วันอาทิตย์ที่ 13 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

“จ๋า ณัฐฐาวีรนุช” กับความเชื่อที่ว่า 'ถ้าเราดีพอ คนดีๆก็จะอยู่กับเรา' - ดาวต่างมุม


“จ๋า - ณัฐฐาวีรนุช ทองมี” นักแสดงสาวคนนี้ ในช่วงหนึ่งปีที่ผ่านมา เธอเก็บตัวเงียบหายจากวงการไป แต่ล่าสุดเธอกลับมาแล้วพร้อมกับภาพยนตร์เรื่อง “ไอมิสยู รักฉัน อย่าคิดถึงฉัน” แต่ก่อนหน้านี้ถ้าจะพูดถึงเรื่องข่าวคราวเรียกว่า เธอคนนี้ตกเป็นข่าวแทบจะทุกวัน แต่วันนี้ “จ๋า ณัฐฐาวีรนุช ทองมี” เธอบอกกับเราว่า เธอเป็นจ๋า คนใหม่ที่มีจุดยืนของตัวเอง และมีเป้าหมายกับคำว่า “ดอกเตอร์”

“ช่วงที่เงียบไป ช่วงนั้นอาจจะเป็นเพราะไม่มีข่าว แต่ว่างานมีตลอด ก็ถ่ายหนังก่อนหน้านี้ก็มี ส.ค.ส. และ วาเลนไทน์ สวีทตี้ และก็มาเรื่อง ไอมิสยู แต่ว่าก่อนหน้าที่จะถ่ายหนังก็มีไปเมืองนอกประมาณเดือนหนึ่ง ตั้งใจจะไปหาข้อมูลทำวิทยานิพนธ์ และไปเที่ยวด้วย แต่พอดีมีหนังก็เลยต้องรีบกลับมา ความตั้งใจแรกจะอยู่สัก 3 เดือน พอมีหนังเข้ามาก็เลยกลับมาหาตังค์ก่อนแล้วพอกลับมาก็เจอน้ำท่วม แล้วจากนั้นก็มีงานเข้ามาต่อเนื่องเลย”

ได้ข่าวว่ากำลังทำดอกเตอร์อยู่ด้วย?

“ใช่คะ ตอนนี้คือจำเป็นต้องจบภายในปีครึ่ง (หัวเราะ) ยังไงก็ต้องให้จบค่ะ”

คือตั้งใจว่ายังไงก็จะเป็นดอกเตอร์ให้ได้?

“คือที่บ้านชอบเรียน แต่ไม่ได้ใจว่าฉันจะต้องเป็นแบบนั้น เป็นแบบนี้ คือมีโอกาสก็เรียนไป รู้สึกว่าการเรียนยังไงก็ช่วยให้ชีวิตดีอยู่แล้ว คือเก็บเป็นทุนไว้ อาจจะเอาไว้ใช้ในอนาคต คิดว่ายังไงมันดีกับเรา”

จ๋า เรียนสาขาอะไร?

“ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ คือจ๋าเรียนตรีก็คณะเดียวกัน เรียนปริญญาโท ก็ยุโรปศึกษา ก็พอมาดอกเตอร์ก็เข้าสายเดิม แล้วก็ตั้งใจว่าวิทยานิพนธ์เนี้ย ตั้งใจว่าการใช้หนังไทยโปรโมตประเทศ มันก็เกี่ยวกันตั้งการเมืองและการโปรโมตประเทศ ทางด้านบันเทิง ก็คือครบสูตรทางด้านที่เรียนมา”

แล้วพอเป็นดอกเตอร์แล้ว งานในวงการบันเทิงจะรับน้อยลงไหม จะหันไปทำงานที่เรียนมาหรือเปล่า?

“แก่แล้วด้วยค่ะ จ๋าว่าทุกอย่างมันก็เป็นไปการดำเนินชีวิตไปตามกาลเวลา วันนี้มันยังเหมาะกับจ๋าอยู่ก็ทำไปก่อนว่าสิ่งที่เรามีมันทำอะไรได้บ้าง เพราะจ๋าคงไม่รู้สึกว่าจะขายแค่เรื่องของบันเทิงไปตลอด”

อยู่วงการบันมากี่ปีแล้วถึงคิดแบบนี้?

“12 ปี แล้วค่ะ”

เลยคิดอยากจะทำเบื้องหลัง?

“จริง ๆ จ๋าคิดมาตลอด แล้วก็ลองทำเบื้องหลังอยู่บ้าง ก็ทำรายการอยู่ที่เป็นโปรดิวเซอร์เอง ชื่อ ไรเบอร์รี่ ทำให้กับไชนาวี ป้อนช่องตัวเอง แต่มีอำนาจทุกอย่างอยู่ในมือ จัดการบริหารเองหมดแล้ว แล้วเรื่องหนัง จ๋า มีโอกาสได้ร่วมงานกับพี่ปื๊ด (ธนิตย์ จิตนุกูล) ได้กำกับหนังสั้น ชื่อเรื่อง ทั้งหัวใจให้หมดเลย แต่ตอนนี้ยังไม่ออกฉาย เป็นโปรเจคท์ที่ทำถวายพ่อหลวง เรียกว่าชื่อเป็นผู้กำกับ แต่จริง ๆแล้วต้องเรียนว่าเป็นนักเรียนที่เรียนกำกับมากกว่า เพราะว่าพี่ปื๊ดเขาช่วยดูแล ทีมงานก็ยังช่วย
ดูแลอยู่ คือจริงจ๋า ว่าดารานักแสดงทุกคน เขารักการสร้างงานอยู่แล้ว เพียงแต่ว่าโอกาสเบื้องหน้ามาก่อน แต่พอเราอยู่เบื้องหน้านาน ๆ การรักในสิ่งที่ตัวเองทำอยู่ ก็อยากจะมาเป็นคนที่เสนอไอเดียบ้าง พอมีโอกาสมาให้เรา เราก็อยากลอง”

วงการนี้ให้อะไรจ๋า บ้าง?

“ให้เยอะมาก ถ้าตอนเริ่มต้นให้ความรับผิดชอบ ตอนเด็ก ๆ เรายังไม่รู้ เราก็เริ่มต้นเรียนรู้จากการเริ่มทำ ได้เรียนรู้ในเรื่องของการวางตัว ให้ความอดทน และให้ความอดทนทางสภาพจิตใจคือทุกอย่าง เรียนรู้การเข้าใจคนหลายอย่างมาก”

ในเรื่องของข่าว ที่ผ่านมาข่าวจ๋าเยอะมาก จ๋าใช้วิธีไหนในการดูแลสภาพจิตใจของตัวเอง?

“มีคนชอบคิดว่าจ๋าไม่เป็นอะไรหรอก เพราะตอนออกสื่อจ๋าดูไม่เป็นอะไรในตอนที่ออกมาพูด แต่จริง ๆ เราเครียดมาแล้ว มันดาวน์มากจนเบื่อ ไม่อยากเจอใครเลยก็เป็น สิ่งที่ทำได้ก็คือพยายามอยู่กับตัวเอง ทำความเข้าใจแล้วก็ปล่อยวาง และยืนยันมั่นคงกับสิ่งที่ตัวเองเป็น จ๋ายึดคำกล่าวไว้ว่า ไม่มีใครหรอกที่ไม่เคยถูกพูดถึง แต่ของเราอาจจะถูกพูดถึงในวงกว้าง เพราะเราเป็นคนที่ทำงานข้างหน้าสื่อ ก็ปกติค่ะ แต่ถ้าวันใดที่เราทำอะไรแล้วไม่มีใครพูดถึง เราอาจจะกลับมาคิดอีกด้านหนึ่งเหมือนกัน”

ตรงนั้นมันสอนอะไรเราบ้าง?

“สอนมากค่ะ สอนเราว่า เราจะไม่ตัดสินใครจากการได้ยิน คือเรื่องนี้เป็นเรื่องธรรมดามาก จ๋าว่าทุกวงการแหละต้องมีการนินทา แม้แต่ในวงการนักเรียนก็ยังมี เพียงแต่ว่าคนที่ถูกพูดอาจจะไม่รู้จักกันเยอะ เพียงแต่ว่าเวลาที่เราได้ยินใครพูดถึงใครมันก็อาจจะเป็นมุมมองด้านเดียวก็ ได้ เราก็เลยไม่เคยตัดสินใครจากการที่คนบอก อย่างเรื่องข่าว ตรงนั้นก็เป็นหน้าที่ของนักข่าว ซึ่งคนที่ถูกเสนอข่าวเขาก็มีสิทธิที่จะออกมาแก้ ออกมาบอกจริง ๆ แล้วมันเกิดอะไรขึ้น จริง ๆ มันก็เป็นได้ทั้งหมด มันก็อยู่ที่หน้าที่ใครหน้าที่มัน”

ที่เงียบ ๆ ไป จ๋า พยายามเอาตัวเองออกห่างวงการ หรือ คิดอะไรอยู่ในช่วงนั้น?

“หลายอย่าง และคิดถึงอนาคตตัวเองด้วย แล้วข่าวช่วงนั้นถูกโยงถึงหลาย ๆ
คน จ๋าก็รำคาญ ก็บางทีก็ไม่ได้อยากเจอคนเยอะ อันนี้ก็พูดตามตรง บางทีก็เลยคิดว่าเราลองไปทำอย่างอื่นดูไหม สมองมันปลอดโปร่งด้วย เป็นประสบการณ์ใหม่ด้วย แล้วก็อยากจะเรียนให้จบ ก็เลยตั้งเป้าของเราไปเลย”

แต่พอมีงานเข้ามา กลับมาทำงานมันก็ต้องมีข่าวอีกนะ?

“คืออันนั้นมันก็มีเหตุและผลของมัน สมมุตินะคะว่าถ้ามีอีเวนต์มา แล้วเอาตัวเองไปออกงานอีเวนต์เพื่อได้สตังค์ เอาตัวเองไปขายในข่าว จ๋าก็จะรู้สึกว่าไม่เป็นไรไว้ก่อนแล้วกัน แต่ถ้าหนังคือสิ่งที่จ๋าชอบ แต่ถ้ามันจะต้องตามมาด้วยข่าว ก็ไม่เป็นไรเพราะเรารักงานหนัง คือมันอยู่ที่จ๋าเลือกจะทำหรือเปล่า ณ อารมณ์ช่วงนั้น ๆ”

กลับมาเรื่องหนังบ้าง เป็นการกลับมาเจอกับพี่ติ๊ก (เจษฎาภรณ์ ผลดี)?

“เชื่อไหมว่า วันนั้นที่นักข่าวเข้ากองครั้งแรกที่กองถ่ายหนังเรื่องแรกที่เล่นกับพี่ติ๊ก เรื่อง รักแท้ปาฏิหาริย์ วันนั้นจ๋าเป็นเด็กใหม่ แล้วพี่ติ๊กเป็นพระเอก เป็นซุปตาร์ ทุกคนถูกเสน่ห์พี่ติ๊กดึงเข้าข้างสองข้างหมด จ๋าจำภาพได้ว่าเป็นโต๊ะม้าหิน พี่ติ๊กนั่งหัวโต๊ะ แล้วมีนักข่าวล้อม จ๋าก็นั่งฟังจ๋าก็สนุกดี ก็คิด อืม...ดาราเขาเป็นอย่างนี้นี่เอง แล้ววันนี้พอได้กลับมาทำงานกันอีก ก็เหมือนกับเราคุ้นเคยกันมาแล้ว มันก็ง่าย อีกอย่างพี่เขาก็เป็นคนที่มีฝีมือมาก มันเลยง่ายคือ เคมีมันตรงกันในเรื่องของการทำงานมากค่ะ”

แล้ววันนี้คิดว่าตัวเองมีพลังของดาราแล้วยัง?

“จ๋า ก็ยังเป็นจ๋าค่ะ คือจ๋าพยายามไม่ยึดติด แม่สอนตั้งแต่เด็กได้ดีก็ดีใจแต่อย่าเหลิง อะไรก็คืออย่าเหลิง จ๋าถูกกดตั้งแต่เด็ก ถึงจะเรียนเก่งเกรดดีก็ไม่เคยได้ของขวัญอะไรเลย แม่สอนไว้ถ้าได้ดีก็ดีกับตัว ถูกสอนมาแบบนี้แล้วพอได้อะไรดี ๆมาก็ฉุกคิดขึ้นมาว่าอะไรที่เป็นสิ่งดีก็ดีที่สุด ไม่ว่าจะดีขนาดไหนก็ดีแค่นั้น”

พูดถึงหนังหน่อย เห็นว่าเรื่องนี้ต้องเล่นเป็นวิญญาณ?

“บทบาทในเรื่องนี้ แต่ละคนพลิกหมด สำหรับจ๋า ที่ผ่านมาคนจะจำจ๋า แต่คอมเมดี้ พอมาเรื่องนี้ก็ดราม่า ถามว่าเล่นเป็นวิญญาณยากไหม เล่นเป็น
ผีไม่ยากนะคะ แต่ในเรื่องนี้ ผีไม่ใช่ผี ก็คือออกมาในรูปแบบของคน แสดงความรู้สึกเหมือนคน อาจจะพูดได้น้อย อาจจะแสดงอารมณ์ที่แบบออกท่าทางไม่ได้ เราก็ต้องแสดงออกแบบนิ่ง ๆ แต่อารมณ์ออกยาก”

เล่นหนังรักหลอน ๆ มาแล้ว วันนี้ขอถามเรื่องมุมมองความรัก จ๋า ในวันนี้เป็นยังไง?

“จ๋าโตแล้ว ไม่อยากเลือกแล้ว ส่วนสเปกเนี่ย ตอนเด็ก ๆเราอาจจะเยอะนะ คือแบบยิบย่อย คนนั้นก็น่ารักดี แต่เตี้ยไปหน่อย คนนี้ดำไม่ชอบ แต่พอเราโตขึ้น สเปกเราก็จะมาแบบรวม ๆมากกว่า เช่น คนนี้อยู่ด้วยแล้วสบายใจไหม จริงใจกับเราหรือเปล่า มีอนาคตร่วมกันได้ไหม”

แล้วที่เขาบอกว่าอายุมากขึ้น จะเลือกน้อยลง จ๋า ว่าจริงไหม?

“ไม่จริงนะ ยิ่งอายุมากเรายิ่งเลือกมากกว่าเดิม แต่ไม่ได้เลือกเป็นรายละเอียดเยอะ ๆ เท่าเดิม”

กลัวขึ้นคานไหม?

“ ไม่กลัวขึ้นคาน แต่ไม่อยาก ก็คือเหมือนปล่อย ถ้าไม่มีจริง ๆ ถ้ามันจะต้องอยู่คนเดียว เราก็ต้องอยู่คนเดียว แต่ถ้าถามว่าอยากอยู่คนเดียวไหม ก็ไม่อยากอยู่คนเดียว”

เชื่อเรื่องพรหมลิขิตไหมคะ?

“ไม่เคยเจอง่ะ พูดตรง ๆ เชื่อไหมตัวเองยังไม่รู้ แต่เห็นคนอื่นแบบนะที่เขามีความรัก เออ ก็ดูแล้วเขาเกิดมาเป็นคู่กันจริง ๆ อันนี้สำหรับคนอื่นนะ แต่ของตัวเองเนี่ยจ๋ายังไม่รู้นะ เพราะยังไม่เคยเจอ ไม่รู้ว่ามันมีจริงที่จะเกิดกับเราไหม”

แล้วศรัทธาในรักแท้ไหม?

“จ๋าเชื่อนะว่ารักแท้มีจริง แต่ไม่รู้ว่าทำบุญมาพอหรือเปล่า แค่นั้นแหละ (หัวเราะ )”

ตัวจ๋าเองเชื่อไหมว่าเวลา จ๋าลัคกี้อินเกมแล้วมักจะไม่ลัคกี้อินเลิฟนะ?

“ก็สังเกตตัวเองเหมือนกันนะ เพราะว่าตัวจ๋าเอง เวลาที่จ๋าให้จ๋าก็ให้หมด แต่ว่าตอนนี้เราโตขึ้น การที่เราจะให้ใครทั้งหมดเนี่ยมันก็ต้องดูดี ๆ ว่าถ้าเอาสิ่งที่ดี ๆ
ของเราทั้งหมดไป สิ่งที่เราได้ตอบกลับมามันควรหรือว่าเหมาะสมกันไหม ตอนเด็ก ๆอาจจะคิดน้อยหน่อยเพราะว่าความรับผิดชอบหน้าที่อาจจะยังไม่หนักมาก แต่ตอนนี้เราโตแล้วก็คิดมากขึ้น แต่จริง ๆ คนเราก็เปลี่ยนไม่ได้ทั้งหมดหรอก อย่างเช่นบอกว่าเราโตแล้วเราไม่แคร์หรอก แต่จริง ๆ พอเจอคนที่เราชอบเราก็แคร์อยู่ดี แต่เราอาจจะดึงตัวเองออกมารักษาระยะได้”

เวลามีความรัก จ๋า ทุ่มเทไหม?

“เกินค่ะ เกินความจำเป็น เกินความจำเป็นในที่นี้หมายความว่า เมื่อก่อนเราอาจจะเลือกคบกับคนที่ เรามีใจให้กัน แต่เราอาจจะมองว่าชีวิตเราดูแล้วไม่น่าจะไปด้วยกันได้เท่าไร แต่เรามีใจให้กันในตอนนั้นก็เลยไม่สนใจก็ยังทุ่มเทให้อยู่ แต่ปัจจุบันนี้ถ้ามองแล้วว่า ทัศนคติ หรือแอติจูด ที่ดูแล้วไปด้วยกันไม่ค่อยได้เท่าไร มันก็อาจจะเดินไปด้วยกันยาก ก็ต้องเปลี่ยนมุมมองหาคนที่อยู่ด้วยกันได้ แล้วค่อยไปเต็มร้อย แต่เมื่อก่อนเราจะเต็มร้อยไปก่อน ทั้ง ๆ ที่รู้ว่าไปกันไม่รอด เพราะเราเด็ก ให้ใจก่อน เต็มร้อยก่อน”

เคยกลับมามองตัวเองไหมว่าทำไมเราถึงไม่ประสบความสำเร็จในเรื่องความรัก?

“มีทุกช่วงความผิดพลาดเกิดแตกต่างกันไป เคยมีช่วงที่เราไม่ดีพอ เราอาจจะเจอคนดี แต่ช่วงนั้นเรายังรู้สึกว่าเรายังสนุกกับการใช้ชีวิต เราเลยไม่ให้ความสำคัญกับเขาเท่าที่ควร ก็เคยเจอ แล้วมาพลิกแบบว่าเราให้ความสำคัญกับเขาเกินไป จนลืมเรื่องทุกอย่างของตัวเอง สุดท้ายเดินไปไหนไม่ได้ก็เคยเจอ มันแล้วแต่ช่วงแล้วแต่กับคนก็ไม่เหมือนกัน ตอนนี้จ๋า เอาตัวเองมาอยู่ตรงกลางแล้วพยายามทำตัวเองให้ดี จ๋าเชื่อว่าวันนี้ถ้าเราทำดีพอ คนดี ๆ ก็น่าจะอยู่กับเรา”

และเราก็เชื่อเช่นกันว่า สักวันนักแสดงสาวสวย ว่าที่ดอกเตอร์คนนี้ เธอจะเจอคนที่พอดีและดีพอกับเธอแน่นอนในอนาคต.
เรื่อง คนกลาง / ภาพ วรัญญู เหมือนเดช


แหล่งที่มาข้อมูล www.dailynews.co.th

0 - ซ่อมคอมพิวเตอร์นอกสถานที่ บางกะปิ 083-792-5426:

แสดงความคิดเห็น

หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น

Blog Archive

Design Downloaded from ซ่อมคอมพิวเตอร์นอกสถานที่ รามคำแหง บางกะปิ | Free Textures | Web Design Resources