วันเสาร์ที่ 4 สิงหาคม พ.ศ. 2555

รองผบ.ตร.ลุยตรวจความพร้อมสอบบรรจุตำรวจเข้ม


วันนี้( 3 ส.ค.)  ที่ มหาวิทยาลัยรามคำแหง 2 บางนา พล.ต.อ พงศพัศ พงษ์เจริญ รอง ผบ.ตร. พล.ต.ท.จรัมพร สุระมณี ผู้ช่วย ผบ.ตร. พล.ต.ท เรืองศักดิ์ จริตเอก ผบช.ศ  พล.ต.ต.ปิยะ อุทาโย โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เดินทางเข้าตรวจสอบความพร้อมสถานที่สอบคัดเลือกบุคคลภายนอกผู้มีวุฒิการ ศึกษามัธยมปลายหรือเทียบเท่าเป็นข้าราชการตำรวจชั้นประทวนปี 2555 ครั้งใหม่ ซึ่งในวันนี้มีการสอบนายสิบตำรวจ สังกัดฝ่ายอำนวยการ หลังจากการสอบแข่งขันครั้งก่อนสามารถจับกุมผู้ทุจริตสอบทั่วประเทศได้หลาย ร้อยราย จนสำนักงานตำรวจแห่งชาติมีคำสั่งให้ผลการสอบเป็นโมฆะ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าการสอบครั้งนี้ เป็นการสอบของสายอำนวยการ และ วันที่ 5 ส.ค. เป็นวันสอบของสายป้องกันและปราบปราม สำหรับกรุงเทพมหานครที่เป็นหน่วยกลางมีสนามสอบเพียงแห่งเดียวคือ มหาวิทยาลัยรามคำแหง 2 วิทยาเขตบางนา มี 13 ห้องสอบ 7 อาคาร โดยผู้สมัครสอบสายอำนวยการทั่วประเทศ 178,645  คน รับ 500 อัตรา สายป้องกันปราบปรามสมัคร 184,000 คน รับ 9,500 อัตรา  โดยการสอบจะเริ่มเวลาเดียวกันทั่วประเทศคือ 14.00 - 16.30 น. แต่จะต้องมาถึงสนามสอบก่อนเวลา 12.00 น. เพื่อเข้ารับการตรวจพิสูจน์บุคคล ทั้งการตรวจบัตรประจำตัว พิมพ์ลายนิ้วมือ โดยจะไม่อนุญาตให้เข้าห้องสอบหลัง 13.30 น. เด็ดขาด มีขั้นตอนการตรวจสอบผู้เข้าสอบ  โดยเริ่มจากเครื่องเอ็กซเรย์ วอล์คทู ซึ่งผู้เข้าสอบต้องแต่งกายตามระเบียบที่กำหนดให้สวมเสื้อยืดแขนสั้นไม่มีปก กางเกงวอร์ม สวมรองเท้ากีฬา และเตรียมบัตรประจำตัวผู้สอบ บัตรประชาชนให้พร้อม  ห้ามนำเครื่องมือสื่อสารและเครื่องมืออิเลคโทรนิกส์ทุกชนิดเข้าห้องสอบเด็ด ขาด เมื่อเดินผ่านเครื่องเอ็กซเรย์แล้ว หากสัญญาณไม่ดังก็เข้าสอบได้ทัน แต่หากมีเสียงสัญญาณดังขึ้น จนท.จะนำเครื่องสแกนตรวจสอบอีกครั้ง หากพบว่ามีโลหะหรือเครื่องมือสื่อสารจะถูกตัดสิทธิการสอบทันที อย่างไรก็ตามเบื้องต้นไม่พบผู้กระทำความผิดแต่อย่างใด

ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่าการสอบครั้งนี้ได้มีการนำอุปกรณ์เทคโนโลยีชนิด ต่างๆ ที่ถูกนำมาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันการทุจริตระหว่างการสอบ  ได้แก่ เครื่องสเปคตรัมอนาลิซิส หรือเครื่องไอทีเอฟ ที่ใช้ตรวจสอบสัญญาณที่มีการส่งเข้ามาภายนอกอาคารสอบ  หากมีคลื่นความถี่แสดงขึ้นมาจะส่งสายตรวจออกไปตรวจสอบทันที เครื่องแจมเมอร์ ที่ใช้ตัดสัญญาณโทรศัพท์ความถี่ 800 900 1800 และ 1900 และเครื่องตัดสัญญาณรีโมทที่ถูกตั้งไว้ตามบริเวณต่างๆ รอบสนามสอบ จากนั้น พล.ต.อ.พงศพัศ  ได้นำสื่อมวลชนเข้าไปตรวจสอบในห้องสอบ โดยทางกรรมการจะสั่งให้ผู้สอบพับขากางเกงถึงหัวเข่า ถอดรองเท้า-ถุงเท้า จากนั้นกรรมการคุมสอบจะอธิบายขั้นตอนและระเบียบขณะอยู่ในห้องสอบให้ผู้เข้า สอบทราบ และให้พิมพ์ลายนิ้วมือพร้อมเซ็นชื่อกำกับเพื่อใช้ป้องกันการเข้าสอบแทนกัน รวมทั้งเป็นการพิสูจน์เอกลักษณ์บุคคล ระหว่างการสอบจะมีกรรมการถือเครื่องตรวจโลหะเดินวนรอบแถวที่นั่งสอบตลอดเวลา ประมาณ 9-10 คนต่อห้อง ทั้งนี้ระหว่างการตรวจกรรมการผู้คุมสอบจะสั่งให้ผู้เข้าสอบพักการทำข้อสอบ ด้วยการให้ยืนขึ้นเป็นระยะๆ แล้วกอดอกยืนนิ่งๆ ราว 2-3 นาที เนื่องจากหากมีการส่งสัญญาณเข้ามาจากภายนอก จะเป็นการรบกวนไม่ให้ผู้เข้าสอบจดจำสัญญาณได้  อย่างไรก็ตาม ระหว่างการสอบนั้น ทางกรรมการจะไม่อนุญาตให้ผู้เข้าสอบไปเข้าห้องน้ำเด็ดขาด แต่หากจำเป็นจริงๆ จะมี รปภ.เป็นคนเดินประกบพาไปตัวต่อตัว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างที่ พล.ต.อ.พงศพัศ ได้พาคณะสื่อมวลชนตรวจความเรียบร้อยได้มี น.ส.สุภาภรณ์ ดินดำ ชาวจังหวัดเชียงใหม่ ได้เข้ามาร้องเรียน หลังจากที่เดินทางมาผิดสนาม โดย น.ส.สุภาภรณ์ กล่าวว่า เดินทางมาจากเชียงใหม่ตั้งแต่ช่วงบ่ายของวันที่ 2 ส.ค. ที่ผ่านมา หลังจากตรวจสอบสนามสอบในเว๊ปไซต์ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติว่าการสอบใหม่ ครั้งนี้คือสนามสอบมหาวิทยาลัยรามคำแหง 2 วิทยาเขตบางนา แต่เมื่อมาถึงก็ตรวจสอบว่าผังที่นั่งก็ปรากฏว่าไม่มีรายชื่อของตนปรากฏอยู่ สนามสอบที่ มหาวิทยาลัยรามคำแหง แต่ไปปรากฏที่สนามสอบที่ จ.ลำปาง ซึ่งเป็นสนามสอบเดิมจากครั้งที่แล้ว อย่างไรก็ตามทาง รองผบ.ตร.ได้ทำการอนุโลมให้ น.ส.สุภาภรณ์ทำการสอบได้ที่สนามสอบนี้ได้   เนื่องจากเป็นความเข้าใจผิดกัน

 พล.ต.อ.พงศพัศ กล่าวว่า ในวันนี้มีผู้เข้าสอบกว่า 178,645 คน จากทั่วประเทศ โดยวางแผนป้องกันการทุจริตการสอบในครั้งนี้ด้วยการจัดให้มีการสอบสถานที่ เดียว  มีห้องสอบประมาณ 2,800 ห้องเพื่อให้การควบคุมมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น  นอกจากนี้ยังนำเทคโนโลยีที่ทันสมัยเข้ามาตรวจสอบ  ตั้งแต่ก่อนเข้าห้องสอบไปจนถึงขณะทำข้อสอบ  เชื่อว่าจะป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบเดิมขึ้นมาอีก ส่วนสาเหตุที่เลือกสถานที่สอบเป็นที่มหาวิทยาลัยรามคำแหง 2 วิทยาเขตบางนา เป็นสถานที่สอบกลางนั้น เพราะการสอบครั้งที่ผ่านมามีการจัดสถานที่สอบมากเกินไปจึงไม่สามารถควบคุม การทุจริตได้ทั่วถึง แต่ในครั้งนี้มีสถานที่สอบเพียงแห่งเดียว จะช่วยให้ระบบป้องกันการทุจริตด้วยอุปกรณ์เทคโนโลยีทำได้ทั่วถึง

 รองผบ.ตร. กล่าวต่อว่า สำหรับปัญหาการทุจริตโดยการเข้าสอบแทนกันนั้น ในการสอบครั้งนี้ได้เพิ่มมาตรการในการพิมพ์ลายนิ้วมือของผู้เข้าสอบแต่ละคน สามารถนำไปใช้ตรวจสอบเอกลักษณ์บุคคลหลังการสอบต่อได้  และยังติดตั้งกล้องวงจรปิดบันทึกภาพผู้เข้าสอบไว้ตลอดเวลา  รวมทั้งมีการคุมเข้มเรื่องการออกข้อสอบเพื่อป้องกันข้อสอบรั่วไหลซี่งข้อสอบ มีทั้งหมด8ชุด ทั้งหมก 120ข้อ แบ่งเป็น3หมวดโดยแต่ละหมวดนั้นจะมีจำนวน40ข้อ และมีการคละหน้า คละหมวด คละข้อ คละชุดและในการสอบครั้งนี้หวังว่าให้อยากเป็นครั้งสุดท้ายเพราะสงสารผู้ที่ เข้าสอบนั้นต้องเดินทางมาจากทั่วประเทศจากเหนือสุดถึงใต้สุดของประเทศ ค่าใช้จ่ายในแต่ละครั้งนั้นไม่ใช่น้อยๆจึงอยากให้การสอบครั้งนี้เป็นครั้ง ท้ายเพื่อไม่อยากให้ผู้ที่ทำข้อสอบอย่างตั้งใจไม่ต้องมาเสียเวลากำคนที่โกง การสอบอีก อย่างไรก็ตามทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติมีความจำเป็นต้องตัดสิทธิ์ผู้สอบครั้ง ที่ผ่านมามีจำนวน535 คน เนื่องจากพบว่ามีการทุจริต

ด้าน พล.ต.ท.จรัมพร กล่าวว่า  การป้องกันการทุจริตในครั้งนี้จะเริ่มตั้งแต่กระบวนการออกข้อสอบด้วยการใช้ คอมพิวเตอร์ชุดใหม่ทั้งหมดที่ไม่มีช่องต่อสายสัญญาณ ผู้ออกข้อสอบต้องถูกตรวจสอบด้วยเครื่องเอ็กซเรย์ว่ามีการนำเครื่องอัดเทป หรือโทรศัพท์มือถือเข้าไปหรือไม่ ในขั้นตอนการพิมพ์  ผู้พิมพ์จะต้องถูกตรวจสอบเช่นเดียวกันเพื่อป้องกันข้อสอบรั่วไหล สำหรับผู้เข้าสอบกับผู้คุมสอบจะถูกตรวจสอบด้วยเครื่องสแกนเช่นเดียวกันเพื่อ ป้องกันไม่ให้มีอุปกรณ์ในการทุจริตหลุดเข้าไปเด็ดขาด  ส่วนเครื่องสเปคตรัมอนาลิซิสที่ใช้ตรวจจับสัญญาณที่ถูกส่งมาจากภายนอกนั้น หากตรวจพบสัญญาณ จะมีหน่วยเคลื่อนที่เร็วออกไปตรวจสอบทิศทางทันทีว่าส่งมาจากจุดไหน เพื่อติดตามตัวผู้ต้องสงสัยต่อไป

ศูนย์สืบสวนนครบาล จับผู้ต้องหาปลอมแปลงเอกสารเช่าซื้อรถ


วันนี้(3 ส.ค.) พ.ต.ท. อรรถพร  สุริยเลิศ  รองผกก.กก.2 บก.สส.บช.น. ร.ต.ท. ณัฐพงศ์  วิจิตรพันธ์  รอง สว.สส. ร่วมกันจับกุม น.ส.สุภาพร  ชุ่มดวงใจจิต หรือเกต อายุ30 ปี  1/ 7  หมู่  18 ต.คูคต จ.ปทุมธานี ตามหมายจับศาลอาญาธนบุรี  เลขที่ 460 /2555 ลง 3 ส.ค. ของท้องที่ สน.เพชรเกษม ในข้อหา  ข้อหาร่วมกันฉ้อโกง โดยแสดงตนเป็นคนอื่น  ร่วมกันปลอมและใช้  เอกสาร ปลอมร่วมกันเอาไปเสียซึ่งบัตรของผู้อื่นเพื่อประโยชน์สำหรับตนเองหรือผู้ อื่นโดยมิชอบ
โดยจับกุมได้ที่ ใต้อาคาค  พงศธร แมนชั่น ซอยลาดพร้าว  41  แขวงจตุจักร เขตจตุจักร  หลังจากได้รับการประสานจากเจ้าหน้าที่ ตำรวจ สน.เพชรเกษมว่า ได้รับแจ้งจาก พนักงานของธนาคารธนชาติ ว่าได้ถูก น.ส.สุภาพร  หลอกลวงให้อนุมัติให้สินเชื่อเพื่อใช้ในการเช่าซื้อรถ โดยผู้ต้องหาได้ มีการปลอมแปลงเอกสารรายการเดินบัญชีปลอมเพื่อยื่นให้ธนาคารอนุมัติสินเชื่อ นอกจากนี้จาการสืบทรายยังพบว่า  น.ส.สุภาพร ได้เคยถูกแจ้งความดำเนินคดีในความผิดฐานปลอมแปลงเอกสารคดีฉ้อโกงอีกเป็น จำนวนมาก ในหลายท้องที่
จากการสอบสวนน.ส.สุภาพร ให้การว่า  ทำธุรกิจเกี่ยวกับจำหน่ายสุนัข  ซึ่งก่อนหน้าถูกจับกุม น.ส.สุภาพรได้ลงประกาศทางเว็บไซด์แห่งหนึ่งว่า รับปรึกษาการขอสินเชื่อต่างๆ ในการซื้อรถก่อนจะได้รับการติดต่อจากผู้เสียหาย โดยหลังจากได้มีการพูดคุยผู้เสียหายก็ได้ส่งเอกสารไปให้ น.ส.สุภาพร  เพื่อตรวจสอบและดำเนินการขอสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ ทั้งสิ้น 3 คัน แต่ผู้เสียหายอ้างว่า ยังไม่ได้รับรถยนต์  ซึ่งเบื้องต้นผู้ต้องหาให้การปฏิเสธว่าไม่ได้มีการปลอมแปลงเอกสารแต่อย่างใด เอกสารที่ยื่นกับทาธนาคารนั้นถูกต้องน่าจะเป็นการเข้าใจผิด  ส่วนรถที่ผู้เสียหายอ้างว่ายังไม่ได้รับนั้นรถไม่ได้อยู่กับตนแต่มีคนเอาไป คือ น.ส.ลดาวัลย์ ซึ่งเป็นคนที่ผู้เสียหายไหว้วานให้มารับรถแทน ตนเป็นเพียงผู้แนะนำให้รู้จักกันเท่านั้นซึ่งผู้เสียหายก็ยินยอมที่จะให้ น.ส.ลดาวัลย์ มารับแทนเอง ส่วนจะได้รถหรือไม่นั้นก็ไม่ทราบ  เบื้องต้นเจ้าหน้าที่จึงนำตัวส่งพนักงานสอบสวน สน.เพชรเกษมดำเนินคดีต่อไปพร้อมทั้งจะติดตามจับกุมน.ส.ลดาวัลย์ ที่ผู้ต้องหาอ้างถึงมาสอบสวนอีกครั้ง.

สรุปสาวปริญญาโทผูกคอตายเอง


วันนี้( 3 ส.ค.) พ.ต.ท.เสน่ห์  วันทอง  สว.สส.สน.สุทธิสาร เปิดเผยความคืบหน้ากรณี น.ส.เกศรา พนมศักดิ์ อายุ 28 ปี นักศึกษาปริญญาโท  ผูกคอตัวเองเสียชีวิตภายในห้องเลขที่ 806  ชั้น 8 แมนชั่นแห่งหนึ่ง ในซอยอินทามระ 22 แขวงและเขตดินแดง กทม.  ว่า จากการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน เบื้องต้นคาดว่าเป็นการฆ่าตัวตายเนื่องจากไม่พบร่องรอยการต่อสู้ รวมถึงจากการตรวจสอบกล้องวงจรปิดก็ยังไม่พบผู้ที่จะเป็นคนลงมือสังหารผู้ตาย แต่อย่างใด   แต่อย่างไรก็ตามจะต้องรอผลการผ่าพิสูจน์จากแพทย์นิติเวชมายืนยันเสียอีก ครั้งจึงจะทราบสาเหตุการเสียชีวิตที่แท้จริง โดยผลคาดว่าจะออกอย่างเร็วที่สุดภายในวันจันทร์นี้
ส่วนเรื่องการสอบปากคำญาติและผู้ที่เกี่ยวข้องนั้นทาง พนักงานสอบสวนได้ทำการนัดญาติมาให้การแล้วซึ่งอยู่ระหว่างการให้ปากคำ  จะต้องใช้เวลาอีกสักระยะในการรวบรวมพยานหลักฐานเสียก่อนจึงสามารถสรุปสำนวน คดีได้

รวบโจ๋วัย 16 ปี ก่อเหตุฆ่าปาดคอพี่เลี้ยงร่างทรง


วันนี้ (3 ส.ค.) พ.ต.อ.สมชาย  ซื่อต่อตระกูล  ผกก.สภ.เมืองตรัง  พ.ต.ท.เมธี  จันทร์งาม  รองผกก.สส.สภ.เมืองตรัง  พ.ต.ต.หญิง สุชาดา  กัวหา สารวัตรพิสูจน์หลักฐานจังหวัดตรัง  และเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน อีกจำนวนหนึ่ง  ได้ร่วมกันรวบรวมพยานหลักฐานและรุดลงพื้นที่กดดันกลุ่มผู้ต้องหา ในที่สุดญาติผู้ต้องหาได้นำตัวมือมีดที่ก่อเหตุคดีสะเทือนขวัญฆ่าปาดคอนายก ษิลิษฐ์  ฐปนวัฒน์ หรือ โกตี๋ อายุ 42 ปี เป็นพี่เลี้ยงร่างทรง ที่ภายในห้องเช่าเลขที่ 25/36 หลังวัดนิโครธ ตำบลทับเที่ยง อำเภอเมือง จังหวัดตรัง  เหตุเกิดเมื่อเวลา 23.30 น. วันที่ 1 ส.ค.55 ที่ผ่านมา ทราบชื่อคือ นายเอ็ม (นามสมมุติ) อายุ 16 ปี  ชาวตำบลทับเที่ยง อ.เมือง จ.ตรัง  ซึ่งเป็นเยาวชนชายรูปร่างหน้าตาดี กำลังเรียนในสถานศึกษามีชื่อดังแห่งหนึ่งในพื้นที่ของจังหวัดตรัง
พ.ต.ท.เมธี  เปิดเผยว่า  ทั้งนี้หลังจากรับมอบตัวก็ได้ทำการนำตัวนายเอ็มไปค้นหาอาวุธมีดที่ใช้แทงนา ยกษิลิษฐ์ฯจนเสียชีวิต  ซึ่งหลังจากนายเอ็มก่อเหตุก็ได้นำอาวุธมีดไปทิ้งไว้ในพื้นที่พงหญ้าข้าง ทางบริเวณไม่ไกลจากจุดเกิดเหตุ   โดยทางเจ้าหน้าที่ตำรวจพิสูจน์หลักฐานได้ใช้เครื่องตรวจับวัตถุโลหะค้นหา อาวุธมีดอยู่นานกว่าหนึ่งชั่วโมง  แต่กลับไม่พบอาวุธมีดดังกล่าว  ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงนำตัวนายเอ็มฯกลับมาสอบปากคำที่ สภ.เมืองตรัง รับสารภาพว่า  ใช้อาวุธมีดพกมีลักษณะคล้ายกริซแทงนายกษิลิษฐ์ จนเสียชีวิตจริง
เบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้แจ้งข้อกล่าวหาว่า  ฆ่าผู้อื่นตายโดยเจตนา  ก่อนที่จะควบคุมตัวผู้ต้องหาส่งมอบให้ ร.ต.อ.มนตรี ไชยมล ร้อยเวรฯสภ.เมืองตรัง  ซึ่งหลังจากนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจร่วมกับอัยการ นักจิตวิทยา นักสังคมสงเคราะห์ และทนายความ  เพื่อจะสอบสวนและดูแลเด็กอย่างใกล้ชิด ว่าสาเหตุที่ลงมือกระทำนั้นเนื่องจากสาเหตุใด  เพื่อจะดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป.

รอผลพฐ.สรุปสาเหตุเพลิงผลาญชุมชนบ้านครัวใต้วอด


จากกรณีเมื่อช่วงกลางดึกวันที่ 1 ส.ค.ที่ผ่านมา เกิดเหตุเพลิงไหม้ภายในชุมชนบ้านครัวใต้ ถนนบรรทัดทอง แขวงรองเมือง เขตปทุมวัน จนมีบ้านเรือนถูกเพลิงไหม้เสียหายกว่า 20 หลังคาเรือน เนื่องที่เกิดเหตุเป็นชุมชนแออัดคับแคบ ทำให้การเข้าสกัดเพลิงเป็นไปด้วยความยากลำบาก ซึ่งหลังเพลิงสงบ เจ้าหน้าที่พบว่า บ้านต้นเพลิงเป็นบ้านไม้ทรงไทย 2 ชั้น อายุเก่าแก่กว่า 200 ปีที่อยู่ระหว่างประกาศขายในราคา 20 ล้าน แต่ยังไม่มีใครกล้าซื้อเนื่องจากมีเสียงร่ำลือเรื่องอาถรรพ์ ตามข่าวที่เสนอไปแล้วนั้น
วันนี้( 3 ส.ค.) พ.ต.อ.เทียนชัย คามะปะโส ผกก.สน.ปทุมวัน เปิดเผยถึงความคืบหน้าคดีดังกล่าวว่า หลังเกิดเหตุพนักงานสอบสวนได้ทำการสอบปากคำพยานไปแล้วหลายปากด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นชายวัย 28 ปี กับหญิงอีก 1 คน ซึ่งมีอาการป่วยทางประสาททั้งคู่ และพักอาศัยอยู่ในบ้านต้นเพลิง รวมทั้งเพื่อนบ้าน ประธานชุมชน มาสอบปากคำแล้ว ทั้งหมดก็ให้การไปในทำนองเดียวกันว่า เห็นประกายไฟเกิดขึ้นที่แผงสวิตช์ไฟด้านหลังบ้าน ก่อนจะเกิดเปลวไฟลุกลามไปอย่างรวดเร็ว แต่อย่างไรก็ตามทางพนักงานสอบสวนต้องรอผลการตรวจจุดเกิดเหตุจากเจ้าหน้าที่ กองพิสูจน์หลักฐานเป็นหลักว่า สาเหตุของเพลิงไหม้นั้นเกิดจากอะไร ซึ่งคาดว่าน่าจะใช้เวลาประมาณ 2 สัปดาห์จึงจะรู้ผลว่าสาเหตุเกิดจากอะไร ก่อนจะนำมาประกอบสำนวนต่อไป

เชื่อสัปดาห์หน้ามีข่าวดีคดียิงเด็กแว้นตายหน้าจุฬาฯ


จากกรณีที่เมื่อช่วงเช้ามืดวันที่ 30 ก.ค.ที่ผ่านมา นายสิทธิกร สังฆกรรม อายุ 16 ปี ถูกคนร้ายยิงใส่ขณะซ้อนท้ายรถจยย.ของเพื่อนที่บริเวณมหาวิทยาลัยเทคโนโลยี ตะวันออก วิทยาเขตอุเทนถวาย จนไปเสียชีวิตที่ริมถนนพญาไท ด้านหน้าประตูใหญ่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย แขวงวังใหม่ เขตปทุมวัน โดยเบื้องต้นเจ้าหน้าที่สันนิษฐานว่า สาเหตุอาจจะเกิดจากถูกเด็กแว้นกลุ่มใหญ่ที่แยกปทุมวันตามมาไล่ยิง หรืออาจขี่รถส่งเสียงดังจนสร้างความเดือดร้อนรำคาญให้กับคนย่านนั้นจนมีผู้ ไม่พอใจชักปืนยิงใส่ โดยหลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ได้ติดตามตัวผู้ต้องสงสัยซึ่งเป็นศิษย์เก่าของอุ เทนถวาย 2 คน ที่นั่งอยู่ในโรงอาหารของสถาบันมาตรวจคราบเขม่าดินปืน ตามข่าวที่เสนอไปแล้วนั้น
ล่าสุดวันนี้( 3 ส.ค.) พ.ต.อ.เทียนชัย คามะปะโส ผกก.สน.ปทุมวัน กล่าวถึงความคืบหน้าคดีดังกล่าวว่า ขณะนี้ทางฝ่ายสืบสวนของ สน.ปทุมวัน ได้ประชุมร่วมกับเจ้าหน้าที่กก.สส.บก.น.6 เพื่อแบ่งงานกันทำเพื่อช่วยกันสืบสวนหาตัวคนร้ายแล้ว ซึ่งทาง กก.สส.บก.น.6 กำลังตรวจสอบกล้องวงจรปิดในละแวกจุดเกิดเหตุเพิ่มเติมอยู่ ส่วนผู้ต้องสงสัยซึ่งเป็นศิษย์เก่าของอุเทนถวาย 2 คน ที่เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนของสน.ปทุมวัน ไปพบว่ากำลังนั่งอยู่ในโรงอาหารของสถาบันในช่วงเช้ามืดหลังเกิดเหตุ และได้ประสานให้ทางเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานมาตรวจเก็บเขม่าดินปืนไป ตรวจสอบนั้น ขณะนี้ทางพนักงานสอบสวนกำลังรอผลการตรวจคราบเขม่าดินปืนอยู่
ด้าน พ.ต.อ.สันติ ชัยนิรามัย ผกก.สส.บก.น.6 กล่าวว่า ขณะนี้่ทาง ฝ่ายสืบสวน กก.สส.บก.น.6 กำลังเร่งรวบรวมพยานหลักฐานในคดีนี้ให้ได้มากที่สุด โดยประเด็นนั้นก็เชื่อว่าคนร้ายที่ยิงไม่น่าจะมีเรื่องโกรธแค้นกับผู้ตายแต่ อย่างใด แต่น่าจะรำคาญกลุ่มเด็กแว้นที่ขับขี่อยู่ในบริเวณดังกล่าวถึง 40-50 คัน จึงใช้อาวุธปืนยิงใส่ ส่วนเรื่องกล้องวงจรปิดนั้น ขณะนี้ก็ได้เพิ่มเติมมาบ้างแล้ว เชื่อว่าสัปดาห์หน้าน่าจะมีข่าวดี

“พงศพัศ” เผยสอบตำรวจวันแรกไม่มีทุจริต


วันนี้( 3 ส.ค.) ที่ศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ รอง ผบ.ตร.ในฐานะประธานคณะกรรมการจัดสอบบุคคลภายนอกเข้าเป็นตำรวจชั้นประทวน หรือนายสิบตำรวจประจำปี 2555 กล่าวภายหลังการประชุมสรุปสถานการณ์สอบทั่วประเทศว่า วันนี้เป็นการสอบในสายอำนวยการ โดยมีทั้งหมด 37 สนามสอบ ผู้มีสิทธิ์สอบมีจำนวน  138,645 คน โดยใช้ห้องสอบ 2,802 ห้อง ซึ่งการสอบสายอำนายการนั้น รับบรรจุเพียง 500 อัตราเท่านั้น ซึ่งหลังจากได้สอบถามสรุปภาพรวมจากกองบัญชาการในแต่ละภาคแล้ว ไม่พบการทุจริตการสอบแต่อย่างใด รวมถึงเครื่องมือตัดสัญญาณไม่พบว่ามีสัญญาณแทรกแซง ฉะนั้นขอยืนยันว่าการสอบในวันนี้ ไม่พบพฤติการณ์ที่ส่อไปในทางทุจริต 100% ซึ่งในวันที่ 5 ส.ค.ที่จะมีการสอบสายป้องกันและปราบปราม ก็คงใช้มาตรเช่นในวันนี้ โดยขณะนี้ยังมีการกักตัวอาจารย์ผู้ออกข้อสอบไว้อยู่ และหลังจากสอบเสร็จแล้ว จะมีการเก็บกระดาษข้อสอบใส่กล่องไว้อย่างรัดกุม ถ้าหากการสอบทั้ง 2 วัน ไม่มีการพบการทุจริต ก็จะตรวจสอบข้อสอบตามปกติ และจะประกาศผลสอบให้เร็วที่สุด
พล.ต.อ.พงศพัศ กล่าวว่าจากการฟังสรุปภาพรวมการสอบจากทั่วประเทศนั้น แต่ละกองบัญชาการได้สรุปในส่วนของผู้เข้าสอบว่า ในพื้นที่สนามสอบ บช.ภ.1 ผู้มีสิทธิ์สอบ 14,362 คน ขาดสอบ 6,839 คน , บช.ภ.2 ผู้มีสิทธิ์สอบ 10,719 คน ขาดสอบ 4,866 คน , บช.ภ.3 ผู้มีสิทธิ์สอบ 16,744 คน ขาดสอบ 7,407 คน , บช.ภ.4 ผู้มีสิทธิ์สอบ 17,673 คน ขาดสอบ 6,641 คน , บช.ภ.5 ผู้มีสิทธิ์สอบ 15,274 คน ขาดสอบ 5,673 คน , บช.ภ.6 ผู้มีสิทธิ์สอบ 10,853 คน ขาดสอบ 4,074 คน , บช.ภ.7 ผู้มีสิทธิ์สอบ 14,608 คน ขาดสอบ 7,114 คน , บช.ภ.8 ผู้มีสิทธิ์สอบ 19,000 คน ส่วนจำนวนตัวเลขผู้ขาดสอบยังอยู่ระหว่างการตรวจสอบ
รองผบ.ตร. กล่าวต่อว่า  การสอบครั้งที่แล้วมีผู้ขาดสอบประมาณ 20% ส่วนการสอบครั้งนี้มีผู้ขาดสอบเป็นจำนวนมากกว่า 40% นั้น ซึ่งทั้ง 2 ครั้งมีความแตกต่างกัน เนื่องจากการสอบครั้งที่แล้ว มีการรวมการสอบทั้ง 2 สาย คือ สายอำนวยการและป้องกันปราบปราม ซึ่งประเด็นที่ที่ทำให้มีผู้ขาดสอบในวันนี้เป็นจำนวนมาก ส่วนหนึ่งอาจจะเป็นเพราะการถอดใจไปเองของผู้สมัครสอบ เนื่องจากเห็นว่ามีผู้สมัคร 1 แสนกว่าคน แต่มีการรับเพียง 500 อัตราเท่านั้น รวมถึงอีกส่วนหนึ่งเชื่อว่า จากการที่เจ้าหน้าตำรวจมีการกวดขันการทุจริตการสอบอย่างเข้มข้นด้วย ซึ่งอาจเป็นไปได้ว่า  ผู้ที่ขาดสอบอาจะเป็นส่วนหนึ่งของขบวนการที่ทุจริตในครั้งที่แล้ว ไม่กล้าเข้ามาสอบในวันนี้

เตรียมออกหมายจับยิงเด็กแว้นหน้าอุเทนถวาย


กรณีนายสิทธิกร (สงวนนามสกุล)  อายุ 16 ปี ถูกคนร้ายยิงใส่ขณะซ้อนรถจยย.เพื่อนที่บริเวณมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีตะวันออก วิทยาเขตอุเทนถวาย ไปเสียชีวิตริมถนนพญาไท หลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ได้ติดตามตัวผู้ต้องสงสัยเป็นศิษย์เก่าอุเทนถวาย 2 คนที่นั่งอยู่ในโรงอาหารของสถาบันมาตรวจคราบเขม่าดินปืนนั้น
วันนี้ (4 ส.ค.) พ.ต.อ.เทียนชัย คามะปะโส ผกก.สน.ปทุมวัน เปิดเผยว่า ขณะนี้ฝ่ายสืบสวนสน.ได้ประชุมร่วมกับกก.สส.บก.น.6 แบ่งงานกันติดตามตัวคนร้ายที่ก่อเหตุดังกล่าวคืบหน้าไปมาก อีกทั้งจากการ ตรวจสอบกล้องวงจรปิดได้ข้อมูลเพิ่มเติมบางส่วน ยังต้องรอผลตรวจคราบเขม่าดินปืนผู้ต้องสงสัยทั้ง 2 รายอีกครั้ง
รายงานข่าวแจ้งว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่ทราบคนร้ายที่ก่อเหตุแล้วมี 3-4 ราย  เตรียมขออนุมัติศาลออกหมายจับแต่ยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้เนื่องจาก อาจทำให้เสียรูปคดี นอกจากนี้สภ.เมืองนนทบุรีได้ประสานขอข้อมูลเหตุดังกล่าวด้วยเพราะอาจเชื่อม โยงกับเหตุคนร้ายใช้ปืนขนาด 9 มม.ขับขี่รถจยย.ฮอนด้า  รุ่นซีบีอาร์  สีดำไม่ทราบหมายเลขทะเบียน  ซ้อน 2 สวมหมวกกันน๊อกเต็มใบประกบยิง นายอภิชาติ  คุ้มเกรง  อายุ 25 ปี นักศึกษาช่างกลปทุมวันถูกยิงเสียชีวิต และนายณัฐพล  ประกาศเกตุการ  อายุ 22 ปี ได้รับบาดเจ็บสาหัส ริมถนนพิบูลสงคราม  ต.สวนใหญ่ อ.เมือง จ.นนทบุรี เมื่อกลางดึกวันที่ 2 ส.ค.ที่ผ่านมา.

อดีตสจ.พิจิตรแจ้งความอ้างลูกชายถูกไฮโซ-อดีตดาราดังทำร้าย


เมื่อเวลา11.30น.วันนี้ (2 ส.ค.) ที่สน.พหลโยธิน นายอาดิษฐ กัลยาณมิตร อดีต สจ.จ.พิจิตร พร้อมด้วย นายสมิต กัลยาณมิตร อายุ19 ปี บุตรชาย อยู่บ้านเลขที่ 363/1 ซ.พหลโยธิน26 แขวงจอมพล เขตจตุจักร เดินทางเข้าพบ พ.ต.อ.ชาตรี กาญจนกัญติ ผกก.สน.พหลโยธิน เพื่อเข้าแจ้งความเพิ่มเติมกรณีที่บุตรชายตน ถูก นายสรณัฐ หรือเบียร์ มัสยวาณิช อดีตดาราดัง ข่มขู่กรรโชกทรัพย์ทางอินเตอร์เน็ต หลังจากที่นายสรณัฐ เมาแล้วอาละวาด ในงานเลี้ยงภายในกลุ่มเพื่อนศิษย์เก่า โรงเรียนนานาชาติชื่อดังแห่งหนึ่ง  ที่บ้านพักภายใน ซอยจันทรเจริญสุข ตรงข้ามเซ็นทรัลลาดพร้าว แล้วทำร้ายร่างกายคนในงานพร้อมทั้งกรีดรถหรูและหักโลโก้ตราเบนซ์ ก่อนขับรถหลบหนีไป โดยหลังเกิดเหตุฝ่ายผู้เสียหายได้เข้าแจ้งความไว้เป็นหลักฐาน กับ พ.ต.ท.วีระ งามเลิศ พงส.สบ.3 ตั้งแต่กลางดึกของวันที่27กค.ที่ผ่านมา

เบื้องต้น นายสมิต ได้เล่าถึงเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นว่า ก่อนเกิดเหตุเมื่อเย็นวันที่ 27 กค.ที่ผ่านมา ตนพร้อมเพื่อนประมาณ 18 คนที่เป็นศิษย์เก่า โรงเรียนนานาชาติ และบางคนกำลังศึกษาอยู่ที่อังกฤษรวมทั้งตนด้วย โดยพวกตนได้นัดกันไปจัดงานปาร์ตี้ที่บ้านเพื่อนคนหนึ่งในกลุ่ม ที่อยู่ภายใน ซอยจันทรเจริญสุข และเพื่อนคนหนึ่งในกลุ่มที่เป็นหญิง ชื่อ น.ส.สิโมนา ก็ได้พาแฟนหนุ่ม ที่ชื่อนายสรณัฐหรือเบียร์ มาด้วย ซึ่งขณะที่กำลังดื่มกินกันอย่างสนุกสนาน มีเพื่อนอีกคนในกลุ่มได้เดินเข้าไปจับที่ผมของ น.ส.สิโมนา เพื่อทักว่าไปทำสีผมมาใหม่ ทำให้นายเบียร์ ไม่พอใจ และเข้าไปต่อว่ากัน จากนั้นนายเบียร์ที่มีอาการมึนเมาได้ ให้เพื่อนคนดังกล่าวมาขอโทษ โดยบังคับให้กราบเท้า ทำให้เกิดการไม่ยอมกันขึ้น จึงทำให้นายเบียร์ไม่พอใจเริ่มหาเรื่องกับคนในงาน แต่ละคนจึงเดินหนีเพราะไม่อยากมีเรื่อง จนกระทั่งใกล้ตีสอง นายเบียร์จึงเดินทางกลับ ซึ่งก่อนกลับ ที่บริเวณหน้าบ้าน นายเบียร์ได้ หาเรื่องชกต่อยอีกครั้งกับคนในกลุ่ม จนตนต้องเข้าไปห้ามก่อนที่นายเบียร์ จะหันมาใช้กำลังทำร้ายตน โดยบีบและข่วนเข้าที่ลำคอ แผ่นหลัง ทั้งพร้อมชกต่อย ฉีกทึ้้งเสื้อตนจนขาด ก่อนที่จะหันไปทำลายข้าวของโดยกรีดรถหรู ยี่ห้อ แฮมเมอร์ รุ่นเอช3สีดำของตน และหักโลโก้ รถเบนซ์ของเพื่อนตนเสียหายจนหนำใจ จึงเดินทางกลับไปพร้อมแฟนสาว

หลังจากนั้น ตนพร้อมเพื่อนจึงเดินทางมาแจ้งความที่ สน.พหลโยธิน ในคืนเดียวกันแต่หลังจากนั้นไม่นาน ตนและเพื่อน ในกลุ่มบางคน ได้รับข้อความทางโทรศัพท์มือถือ ทำนองข่มขู่เรียกเอาเงินตั้งแต่15,000 บาท จนถึง5แสน บาท หากไม่ให้ก็จะทำร้ายคนในครอบครัวให้ได้รับอันตราย ก่อนที่ตนจะเข้าปรึกษาบิดา และทำการเช็คเบอร์ดังกล่าวก่อนที่จะตัดสินใจติดต่อเจ้าหน้าที่ขอเข้าแจ้ง ความเพิ่มเติม

ด้าน นายอาดิษฐ อดีต สจ.พิจิตร พ่อของนายสมิต เปิดเผยว่า ที่เดินทางเข้าแจ้งความเพิ่มเติมในวันนี้ เนื่องจากรับไม่ได้กับพฤติกรรมการข่มขู่คนในครอบครัว ซึ่งในครั้งแรกเมื่อบุตรชายตนมาเล่าก็ไม่ได้สนใจ เนื่องจากคิดว่าเป็นเรื่องเด็กๆทะเลาะกัน แต่เมื่อมาเจอข้อความทางโทรศัพท์ว่ามีการข่มขู่ ตนจึงติดสินใจเข้าแจ้งความเพิ่มเพื่อให้ดำเนินการตามกฎหมายต่อไป เนื่องจากตอนนี้บุตรชายตนไม่ยอมที่จะกลับไปเรียนที่ประเทศอังกฤษต่อ เพราะไม่มั่นใจความปลอดภัยคนในครอบครัว

ภายหลัง พ.ต.อ.ชาตรี ผกก.สน.พหลโยธินกล่าวว่า เบื้องต้นได้สั่งการให้ พ.ต.ท.วีระ งามเลิศ พนักงานสอบสวนเจ้าของคดี ทำการสอบปากคำผู้เสียหายอย่างละเอียดอีกครั้งพร้อมทั้งจะติดต่อผู้ถูกกล่าว หามาสอบปากคำภายหลัง ก่อนที่จะมีการแจ้งข้อกล่าวหาตามขั้นตอนต่อไป

เตรียมเรียก "เบียร์" สอบปากคำ 6 ส.ค. นี้


กรณีนายสมิต กัลยาณมิตร อายุ 19 ปี ลูกชายอดีต สจ.พิจิตร หลานชาย พล.อ.สพรั่ง กัลยาณมิตร อดีตรองปลัดกระทรวงกลาโหม  เข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สน.พหลโยธิน หลังอ้างว่าถูกนายสรณัฐ มัสยวาณิช หรือเบียร์ อดีตดาราทำร้ายร่างกายและข่มขู่กรรโชกทรัพย์ เนื่องจากมีปากเสียงกันในงานปาร์ตี้ที่บ้านเพื่อน ภายในซอยจันทรเจริญสุข ตรงข้ามเซ็นทรัลลาดพร้าว เมื่อคืนวันที่ 27 ก.ค. ที่ผ่านมา ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น

ความคืบหน้า วันนี้( 3 ส.ค.)  พ.ต.อ.ชาตรี กาญจนกันติ ผกก.สน.พหลโยธิน เปิดเผยว่า ได้สั่งการให้พนักงานสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐาน โดยการตรวจสอบได้แก่การตรวจสอบเช็คประวัติของผู้ถูกกล่าวหาแล้วนำมาให้ผู้ เสียหายยืนยัน ก่อนที่จะออกหมายเรียกผู้ถูกกล่าวหามาให้ปากคำที่ สน.พหลโยธิน ต่อไป อย่างไรก็ตามคดีนี้ต้องรอการสอบปากคำทั้งสองฝ่ายอย่างละเอียดก่อน จึงจะสามารถสรุปแนวทางของคดีได้ เพราะขณะนี้ก็มีเพียงแค่ผู้เสียหายเท่านั้นที่มาให้ปากคำ

ด้าน พ.ต.ท.วีระ งามเลิศ พงส.(สบ 3) เจ้าของคดี กล่าวว่า คาดว่าจะใช้เวลารวมหลักฐานและนำไปให้ผู้เสียหายยืนยันประมาณ 2 วัน ซึ่งคาดว่าในวันที่ 6 ส.ค. จึงจะทำการออกหมายเรียกนายสรณัฐ มาให้ปากคำได้ แต่เจ้าตัวจะมาหรือไม่นั้นก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง ส่วนกระบวนการสอบสวนนั้น จะเรียกพยานแวดล้อมที่อยู่ในงานมาสอบสวน รวมทั้งแฟนสาวของนายสรณัฐด้วย แต่กล้องวงจรปิดไม่สามารถตรวจสอบได้ เนื่องจากในบ้านเกิดเหตุไม่ได้ติดกล้องวงจรปิดเอาไว้

ถนนแจ้งวัฒนะทรุดตัวลึกกว่า 2 เมตร


เมื่อเวลา 16.00 น. วันนี้(3 ส.ค.)  พ.ต.ท.บดินทร์ ผาสุก รอง ผกก.จร.สน.ทุ่งสองห้อง รับแจ้งเหตุถนนทรุดตัวยุบลง บริเวณสะพานข้ามคลองเปรมประชากร ข้างห้างสรรพสินค้าไอที สแควร์  แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่  กทม. จึงประสานเจ้าหน้าที่แขวงการทางหลักสี่ สังกัดกรมทางหลวงกรุงเทพหมานคร เข้าตรวจสอบ ที่เกิดเหตุเป็นถนน 2 เลน (ฝั่งขาเข้า) มุ่งหน้าแยกหลักสี่  ที่ช่องเลนด้านซ้ายพบหลุมลึกขนาด 2 เมตร  กว้างประมาณ  3  เมตร เจ้าหน้าที่จึงทำการปิดกั้นจราจรถนนดังกล่าว
นายสันติ  ไตรพยัคฆ์  หัวหน้าหมวดทางการหลักสี่  กล่าวว่า  เมื่อช่วงกลางดึกที่ผ่านมาได้รับแจ้งว่าถนนดังกล่าวเกิดรอยร้าว จึงได้นำยางมะตอยมาเททับไว้ในเบื้องต้นก่อนที่จะเข้าดำเนินการซ่อมแซมต่อใน วันนี้ ส่วนสาเหตุน่าจะเกิดจากชั้นทรายให้พื้นผิวของถนนถูกน้ำกัดเซาะ จนทำให้เกิดเป็นโพลงขนาดใหญ่ เมื่อพื้นผิวถนนรองรับน้ำหนักของยางมะตอยไม่ไหวจึงเกิดการทรุดตัวลง คาดว่าคงจะใช้เวลาตลอดทั้งคืนเพื่อจะซ่อมถนนให้แล้วเสร็จทันก่อนวันรุ่งขึ้น
พ.ต.ท.บดินทร์ กล่าวว่า เบื้องต้นขณะเกิดเหตุได้รับรายงานว่าไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด ทางเจ้าหน้าที่จึงได้ทำการปิดกั้นจราจร (ฝั่งขาเข้า) ตั้งแต่ปากซอยแจ้งวัฒนะ 10 โดยไม่อนุญาตให้รถทุกชนิดวิ่งผ่าน เนื่องจากตรวจพบรอยร้าวของถนนช่วงดังกล่าวทั้งสองเลน  โดยรถที่จะมุ่งหน้าเข้าแยกหลักสี่ ให้เลี้ยวเข้าซอยแจ้งวัฒนะ 10 ไปออกข้างวัดหลักสี่แทน ส่วนรถมุ่งหน้าขึ้นสะพานข้ามถนนวิภาวดีแยกหลักสี่ เปิดใช้การได้ตามปกติ และจะมีการปิดกั้นจราจรจนกว่ากรมทางหลวงจะดำเนินการซ่อมแซมถนนให้แล้วเสร็จ ถึงจะเปิดการจราจรตามปกติได้

เร่งซ่อมถนนแจ้งวัฒนะยุบเปิดใช้เช้าพรุ่งนี้


กรณีถนนแจ้งวัฒนะ ขาเข้า บริเวณสะพานข้ามคลองเปรมประชากร ข้างห้างสรรพสินค้าไอที สแควร์  แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่  กทม. ทรุดตัวยุบเป็นหลุมขนาด 2 เมตร  กว้าง 3  เมตรเมื่อวันที่ 3 ส.ค. จนต้องปิดการจราจรนั้น 
เมื่อเวลา 13.00 น. วันนี้ (4 ส.ค. ) นายชัชชาติ สิทธิพันธ์ รมช.คมนาคม ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบที่เกิดเหตุ  ก่อนเปิดเผยว่า ได้สั่งการเจ้าหน้าที่กรมทางหลวง รื้อแผ่นคอนกรีตตรงถนนเดิมออก16 เมตร จากนั้นได้เทหินพร้อมซีเมนต์หนา 30 ซม. ลงไป แล้วจึงใช้รถบดอัดถนนซ้ำอีกครั้ง ก่อนเทยางมะตอยลงบนพื้นผิวถนนประมาณ 10 ซม. ในขั้นตอนสุดท้ายให้แล้วเสร็จภายในวันนี้ แต่ยังไม่เปิดการจราจรเพราะต้องใช้เครื่องมือจีพีอาร์ที่เป็นเลเซอร์ยิงลงบน นถนนเพื่อสำรวจความหนาแน่นและรอยรั่วต่างๆของถนนอีกครั้ง คาดว่าจะให้แล้วเสร็จเปิดใช้บริการได้ภายในวันพรุ่งนี้ (5 ส.ค.)  พร้อมสำรวจตามคอสะพานต่างๆที่ถูกน้ำท่วมเพื่อป้องกันปัญหาที่จะเกิดขึ้นต่อ ไป ทั้งนี้ในเวลา 16.30 น. วันนี้ นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ รมว.คมนาคม จะมาตรวจพื้นที่รวมทั้งความคืบหน้าในการซ่อมถนนด้วย
นายวันชัย ภาคลักษณ์ อธิบดีกรมทางหลวง กล่าวว่า ได้นำทีมวิศวกร และนักวิชาการจากสภาวิศวกรรมสถานฯ ลงพื้นที่เร่งรัดซ่อมแซมถนนที่เกิดการทรุดตัว บริเวณเชิงสะพานข้ามคลองเปรมประชากร ถนนแจ้งวัฒนะ แล้ว  โดยเปิดผิวถนน กว้าง7 เมตร ยาว 20 เมตร นำหินกรวดผสมเศษยางมะตอย และผงปูนซีเมนต์ ลงไปอุดโพรงใต้สะพานแทนทราย เพื่อป้องกันการไหลออก และจะลาดยางมะตอยทับอีก 1ชั้น เพื่อความแข็งแรง โดยระดมเจ้าหน้าที่เข้ามาเร่งซ่อมแซมให้เสร็จภายในเที่ยงคืนวันที่ 4 ส.ค. นี้ และคาดว่าจะเปิดเส้นทางให้ประชาชนสัญจรได้ตามปกติเช้าวันที่ 5 ส.ค. นี้
สำหรับปัญหาในการจราจรบนถนนแจ้งวัฒนะที่ติดขัดตลอดทั้งวัน  ตำรวจได้เข้ามาอำนวยความสะดวก โดยให้รถที่ต้องการใช้ถนนเลียบทางรถไฟ(โลคัลโรด) เลี้ยวซ้ายเข้าซอยแจ้งวัฒนะ 10/1 ส่วนรถที่จะใช้ถนนวิภาวดีรังสิต ให้ขึ้นสะพานข้ามแยกและไปกลับรถที่วงเวียนหลักสี่
นอกจากนี้  ได้เร่งสำรวจจุดอื่น ๆ ที่เสี่ยงต่อทรุดตัว โดยเฉพาะจุดที่น้ำท่วมถึงเมื่อปลายปีที่แล้ว ทั้งบนถนนแจ้งวัฒนะ งามวงศ์วาน วิภาวดีรังสิต พหลโยธิน สุวินทวงศ์ เพชรเกษม และพระราม 2 โดยใช้รถสำรวจ และวิเคราะห์สภาพทาง หรือรถจีพีอาร์ ส่งสัญญานเรดาร์ลงไปใต้พื้นผิวถนน และนำข้อมูลมาวิเคราะห์เพื่อสำรวจว่าใต้พื้นผิวจราจรมีโพรงใต้ดินหรือไม่ หากพบก็จะเร่งซ่อมแซมทันที โดยฉีดน้ำปูนซีเมนต์ลงไปเพื่ออุดโพรง ไม่ให้เกิดการทรุดตัวอีก เพื่อความปลอดภัยของประชาชนผู้ใช้ทาง.

“สุรนันทน์”เผยนายกฯร่วมเวทีสมัชชาใหญ่ยูเอ็นที่สหรัฐฯปลาย ก.ย.นี้



เมื่อเวลา 09.00 น. วันนี้ ( 4 ส.ค.)  ที่โรงแรมคอนราด ถนนวิทยุ  น.ส.โยกา แบรนดท์ รองผู้อำนวยการฝ่ายกิจการภายนอก องค์การกองทุนเพื่อเด็กแห่งสหประชาชาติ(ยูนิเซฟ) ได้พบกับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ในโอกาสที่รองผู้อำนวนการยูนิเซฟเดินทางมาเยือนประเทศไทย ซึ่งการหารือใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง โดยนายกรัฐมนตรีปฏิเสธที่จะให้สัมภาษณ์ถึงผลการหารือ
ทั้งนี้ นายสุรนันทน์ เวชชาชีวะ เลขาธิการนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงการหารือว่า เป็นการหารือถึงการที่ยูนิเซฟมีโครงการที่ช่วยเหลือประเทศไทยหลายอย่าง และมีความร่วมมือกับไทยหลายด้าน ขณะเดียวกันการที่นายกรัฐมนตรีจะเดินทางไปร่วมประชุมสมัชชาใหญ่แห่งสหประชา ชาติ(ยูเอ็นจีเอ)ปลายเดือน ก.ย.นี้ ซึ่งยูนิเซฟจะจัดกิจกรรมเพื่อเชิญนายกรัฐมนตรีไปดูงานและแลกเปลี่ยนความร่วม มือกันในการช่วยเหลือเด็กและสตรี ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีได้เล่าถึงกองทุนพัฒนาบทบาทสตรีและกองทุนต่างๆที่ช่วยเหลือผู้ ด้อยโอกาส ซึ่งยูนิเซฟรู้สึกดีใจและระบุว่าไทยเป็นประเทศหนึ่งที่ก้าวหน้ามากในการช่วย เหลือเด็กและสตรี อีกทั้งโครงการแจกเครื่องคอมพิวเตอร์แบบพกพา(แท็บเล็ต)ให้กับเด็กนักเรียน ซึ่งยูนิเซฟบอกว่าเป็นแนวคิดใหม่และจะทำให้เด็กได้ประโยชน์ในการเข้าถึงความ รู้
นายสุรนันทน์ กล่าวอีกว่า ส่วนการที่นายกรัฐมนตรีตอบรับการร่วมขึ้นกล่าวในที่ประชุมสมัชชาใหญ่แห่งสห ประชาชาติ(ยูเอ็นจีเอ) ที่นครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา ปลายเดือน ก.ย.นี้ กำลังพิจารณาจัดทำกำหนดการที่ชัดเจนว่าจะทำกิจกรรมใดบ้างนอกเหนือจากงานที่ ยูเอ็นจีเอ ซึ่งเท่าที่ตนทราบ จะมีงานของยูนิเซฟและการพบปะนักธุรกิจ นักลงทุน และนักการธนาคารต่างประเทศที่อยู่ในนครนิวยอร์ก.

พท. เปิดตัวผู้สมัคร ผู้ว่าฯ กทม.ภายใน ส.ค.


เมื่อเวลา 10.00 น. วันนี้ (4 ส.ค.)  ที่พรรคเพื่อไทย นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ส.ส.กทม.และรองโฆษกพรรคเพื่อไทย แถลงว่า ในฐานะที่พรรคเพื่อไทยเป็นฝ่ายรอง ขอเรียกร้องให้พรรคประชาธิปัตย์ซึ่งเป็นแชมป์เก่าเปิดตัวผู้ที่จะลงสมัครรับ เลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. เพราะมีเพียง ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าฯ กทม.คนปัจจุบันที่ประกาศว่าจะลงสมัคร แต่พรรคประชาธิปัตย์ก็บอกว่ายังไม่อนุมัติ ไม่มีเสียงตอบรับ ขณะที่โพลสำนักต่างๆ ก็ระบุตรงกันว่า ผลงานของ กทม.ไม่ดี มีข้อบกพร่องมากมาย จึงอยากเรียกร้องในฐานะคน กทม.ว่า อยากให้ผู้ว่าฯกทม.ทำความจริงเรื่องรถไฟฟ้าบีทีเอส กล้องซีซีทีวี ที่ดีเอสไอชี้มูลไปยังคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) อย่าโกหกประชาชน อย่างไรก็ตามภายในสิ้นเดือนส.ค.นี้พรรคเพื่อไทยจะเปิดตัวผู้ที่ลงสมัครอย่าง แน่นอน ซึ่งอาจจะเป็นคนที่ทำงานในปัจจุบันเห็นหน้าทางสังคมพอสมควร อาจเป็นนักวิชาการ หรือคนที่เคยลงสมัครผู้ว่าฯ กทม.ในครั้งที่ผ่านมาก็ได้.

เลขาฯโวนายกฯพร้อมรับศึกซักฟอกแจงได้ทุกประเด็น


วันนี้ (4 ส.ค.)  ที่โรงแรมคอนราด ถนนวิทยุ  นายสุรนันทน์ เวชชาชีวะ เลขาธิการนายกรัฐมนตรี กล่าวกรณีพรรคประชาธิปัตย์ระบุว่า การแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2550 ควรทำให้สอดคล้องกับสถานการณ์ เช่น กรณีกรรมการบริหารพรรคหรือส.ส.ทำผิดกฎหมาย ซื้อเสียงหรือมีส่วนร่วมรู้เห็น ให้ลงโทษเฉพาะผู้ทำผิด ไม่ต้องยุบพรรคและปรับปรุงอำนาจหน้าที่ของส.ว. ว่า เป็นเรื่องของสภาผู้แทนราษฎรที่ถือเป็นเวทีที่ดีที่สุด ดังนั้นไม่ว่าจะพรรคการเมืองใด ถ้าใช้เวทีสภาฯในการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญหรือ กฎหมายอื่นๆโดยใช้เหตุและผลในการหารือกัน ไม่ใช่อารมณ์ ตนคิดว่าจะเป็นสิ่งที่มีประโยชน์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าเราละเว้นสิ่งที่เป็นเกมการเมืองหรือการเอาชนะคะคานทาง การเมือง แต่มาดูที่ประโยชน์จริงๆของประชาชนว่าควรแก้ไขข้อกฎหมายใด ก็เป็นเรื่องที่ส.ส.ควรนำความคิดเห็นของประชาชนในเรื่องนี้มาแก้ไขในรัฐสภา
เลขาธิการนายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า อะไรก็ตามที่พูดคุยกันในเวทีสภาฯ ไม่ออกมาประท้วงบนท้องถนน ถือว่าเป็นสิ่งที่ดีที่สุด เพราะบรรดาผู้แทนองค์กรระหว่างประเทศและนักลงทุนต่างประเทศที่ได้พบกับนายก รัฐมนตรี มีความรู้สึกดีถ้าประเทศไทยอยู่ในเส้นทางประชาธิปไตยและใช้เวทีสภาฯ แต่ถ้าออกมาประท้วงบนท้องถนน นักลงทุนก็ไม่สบายใจ ดังนั้นถ้าอยู่ในมิติของสภาฯ รัฐบาลก็สนับสนุนเต็มที่
ส่วนกรณีที่พรรคประชาธิปัตย์เตรียมข้อมูลเบื้องต้นที่จะยื่นญัตติเพื่อขอ เปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล 5 ประเด็น คือ 1.ภาวะการเป็นผู้นำ 2.ความล้มเหลวของนโยบายประชานิยม 3.การทุจริตของกระทรวงต่างๆ 4.การทุจริตโครงการป้องกันน้ำท่วม และ 5.การทุจริตโครงการรับจำนำข้าวนั้น นายสุรนันทน์ กล่าวว่า เขาเตรียมกี่ประเด็นก็ได้ แต่เมื่อยังไม่ยื่น ก็ยังไม่รู้ และถ้าเขายื่นเมื่อใด รัฐบาลก็พร้อมชี้แจง ถ้ายื่นขออภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรี  นายกฯก็ชี้แจงเอง ในเรื่องของเนื้องาน นายกรัฐมนตรีพร้อมชี้แจงทุกประเด็นในทุกเวที ไม่จำเป็นต้องเป็นการอภิปรายไม่ไว้วางใจ แต่ถ้ามาเล่นเกมการเมืองกันหรือตั้งข้อกล่าวหาเพื่อหวังผลทางการเมืองหรือ ทำลายความน่าเชื่อถือทางการเมือง ตนคิดว่าละเว้นดีกว่า เพราะวันนี้ประชาชนต้องการเห็นฝ่ายค้านที่ตั้งคำถามอย่างสร้างสรรค์ ไม่มีเกมการเมือง ถ้าเป็นเช่นนั้น นายกรัฐมนตรีพร้อมตอบทุกคำถาม
เมื่อถามถึงกรณีกลุ่มคนเสื้อแดงจะนัดชุมนุมหน้าศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ในวันที่ 9 ส.ค.นี้ เพื่อรอฟังคำสั่งถอนประกันตัวแกนนำกลุ่มคนเสื้อแดง จะกลายเป็นการกดดันศาลหรือไม่ นายสุรนันทน์ กล่าวว่า ไม่เป็นอะไร ตนคิดว่าการแสดงความคิดเห็นในกรอบประชาธิปัตย์ไม่มีปัญหาอะไร ตนเชื่อว่าตรงนั้นทุกคนมีความรู้สึกว่าต้องเรียกร้องความเป็นธรรม ใครที่ไม่ได้รับความเป็นธรรมก็แสดงบทบาทหรือความคิดเห็นได้ ซึ่งถ้าทำโดยสงบและสันติ ก็ไม่มีปัญหาอะไร ทั้งนี้อย่าเพิ่งไปคิดว่าจะมีเรื่องของมือที่สามเข้ามาเกี่ยวข้อง.

“โฆษกปชป.”กางโผ5ประเด็นซักฟอกนายกฯปู


วันนี้ (4 ส.ค.) ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวกรณีพรรคประชาธิปัตย์จะยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลว่า พรรคประชาธิปัตย์จะยื่นอภิปรายน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายรัฐมนตรี เป็นหลัก โดยจะชี้ให้เห็นถึงความล้มเหลวใน 5 ประเด็นคือ 1.โครงการรับจำนำข้าว ที่นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รมว.คลัง เคยระบุว่าหากโครงการรับจำนำข้าวเสียหายหรือใช้เงินมากกว่าโครงการประกันราย ได้ในยุครัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์จะแสดงความรับผิดชอบนั้น ขณะนี้ตัวเลขจากธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ (ธกส.) ระบุว่าโครงการรับจำนำในฤดูที่ผ่านมาต้องแบกรับภาระกว่า 1 แสนล้านบาท สูงกว่าโครงการประกันรายได้ที่ใช้งบประมาณ 6 หมื่นล้านบาท จึงอยากถามหาความรับผิดชอบจากนายกิตติรัตน์ให้แสดงสปิริต รักษาคำพูดให้สมกับเป็นลูกผู้ชายว่าจะรับผิดขอบในฐานะที่เป็นรมว.คลังอย่าง ไร

ประเด็นที่ 2 เรื่องสถานการณ์ความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ เมื่อวันที่ 3 ส.ค.ที่ผ่านมาตนและส.ส.ของพรรคได้ลงพื้นที่ จ.สงขลาและนั่งรถต่อไปอ.เบตง จ.ยะลา ได้เห็นถึงความตึงเครียด การรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวด เจ้าหน้าที่ศุลาการก็ระบุว่า ทั้งที่เป็นวันหยุดยาวแต่บรรยากาศกลับเงียบเหงานักท่องเที่ยวชาวมาเลเซียไม่ กล้ามาเที่ยว เพราะสถานการณ์ไม่แน่นอน และรัฐบาลก็ไม่มีท่าทีชัดเจนในการจะแก้ปัญหาได้ ขณะที่ประชาชนก็สะท้อนมาว่ารู้สึกน้อยใจที่รัฐบาลดูไม่เอาจริงกับการดูแล ประชาชนในภาคใต้ เห็นได้จากการแต่งตั้งบุคลากรที่เหมือนไม่เกี่ยวข้อง ไม่มีความรู้การแก้ปัญหา เห็นประชาชนภาคใต้เป็นเพียงสนามทดลองงานนักการเมือง งานความมั่นคง ใช้คนที่ไม่มีความรู้ ประสบการณ์ แค่อยากจะลองงานเผื่อประสบความสำเร็จอาจจะได้หน้าบ้าง
นอกจากนี้ ประชาชนยังได้พูดถึงการที่พรรคร่วมไป “ร้องเพลงสุขกันเถอะเรา”ในช่วงที่เกิดเหตุ เป็นการทำลายขวัญและกำลังใจของประชาชน ดังนั้น อยากให้รัฐบาลตั้งสติ เพราะเป็นเรื่องใหญ่ และเป็นปัญหาของประเทศ นายกฯ ต้องตัดสินใจจะดูแลปัญหานี้อย่างไรจะมอบหมายให้กองทัพที่เป็นหน่วยหลักมา ดูแล ก็ต้องตัดวงจรในการส่งคนอื่นเข้าไปสร้างความวุ่นวาย เลิกใช้เวทีนี้ทดลองงานของมือสมัครเล่น
นายชวนนท์ กล่าวต่อว่า 3.ประเด็นเรื่องราคาสินค้าเกษตร โดยเฉพาะในภาคใต้ที่ราคายางพาราตกต่ำ แม้นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รมช.เกษตรฯ จะขออนุมัติงบประมาณกว่า 3 หมื่นล้านบาทเพื่อพยุงราคายาง โดยคุยว่าจะทำให้ราคาขึ้นมาที่ 104 บาท สุดท้ายก็ยังทำไม่ได้ชาวสวนยางก็ยังขายยางในราคากิโลกกรัมแค่ประมาณ 80 บาทเท่านั้น ทั้งที่ได้มีการอนุมัติงบประมาณแล้วอยากถามว่าเอาไปทำอะไร ทำไมงบประมาณไม่ถึงมือประชาชน พยุงราคาตามที่สัญญาไม่ได้
4.เรื่องเหตุการณ์น้ำท่วมปี 54 ที่ผ่านมาถึงสาเหตุของน้ำท่วมที่นายปลอดประสพ สุรัสวดี รมว.วิทยาศาสตร์ฯ พยายามบอกว่าน้ำท่วมเป็นเพราะการเก็บน้ำของรัฐบาลชุดที่แล้ว โดยกล่าวอ้างอิงว่านำมาจากนาซ่านั้น ทั้งที่จริงไม่ใช่แต่เป็นโนอา และเนื้อหายังระบุอีกว่าสาเหตุหลักเกิดจากนโยบายการกักเก็บน้ำในเขื่อนของ รัฐบาลชุดนี้ นอกจากนี้ รัฐบาลยังมีปัญหาการจัดการน้ำล้มเหลวทำให้ประชาชนเสียชีวิตกว่า 800 ศพ รวมทั้งการใช้งบประมาณแก้ไขปัญหาน้ำท่วมกว่า 3.5 แสนล้านบาท ซึ่งนายปลอดประสพใช้วิธีการจัดซื้อวิธีพิเศษแบบเดียวกันกับการก่อสร้างสวน สัตว์ไนท์ซาฟารี โดยการประมูลวิธีพิเศษ ไม่มีราคากลาง เอื้อต่อการทุจริตได้ง่าย ทั้งนี้ เราต้องตรวจสอบอย่างเข้มข้นเพื่อไม่ให้เอื้อประโยชน์ให้กับบริษัทพรรคพวก และญาติของตัวเอง
และ 5.ประเด็นที่รัฐบาลเปิดให้กัมพูชาได้รับสิทธิในการจัดการประชุมมรดกโลกครั้ง ต่อไปแต่เพียงผู้เดียว โดยรัฐบาลชุดนี้เปลี่ยนแปลงนโยบายในการจะต่อสู้อย่างเต็มที่เพื่อไม่ให้แผน บริหารจัดการรอบปราสาทพระวิหารที่เสนอโดยกัมพูชาขึ้นทะเบียนได้แต่เพียงผู้ เดียว จงใจเปลี่ยนนโยบายที่สุ่มเสี่ยงว่าเราจะแพ้ในเวทีการต่อสู้ปราสาทพระวิหาร ดังนั้น รัฐบาลต้องตอบคำถามว่าถ้าไม่ได้ขายชาติ หรือซูเอี๋ยกับกัมพูชาทำไมถึงยินยอม
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ทราบว่ามีคำสั่งจากนักการเมืองให้กระทรวงการต่างประเทศฟ้องร้องตนใน กรณีนำเอาเอกสารมาเปิดเผย  ตนยืนยันว่าเอกสารดังกล่าวไม่ใช่เอกสารที่มีตราครุฑ หรือชั้นความลับ จึงไม่ใช่เรื่องผิด แต่กลับพยายามสั่งข้าราชการหาช่องเล่นงานตน ดังนั้น อยากเตือนว่าพวกท่านกำลังปกปิดสิ่งที่จะทำลายชาติ ปกปิดจดหมายที่มีเนื้อหาแสดงว่าไทยสูญเสียอธิปไตย และผลประโยชน์อย่างมหาศาล ที่ผ่านมาตนไม่เคยเล่นงานข้าราชการ แต่ถ้าจะฟ้องจริงๆ ตนฟ้องกลับคนที่เกี่ยวข้องทุกคน ตั้งแต่ระดับนิติกรจนกระทั่งปลัดกระทรวง อยากเตือนข้าราชการไม่อยากให้ตก เป็นเครื่องมือของฝ่ายการเมือง แต่ควรปล่อยให้เป็นเรื่องของนายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รมว.ต่างประเทศกับตน
นายชวนนท์  ยังกล่าวกรณีโฆษกพรรคเพื่อไทยระบุว่าถ้ามีการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลก็จะ นำเรื่องการเกณฑ์ทหารของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ มาโต้กลับ ว่า สะท้อนการล่มสลายทางความคิดของรัฐบาล เพราะการอภิปรายไม่ไว้วางใจถือเป็นประโยชน์ต่อประเทศและประชาชน แต่คำพูดที่สะท้อนให้เห็นคือรัฐบาลสมองกลวง ไม่มีเรื่องที่เป็นประโยชน์มีสาระมาเสนอกับประชาชน แต่กลับเอาเรื่องไร้สาระที่ไม่เป็นประโยชน์กับประชานแทน มุ่งแต่เอาประเด็นการเมือง           

“การอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้ ทางพรรคจะเน้นที่ตัวนายกฯ เป็นหลัก เนื่องจากนโยบายต่างๆ ของรัฐบาลอยู่ในวิสัยของนายกฯ ที่จะตอบได้ นอกจากนี้ การอภิปรายครั้งนี้เพื่ออยากให้นายกฯ แสดงภาวะผู้นำ การที่น.ส.ยิ่งลักษณ์เคยบอกว่าไม่ยุ่งเรื่องการเมือง มุ่งแต่ทำงานนั้น ก็คงจะตอบและชี้แจงการอภิปรายได้ ส่วนจะมีรัฐมนตรีตามกระทรวงการต่างๆ หรือไม่นั้น ก็ต้องดูข้อมูลก่อน แต่เราพยายามทำให้มีชื่อน้อยที่สุด เพราะอยากให้นายกฯ ใช้โอกาสนี้แสดงศักยภาพได้เต็มที่ ไม่อยากให้ลิ่วล้อมาตอบแทน ส่วนฝ่ายค้านจะยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจเมื่อใดนั้นกำลังประสานงานกับทาง วิปรัฐบาลก่อน ยืนยันว่าการยื่นอภิปรายไม่ได้รังแกนายกฯ เพราะน.ส.ยิ่งลักษณ์เป็นนายกฯ ถ้าคิดว่าเป็นการรังแกก็ควรไปทำอาชีพอื่น” นายชวนนท์ กล่าว.

ปชป.บุกกรุงเฮกยื่นศาลอาญาโลกเอาผิด“แม้ว”ฆ่าตัดตอน


วันนี้ (4 ส.ค.) ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์  กล่าวว่า นายกษิต  ภิรมย์  ส.ส.บัญชีรายชื่อ  พรรคประชาธิปัตย์  ได้ทำหนังสื่อยื่นอัยการศาลอาญาระหว่างประเทศรวมทั้งประธานศาลอาญาระหว่าง ประเทศที่กรุงเฮก  ประเทศเนเธอร์แลนด์  เมื่อวันที่ 27 ก.ค.   เป็นการร้องศาลอาญาระหว่างประเทศในเรื่องกระบวนการฆ่าตัดตอนตามนโยบายการ ปราบปรามยาเสพติดในรัฐบาลพ.ต.ท.ทักษิณ  ชินวัตร  อดีตนายกรัฐมนตรี อยากเรียกร้องให้ผู้ที่ได้รับความเสียหายและไม่ได้รับความ เป็นธรรมจากกระบวนการดังกล่าว เช่น  กรณีของน้องฟลุ๊คที่ถูกลูกหลงจากการจับกุมยาเสพติดของตำรวจให้มาร่วมกันเป็น โจทก์ยื่นฟ้องพ.ต.ท.ทักษิณครั้งนี้ด้วย

นายชวนนท์ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้  กรณีนางธิดา   ถาวรเศรษฐ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ไปร้องศาลอาญาระหว่างประเทศ เรื่องเหตุการณ์ความไม่สงบโดยระบุว่ากระบวนการยุติธรรมในประเทศไม่สามารถ ดำเนินการได้นั้น ในจดหมายที่ยื่นได้ชี้แจงให้เห็นว่าผู้ที่อยู่เบื้องหลังกระบวนการเหตุการณ์ ความไม่สงบทั้งหมดคือพ.ต.ท.ทักษิณ   ชินวัตร  อดีตนายกฯและ นายอัมเตอร์ดัม  นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ  หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ไม่ได้หลีกเลี่ยงการตรวจสอบเพราะเป็นผู้ที่ตั้งคณะ กรรมการอิสระตรวจสอบและค้นหาความจริง เพื่อการปรองดองแห่งชาติ (คอป.) เพื่อให้ตรวจสอบหาข้อเท็จจริงถึงเหตุการณ์การชุมนุมทางการเมือง  เมื่อปี2553 อีกทั้งน.ส..ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร  นายกฯก็เป็นน้องสาวของพ.ต.ท.ทักษิณ และเป็นนายกฯในรัฐบาลนี้ซึ่งก็ยินดีที่จะให้ตรวจสอบแต่ดูเหมือนว่ารัฐบาล พยายามนิรโทษกรรมและล้างผิดให้กับผู้ที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์โดยไม่มีการ สอบสวน

นายชวนนท์    กล่าวต่อว่า   จากกรณีที่มีปฏิกิริยาว่า นายอัมสเตอร์ดัม ถอนตัวจากการเป็นล็อบบี้ยิสต์ ของพ.ต.ท.ทักษิณ  ความจริงนายโรเบิร์ต อัมสเตอร์ดัมไม่ใช่ทนายความส่วนตัวแต่เป็นล็อบบี้ยิสต์โดยมีหลักฐานที่เป็น ข้อมูลบัญชีรายชื่อบริษัทล็อบบี้ยิสต์ต่างๆที่จะต้องแสดงต่อสภาครองเกรสของ สหรัฐอเมริกา   โดยชี้ให้เห็นว่านายอัมเตอร์ดัมเป็นล็อบบี้ยิสต์ให้กับพ.ต.ท.ทักษิณ  ตั้งแต่ ค.ศ.2006 จนถึงปัจจุบัน ดังนั้นพ.ต.ท.ทักษิณใช้นายอัมเตอร์ดัมเป็นทนายความเป้าหมายไม่ใช่เป็นการ ช่วยเหลือกลุ่มคนเสื้อแดงและเพื่อนำนายอภิสิทธิ์ขึ้นศาลอาญาระหว่างประเทศ แต่ถามว่าเป็นการล็อบบี้ให้ได้วีซ่าเข้าสหรัฐอเมริกา โดยเอาการเปิดใช้สนามบินอู่ตะเภาไปแลกเปลี่ยนหรือไม่และเมื่อได้วีซ่าแล้ว พ.ต.ท.ทักษิณ พยายามสลัดว่าไม่เกี่ยวข้องกับนายอัมเตอร์ดัมทั้งที่เป็นล็อบบี้ยิสต์ทำงาน กันมาอย่างต่อเนื่อง.

“โอ๊ค”เฟซบุ๊ก"วุฒิภาวะ-กาลเทศะ-อกเขาอกเรา"เบิร์ธเดย์“มาร์ค”


วันนี้ (4 ส.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเมื่อวานนี้ ( 3 ส.ค.) เป็นวันคล้ายวันเกิดครบรอบ 48 ปีของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ นายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชาย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความผ่านทางเฟซบุ๊ก ว่า ทีมงานผมหลายคนเอสเอ็มเอสมาเตือนพร้อมทั้งส่งข้อมูลเตรียมให้ผมโพสต์กัน เพียบโดยที่แต่ละคนต่างก็ไม่ได้นัดหมายกัน ส่วนใหญ่ก็จะเตือนความจำว่า "ตอนวันเกิดคุณพ่อผมปีก่อนโน้นนายอภิสิทธิ์ ได้ส่งข้อความเข้าไปยังทวิตเตอร์ของคุณพ่อผมและได้อวยพรวันเกิดคุณพ่อผมไว้ อย่างไร"
ในวันนั้นผมไม่พร้อมที่จะตอบโต้ทางการเมืองกับใครนะครับ แต่อยากจะบอกกับทุกท่านว่า ผมเป็นลูกชายของคุณพ่อ ผมไม่มีวันลืมสิ่งที่คนเยาะเย้ย ถากถาง คุณพ่อตัวเองในวันมงคลของครอบครัวผมหรอกครับ ผมย่อมจำได้แม่นกว่าทุกคน แต่เหตุผลที่ผมไม่คิดจะเอาคืน ในวันเกิดครบ4รอบของนายอภิสิทธิ์ในวันนี้ ทั้งๆที่ขณะนี้ผมโตพอ มีข้อมูลและมีทีมงานที่พร้อมเนื่องจากเหตุผล3ประโยคนี้ครับ "วุฒิภาวะ" เป็น วุฒิภาวะของตัวผมเองที่ที่โตขึ้น และรู้จักผิดชอบชั่วดีในสิ่งที่ควรและไม่ควรกระทำ “กาลเทศะ” ที่เป็นวันมงคลของนายอภิสิทธิ์ไม่ควรที่จะต้องมามีเรื่องขุ่นข้องหมองใจ และเป็นการนึกถึง อกเขาอกเรา ว่าหากลูกของนายอภิสิทธิ์ได้มาอ่านสิ่งที่ไม่เป็นมงคลกับคุณพ่อของตัวเองใน วันเกิดครบ48 ปี ลูกๆ ทั้ง2คนก็คงเสียใจ เหมือนกับที่เคยเกิดขึ้นกับผมและน้องสาวในวันนั้น  การที่ผมไม่พูดอะไรนี้ก็ถือเป็นของขวัญวันเกิดจากผมแล้วกันนะครับ ถ้าเป็นศัพท์ของอาปู (น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” นายกรัฐมนตรี) เขาเรียกว่า "แก้ไข ไม่แก้แค้น" นั่นแหละครับ.

“เทพไท” ท้า “นายกฯปู” ยืนยันพร้อมตอบซักฟอก


วันนี้ ( 4 ส.ค.) ที่พรรคประชาธิปัตย์  นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่ส.ส.พรรคเพื่อไทยเรียงหน้าออกมาการันตีว่าน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี สามารถรับมือกับการอภิปรายไม่ไว้วางใจได้ ว่า เป็นพฤติกรรมปากกล้าขาสั่นมากกว่า เพราะที่ผ่านมา น.ส.ยิ่งลักษณ์ได้อาศัยจังหวะเวลาหลีกหนีการตรวจสอบอยู่เป็นประจำ แม้แต่การตั้งกระทู้ถามสดในสภาฯ ก็ยังไม่กล้าที่จะมาตอบด้วยตัวเอง เมื่อถูกยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจถือว่าเป็นรอบบังคับ จึงอยากรู้ว่านายกฯ จะพร้อมให้ตรวจสอบอย่างไร และอยากจะฟังเสียงยืนยันจากปากนายกฯ มากกว่าลิ่วล้อที่ออกมาประโคมข่าว อ้างว่ารัฐบาลชุดนี้มีผลงานมากมายและสามารถตอบคำถามได้ทุกเรื่องนั้นก็อยาก จะรู้ว่ามีผลงานอะไรบ้างที่ประสบความสำเร็จ อยากจะให้สรุปมาเป็นผลงานในรอบ 1 ปี ว่าจะได้สักหนึ่งหน้ากระดาษหรือไม่
 “หากนายกฯ พร้อมที่จะตอบคำถามและรับการตรวจสอบจากการอภิปรายไม่ไว้วางใจจริง ก็ควรออกมาห้ามปรามให้สมาชิกพรรคเพื่อไทยหยุดทำตัวเป็นกระต่ายตื่นตูม ไม่จำเป็นที่จะต้องระดม ส.ส.พรรคเพื่อไทยประชุมรับมือซักฟอกในวันที่ 7 ส.ค.นี้  และการอภิปรายไม่ไว้วางใจในสภาฯ เป็นเรื่องของผู้ถูกอภิปรายกับผู้อภิปราย ไม่ใช่เวทีประกวดนางงามที่จะต้องมีพี่เลี้ยงคอยประคับประคอง ถ้าไม่มั่นใจก็ควรถอยออกไป” นายเทพไทกล่าว

นายเทพไท ยังกล่าวถึงกรณีที่นายนพดล ปัทมะ ทนายความส่วนตัวพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ และนายสุรนันท์ เวชชาชีวะ เลขาธิการนายกฯ ออกมาการันตีถึงความเชี่ยวชาญทางการเมืองของ       น.ส.ยิ่งลักษณ์ว่าพัฒนาขึ้นเป็นที่ยอมรับของ ส.ส.ระดับผู้เชี่ยวชาญนั้น ว่า เป็นกระบวนการเชลียร์ที่ไม่ลืมหูลืมตาดูข้อเท็จจริง หาก น.ส.ยิ่งลัษณ์มีพัฒนาการทางการเมืองที่ดีเป็นนายกฯ ที่สมบทบาทกับตำแหน่งแล้วก็คงจะไม่มีใครกล้ายื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางในใน เรื่องของวุฒิภาวะ หรือภาวะผู้นำอย่างแน่นอน คนเหล่านี้จะประโคมข่าวเยินยอปอปั้นอย่างไรความเป็นจริงและความมั่นใจไม่มี ใครรู้ดีไปกว่าตัวน.ส.ยิ่งลักษณ์ ซึ่งทุกอย่างก็คงจะพิสูจน์ความจริงในการอภิปรายในสภาฯ ได้

นายเทพไท ยังกล่าวถึงกรณีที่นางธิดา ถาวรเศรษฐ์ ประธานกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ ( นปช.) ยืนยันว่าจะมีคนเสื้อแดงมาชุมนุมที่ศาลอาญาเพื่อให้กำลังใจนายจตุพร พรหมพันธ์ แกนนำนปช. ในวันที่ 9 ส.ค.นี้ ที่ศาลอาญาจะพิจารณาถอนประกันตัวหรือไม่ โดยระบุว่าหากเกิดความวุ่นวายใดๆ ขึ้นมาจะต้องไปโทษศาลอาญา ว่า นางธิดากำลังแข็งข้อและท้าทายอำนาจศาลอย่างชัดเจน การที่ศาลออกคำสั่งห้ามการชุมนุมหน้าศาลตั้งแต่ต้นก็เป็นการป้องกันเหตุความ วุ่นวายที่จะเกิดขึ้นในอนาคต และคงจะเป็นเจตนาดีของศาลอาญาที่ไม่อยากจะใช้ไม้แข็งจัดการกับกลุ่มผู้ ชุมนุมที่ละเมิดอำนาจศาล เพื่อหลีกเลี่ยงการถูกใส่ร้ายว่าศาลมีสองมาตรฐานอีก แต่การทีมีการบอกว่าหากความวุ่นวายเกิดขึ้นต้องไปโทษศาลอาญานั้น เป็นการโยนความผิดให้ศาล โดยไม่ดูพฤติกรรมของตัวเองและคนเสื้อแดงว่ามีความผิดอย่างไร
 “เมื่อศาลมีคำสั่งชัดเจนเช่นนี้ก็อยากจะให้ทุกฝ่ายได้เคารพและปฏิบัติ ตามคำสั่งของศาล และอยากให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเรื่องนี้ได้ปฏิบัติหน้าที่ตามคำสั่งของ ศาลอย่างเคร่งครัด อย่าปล่อยให้กฎหมู่อยู่เหนือกฎหมาย อย่าให้คนเหล่านี้ทำตัวเป็นอภิสิทธิชนก้าวล่วงกระบวนการยุติธรรมได้ ไม่เช่นนั้นคำสั่งศาลก็จะไม่ศักดิ์สิทธิ์” นายเทพไท กล่าว.

Blog Archive

Design Downloaded from ซ่อมคอมพิวเตอร์นอกสถานที่ รามคำแหง บางกะปิ | Free Textures | Web Design Resources