วันอาทิตย์ที่ 13 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

รักไม่รู้จบ ของ“รอง-ปทุมวดี” - คนดัง หลังฉาก


เป็นศิลปิน-นักแสดงอาวุโสอีกคู่หนึ่งของวงการบันเทิง ที่ใช้ชีวิตร่วมทุกข์ร่วมสุขด้วยกันมานานกว่า 40 ปี หลายคนในวงการฯเรียกจนติดปากว่า “พ่อรอง” หรือ “รอง เค้ามูลคดี” และเรียก “แม่ทุม” หรือ “ปทุมวดี โสภาพรรณ” เนื่องจากเป็นผู้ใหญ่ที่รักและเคารพของทุกคน รวมไปถึงสื่อมวลชนด้วย เมื่อไม่นานนี้ “แม่ทุม” ป่วยเป็นโรคไทรอยด์เป็นพิษ ได้เข้ารักษาตัวที่ รพ.ตำรวจมาเกือบ 2 เดือน จนอาการดีขึ้นตามลำดับ หมอก็เลยให้กลับบ้านได้ วันก่อนเราก็เลยถือโอกาสไปเยี่ยมเยียน “แม่ทุม” ที่บ้านพัก ซอยลาดพร้าว 71 เพื่อถามไถ่อาการว่าเป็นอย่างไรบ้าง วันนั้นโชคดีมากได้เจอ “พ่อรอง” ที่เสร็จจากถ่ายละคร รีบกลับบ้านมาดูแลแม่ทุม..น่ารักอ่ะ

บอกตรง ๆ เจอ “แม่ทุม” เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แม่คุยเก่งยังไงก็หยั่งงั้น ที่ดูไม่เหมือนเดิมก็เห็นจะเป็นรูปร่างที่ผ่ายผอมเท่านั้นเอง สวัสดีผู้ใหญ่เรียบร้อย เราก็เริ่มฝอย..คุยเลย ตอนนี้อาการเป็นยังไงบ้างคะ “สดชื่นดีค่ะปกติดี ช่วงที่ไม่สบายอยู่ รพ. ก็พยายามคิดว่าตัวเองไม่เป็นอะไร หมอก็ดี๊ดีให้กำลังใจตลอด ไม่เป็นไรแล้ว ๆ พยาบาลก็ดูแลดีมาก ซึ่งทำให้เราโล่งขึ้นดีขึ้น แล้วคนที่ดูแลเราดีมาก ๆ พ่อ (รอง เค้ามูลคดี) พ่อให้แม่จนแบบเหมือนพระเลย คือสิ่งที่นึกไม่ถึงว่าพ่อจะให้ขนาดนี้ เช่นดูแลทุกอย่าง การเงินการงาน คือดูแลทุกอย่าง เขารู้ว่าแม่ทำอะไรไม่ได้ พ่อ เป็นพระเลย เขาคือสุดยอดของมนุษย์ ปกติพ่อเขาเป็นคนสนุกสนานสไตล์ รอง เค้ามูลคดี แต่พอแม่ป่วยนึกไม่ถึงว่าพ่อจะดูแลขนาดนี้ ป่วยคราวนี้ถือว่าหนักที่สุดในชีวิตของแม่ รู้เช่นเห็นชาติก็ตอนที่แม่ไม่สบายนี่แหละ”

“พ่อดูแลแม่ดีมากจนแม่ไม่มีสิทธิพูดอะไรอีกแล้ว แม่ไม่มีสิทธิผยองอีกแล้ว ที่ผ่านมาแม่ผยองแม่ชอบอาละวาด มาตอนนี้แม่หมดสิทธิแล้ว ถ้าแม่ทำถือว่าแม่เลว (น้ำตาคลอ) คิดดูซิ..ถ้าเขาไม่ดูแลถ้าเขาทิ้งแม่ แล้วแม่จะทำยังไง มนุษย์นะแม่รู้จิตมนุษย์ พ่อคือพระองค์หนึ่งที่มาเกิด แล้วเขาไม่ใช่เฉพาะแม่ กับคนอื่นถ้าเขามีเขาก็ช่วยเหลือ นี่แม่ก็ภาวนาขอให้เขามีงาน เพราะเขาต้องเลี้ยงลูกเลี้ยงครอบครัว ก็หนักนะ ที่ผ่านมาเราโดนโกงไปเยอะ”

จากนั้นเราก็หันไปคุยกับ “พ่อรอง” ที่เพิ่งกลับจากถ่ายละคร ตอนนี้เป็นยังไงบ้างคะ “มีความสุขหลังจากที่ทุกข์มาระยะหนึ่ง ไม่เครียด เพราะว่าทุมเขากลับมาเป็นปกติเหมือนเดิมแล้ว ตอนที่เขาป่วยอยู่โรงพยาบาลเกือบ 2 เดือน พ่อนอนอยู่ข้างเตียงเขาทุกวัน พ่อถ่ายละครเสร็จกลับตี 1 มาถึงโรงพยาบาลตี 2 เช้าก็ไปทำงานต่อเป็นอย่างนี้ทุกวัน มาก็ไม่ได้นอนเดี๋ยวเขาก็เรียกจะเข้าห้องน้ำ ก็คอยให้กำลังใจเขา แม่ดีขึ้นแล้วนะเดี๋ยวก็หายแล้ว อย่างตอนนี้ก็มีหน้าที่ดูแลคอยถามเขาว่า อยากกินอะไรเราก็ไปซื้อมา พยายามหาของกินที่เขาชอบมาให้ เพราะต้องการให้เขากินเยอะๆ จะได้อ้วนท้วนเหมือนเดิม”

“พ่อรอง” มีหลักในการดูแลครอบครัวยังไง “คือเราเป็นหัวหน้าครอบครัว เป็นหน้าที่ที่เราปฏิเสธไม่ได้ เราต้องดูแลให้ทุกคนมีความสุขตามอัตภาพ เราจะทุกข์เราจะสุขเราจะเครียด เราจะมีปัญหาอะไร ต้องไม่ให้ทุกคนรู้ ต้องพยายามปรับตัวเองเพื่อให้ทุกคนเห็นว่าเราไม่เหนื่อย เราไม่เครียดเพื่อให้ทุกคนมีความสุข คนในบ้านทุกคนต้องมีความสุข กินได้นอนหลับ มันเป็นหน้าที่ของเราอยู่แล้ว” แล้วอย่างนี้ไม่กดดันตัวเองเหรอคะ “ไม่กดดันนะ เวลาขับรถแหกปากร้องเพลง ถ้าเครียดมาก ๆ ตะโกนโวยวาย ๆ คนเดียวในรถ เมื่อก่อนขับรถเร็วมาก แต่ปัจจุบันก็เบาลงมาเยอะแล้ว เพราะอายุเรามากขึ้น แล้วคิดว่าข้างหลังยังมีคนที่รอเราอยู่อีกเยอะเหลือเกิน”

ยังมีอะไรที่รู้สึกเป็นห่วงและกังวลอีกมั้ยคะ “ก็มีนะอยากให้คุณแม่ของตัวเอง อายุ 86 ปี ที่ไม่สบาย หายดีเป็นปกติ แล้วก็ทุม ถ้าเขาสองคนกลับมาเป็นปกติเหมือนเดิมได้เราก็จะมีความสุข เวลานี้ห่วงทั้งแม่ห่วงทั้งเมียวุ่นไปหมด อีกอย่างหนึ่งก็คือขอให้ทุกคนในครอบครัว รักใคร่กัน มีความสุขตามอัตภาพที่เราควรจะมี เราห่วงอยู่แค่นี้แหละ”

ที่เขาพูดกันว่า ศิลปิน-นักแสดงในสมัยก่อน มีแต่ชื่อเสียงแต่ไม่รวย (ต่างกับนักแสดงยุคนี้..รวยม้าก..มาก) สำหรับ “พ่อรอง” เป็นยังไงคะ “รวยนะ รวยน้ำใจ คือมันต้องมีความภาคภูมิใจที่เราอยู่วงการบันเทิงมานานมาก คนเวลาเจอหน้าเรา ยกมือไหว้เรียกพ่อทุกคน เราไม่ได้บังคับให้เขาเรียก เราก็ต้องมาคิดว่าเขาเรียกเราเพราะอะไร ว่าเราทำตัวยังไง ถ้าเราทำตัวเลวทำตัวไม่ดี เขาคงไม่เรียกเราว่าพ่อ เพราะฉะนั้นก็เป็นความภูมิใจของเรา และเป็นสิ่งยึดเหนี่ยวว่าเอ็งทำเลวไม่ได้นะ เอ็งต้องเป็นตัวอย่างที่ดีให้รุ่นลูกรุ่นหลาน”

มีอะไรจะฝากถึงคนในวงการบันเทิงบ้างมั้ยคะ “อยากให้คนในวงการบันเทิงสามัคคีกัน ไม่มีแบ่งพรรคแบ่งพวก ไม่มีแบ่งค่าย อยากให้ทุกคนสามัคคีกันเหมือนสมัยก่อน เมื่อก่อนไม่มีใครช่องนั้นชั้นช่องนี้ ไม่มี ทุกคนเป็นพรรคพวกกันหมด คนนี้ไปเล่นช่องนั้นได้คนนี้ไปเล่นช่องนี้ได้ แล้วมันอยู่ด้วยการห่วงหาอาทรซึ่งกันและกัน ใครเจ็บไข้ได้ป่วย ทุกคนก็จะเป็นห่วงเป็นใย ทุกข์ร้อนก็ไปดูแลช่วยเหลือกันได้ตามอัตภาพ และที่สำคัญทุกคนรู้กฎกติกามารยาท รู้เลยว่าเขานัดกี่โมง เขานัดแปดโมงมาสิบเอ็ดโมง อันนี้ก็น่าตีเหมือนกันนะ เรื่องเวลาเป็นเรื่องสำคัญ”

“เขาถามทำไมพ่อรองมาทำงานเช้าเหลือเกิน เขานัด 2 โมง โมงครึ่งมาถึงแล้ว บอกพ่ออายุมากแล้วขับรถเร็วเหมือนเมื่อก่อนไม่ได้ กลัวรถมันติดกลัวหลงทาง ออกจากบ้านแต่เช้ามาเรื่อย ๆ ก็ถึงก่อน แล้วบางคนมาสายจะรีบกลับอีก เขานัด 8 โมงมา 11 โมง บ่าย 3 โมงจะไปอีกแล้ว มันไม่ได้ หลาย ๆ อย่าง บางคนมาถึงเขายังไม่ถ่าย ก็บ่นอยู่นั่นแหละ จนเรารำคาญ เราก็ต้องบอกเขา เราก็ต้องเตือนเขาเมื่อไม่มีใครเตือน เราก็ต้องถือโอกาส ส.ใส่เกือกนิดนึง ก็บอกเขาเขาก็ฟัง ตอนหลังก็ดีขึ้น”

เนื้อที่หมดพอดี เสียดายจัง!..จริง ๆ แล้วยังมีเรื่องคุยอีกเยอะ ล้วนให้แง่คิดดี ๆ สำหรับทุกคน เพื่อปรับใช้ในชีวิตอย่างมีคุณค่า.
'ปรางค์ ปิ๊กมี่'

แหล่งที่มาข้อมูล www.dailynews.co.th

0 - ซ่อมคอมพิวเตอร์นอกสถานที่ บางกะปิ 083-792-5426:

แสดงความคิดเห็น

หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น

Blog Archive

Design Downloaded from ซ่อมคอมพิวเตอร์นอกสถานที่ รามคำแหง บางกะปิ | Free Textures | Web Design Resources