค่ไม่ถึงนาทีเท่านั้น

ที่สำคัญคือทางบ้านเองก็ถ่ายรูปที่พาคุณยายที่บ้านไปทานกลางวันวันหยุดส่ง กลับไปให้ดูได้ด้วย ไม่รู้สึกว่าไกลบ้านแม้แต่น้อย เหมือนเดินออกไปนอกบ้านเท่านั้น
แล้วไม่หลงด้วย ผมเป็นคนชอบหลงทาง แต่ไปคราวนี้จับแผนที่ของที่จะไปยัดใส่มือถือ เวลาเดินหาโรงแรมที่จองไว้ก็ควักมาดูเป็นระยะ ช่วยพรรคพวกที่เดินเพลินให้ไม่ต้องเสียเวลาย้อนทางได้หลายหนทีเดียว

ใครที่ยังห้อยกล้อง กางแผนที่ ควักเข็มทิศ ติดไฟฉาย แบกโน้ตบุ๊ก ก็ลองแบบผมดูสิครับ.
ดร.ยรรยง เต็งอำนวย

แหล่งที่มาข้อมูล www.dailynews.co.th

“ซิสโก้” เปิดตลาดประชุมทางไกลเอสเอ็มอี


“ซิสโก้” รุกตลาดประชุมทางไกลผ่านวิดีโอ ให้ซินเน็คทำตลาดเอสเอ็มอีเป็นครั้งแรก ตั้งเป้าปีแรก 200 ล้านบาท

ดร.ธัชพล โปษยานนท์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซิสโก้ ซีสเต็มส์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า การประชุมทางไกลผ่านวิดีโอ กำลังได้รับความนิยมในองค์กรต่าง ๆ มากขึ้น เพราะช่วยประหยัดพลังงานและเวลาในการเดินทางของบุคลากร คาดว่าในปี 2555 ตลาดการประชุมทางไกลผ่านวิดีโอในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกจะมีมูลค่า 27,200 ล้านบาท เติบโตขึ้นประมาณ 14-18% ขณะที่ประเทศไทยก็ได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้น หลังเกิดเหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่ในช่วงปลายปีที่ผ่านมา ทำให้บริษัทต่าง ๆ ไม่สามารถทำงานได้ตามปกติ จึงต้องอาศัยเทคโนโลยีเข้ามาช่วย คาดว่าตลาดในไทยจะเติบโตสูงถึงปีละ 20% ต่อเนื่องไปอย่างน้อย 3 ปี ซึ่งสูงกว่าการเติบโตของภูมิภาค

ทั้งนี้ในอนาคตการประชุมทางไกลผ่านวิดีโอจะเข้ามามีบทบาทมากขึ้น โดยเฉพาะเมื่อมีการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือ เออีซี ในปี 2558 ทำให้มีโอกาสโตแบบก้าวกระโดด ซึ่งหากองค์กรใดใช้การประชุมทางไกลผ่านวิดีโอเป็นประจำประเมินว่าเทคโนโลยี นี้จะช่วยประหยัดเวลาการทำงานได้ถึง 2 เดือนต่อปี ล่าสุดบริษัทได้ร่วมกับบริษัท ซินเน็ค (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เปิดตลาดจำหน่ายโซลูชั่นประชุมทางไกลผ่านวิดีโอสำหรับลูกค้ากลุ่มเอสเอ็มอี เป็นครั้งแรก หลังจากที่ประสบความสำเร็จในการทำตลาดระดับบน โดยลูกค้าเอสเอ็มอีที่ลงทุนติดตั้งระบบ 1-2 ล้านบาท จะช่วยประหยัดและถึงจุดคุ้มทุนในเวลาเพียง 1 ปี

ด้านนายอนุชิต บุญญลักษม์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารอาวุโส สายงานขายและการตลาด บริษัท ซินเน็ค (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า บริษัทมีความพร้อมในการทำตลาดการประชุมทางไกลผ่านวิดีโอ โดยมีบุคลากรที่ผ่านการรับรองจากซิสโก้ 5 คน มีทีมขายและฝ่ายบริการที่แข็งแกร่ง ซึ่งจะขายผ่านตัวแทนจำหน่ายของบริษัท 5,000 ราย ตั้งเป้าหมายจะทำยอดขายได้ 200 ล้านบาทในปีแรก.

แหล่งที่มาข้อมูล www.dailynews.co.th

นักวิจัยจุฬาคว้าเหรียญทองเกียรติยศ ในเวทีสิ่งประดิษฐ์ระดับโลกที่เจนีวา


ทีมวิจัยจุฬาแปรรูปเปลือกหอยแมลงภู่ เป็นวัตถุดิบคุณภาพสูงสำหรับภาคอุตสาหกรรม คว้ารางวัลเหรียญทองเกียรติยศ จากเวทีสิ่งประดิษฐ์โลกที่สวิส

ศาสตราจารย์ นายแพทย์สุทธิพร จิตต์มิตรภาพ เลขาธิการคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ เปิดเผยว่า เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา คณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ (วช.) ได้นำนักประดิษฐ์และผลงานคิดค้นจาก 6 หน่วยงาน จำนวน  12 ผลงาน เข้าร่วมแสดงนิทรรศการในงานครบรอบ 40 ปีของการแสดงผลงานสิ่งประดิษฐ์นานาชาติเจนีวา สมาพันธรัฐสวิส ซึ่งเป็นเวทีสิ่งประดิษฐ์ระดับโลกจัดโดยรัฐบาลสวิสและองค์การทรัพย์สินทาง ปัญญาแห่งโลก หรือ ไวโป้ โดยมีผลงานประดิษฐ์จาก 46 ประเทศ เข้าร่วมแสดงนิทรรศการ จำนวน 648 ผลงาน

ทั้งนี้จากการเข้าร่วมแสดงผลงานดังกล่าว ผลงานประดิษฐ์ไทยได้รับรางวัลถึง 11 ผลงาน โดยผลงานเรื่อง “เทคโนโลยีการแปรรูปเปลือกหอยแมลงภู่เหลือทิ้งจากอุตสาหกรรมอาหารทะเลให้ เป็นวัตถุดิบของภาคอุตสาหกรรม” ของ รศ.ดร.สนอง เอกสิทธิ์ และนางสาวฐิลักษกรฐ์ จิรพิสิฐกุล และทีมวิจัยจากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย คว้ารางวัลเหรียญทองเกียรติยศในกลุ่ม การอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและพลังงาน นอกจากนี้ผลงานดังกล่าวยังได้รางวัลพิเศษจาก สาธารณรัฐประชาชนจีนอีกด้วย

ด้านรศ.ดร.สนอง เอกสิทธิ์ จากคณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยเปิดเผยว่า ผลงานดังกล่าวทีมวิจัยได้พัฒนาขึ้นเมื่อ 2 ปีที่ผ่านมา โดยเป็นการนำเปลือกหอยแมลงภู่เหลือทิ้งจากอุตสาหกรรมอาหารทะเลมาแปรรูปด้วย กระบวนการทางเคมีให้เป็นวัตถุดิบคุณภาพสูงในภาคอุตสาหกรรม เช่น เป็นรงควัตถุ ที่มีประกายมุกใช้แทนวัสดุนำเข้าจากต่างประเทศในอุตสาหกรรมเครื่องสำอาง การทำผงแคลเซียมคาร์บอเนต ที่สามารถประยุกต์ใช้เป็นทรายเทียมหรือสารเติมแต่งในการเคลือบผิว หรือการทำเป็นวัสดุกักเก็บสารเพื่อยืดระยะเวลาการทำงาน เช่นเก็บกักปุ๋ยได้ ทั้งนี้กระบวนการผลิตใช้เทคโนโลยีที่ไม่ยุ่งยาก ไม่ต้องใช้เครื่องมือราคาแพง ทำให้ต้นทุนการผลิตต่ำแต่เพิ่มมูลค่าให้กับสิ่งเหลือทิ้งได้อย่างมหาศาล

นอกจากนี้ยังมีผลงานที่ได้รับรางวัลจากเวทีดังกล่าวอีกหลายผลงาน อาทิ “แผ่นปิดแผลนาโนไบโอเซลลูโลสเคลือบคริสตัลเงินนาโนสีฟ้า” ของบริษัท โนวาเทค เฮลธ์แคร์ จำกัด “กระเป๋าผ้าเนกไท” จากวิทยาลัยสารพัดช่างสี่พระยา สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา “ระบบสนทนาอัตโนมัติเพื่อพัฒนาทักษะการสนทนาภาษาอังกฤษ” จากสถาบันการจัดการปัญญาภิวัฒน์ ชุดตรวจวินิจฉัยเชื้อวัณโรคจากมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ “ชุดถอดประกอบต้นกำลังสำหรับรถเข็นคนพิการ” จากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต และ “อุปกรณ์เสริมสำหรับบันทึกลายนิ้วมือด้วยสมาร์ทโฟน” จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.

แหล่งที่มาข้อมูล www.dailynews.co.th

“ซี เลเวล”คว้าแชมป์นักสร้างหุ่นยนต์สู้โลกร้อน


วันนี้ (12 พ.ค.) ศูนย์การค้าพันธุ์ทิพย์พลาซ่า ชั้น 1 ประตูน้ำ รองศาสตราจารย์ ดร.วีระศักดิ์ อุดมกิจเดชา ผู้อำนวยการศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ(เอ็มเทค) เป็นประธานในการแข่งขันออกแบบและสร้างหุ่นยนต์แห่งประเทศไทย ครั้งที่ 5” (Robot Design Contest 2012, RDC 2012) รอบชิงชนะเลิศ จัดโดย ศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ (เอ็มเทค) ร่วมกับ 4 มหาวิทยาลัย ได้แก่ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, มหาวิทยาลัยเชียงใหม่, มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารีและมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ เพื่อเฟ้นหาเยาวชนตัวแทนประเทศไทยเข้าร่วมการแข่งขันระดับนานาชาติ IDC RoboCon 2012 ที่ประเทศญี่ปุ่น ในเดือนสิงหาคม 2555 นี้
โดยปีนี้ มีจำนวน 20 ทีม จาก 24 สถาบันการศึกษาทั่วประเทศที่ผ่านเข้ารอบชิงชนะเลิศ ปรากฎว่าทีมที่ชนะเลิศในปีนี้ ได้แก่ ทีม SEA LEVEL ประกอบด้วย น.ส.สาธิมา  ประเสริฐเจริญสุข ชั้นปีที่ 2 จากมหาวิทยาลัยมหิดล, นายอุหมาด หีมโป๊ะหมอ ชั้นปีที่ 2 มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลศรีวิชัย วิทยาลัยรัตภูมิ, นายกานต์ไกร  จิตรหมั่น ชั้นปีที่ 2 มหาวิทยาลัยเชียงใหม่, นายอภิวิชญ์ พวงศรีเจริญ ชั้นปีที่ 2 จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และ นายบรรณวิชญ์ ติยะบวรวงศ์ ชั้นปีที่ 1 สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณลาดกระบัง
รศ.ดร.วีระศักดิ์  อุดมกิจเดชา ผู้อำนวยการศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ (เอ็มเทค) ในฐานะประธานจัดการแข่งขัน RDC 2012 กล่าวว่า นี่คือเวทีที่เปิดโอกาสให้เยาวชนไทยได้แสดงความสามารถ และพัฒนาทักษะการเรียนรู้ด้านเทคโนโลยีในการออกแบบสร้างสรรค์หุ่นยนต์ โดยเฉพาะในปีนี้ยังเป็นครั้งแรกที่ได้นำหุ่นยนต์เคลื่อนที่อัตโนมัติ หรือ Mobile Robot Platform มาเป็นตัวช่วยเสริมในเรื่องการเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์ให้กับหุ่นยนต์ เพื่อเป็นประโยชน์ในอนาคตสำหรับการทำงานในวิชาชีพวิศวกรต่อไป
สำหรับทีมชนะเลิศจากการแข่งขัน RDC 2012 จะเป็นตัวแทนประเทศไทยไปเข้าร่วม “การแข่งขันออกแบบและสร้างหุ่นยนต์ระดับนานาชาติ หรือ IDC Robocon 2012” ณ มหาวิทยาลัยโตเกียว เดนกิ ประเทศญี่ปุ่น ในเดือนสิงหาคม 2555นี้  โดยกลุ่มประเทศที่เข้าร่วม คือ บราซิล สหรัฐอเมริกา ฝรั่งเศส เยอรมนี เกาหลีใต้ จีน สิงคโปร์ โมร็อกโก ญี่ปุ่น และประเทศไทย ความเป็นมาของการแข่งขันรายการนี้คือ เริ่มจัดในปี 1990 โดยประเทศไทยได้มีโอกาสเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขัน IDC Robocon 2007 พร้อมกับส่งทีมตัวแทนนักศึกษาไทยเข้าร่วมแข่งขันครั้งนั้นด้วย และต่อเนื่องมาจนถึงปีที่ 4 แล้วที่นักศึกษาไทยสามารถทำผลงานได้โดดเด่นและประสบความสำเร็จในเวทีระดับ นานาชาติ.

แหล่งที่มาข้อมูล www.dailynews.co.th

สวยสะดุดกับชุดสวย - สตาร์ เทรนดี้



จั๊กจั่น-อคัมย์สิริ สุวรรณศุข

“สาวหน้าหวานนาม “จั๊กจั่น” มาในชุดเดรสสายเดี่ยวสีเทา-เงิน ท่อนบนเน้นการดีไซน์ผ้าแบบเก๋ไก๋ ท่อนล่างปล่อยให้เรียบ ๆ หน้ารูปไข่ทำผมปัดข้างหวีเรียบรวมเก็บด้านข้างก็ยังสวย ใส่ตุ้มหูและกำไลข้อมือดอกไม้สีส้ม-เงิน เข้าชุดกันพอเหมาะพอดี”

จุ๋ย-วรัทยา นิลคูหา

“จุ๋ยมาในชุดราตรีสายเดี่ยวสีเบจ ถึงจะเป็นชุดเรียบ ๆ แต่ก็ให้อารมณ์หรูหรา ถือกระเป๋าคลัตช์คริสตัลหลากสี เพิ่มจุดเด่นให้กับชุด หวีผมเรียบเก็บสวยงาม ใส่ตุ้มหูเพชรคู่ระย้าเสริมให้ดูสง่ามากขึ้น”

นุ้ย-สุจิรา อรุณพิพัฒน์

“สาวรูปร่างขาวสูงอย่างนุ้ยใส่ชุดราตรีเกาะอกสีเขียวปีกแมลงทับช่างขับผิว ของเธอให้ผ่องผุดผาดมากขึ้น กระโปรงผ่าข้างชวนให้รู้สึกเซ็กซี่นิด ๆ เกล้าผมเก็บเรียบร้อยสวยงาม ไม่ปล่อยให้กระเซิง ใส่เครื่องเพชร ตุ้มหู, สร้อยคอ, ข้อมือ และ แหวนเพชร เข้าชุดกัน สวมรองเท้าสีเบจประดับคริสตัลวิบวับ”

มาร์กี้-ราศรี บาเลนซิเอก้า

“จากลุคสาวแก่นแก้ว วันนี้มาร์กี้มาแนวหวานใส มาร์กี้เลือกชุดสีชมพูอ่อนด้านในเป็นเกาะอกสั้น ข้างนอกเป็นผ้าบางเบาเป็นซีทรู ชวนให้รู้สึกเซ็กซี่แบบหวาน ๆ  รอบเอวมีเข็ดขัดรูปโบว์สีชมพูเล็ก ๆ เพิ่มความแบ๊ว ทรงผมแสกกลางเกล้าเก็บเรียบร้อยเหมือนนางในนิยายกรีก-โรมัน ใส่รองเท้าสีเงินแมตช์กับชุดที่ใส่”

มิ้นต์-ชาลิดา วิจิตรวงศ์ทอง

“มิ้นต์มาในชุดสีชมพูหวานแหวว ชุดเรียบแต่สวย สะพายกระเป๋าคลัตช์สีชมพูเข้ากับชุดแบบสุด ๆ เกล้าผมเก็บดูสะอาดตา ใส่ตุ้มหูและข้อมือเพชรเส้นกำลังดีไม่เว่อร์จนเกินไป”

เจี๊ยบ-พิจิตรา สิริเวชชะพันธ์

“สาวผิวขาวดั่งหยวกกล้วย เจี๊ยบมาในชุดลูกไม้สั้นสีขาวปักเลื่อม ถือกระเป๋าคลัตช์สีเบจสีโทนเดียวกับชุด เกล้าผมและถักเปียพาดเป็นที่คาดผม ทำให้หน้าสวยหวาน รองเท้าโทนสีน้ำตาลเข้มโดดกว่าชุดมากเกินไป เลยไม่เป๊ะเท่าที่ควร”

แพท-สุธาสินี พุทธินันทน์

“แพทมาในชุดสีน้ำเงิน-เทา ชุดตัดเย็บดีไซน์เก๋กระโปรงด้านหน้าสั้นข้างหลังยาว ติดเข็มกลัดเพชรรูปแมลงปอเสริมให้ชุดดูเด่น เกล้าผมเก็บอย่างดี ใส่ตุ้มหูเพชรระย้า ถือกระเป๋าใบเก๋รูปกรงนก สวมรองเท้าสีเงินติดโบว์คริสตัลระยิบระยับ สวยสง่าสุด ๆ”.
ก้อยโกะ

แหล่งที่มาข้อมูล www.dailynews.co.th

รักไม่รู้จบ ของ“รอง-ปทุมวดี” - คนดัง หลังฉาก


เป็นศิลปิน-นักแสดงอาวุโสอีกคู่หนึ่งของวงการบันเทิง ที่ใช้ชีวิตร่วมทุกข์ร่วมสุขด้วยกันมานานกว่า 40 ปี หลายคนในวงการฯเรียกจนติดปากว่า “พ่อรอง” หรือ “รอง เค้ามูลคดี” และเรียก “แม่ทุม” หรือ “ปทุมวดี โสภาพรรณ” เนื่องจากเป็นผู้ใหญ่ที่รักและเคารพของทุกคน รวมไปถึงสื่อมวลชนด้วย เมื่อไม่นานนี้ “แม่ทุม” ป่วยเป็นโรคไทรอยด์เป็นพิษ ได้เข้ารักษาตัวที่ รพ.ตำรวจมาเกือบ 2 เดือน จนอาการดีขึ้นตามลำดับ หมอก็เลยให้กลับบ้านได้ วันก่อนเราก็เลยถือโอกาสไปเยี่ยมเยียน “แม่ทุม” ที่บ้านพัก ซอยลาดพร้าว 71 เพื่อถามไถ่อาการว่าเป็นอย่างไรบ้าง วันนั้นโชคดีมากได้เจอ “พ่อรอง” ที่เสร็จจากถ่ายละคร รีบกลับบ้านมาดูแลแม่ทุม..น่ารักอ่ะ

บอกตรง ๆ เจอ “แม่ทุม” เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แม่คุยเก่งยังไงก็หยั่งงั้น ที่ดูไม่เหมือนเดิมก็เห็นจะเป็นรูปร่างที่ผ่ายผอมเท่านั้นเอง สวัสดีผู้ใหญ่เรียบร้อย เราก็เริ่มฝอย..คุยเลย ตอนนี้อาการเป็นยังไงบ้างคะ “สดชื่นดีค่ะปกติดี ช่วงที่ไม่สบายอยู่ รพ. ก็พยายามคิดว่าตัวเองไม่เป็นอะไร หมอก็ดี๊ดีให้กำลังใจตลอด ไม่เป็นไรแล้ว ๆ พยาบาลก็ดูแลดีมาก ซึ่งทำให้เราโล่งขึ้นดีขึ้น แล้วคนที่ดูแลเราดีมาก ๆ พ่อ (รอง เค้ามูลคดี) พ่อให้แม่จนแบบเหมือนพระเลย คือสิ่งที่นึกไม่ถึงว่าพ่อจะให้ขนาดนี้ เช่นดูแลทุกอย่าง การเงินการงาน คือดูแลทุกอย่าง เขารู้ว่าแม่ทำอะไรไม่ได้ พ่อ เป็นพระเลย เขาคือสุดยอดของมนุษย์ ปกติพ่อเขาเป็นคนสนุกสนานสไตล์ รอง เค้ามูลคดี แต่พอแม่ป่วยนึกไม่ถึงว่าพ่อจะดูแลขนาดนี้ ป่วยคราวนี้ถือว่าหนักที่สุดในชีวิตของแม่ รู้เช่นเห็นชาติก็ตอนที่แม่ไม่สบายนี่แหละ”

“พ่อดูแลแม่ดีมากจนแม่ไม่มีสิทธิพูดอะไรอีกแล้ว แม่ไม่มีสิทธิผยองอีกแล้ว ที่ผ่านมาแม่ผยองแม่ชอบอาละวาด มาตอนนี้แม่หมดสิทธิแล้ว ถ้าแม่ทำถือว่าแม่เลว (น้ำตาคลอ) คิดดูซิ..ถ้าเขาไม่ดูแลถ้าเขาทิ้งแม่ แล้วแม่จะทำยังไง มนุษย์นะแม่รู้จิตมนุษย์ พ่อคือพระองค์หนึ่งที่มาเกิด แล้วเขาไม่ใช่เฉพาะแม่ กับคนอื่นถ้าเขามีเขาก็ช่วยเหลือ นี่แม่ก็ภาวนาขอให้เขามีงาน เพราะเขาต้องเลี้ยงลูกเลี้ยงครอบครัว ก็หนักนะ ที่ผ่านมาเราโดนโกงไปเยอะ”

จากนั้นเราก็หันไปคุยกับ “พ่อรอง” ที่เพิ่งกลับจากถ่ายละคร ตอนนี้เป็นยังไงบ้างคะ “มีความสุขหลังจากที่ทุกข์มาระยะหนึ่ง ไม่เครียด เพราะว่าทุมเขากลับมาเป็นปกติเหมือนเดิมแล้ว ตอนที่เขาป่วยอยู่โรงพยาบาลเกือบ 2 เดือน พ่อนอนอยู่ข้างเตียงเขาทุกวัน พ่อถ่ายละครเสร็จกลับตี 1 มาถึงโรงพยาบาลตี 2 เช้าก็ไปทำงานต่อเป็นอย่างนี้ทุกวัน มาก็ไม่ได้นอนเดี๋ยวเขาก็เรียกจะเข้าห้องน้ำ ก็คอยให้กำลังใจเขา แม่ดีขึ้นแล้วนะเดี๋ยวก็หายแล้ว อย่างตอนนี้ก็มีหน้าที่ดูแลคอยถามเขาว่า อยากกินอะไรเราก็ไปซื้อมา พยายามหาของกินที่เขาชอบมาให้ เพราะต้องการให้เขากินเยอะๆ จะได้อ้วนท้วนเหมือนเดิม”

“พ่อรอง” มีหลักในการดูแลครอบครัวยังไง “คือเราเป็นหัวหน้าครอบครัว เป็นหน้าที่ที่เราปฏิเสธไม่ได้ เราต้องดูแลให้ทุกคนมีความสุขตามอัตภาพ เราจะทุกข์เราจะสุขเราจะเครียด เราจะมีปัญหาอะไร ต้องไม่ให้ทุกคนรู้ ต้องพยายามปรับตัวเองเพื่อให้ทุกคนเห็นว่าเราไม่เหนื่อย เราไม่เครียดเพื่อให้ทุกคนมีความสุข คนในบ้านทุกคนต้องมีความสุข กินได้นอนหลับ มันเป็นหน้าที่ของเราอยู่แล้ว” แล้วอย่างนี้ไม่กดดันตัวเองเหรอคะ “ไม่กดดันนะ เวลาขับรถแหกปากร้องเพลง ถ้าเครียดมาก ๆ ตะโกนโวยวาย ๆ คนเดียวในรถ เมื่อก่อนขับรถเร็วมาก แต่ปัจจุบันก็เบาลงมาเยอะแล้ว เพราะอายุเรามากขึ้น แล้วคิดว่าข้างหลังยังมีคนที่รอเราอยู่อีกเยอะเหลือเกิน”

ยังมีอะไรที่รู้สึกเป็นห่วงและกังวลอีกมั้ยคะ “ก็มีนะอยากให้คุณแม่ของตัวเอง อายุ 86 ปี ที่ไม่สบาย หายดีเป็นปกติ แล้วก็ทุม ถ้าเขาสองคนกลับมาเป็นปกติเหมือนเดิมได้เราก็จะมีความสุข เวลานี้ห่วงทั้งแม่ห่วงทั้งเมียวุ่นไปหมด อีกอย่างหนึ่งก็คือขอให้ทุกคนในครอบครัว รักใคร่กัน มีความสุขตามอัตภาพที่เราควรจะมี เราห่วงอยู่แค่นี้แหละ”

ที่เขาพูดกันว่า ศิลปิน-นักแสดงในสมัยก่อน มีแต่ชื่อเสียงแต่ไม่รวย (ต่างกับนักแสดงยุคนี้..รวยม้าก..มาก) สำหรับ “พ่อรอง” เป็นยังไงคะ “รวยนะ รวยน้ำใจ คือมันต้องมีความภาคภูมิใจที่เราอยู่วงการบันเทิงมานานมาก คนเวลาเจอหน้าเรา ยกมือไหว้เรียกพ่อทุกคน เราไม่ได้บังคับให้เขาเรียก เราก็ต้องมาคิดว่าเขาเรียกเราเพราะอะไร ว่าเราทำตัวยังไง ถ้าเราทำตัวเลวทำตัวไม่ดี เขาคงไม่เรียกเราว่าพ่อ เพราะฉะนั้นก็เป็นความภูมิใจของเรา และเป็นสิ่งยึดเหนี่ยวว่าเอ็งทำเลวไม่ได้นะ เอ็งต้องเป็นตัวอย่างที่ดีให้รุ่นลูกรุ่นหลาน”

มีอะไรจะฝากถึงคนในวงการบันเทิงบ้างมั้ยคะ “อยากให้คนในวงการบันเทิงสามัคคีกัน ไม่มีแบ่งพรรคแบ่งพวก ไม่มีแบ่งค่าย อยากให้ทุกคนสามัคคีกันเหมือนสมัยก่อน เมื่อก่อนไม่มีใครช่องนั้นชั้นช่องนี้ ไม่มี ทุกคนเป็นพรรคพวกกันหมด คนนี้ไปเล่นช่องนั้นได้คนนี้ไปเล่นช่องนี้ได้ แล้วมันอยู่ด้วยการห่วงหาอาทรซึ่งกันและกัน ใครเจ็บไข้ได้ป่วย ทุกคนก็จะเป็นห่วงเป็นใย ทุกข์ร้อนก็ไปดูแลช่วยเหลือกันได้ตามอัตภาพ และที่สำคัญทุกคนรู้กฎกติกามารยาท รู้เลยว่าเขานัดกี่โมง เขานัดแปดโมงมาสิบเอ็ดโมง อันนี้ก็น่าตีเหมือนกันนะ เรื่องเวลาเป็นเรื่องสำคัญ”

“เขาถามทำไมพ่อรองมาทำงานเช้าเหลือเกิน เขานัด 2 โมง โมงครึ่งมาถึงแล้ว บอกพ่ออายุมากแล้วขับรถเร็วเหมือนเมื่อก่อนไม่ได้ กลัวรถมันติดกลัวหลงทาง ออกจากบ้านแต่เช้ามาเรื่อย ๆ ก็ถึงก่อน แล้วบางคนมาสายจะรีบกลับอีก เขานัด 8 โมงมา 11 โมง บ่าย 3 โมงจะไปอีกแล้ว มันไม่ได้ หลาย ๆ อย่าง บางคนมาถึงเขายังไม่ถ่าย ก็บ่นอยู่นั่นแหละ จนเรารำคาญ เราก็ต้องบอกเขา เราก็ต้องเตือนเขาเมื่อไม่มีใครเตือน เราก็ต้องถือโอกาส ส.ใส่เกือกนิดนึง ก็บอกเขาเขาก็ฟัง ตอนหลังก็ดีขึ้น”

เนื้อที่หมดพอดี เสียดายจัง!..จริง ๆ แล้วยังมีเรื่องคุยอีกเยอะ ล้วนให้แง่คิดดี ๆ สำหรับทุกคน เพื่อปรับใช้ในชีวิตอย่างมีคุณค่า.
'ปรางค์ ปิ๊กมี่'

แหล่งที่มาข้อมูล www.dailynews.co.th

ธันญ์-เอี๊ยม-เต็งหนึ่ง ลดแรงช่วยโลก ปลูกหญ้าแฝกพืชสวนครัวบำรุงดิน - ฟรีไทม์


อุณหภูมิและอากาศโลกแปรปรวนขึ้นทุกวัน เหล่าดารารักโลกอย่าง  ธันญ์ ธนากร, เต็งหนึ่ง-กฤษณกันท์ มณีผกาพันธ์ และ เอี๊ยม-วรรษพร วัฒนากุล พร้อมด้วยสองผู้ประกาศข่าว หนุ่ม-อนุวัต เฟื่องทองแดง และ ปอย-ภานุรัตน์ พรหมคชสุต แห่งช่อง 7 สี เลยขอไปแจมกับโครงการ “7 สีช่วยชาวบ้าน” ร่วมกับ กองทัพบกโดย พ.อ.จักรชัย โมกขะสมิต รองผู้บัญชาการกองพลพัฒนาที่ 1 ร่วมกันปลูกหญ้าแฝก กล้วย มะละกอ และพืชผักสวนครัว ณ ริมคลองลำรางนาป่า เขตบึงกุ่ม ถือเป็นการร่วมด้วยช่วยกันที่จะพิทักษ์รักษาโลกใบน้อยอีกแรงหนึ่ง

สาวเอี๊ยม หนุ่มธันญ์ และ เต็งหนึ่ง ไปที่จุดนัดหมายริมคลองลำรางนาป่า กันแต่เช้าตรู่ โดยหญ้าแฝกนั้นจะปลูกกันตรงริมตลิ่ง เพราะหญ้าแฝกนั้นจะมีรากที่ยาวมาก สามารถป้องกันการถูกกัดเซาะหน้าดินได้เป็นอย่างดี ถือเป็นการบำรุงและฟื้นฟูดินอย่างดีมาก ๆ แถมยังเป็นพืชที่ไม่ต้องดูแลมากอีกด้วย และที่สำคัญสามารถป้องกันดินถล่มและน้ำท่วมฉับพลันได้อีกด้วย ทั้ง 3 ดารารวมถึงอีก 2 ผู้ประกาศ ตื่นเต้นกับการได้ปลูกมะละกอริมคลองไม่น้อย ต่างช่วยกันโกยดินลงหลุมต้นมะละกอกันคนละไม้คนละมือ ซึ่งมะละกอนี้ใช้เวลาปลูกแค่เพียง 4 เดือน ก็สามารถออกผลมาให้ชาวบ้านริมคลองได้เก็บกินอีกด้วย เรียกว่าได้ช่วยโลกแล้วยังได้ของกินแถมมาด้วยอีกต่างหาก อากาศวันนี้แม้จะร้อนมาก ๆ แต่ทุกคนก็ไม่ถอย ใจสู้ท้าลมร้อน ปลูกต้นมะละกอเป็น 10 ต้น ก่อนกลับยังซึ้งน้ำใจชาวบึงกุ่ม ที่ขนเอาอาหารเครื่องดื่มมาเลี้ยงเพียบ เล่นเอาหายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้ง

นอกจากดาราแล้ว 2 ผู้ประกาศ ปอย-หนุ่ม ก็เป็นขวัญใจชาวบ้านริมคลองลำรางนาป่าไม่น้อย ลูกเด็กเล็กแดง รุ่นป้ารุ่นลุงมาขอถ่ายรูปกันเพียบ พร้อมทั้งบอกว่าติดใจการรายงานข่าวของทั้ง 2 คน ขากลับเลยได้ของฝากจากชาวบ้านผู้มีน้ำใจกลับมาเพียบเลยล่ะจ้า.
จ๊ะโอ๋

แหล่งที่มาข้อมูล www.dailynews.co.th

Blog Archive

Design Downloaded from ซ่อมคอมพิวเตอร์นอกสถานที่ รามคำแหง บางกะปิ | Free Textures | Web Design Resources