วันศุกร์ที่ 2 มีนาคม พ.ศ. 2555

ญี่ปุ่นผวา! วิญญาณเหยื่อสึนามิหลอกหลอนชาวบ้าน จนท.ไม่กล้าเข้าไปฟื้นฟู


ญี่ปุ่นผวาวิญญาณเหยื่อสึนามิ หลอกหลอนชาวบ้าน จนท.ไม่กล้าเข้าไปฟื้นฟู
Mthainews:  หลังจากที่เกิดคลื่นยักษ์สึนามิ เมื่อทางตะวันออกเฉียงเหนือของเกาะฮอนชู เดือนมีนาคม 2554 การฟื้นฟูสภาพพื้นที่ยังคงมีความล่าช้า ซึ่งสำนักข่าวต่าง ประเทศรายงานว่า สาเหตุหลักของล่าช้า ก็มาจากความหวาดกลัวของเจ้าหน้าที่ ต่อบรรดาดวงวิญญาณของผู้เสียชีวิต ที่คาดว่ายังคงวนเวียนอยู่ในพื้นที่ดังกล่าว จนทำให้บรรดาเจ้าหน้าที่ไม่กล้าออกไปปฏิบัติงานฟื้นฟู
ทั้งนี้ คนงานที่เข้าไปปฏิบัติหน้าที่หลายคนต่างประสบกับ เหตุร้าย หรือล้มป่วย จนไม่มีใครกล้าเดินทางเข้าไปในพื้นที่ ประชาชนพบเห็นดวงวิญญาณจำนวนมาก ปรากฏตัวอยู่ตามสถานที่ต่างๆ โดยเฉพาะที่เมืองอิชิโนะมากิ ในจังหวัดมิยางิ ซึ่งเป็นจุดที่มีผู้เสียชีวิตถึง 1 ใน 5 ของจำนวนผู้เสียชีวิตทั้งหมด

นอก จากนี้ มีการร่ำลือกันว่า  คนขับรถแท็กซี่หลายรายเคยขับรถรับผู้โดยสาร เมื่อนั่งมาได้ระยะหนึ่งก็พบว่าผู้โดยสารหายตัวไปอย่างลึกลับ ขณะที่ชาวบ้านพบเห็นดวงวิญญาณจำนวนมาก พากันล่องลอยขึ้นสู่ที่สูงหรือภูเขา คาดว่าอาจเป็นวิญญาณของผู้ที่เสียชีวิต จากเหตุภัยพิบัติดังกล่าว

มัลลิกา จ่อฟ้องกลับ ยิ่งลักษณ์-พร้อมพงศ์ ฐานแจ้งความเท็จ


มัลลิกา จ่อฟ้องกลับ ยิ่งลักษณ์-พร้อมพงศ์ ฐานแจ้งความเท็จ
จาก กรณีที่นส.มัลลิกา บุญมีตระกูล รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ถูกน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีที่มอบหมายให้นายพร้อมพงษ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย และทนายความไปแจ้งความที่ สน.ลุมพินีคดีหมิ่นประมาทนายกรัฐมนตรีนั้น
น.ส.มัลลิกา บุญมีตระกูล รองโฆษกปชป. กล่าวว่า ตนจะไปแจ้งความกลับน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และนายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย และทนายความอีก 2 คน เช่นกันในข้อหาแจ้งความเท็จ โดยมีการบิดเบือนตัดแปะข้อความคำแถลงข่าวของ ตนเมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์ ซึ่งตนมีหลักฐานคำแถลงข่าวทั้งหมด ด้วยการถืออำนาจในประเทศมาเอาคดีความ นั่นก็ถือว่าเป็นการรังแกผู้หญิงเช่นกัน

มอบตัวแล้ว!! แฝดมือชก วรเจตน์ กร่าง อยากเตะนักข่าว


รายงานข่าวแจ้ง ว่า ผู้ต้องหา 2 คน ที่ทำร้ายร่างกาย อาจารย์วรเจตน์ ภาคีรัตน์ อาจารย์ประจำคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และแกนนำกลุ่มนิติราษฎร์ บริเวณลานจอดรถคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ เข้ามอบตัวกับตำรวจ สน.ชนะสงคราม
โดยจากการแถลงข่าว ของทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งนำโดย พล.ต.ท.วินัย ทองสอง ทราบว่าสองคนเป็นแฝดกัน คือ นายสุพจน์ และ นายสุพัฒน์ ศิลารัตน์ อายุ 30 ปี มีอาชีพขายเสื้อผ้าและน้ำหอม
ทั้งนี้สาเหตุเกิดจากความคิดเห็นที่แตก ต่างกันในทางการเมือง และไม่เห็นด้วยกับการพยายามผลักดันแก้กฎหมายมาตรา 112 ของกลุ่มนิติราษฎร์ โดยในวันเกิดเหตุได้ไปดักรออาจารย์วรเจตน์ ที่คณะนิติศาสตร์ ตั้งแต่ช่วงเช้า จนพบอาจารย์วรเจตน์ เดินเข้ามาที่ลานจอดรถ จึงได้เข้าไปรุมทำร้ายก่อนขึ้นรถจักรยานยนต์หลบหนี
ในช่วงท้ายของการแถลงข่าว นักข่าวได้ถามว่า มีอะไรอยากจะพูดหรือป่าว นายสุพัฒน์ แฝดผู้น้อง กล่าวว่า “อยากเตะนักข่าว” ทำให้ พล.ต.ท.วินัย ตัดบทว่า พอแล้ว
อย่าง ไรก็ตาม ตำรวจได้แจ้งข้อหาร่วมกันทำร้ายร่างกาย ทำให้ผู้อื่นได้รับอันตรายแก่ร่างกายโดยไตร่ตรองไว้ก่อน รวมทั้งพิมพ์ลายนิ้วมือและทำการลงบันทึกประวัติไว้เป็นหลักฐาน  แต่เนื่องจากผู้ต้องหาทั้ง 2 ได้เข้ามอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงไม่ต้องถูกควบคุมตัวไว้ โดยหลังจากนี้ก็จะปล่อยตัวชั่วคราวให้ผู้ต้องหากลับไป  ซึ่งขณะนี้ยังไม่สามารถส่งฟ้องผู้ต้องหาต่อศาลได้ เพราะจะต้องรอผลตรวจรับรองอาการบาดเจ็บของผู้เสียหายจากแพทย์เสียก่อน จากนั้นก็จะนัดและนำตัวผู้ต้องหาทั้ง 2 ส่งฟ้องต่อศาลแขวงดุสิตดำเนินคดีต่อไป

เพื่อไทย ออกแถลงการณ์ ประณามใช้ความรุนแรง ปม ทำร้าย วรเจตน์

วรเจตน์ ภาคีรัตน์
ผู้สื่อข่าวรายงาน ว่า พรรคเพื่อไทย ออกแถลงการณ์ไม่เห็นด้วยกับการที่นายวรเจตน์ ภาคีรัตน์ อาจารย์คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ แกนนำกลุ่มนิติราษฎร์ ที่ออกมาเคลื่อนไหวให้มีการแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 โดยระบุว่า การที่มีการใช้ความรุนแรงอย่างนี้ไม่ควรจะเกิดขึ้นในสังคมที่เป็น ประชาธิปไตยที่เจริญแล้ว ขอประฌามในเรื่องนี้ และหวังว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจจะพิจารณาดำเนินคดีนี้ตามประมวลกฎหมายอาญาอย่าง เคร่งครัดต่อไป
ทั้งนี้ อยากฝากให้พี่น้องทุกคนว่าการมีความคิดเห็นที่แตกต่างกันเป็นเรื่องที่ดี งดงามในระบอบประชาธิปไตย เมื่อเรามีความคิดต่างกันอย่างไร ขอให้แสดงออกมาอย่างสันติ พูดกันด้วยเหตุด้วยผล สุดท้ายถ้าจำเป็นต้องเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง สังคมจะต้องมีการตัดสินโดยการลงประชามติตามองค์กรที่เกี่ยวข้อง เมื่อความเห็นส่วนใหญ่เห็นอย่างไรก็ต้องดำเนินการตามไปตามนั้น แต่ทั้งนี้เสียงส่วนใหญ่เองก็ยังต้องให้ความเคารพต่อเสียงส่วนน้อย ซึ่งวันหนึ่งข้างหน้าเสียงส่วนน้อยอาจได้รับความเห็นชอบมากขึ้นและอาจเป็น ความเห็นส่วนใหญ่ได้ในเวลาต่อไป
นอกจากนี้ หวังว่ากรณีที่เกิดขึ้นในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์จะไม่เป็นแบบอย่างที่มี เรื่องทำนองนี้เกิดขึ้นในที่ไหนที่ใด อีกทั้งขอให้ทุกคนช่วยกันระมัดระวังเรื่องนี้ อาจมีบางบุคคลนำพฤติกรรมแบบนี้ สร้างความสนใจ และเกิดขึ้นหลายแห่ง ซึ่งนำไปสู่ความวุ่นวายต่อไป

ระทึก! รัฐสภา เกิดเพลิงลุกไหม้ใกล้อาคาร 3

ไฟไหม้รัฐสภา
ขอบคุณภาพจาก http://www.rawangpai.com
ผู้สื่อข่าวรายงาน ว่า  เมื่อช่วงเวลาประมาณ 12.30 น.ที่ผ่านมา เกิดเหตุไฟฟ้าลัดวงจร บริเวณด้านหลังอาคาร 3อาคารสภา โดยเพลิงได้ลุกไหม้บริเวณสายไฟ ล่าสุด เจ้าหน้าที่ตำรวจสภาได้นำถังดับเพลิงมาฉีดสกัดเพื่อไม่ให้เพลิงลุกลาม พร้อมกับเรียกเจ้าหน้าที่ดับเพลิงเข้ามาดับเพลิงแล้ว
ขณะเดียวกัน ยังได้ประสานไปยังการไฟฟ้า เพื่อเข้ามาตรวจสอบว่าเกิดจากสาเหตุใด ทำให้ตึก 3 ทางเจ้าหน้าที่ได้ตัดระบบไฟทั้งหมด ส่วนห้องประชุมสภาได้ใช้ไฟสำรอง โดยไม่มีใครได้รับอันตรายแต่อย่างใด

แจ๋ว ..ลูกกตัญญู เลี้ยงดูแม่ที่ล้มป่วย ระหว่างเล่าเรียน

แจ๋ว ..ลูกกตัญญู เลี้ยงดูแม่ที่ล้มป่วย ระหว่างเล่าเรียน
Mthainews: รายการชีวิตจริงยิ่งกว่าละคร ตอน แจ๋ว…ดวงใจของแม่ ออกอากาศวันที่ 29 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา นำเสนอเรื่องราวของลูกกตัญญูที่ถึงแม้จะทำหน้าที่ศึกษาเล่าเรียน แต่ก็ต้องเดินทางไปกลับดูแลแม่ที่ล้มป่วย มานานกว่า 2 ปี
แม่ ของศันย์สนีย์ นอนซมด้วยโรคเบาหวาน เส้นเลือดหัวใจตีบ เป็นโรคอัมพาต อัมพฤกษ์ แต่เธอก็ยังต้องดูแลแม่ระหว่างเรียนอยู่ที่มหาวิทยาลัยนเรศวร ทั้งการป้อนข้าว ให้ยา ทาแป้ง ทำกายภาพบำบัดให้แม่ ไปกลับมหาวิทยาลัยในตอนเที่ยงวัน เป็นเวลานานกว่า 2 ปี

เธอ บอกว่าไม่เป็นไร ท้อบ้าง แต่ก็ต้องเรียนให้จบ ตอนเรียนเสร็จก็ต้องรีบกลับมาดูแม่ที่หอพัก ช่วงแรกเป็นห่วงแม่มาก แต่ตอนนี้แม่ดีขึ้นเยอะ เพราะแต่ก่อนไม่สามารถพูดได้เลย
ศันย์สนีย์ เรียนอยู่คณะวิทยาศาสตร์ เอกวิชาเคมี ชั้นปีที่ 3 เหลือเพียงปีเดียวก็เรียนจบ รับปริญญาบัตรตามที่ตั้งใจ แต่ก็ต้องแบ่งเวลาเรียนเพื่อดูแลแม่ด้วย
ดร.พรสวรรค์ อมรศักดิ์ชัย อาจารย์ที่ปรึกษาของน้องแจ๋ว กล่าวว่า น้อง แจ๋วมีความกตัญญู และมีวินัยในตนเอง พอมีแม่ต้องดูแล มีภาระก็ถือว่าทำได้ดีที่สุดแล้ว ถึงแม้ว่าผลการเรียนออกมาจะไม่ได้ดีมากเท่าไหร่นัก
ด้วย ฐานะทางบ้านยากจน แจ๋วต้องกู้เงินเพื่อการศึกษาจากรัฐบาลเดือนละ 2200 บาท ขณะที่มหาวิทยาลัยช่วยเหลือให้เงินจำนวนหนึ่ง ซึ่งเธอจะต้องเจียดเงินเป็นค่ารักษาแม่ เงินค่าใช้จ่าย และเงินค่าศึกษาเล่าเรียน
นอกจากนี้ แจ๋วยังหารายได้เสริมด้วยการรับส่งเอกสารมีรายได้ชั่วโมงละ 40 บาท ซึ่งกองอำนวยการศึกษามหาวิทยาลัย หาทางช่วยเหลือเพื่อให้เป็นเงินช่วยเหลืออีกทาง
ผล การเรียนของแจ๋วไม่ดีเท่าไหร่นัก ทางมหาวิทยาลัยจึงแนะนำให้แม่เข้าการรักษาที่โรงพยาบาล เพื่อแจ๋วจะได้มีเวลาศึกษาเล่าเรียนได้เต็มที่ เพราะหากปล่อยไว้เช่นนี้ อาจจะเกรดไม่ดีเท่าที่ควร และอาจจะเป็นอุปสรรคในการหางาน

ขณะ ที่ผู้เป็นแม่เป็นห่วงลูกสาว ไม่อยากไปอยู่ที่โรงพยาบาลเพราะ กลัวว่าลูกจะเหน็ดเหนื่อย ส่วนแจ๋วก็ไม่อยากให้แม่กลับไปอยู่ที่บ้านเพราะพี่ชายมีหน้าที่ที่ต้องดูแล และตนไม่ต้องการให้แม่อยู่ห่างสายตา จึงต้องมาพักอาศัยอยู่ใกล้ๆกับมหาวิทยาลัย
แต่เหตุผลสำคัญคือ ไม่อยากให้แม่รับรู้ว่า พ่อล้มป่วยและเสียชีวิตหลังจากที่แม่ป่วยได้ไม่นาน
ความ รักความกตัญญูของแจ๋วไม่สูญเปล่า เจ้าของหอพัก ช่วยเหลือด้วยการยกพื้นที่สำนักงานให้อาศัยอยู่ โดยไม่คิดค่าเช่า ซึ่งในวันหยุดจะมีกลุ่มเพื่อนๆของแจ๋วมาช่วยดูแลแม่ ซื้อของมาฝาก เมื่อกำลังใจดีทำให้แม่ของแจ๋วอาการดีขึ้นกว่าแต่ก่อน นอกจากนี้เพื่อนจะมาช่วยติวหนังสือให้แจ๋วที่หอด้วย

ขณะ ที่อาจารย์ที่ปรึกษา เห็นใจ หยิบยื่นความช่วยเหลือด้วยการเอารถเก๋งพาแม่ไปส่งที่โรงพยาบาลเพื่อทำการ รักษาด้วยความเต็มใจ นอกจากนี้ ทีมแพทย์ของโรงพยาบาลนเรศวรได้ส่งหมอและเจ้าหน้าที่มาเยี่ยมและตรวจร่างกาย ที่บ้าน โดยมีการทำกายภาพบำบัด ออกกำลังกายเป็นระยะ
อย่าง ไรก็ตาม แจ๋วต้องดูแลแม่ในหอพักต่อไป ถึงแม้ว่าจะลำบาก แต่เธอก็พร้อมเผชิญ เพราะผู้เป็นแม่ มีคนเดียว แม่เลี้ยงลูกมาสามคนเลี้ยงได้ แต่เธอก็บอกว่า เธอก็สามารถเลี้ยงแม่ได้ พร้อมจะไปกลับระหว่างห้องพักกับมหาวิทยาลัย เพราะตนมีกำลังใจจากคนรอบข้าง ทำให้คิดว่า อย่างไรเราก็ไม่ได้อยู่คนเดียว ชีวิตเราต้องตายเหมือนกัน ทำวันนี้ให้ดีที่สุด

ชาวบ้านผิดหวัง ตุ๊กแกห้อยหัว-พนมมือ ไม่โผล่ตัวให้เห็น

Pic_241819

ชาวบ้านแห่ดูปาฏิหาริย์ ตุ๊กแกห้อยหัว พนมมือ แต่ต้องผิดหวัง หลังไม่ออกมาให้เห็น แต่ก็ขอซื้อรูปอัดแทน ขณะที่เจ้าของบ้านเชื่ออดีตภรรยาที่ล่วงลับ คงได้อานิสงส์จากการทำบุญครั้งนี้...

เมื่อวันที่ 28 ก.พ. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีตุ๊กแกห้อยหัว พนมมือ ขณะที่เจ้าของบ้านทำพิธีสืบชะตา และทำบุญให้กับผู้ที่ล่วงลับไปแล้ว ที่บ้าน นายคำปัน สุยะต๊ะ อายุ 74 ปี เลขที่ 79/1 หมู่ 4 บ้านสว่างอารมณ์ ต.สว่างอารมณ์ อ.ดอกคำใต้ จ.พะเยา ทำให้ตลอดทั้งวันมีชาวบ้านทยอยเดินทางไปดู แต่ก็ต้องผิดหวัง เนื่องจากตุ๊กแก ไม่ยอมโผล่ออกมาจากฝ้าเพดานให้เห็นเลย ชาวบ้านจึงหันไปซื้อรูปที่มีพ่อค้าแม่ค้าอัดมาขายแทน ในราคาใบละ 15 บาท เพื่อนำกลับไปบูชา

นายคำปัน เล่าว่า ก่อนหน้าที่จะเกิดเหตุการณ์ประหลาดขึ้น ฝันว่า ในหลวงและพระราชินี เสด็จพระราชดำเนินมาประทับที่บ้าน หลังจากนั้นตนจึงได้ไปปรึกษากับลูกๆ ญาติ และพระปลัดจรัส กัลญาโณ เจ้าอาวาสวัดสว่างอารมณ์ ว่าจะทำบุญสืบชะตา และอุทิศส่วนกุศลไปให้แม่หล้า ภรรยาที่เสียชีวิตไปแล้วประมาณ 30 ปีก่อน ซึ่งท่านก็ดูเวลา ให้ทำบุญวันที่ 27 ก.พ.55 เวลา 07.00 น. หลังพระสวดมนต์ก็มีเหตุการณ์ประหลาดเกิดขึ้น คือมีต๊กโต หรือ ตุ๊กแก มาห้อยหัวบนขื่อหน้าประตูบ้าน พนมมือไหว้ฟังพระสวดมนต์ ตามที่ชาวบ้านที่ร่วมงานได้เห็นกันทุกคน ถือว่าเป็นบุญของแม่หล้า อดีตภรรยาที่ล่วงลับคงได้อานิสงส์จากการทำบุญครั้งนี้ สำหรับเงินที่ได้จากการขายรูปภาพต๊กโตจำนวนหนึ่งนั้น จะนำไปทำบุญสมทบทุนสร้างฐานพระพุทธรูปสิงห์ ที่ขุดพบที่วัดร้างกลางทุ่งนาท้ายหมู่บ้าน ซึ่งปัจจุบันเก็บไว้ในวิหารวัดสว่างอารมณ์ต่อไป.

อนาถ! พบนักโทษหญิงต้องเลี้ยงลูกอ่อนในเรือนจำพัทยา

Pic_241800

สนธิกำลังเจ้าหน้าที่กว่า 200 นาย จู่โจมตรวจค้น "เรือนจำพิเศษพัทยา" เจอทั้งยาไอซ์ อุปกรณ์การเสพ และอาวุธเหล็กแหลมเพียบ อนาถพบแม่ลูกอ่อน เลี้ยงลูก ในเรือนจำกว่า 5 คน...

เมื่อวันที่ 28 ก.พ. นายเชาวลิตร แสงอุทัย นายอำเภอบางละมุง พ.ต.อ.สมนึก จันทร์เกตุ ผกก.สภ.บางละมุง จ.ชลบุรี พร้อมด้วย นายสมชาย วิมานศักดิ์ ผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษพัทยา ได้สนธิกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจบางละมุง ตำรวจปราบปรามยาเสพติด เจ้าหน้าที่ อปพร. เทศกิจเทศบาลหนองปรือ และตำรวจอาสากว่า 200 นาย ร่วมกันตรวจค้นเรือนจำเพื่อค้นหาสิ่งของผิดกฎหมาย โดยเฉพาะอาวุธ โทรศัพท์มือถือ และยาเสพติด โดยแบ่งกำลังเจ้าหน้าที่ออกเป็น 4 ชุด เข้าตรวจค้นพร้อมกันทั้งหมด 11 แดน ทั่วเรือนจำ

โดยการเข้า ตรวจค้นครั้งนี้ เน้นการตรวจค้นในแดน 4 และแดน 5 ซึ่งเป็นที่อยู่ของนักโทษในคดีอุกฉกรรจ์และยาเสพติด สำหรับผลการเข้าตรวจค้นในแดน 4 พบอุปกรณ์การเสพยาในตู้ล็อกเกอร์ เลขที่ 5/45 ซึ่งเป็นของผู้ต้องขังชาย อโณทัย เดนคำ และยังพบยาไอซ์น้ำหนัก 1.1 กรัม ในตู้ล็อกเกอร์ เลขที่ 5/55 ของผู้ต้องขังชาย จำรูญ วงษ์อยู่ พร้อมสิ่งที่ใช้เทียมอาวุธ เหล็กแหลม หนังสือสื่อลามก และยาปฏิชีวนะที่สามารถดัดแปลงเป็นยาเสพติดได้อีกจำนวนมาก
ส่วน แดน 10 เป็นจุดควบคุมนักโทษหญิง พบว่า มีผู้ต้องขังหญิงไม่น้อยกว่า 5 คน ที่ต้องนำลูกเข้ามาอยู่ด้วย เป็นภาพที่สะเทือนความรู้สึกของผู้ที่เข้าไปตรวจสอบและสื่อมวลชนอย่างยิ่ง ซึ่ง พ.ต.อ.สมนึก จันทร์เกตุ ผกก.สภ.บางละมุง ได้กล่าวว่า จากการสอบสอบถามแม่ลูกอ่อนที่เลี้ยงลูกในคุก ที่มีตั้งแต่อายุ 1-3 ขวบ ล้วนแต่เป็นคดียาเสพติดทั้งสิ้น ทุกคนไม่อยากให้ทางบ้านรู้และสามีทิ้ง จึงต้องเลี้ยงดูลูกจนกว่าจะพ้นโทษ ส่วนเด็กที่เกิดกับผู้ต้องขังหญิงในเรือนจำนั้นได้จัดที่ไว้ส่วนหนึ่ง เพื่อให้แม่ได้ให้นม หรือมีเวลาเลี้ยงลูกด้วยตนเอง

ด้านนายสมชาย วิมานศักดิ์ ผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษพัทยา เผยว่า การเข้าจู่โจมตรวจค้นเป็น นโยบายของกรมราชทัณฑ์ ที่ได้ขอความร่วมมือจากหน่วยงานในพื้นที่ เพื่อเข้าตรวจค้นหายาเสพติด โทรศัพท์มือถือ สิ่งของต้องห้าม เพื่อป้องกันเหตุ นอกจากนั้นยังเป็นการป้องปรามยาเสพติด ซึ่งในส่วนของผู้ต้องขังที่มียาเสพติด จะได้สอบสวนขยายผลถึงที่มาต่อไป

ทั้ง นี้ เรือนจำพิเศษพัทยาปัจจุบันมีนักโทษ 3,571 คน จากปกติเรือนจำสามารถจุนักโทษได้ประมาณ 1,100 คน แบ่งเป็นนักโทษชาย 2,885 คน หญิง 686 คน รวมชาวต่างชาติ และเจ้าหน้าที่ผู้ควบคุมดูแลเพียง 60 นาย ส่วนในภาพรวม ผู้ต้องขังทั้งหมด 3 พันกว่าคน พบว่าผู้ต้องขังล้วนแต่ต้องโทษยาเสพติดถึง 80 เปอร์เซ็นต์

ทำแผนฝรั่งโหด หมกศพ2ปี ย้ายที่ซ่อนทุก3ด.

Pic_242346

ตำรวจภูเก็ตนำหนุ่มนอร์เวย์ ผู้ต้องหาฆ่าอดีตแฟนสาว และซุกซ่อนศพไว้นาน 2 ปี มาทำแผนประกอบคำรับสารภาพ อ้างมีปากเสียงรุนแรงก่อนผลักตกบันไดศีรษะกระแทกพื้นเสียชีวิต นำศพยัดถังขยะ ระบุทุก 3 เดือนจะเปลี่ยนที่ซ่อนศพ 1 ครั้ง...

ความ คืบหน้าคดีผัวโหดชาวนอร์เวย์ฆ่าหั่นศพอดีตแฟนสาวหมกบ้านหรูใน จ.ภูเก็ต ล่าสุด เมื่อวันที่ 1 มี.ค. พ.ต.อ.ศิริศักดิ์ วาสะศิริ ผกก.สภ.ฉลอง พร้อมด้วย พ.ต.ท.ณรงค์ ลักษณะวิมล รอง ผกก.ป. พ.ต.ท.ชวลิต เพชรศรีเปีย พ.ต.ท.พาชัย มัธยันต์ สวป. และเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนอีกจำนวนหนึ่ง ได้นำตัว นายสแตน ฮาเวิร์ด ดอกเซ็ท อายุ 50 ปี สัญชาตินอร์เวย์ นักธุรกิจระดับเศรษฐีชาวนอร์เวย์ ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพคดีสังหาร นางรุ่งนภา ราชสมบัติ อายุ 33 ปี อดีตภรรยา แล้วหมกชิ้นส่วนศพในถังขยะภายในห้องน้ำ ที่บ้านเลขที่ 60/11 ซอยโคกโตนด ต.กะรน อ.เมือง จ.ภูเก็ต โดยมีกองทัพสื่อมวลชนและต่างประเทศร่วมทำข่าวจำนวนมาก
โดย ในจุดแรกมีการทำแผนใน ห้องนอนชั้น 1 ของบ้านพัก ซึ่งเป็นจุดที่นายแสตน ทะเลาะกับ นางรุ่งนภา อย่างรุนแรง ก่อนที่นายสแตน จะผลักนางรุ่งนภา ศีรษะไปกระแทกกับพื้น จุดที่ 2 จุดที่นายสแตนลากศพนางรุ่งนภา ยัดใส่ถังขยะและปิดด้วยถุงดำและปิดฝาถังขยะ  และนำซุกซ่อนไว้ในห้องน้ำดังกล่าว ก่อนที่จะมีการตรวจค้นเจอ ขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้แจ้งข้อกล่าวหานายสแตน ฮาเวิร์ด ดอกเซ็ท อายุ 50 ปี สัญชาตินอร์เวย์ข้อหา มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต, ฆ่าผู้อื่นตายโดยเจตนา และปิดบังซ่อนเร้นอำพรางศพ เบื้องต้นนายสแตน ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา

นายสแตน กล่าวว่า ตนรักนางรุ่งนภามาก แม้ว่าเขาจะนอกใจตนไปมีใคร ก่อนเกิดเหตุได้มีปากเสียงทะเลาะกับนางรุ่งนภา อย่างรุนแรง จากนั้นนางรุ่งนภา ได้เข้ามาทำร้าย จึงใช้ฝ่ามือทั้ง 2 ข้างผลักจนนางรุ่งนภาล้มลง ศีรษะกระแทกพื้นและหมดสติไป ในระหว่างนั้นทำอะไรไม่ถูก รู้สึกช็อกไปชั่วขณะ เมื่อมาจับชีพจรของนางรุ่งนภาก็ทราบว่าเสียชีวิตแล้ว จึงเกรงว่าจะมีความผิด และคิดว่าสามีใหม่ของนางรุ่งนภา ที่เป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจจะเอาผิด จึงตัดสินใจเอาร่างไร้วิญญาณของนางรุ่งนภายัดใส่ถังขยะ และปิดด้วยถุงพลาสติกสีดำ ก่อนที่จะล็อกห้อง เพื่อไม่ให้ใครเข้าไปในห้องดังกล่าว ซึ่งในรอบ 3 เดือนจะเคลื่อนศพ จากห้องน้ำหนึ่งไปยังอีกห้องน้ำหนึ่ง บริเวณใกล้กัน เพื่อทำความสะอาดพื้นห้องน้ำ โดยตนจะเป็นผู้ทำความสะอาดเอง ไม่ใช้แม่บ้าน
ด้าน นายวรรณโณ ราชสมบัติ อายุ 41 ปี น้าชายของนางรุ่งนภา ผู้ตาย กล่าวว่า ขณะนี้ทางญาติได้ทำใจแล้วกับความหวังการติดตามนางรุ่งนภาที่หายไปตั้งแต่ กลางปี 2552 ที่คิดว่าจะต้องพบกับนางรุ่งนภา ในสภาพที่มีชีวิต แต่ตอนนี้ความหวังดังกล่าวไม่เหลือแล้ว ตนได้รับการติดต่อจากเจ้าหน้าที่ตำรวจและเจ้าหน้าที่สถาบันนิติเวช จ.สุราษฎร์ธานี ว่า ศพที่พบขณะนี้ 99.99 เปอร์เซ็นต์ น่าจะเป็นนางรุ่งนภา รอแค่ผลการยืนยันการตรวจดีเอ็นเอ จากแม่ของนางรุ่งนภา กับศพที่พบเพียงอย่างเดียวเพื่อมายืนยัน คาดว่าผลตรวจจะต้องใช้เวลาประมาณ 1 เดือน ถึงผลจะออก โดยเบื้องต้นแพทย์ได้สอบถามเกี่ยวกับการทำศัลยกรรมของนางรุ่งนภา ซึ่งนางรุ่งนภา นั้นมีการทำศัลยกรรมหน้าอกทั้ง 2 ข้าง นิ้วก้อยและหัวแม่เท้า รวมทั้งเสริมดั้งจมูกด้วย ซึ่งการทำศัลยกรรมดังกล่าวตรงกับการตรวจของแพทย์ โดยขณะนี้ทางคดีก็ขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินคดีตามกฎหมายกับผู้กระทำความ ผิดโดยถึงที่สุด

สำหรับคดีนี้ถูกเปิดเผยขึ้น เมื่อมีชาวบ้านทำหนังสือร้องเรียนไปยังกองปราบปราม ว่าที่บ้านของนายสแตน มีกลิ่นเหม็นคล้ายซากศพโชยออกมา คาดว่าจะมีเหตุฆาตกรรม เจ้าหน้าที่จึงนำหมายศาลเข้าตรวจค้นรอบแรกพบปืนพกขนาด 9 มม. พร้อมกระสุน กระเป๋าถือของผู้หญิงข้างในมีโทรศัพท์มือถือ และบัตรประจำตัวประชาชนระบุชื่อ นางรุ่งนภา สุขทอง 1 ใบ และนางรุ่งนภา ราชสมบัติ 1 ใบ แต่ไม่พบตัวนางรุ่งนภา จากการตรวจค้นห้องน้ำชั้น 1 พบถังขยะขนาดใหญ่ สีเขียวของเทศบาลกะรน มีกลิ่นเหม็นโชยออกมา จึงเปิดดูก็ต้องผงะ เมื่อพบกระดูกชิ้นส่วนและเศษเนื้อ คล้ายท่อนขามนุษย์ จึงนำส่งสถาบันนิติเวช รพ.ตำรวจ เพื่อพิสูจน์

จากนั้น เจ้าหน้าที่ได้เข้าตรวจค้นอีกครั้ง โดยประสานรถดูดส้วมของเทศบาลตำบลกะรนมาดูดบ่อเกรอะกับบ่อน้ำทิ้ง 4 บ่อบริเวณหลังบ้านเพื่อหาเศษชิ้นส่วนอื่นๆ ที่คาดว่าถูกทิ้งไว้ แต่ไม่พบสิ่งต้องสงสัย เจ้าหน้าที่จึงควบคุมตัวนายสแตน ไปสอบสวนที่ สภ.ฉลองจนยอมเปิดปากรับสารภาพว่าลวงนางรุ่งนภา อดีตภรรยามาหาที่บ้านเพื่อเจรจาปัญหารัก หลังจากผู้ตายไปแต่งงานกับชายคนใหม่ แต่เกิดทะเลาะกันจึงพลั้งมือผลักนางรุ่งนภาตกบันไดเสียชีวิต จึงนำศพไปยัดถังขยะไว้ กระทั่งกลิ่นโชยออกไปจนถูกชาวบ้านแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจให้มาตรวจสอบพบศพใน ที่สุด.

สุดทนก๊งเหล้า ฉลอง'หงส์แดง'แชมป์ฯ คว้าปืนเจาะเบ้าตาดับ

Pic_241641

หนุ่มช่างคอมฯรำคาญ ข้างห้องก๊งเหล้าส่งเสียงดังทุกวันจนนอนไม่หลับ แถมชวนเพื่อนมาร่วมวงคุย"ลิเวอร์พูล"ได้แชมป์คาร์ลิ่งคัพดังลั่น สุดโมโหขับรถเสียงดังประชด กลับโดนต่อว่า วิ่งเข้าห้องคว้าปืนซัดเบ้าตาดับคาที่...

เมื่อเวลา 22.10 น.วันที่ 2 7 ก.พ. 2555  พ.ต.ท.บุญเลิศ อ่อนกลาง สารวัตรเวร สภ.ฉลอง อ.เมือง จ.ภูเก็ต รับแจ้งเหตุคนถูกยิงเสียชีวิต บริเวณบ้านเช่าเลขที่ 35/26 ซอยป่าหลาย ม.2 ต.ฉลอง อ.เมือง จ.ภูเก็ต จึงเดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุหน้าห้องหมายเลข 26 พบเก้าอี้ตกระเนระนาด พร้อมแก้วเหล้าและกับแกล้ม บริเวณเก้าอี้พบศพนายสุทิน ฮกเม่ง อายุ 42 ปี อยู่บ้านเลขที่ 43 ม.4 ต.นาเตย อ.ท้ายเหมือง จ.พังงา สภาพศพสวมเสื้อยืดคอกลมแขนสั้นสีเทา สวมกางเกงขาสั้นแบบสามส่วนสีขาว ผูกผ้าขาวม้าคาดเอว 1 ผืน สะพายกระเป๋า 1 ใบ ถูกยิงด้วยอาวุธปืนไทยประดิษฐ์ 1 นัด กระสุนเข้าที่บริเวณเบ้าตาด้านขวา เป็นรูโป๋ ขนาดใหญ่ ทำให้ดวงตาด้านขวาหายไปทั้งดวง ศรีษะก้มลงติดอยู่บนโต๊ะ มือทั้ง 2 ข้างยืดตรงขนาบกับลำตัว มีเลือดไหลนองพื้น

ส่วนมือปืน ชาวบ้านช่วยกันจับกุมตัวเอาไว้ได้ ทราบชื่อ นายธีระพงษ์ วีระพล อายุ 46 ปี อยู่บ้านเลขที่ 84/176 ม.6 ต.วิชิต อ.เมือง จ.ภูเก็ต อาชีพซ่อมคอมพิเตอร์ สภาพถูกตีเข้าที่ศีรษะแตกเลือดอาบ และโหนกแก้มด้านซ้ายถูกชกจนเป็นแผลขนาดใหญ่ จากนั้นเจ้าหน้าที่จึงควบคุมตัวไปสอบสวนที่สภ.ฉลอง

จาก การสอบสวนทราบว่า ก่อนเกิดเหตุผู้ตายได้เดินทางมาจากบ้านพักซอยธนูเทพ ม.8 ต.ฉลอง เพื่อนั่งดื่มเหล้ากับเพื่อนบริเวณหน้าบ้านที่เกิดหตุ โดยกลุ่มผู้ตายคุยถึงทีมลิเวอร์พูลได้แชมป์ฟุตบอลคาร์ลิ่งคัพ ซึ่งได้ส่งเสียงดังลั่น ทำให้นายธีระพงษ์  ไม่พอใจ ขับรถจักรยานยนต์ออกจากบ้านผ่านวงเหล้าอย่างรวดเร็ว ทำให้ผู้ตายไม่พอใจ และได้ต่อว่านายธีระพงษ์เมื่อกลับถึงบ้านพัก โดยมีการตอบโต้ทะเลาะกันพร้อมตำหนิกลุ่มของผู้ตายว่า ไม่เกรงใจชาวบ้านมีการส่งเสียงดังทุกคืน จากนั้นนายธีระพงษ์ เดินเข้าไปในบ้านคว้าปืนไทยประดิษฐ์ยิงใส่ผู้ตาย 1 นัด  และถูกรุมทำร้ายจากเพื่อนผู้ตายโดยพยายามหลบหนี แต่ท้ายสุดได้ถูกชาวบ้านช่วยกันจับกุมตัว

เบื้องต้นนายธีระพงษ์  ให้การรับสารภาพ  เนื่องจากไม่พอที่ผู้ตายดื่มเหล้าที่บ้านหลังดังกล่าวเป็นประจำ พร้อมทั้งส่งเสียงดังรำคาญ จนนอนไม่หลับ ซึ่งต้องอดทนมานาน ก่อนเกิดความโมโห คว้าปืนมาจ่อยิงผู้ตาย โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ควบคุมตัวเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

"ดอน สอนระเบียบ" น้ำตาคลอ ซุ่มรักษาอัมพฤกษ์ไร้เพื่อนเยี่ยม

Pic_241308

อดีตนักร้องดังแมว 9 ชีวิต "ดอน สอนระเบียบ" ซุ่มบำบัดร่างกายที่เป็นอัมพฤกษ์ด้วยแพทย์แผนไทย ที่วัดดังเมืองลำปาง น้ำตาซึมเพื่อนๆ หนีหาย ไม่มีใครมาเยี่ยม ...

กรณีนักร้องดังฉายาแมว เก้าชีวิตถึงคราวชีวิตวูบลง ต้องทนทุกข์กับโรคภัยประจำตัว เปิดเผยขึ้น เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 26 กพ. ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปที่วัดบ้านทุ่งบ่อแป้น ต.ปงยางคก อ.ห้างฉัตร จ.ลำปาง ภายหลังทราบว่านักร้องลูกทุ่งและแนวสตริง เจ้าของฉายาแมว 9 ชีวิต ดอน สอนระเบียบ เดินทางเข้ามารักษาตัวที่ป่วยเป็นโรคอัมพฤกษ์ และอีกหลายโรครุมเร้า ที่วัดบ้านทุ่งบ่อแป้น ซึ่งเป็นวัดที่มีชื่อเสียงด้านรักษาโรคทุกชนิดตามแผนโบราณ

จากนั้น ผู้สื่อข่าว ได้ติดต่อขอพบท่านพระครูอาทรประชากิจ เจ้าอาวาสวัดบ้านทุ่งบ่อแป้น และเป็นผู้รักษาอาการป่วยของนายดอน สอนระเบียบ โดยตรง เพื่อเข้าเยี่ยมอาการและขอสัมภาษณ์ เนื่องจาก ดอน สอนระเบียบ เคยเป็นนักร้องดังที่มีประชาชนและแฟนเพลงรู้จักไปทั่วประเทศ ซึ่งนายดอน สอนระเบียบ ก็อนุญาตให้เข้าเยี่ยมได้ แต่ให้เวลาได้ไม่มาก เนื่องจากพูดไม่ค่อยได้ โดย ดอน สอนระเบียบ นั่งอยู่บนรถเข็นสวมเสื้อยืดแขนยาว กางเกงขายาว มีเจ้าหน้าที่ของวัดมีทั้งหญิงและชายดูแลอย่างใกล้ชิด 3 คน

อดีตนัก ร้อง ดอน สอนระเบียบ เปิดเผยอย่างช้าๆ เพราะพยายามกัดฟันพูด ทำให้ชัดเป็นบางคำ ว่า พระเอกบิณฑ์ บรรลือฤทธิ์ เป็นคนแนะนำมารักษาที่วัดแห่งนี้ก่อนปลายปี 54 ที่ผ่านมา แต่ไปๆมาๆ และเริ่มมาอยู่ประจำเลยตั้งแต่ปี 55 จนถึงเดี๋ยวนี้ เมื่อสอบถามว่ามีคนในวงการนักร้องและวงการบันเทิงหรือเพื่อนฝูงมาเยี่ยมที่ วัดบ้างหรือไม่ อดีตนักร้องดัง เริ่มมีน้ำตาคลอเบ้าเล็กน้อย ก่อนพูดว่าไม่มีใครเลย

ส่วน ทางนายวิพุร ศรีจันทร์ ผู้ดูแลส่วนตัว กล่าวว่า ทุกวันนี้เวลาเช้าคุณดอนจะต้องดื่มกาแฟทุกวัน แต่ให้เวลาเดียว ส่วนการนวดตัวประคบตัวด้วยยาสมุนไพร จะรักษาวันละ 1 ครั้งเท่านั้น จากนั้น ก็จะเข้าห้องและสั่งให้ตัวเองเปิดเพลงลุกทุ่งทั่วไปให้ฟัง และจะโปรดมากเป็นเพลงของพี่แจ้ ส่วนเพลงดังของตัวเอง คุณดอนไม่ให้เปิด ไม่อยากคิดถึงครั้งเก่าที่ผ่านมากับชีวิตที่ตกต่ำของตัวเอง ซึ่งก่อนหน้านี้ ช่วงเช้าจะนั่งรถเข็นเที่ยวบริเวณวัด เพื่อผ่อนคลายทุกวัน แต่ช่วงนี้มีหมอกควันปกคลุม หวั่นว่าจะแพ้อากาศจึงเก็บตัวอยู่ในห้องทั้งวัน

ส่วน อาการทั่วไปของ ดอน สอนระเบียบ ท่านพระครูอาทร ประชากิจ กล่าวว่า โดยทั่วไปพอใจมากดีขึ้นกว่าเดิมมาก ทุกส่วนการตอบสนองดี แต่สุขภาพด้านจิตใจจะต้องใช้เวลา เนื่องจากคุณดอนมีอาการชอบเก็บตัวเงียบ ซึมเศร้า ทุกวันนี้อยู่ได้ด้วยเสียงเพลง ส่วนจะหายเป็นปกติหรือไม่ ก็ต้องใช้เวลานานเหมือนกัน ทั้งนี้ ก็อยู่ที่กำลังใจด้วยเช่นกัน เพื่อนในวงการหากมีเวลาก็ควรมาเยี่ยมบ้าง เขาก็จะมีกำลังใจ อาการป่วยก็อาจจะหายเร็วขึ้น ซึ่งทุกวันนี้มีเพียงภรรยาคู่ชีวิตของดอน สอนระเบียบ คือคุณใหม่ เท่านั้นที่เดินทางมาเยี่ยมเป็นบางอาทิตย์.

จนมุมยังโหด มือฆ่า5ศพ ยิงสู้ตำรวจ3ชม.

Pic_241423

มือฆ่า 5 ศพ โหดไม่เลิก โดนเจ้าหน้าที่ตำรวจสระแก้ว ระดมกำลังปิดล้อมบ้าน ฮึดสู้ยิงโต้นานกว่า 3 ชั่วโมง จน พ.ต.ท.ได้รับบาดเจ็บ รถตำรวจพรุน แต่ที่สุดไปไม่รอด กระสุนหมด กลัวโดนวิสามัญ ยอมเปลือยร่างเหลือแต่กางเกงใน เดินออกมามอบตัวแต่โดยดี...

เมื่อ เวลา 19.30 น. วันที่ 26 ก.พ. ตำรวจภูธรสระแก้ว นำกำลังเข้าปิดล้อม ชุมชนบ้านหัวช้าง หมู่ 4 ต.ท่าเกวียน อ.วัฒนานคร จ.สระแก้ว หลังนายวีระ วาวจังหรีด ฆาตรกรมือปืนโหด 5 ศพ ได้ถูกเจ้าหน้าที่ปิดล้อมตรวจค้นกดดันอย่างหนัก จนหมดหนทางหนีซมซานกลับมาหาแม่ที่บ้าน แต่กลับมาอาศัยบ้านนายหวัง ซึ่งเป็นเพื่อนรัก ซึ่งอยู่ห่างจากบ้านแม่ไม่มากนัก หลังเจ้าหน้าที่ทราบแน่ชัดว่า นายวีระ ได้มาซุกซ่อนอยู่บ้านหลังดังกล่าว จึงนำกำลังเข้าปิดล้อม แต่นายวีระได้ใช้อาวุธปืนยิงสวนออกมาทำให้ลูกปืนเจาะเข้ากระจกด้านหน้าคนขับ รถสายตรวจตำรวจยี่ห้อ อีซูซุ ดีแมคซ์ สีน้ำเงิน ทะเบียน บท 1423 ปราจีนบุรี ลูกปืนทะลุกระจกถากศีรษะ ของ พ.ต.ท.สาคร กันหา สว.ส.สภ.อรัญประเทศ ได้รับบาดเจ็บ

จากนั้นนายวีระ ยังยิงเข้าใส่ตำรวจอีกหลายสิบนัด จากนั้น พล.ต.ต.ธเนตร์ พิณเมืองงาม ผบก.ภูธรจังหวัดสระแก้ว จึงนำเครื่องขยายเสียงมาพูดเจรจาเกลี้ยกล่อม ให้ยอมมอบตัว แต่นายวีระไม่ยอม ต้องใช้เวลาเกลี้ยกล่อมนานกว่า 3 ชั่วโมง นายวีระจึงยอมมอบตัว โดยทางตำรวจให้นายวีระแก้ผ้าเหลือแต่กางเกงใน ระหว่างเดินออกมาให้ใช้มือประสานไว้บนศีรษะ จากนั้นตำรวจได้ควบคุมตัวนำไปยัง สภ.เขาฉกรรจ์ทันที
ทั้ง นี้ จะมีการแถลงข่าวการจับกุมในวันที่ 27 ก.พ. โดยผู้บัญชาการภูธรภาค 2 จะมาแถลงข่าวด้วยตนเอง หลังนำตัวนายวีระ ไปควบคุมไว้ที่ สภ.เขาฉกรรจ์แล้ว เจ้าหน้าที่ได้ตรึงกำลังอยู่บริเวณรอบๆ บ้านของนายหวัง เนื่องจากไม่กล้าเข้าไปในบ้าน เนื่องจากนายวีระ บอกว่า ได้ห้อยระเบิดไว้หน้าบ้าน ทำให้ตำรวจต้องถอยร่นออกมาปิดล้อมไว้ รอตอนเช้าจึงจะเข้าไปเคลียร์พื้นที่

ส่วนความสำเร็จในการจับตัวฆาต รกรโหดรายนี้ ทางตำรวจภูธรสระแก้ว ได้ใช้วิธีกดดัน ค่อยๆ จับกุมตัวเพื่อนๆ และเครือข่ายของนายวีระทีละคน จนไม่มีใครที่คอยช่วยเหลือส่งเสบียง ทำให้นายวีระ จนตรอก ต้องหนีซมซานมายังถิ่นบ้านของตนเอง จนถูกจับกุมได้ดังกล่าว.

ฮือฮา!ตุ๊กแกห้อยหัว-พนมมือไหว้พระ ในพิธีสืบชะตาเจ้าของบ้าน


ชาวบ้านดอกคำใต้ จ.พะเยา แตกตื่น “ตุ๊กแก” ห้อยหัว-พนมมือไหว้พระ ขณะทำพิธีสืบชะตาเจ้าของบ้าน ลูกชายเชื่อเป็นวิญญาณแม่ที่เสียชีวิตไปแล้วกว่า 30 ปี ชาวบ้านแห่ถ่ายรูป ตีเลขแทงหวยคึกคัก พ่อค้าหัวใสอัดรูปขาย ...

เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 27 ก.พ. ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งว่า มีเหตุการณ์ประหลาดเกิดขึ้นที่ บ้านเลขที่ 79/1 หมู่ 4 บ้านสว่างอารมณ์ ต.สว่างอารมณ์ อ.ดอกคำใต้ จ.พะเยา จึงเดินทางเข้าไปพิสูจน์ พบว่าที่บ้านหลังดังกล่าวซึ่งเป็นบ้านไม้ยกพื้นสูง อยู่ติดริมถนนสว่างอารมณ์–ดอกคำใต้ มีชาวบ้านกว่า 50 คน มานั่งและยืนล้อมวงอยู่หน้าที่หน้าบ้าน เพื่อสังเกตตุ๊กแก ลำตัวความยาวประมาณ 9 นิ้ว ใช้ขาหลังเกาะขื่อเพดานบ้านหน้าประตูทางขึ้นเข้าบ้าน ส่วนหัวนั้นห้อยลงมา ขาหน้าทั้ง 2 ขา ตรงฝ่านิ้วประกบกันเหมือนคนพนมมือไหว้

นายคำปัน สุยะต๊ะ อายุ 74 ปี เจ้าของบ้าน กล่าวว่า เมื่อเวลา 07.00 น. ที่ผ่านมา ลูกๆ และญาติๆ ได้ทำบุญสืบชะตาให้แก่ตนเองกับนางศรี อายุ 61 ปี ภรรยา ระหว่างที่พระทำพิธีอยู่นั้น ก็มีเสียงแตกตื่นข้างล่างบ้าน พร้อมเสียงบอกต่อๆ กันว่า มีตุ๊กแก ห้อยหัวอยู่หน้าประตูบ้าน พร้อมกับยกมือพนมไหว้ระหว่างพระทำพิธี จนพระทำพิธีเสร็จ พระที่ทำพิธีเห็นตุ๊กแกได้ปรารภกับตนว่า บ้านนี้จะโชคดีที่มีตุ๊กแกมาฟังพระสวดมนต์ เนื่องจากตอนที่พระให้พรนั้น ชาวบ้านกว่า 50 คนต่างมองเห็นตุ๊กแกผงกหัวอยู่ตลอดเวลา ส่วนที่ขาหน้าก็พนมมือไหว้อย่างคน และตอนที่พระเอาน้ำมนต์ไปพรมใส่ตุ๊กแก ก็ใช้ขาหน้าพนมมือและใช้ขาหน้าลูบไล้ส่วนหัวคล้ายกับคน ถือเป็นสิ่งที่แปลกประหลาดมาก เกิดมาอายุปูนนี้เพิ่งเห็น ซึ่งก่อนหน้านี้ที่บ้านก็ไม่มีตุ๊กแกสักตัวเดียว จู่ๆ ก็มาให้เห็น
ด้าน นายนันท์ สุยะต๊ะ อายุ 55 ปี บุตรชาย นายคำปัน เล่าเหตุการณ์ให้ฟังว่า หลังจากที่พระพรมน้ำมนต์เสร็จ ชาวบ้านต่างเอาโทรศัพท์มือถือมาถ่ายรูป ปรากฏว่าตุ๊กแก ใช้ขาหน้าข้างหนึ่งแกว่งไปมาเหมือนยกห้าม ทำให้เป็นที่ฮือฮาของชาวบ้าน ตนเชื่อว่าคงจะเป็นวิญญาณของแม่ที่ล่วงลับไปแล้วกว่า 30 ปี หรือน้องๆ อีก 2 คน มาร่วมรับรู้การสืบชะตาอุทิศส่วนกุศลไปให้ โดยระหว่างทำพิธีตั้งแต่ 07.00 - 10.00 น. ตุ๊กแกก็ยังห้อยหัว พนมมืออยู่ไม่ไปไหน ตนกับญาติๆ จึงได้ทำพิธีตามความเชื่อ จุดธูป พรมน้ำมนต์ พร้อมกับกล่าวว่า หากเป็นวิญญาณแม่ หรือน้องๆ ให้รับรู้ว่าพวกเราคิดถึงและอุทิศส่วนกุศลไปให้แล้ว ขอให้กลับไปสู่ที่ดีๆ มีสุขตามภพชาติที่อยู่ จากนั้นตุ๊กแกก็ขยับตัวพลิกคลานเข้าไปในช่องขื่อเพดาน

ขณะเดียวกัน มีบุคคลที่ถ่ายรูปตุ๊กแกพนมมือห้อยหัวได้ ไปอัดเป็นรูปขนาดใหญ่ ก่อนมาจำหน่ายใบละ 15 บาท ซึ่งชาวบ้านพากันซื้อเพื่อนำไปบูชา เพราะเป็นสิ่งแปลกที่ไม่เคยพบเห็นมาก่อน และเอาไปตีเลขกันต่างๆ นานา รวมทั้งเลขอายุเจ้าของบ้านและเลขบ้าน หวังได้โชคลาภ.

อิหร่านบึมกลางกรุง...เลือกไทยเป็นพื้นที่แก้แค้น!?!

Pic_238726

14 กุมภาพันธ์ วันวาเลนไทน์ หลายคนตั้งใจซื้อดอกไม้ ช็อกโกเลต หรืออะไรก็ได้ที่ต้องการสื่อให้คนรักรับรู้ความในใจ อย่างไรก็ตาม ในวันที่โลกทั้งโลกกลายเป็นสีชมพู แต่ กรุงเทพมหานคร เมืองหลวงที่ได้ชื่อว่าเป็นเมืองที่น่าท่องเที่ยวที่สุดแห่งหนึ่งของโลก กลับมีเสียงระเบิดดังขึ้นตรงใจกลางเมืองย่านสุขุมวิท 

โดย เมื่อเวลา 14.30 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.คลองตัน รับแจ้งเกิดเหตุระเบิดมากกว่า 1 ครั้ง ขึ้นที่บริเวณตู้โทรศัพท์ข้างทางภายในซอยปรีดีพนมยงค์ 31-33 หน้า รร.เกษมพิทยา และริมถนนสุขุมวิท 71 แขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพฯ หลังรับแจ้งเจ้าหน้าที่รุดไปที่เกิดเหตุ พบเศษซากระเบิด และเศษอิฐ กระจก กระจายเกลื่อน เจ้าหน้าที่พบร่างของชายคนหนึ่งนอนอยู่ข้างตู้โทรศัพท์สาธารณะ เป็นชาวต่างชาติ สภาพขาขาดทั้ง 2 ข้าง เลือดไหลนองพื้น ข้างตัวมีกระเป๋าเป้สีดำตกอยู่ และมีผู้บาดเจ็บเป็นคนไทยอีก 3 คน ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลกล้วยน้ำไท พยานระบุว่าชายต่างชาติคนดังกล่าวเป็นคนโยนระเบิดใส่ตู้โทรศัพท์ และรถแท็กซี่

ในที่เกิดเหตุยังพบลูกระเบิดอีก 1 ลูก ที่พร้อมใช้งาน เจ้าหน้าที่จึงดำเนินการเก็บกู้อย่างระทึก!
จาก การตรวจสอบทราบว่า ระเบิดที่คนร้ายซุกซ่อนอยู่ภายในบ้านเช่าเกิดระเบิดขึ้น ทำให้คนร้ายทั้ง 3 คน หลบหนีออกมาจากบ้าน ภายในซอยปรีดีพนมยงค์ 35 และพยายามเรียกแท็กซี่ แต่แท็กซี่ไม่จอด คนร้ายโกรธจึงโยนระเบิดใส่รถแท็กซี่จนพังเสียหาย คนขับได้รับบาดเจ็บ จากนั้นคนร้ายได้เดินออกไปที่หน้าโรงเรียนเกษมพิทยา ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากจุดแรก ระหว่างนั้นได้มีรถจักรยานยนต์เจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจขี่ผ่านมา คนร้ายได้ปาระเบิดใส่เจ้าหน้าที่ แต่ระเบิดตกลงข้างตัว ทำให้คนร้ายได้รับบาดเจ็บขาขาดทั้ง 2 ข้าง ส่วนคนร้ายอีก 2 คนได้หลบหนีไป

เรื่องราวที่เกิดขึ้น ทำให้ "คนไทย" ต้องผวาอีกครั้ง หวั่นวิตกในความปลอดภัยของตนเอง ว่าจะใช้ชีวิตอย่างไร หากประเทศไทยต้องประสบภัยกับการก่อการร้าย!!
ตลอดทั้งวัน ผู้นำประเทศต่างป่าวประกาศบอกประชาชนทุกคนว่า "อย่าตื่นตระหนก!" ยังไม่เกิดการก่อการร้าย หรือวินาศกรรม แต่จะให้รู้สึกอย่างนั้นได้อย่างไร เมื่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมันตรงกันข้าม

คน ที่เห็นเหตุการณ์เล่าว่า หลังคนร้ายโดนระเบิดจนขาขาดกระเด็น คนร้ายได้พยายามผงกตัว เพื่อขอความช่วยเหลือ แต่เจ้าหน้าที่ และไทยมุง ก็ไม่กล้าเข้าไปช่วยเหลือ เวลาผ่านไปราว 20 นาที คนร้ายได้พยายามหยิบกระจกขึ้นมาปาดคอตัวเอง นาทีนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจและพยาบาล และผู้เกี่ยวข้องจึงได้เข้าไปช่วยเหลือและนำคนเจ็บส่งโรงพยาบาล

ตรวจสอบทราบชืิ่อคือ นายฟาอิต โมราติ อายุ 28 ปี ชาวอิหร่าน ซึ่งแพทย์โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ ได้ช่วยเหลือจนพ้นขีดอันตรายแล้ว แต่เขาจะไม่มีขาทั้งสองข้างที่เคยใช้อยู่อีกต่อไป
หลังเกิดเหตุระเบิด เจ้าหน้าที่พยายามไล่ล่า คนร้ายอีก 2 คนที่เหลือ และก็สามารถจับกุมได้สำเร็จ 1 คน คือ นายโมฮัมเหม็ด ฮาซาอี (MOHAMMAD HAZAEI) อายุ 42 ปี ที่สนามบินสุวรรณภูมิ หลังพยายามจะหนีออกนอกประเทศ​ ด้วยการซื้อตั๋วเครื่องบินเที่ยวบิน MD 3575 ไปกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย
จากการตรวจค้นสัมภาระ พบลูกกระสุนซึ่งเป็นลูกเหล็ก ลักษณะกลมๆ ที่ใส่ในวัตถุระเบิด ใกล้เคียงกับชิ้นส่วนสะเก็ดระเบิดที่พบในที่เกิดเหตุย่านคลองตัน

ใน เวลาต่อมา พล.ต.ท.วินัย ทองสอง ผบช.น. ได้ออกมาเปิดเผยถึงการใช้ระเบิดของคนร้ายว่า เจ้าหน้าที่ผู้ชำนาญเกี่ยวกับวัตถุระเบิด ได้ให้ความเห็นตรงกันว่า การก่อเหตุระเบิดนั้น มุ่งหวังที่จะสังหารตัวบุคคล มากกว่าก่อเหตุให้เกิดความเสียหายต่อบริเวณในพื้นที่กว้าง ส่วนคนร้ายรายนี้ จะเคยก่อเหตุที่อื่นมาด้วยหรือไม่นั้น อยู่ระหว่างการสอบสวนและดำเนินการตรวจสอบอยู่

ขณะที่เรื่องที่มาของ วัตถุระเบิดนั้น พล.ต.ท.วินัย กล่าวว่า ปกติแล้วระเบิดแบบซีโฟร์ จะใช้เกี่ยวกับการระเบิดหินในเมืองไทยก็หาได้ ซึ่งไม่ได้มีการต่อวงจรอะไรเลย ระเบิดแบบซีโฟร์ก็จะเป็นการเอาแก๊ประเบิดมาเสียบเข้าไปเท่านั้น ไม่ได้มีการต่อวงจรสลับซับซ้อนอะไร

ส่วนประเด็นเรื่องแม่เหล็ก ที่พบในวัตถุระเบิดของคนร้ายที่สงสัยว่า อาจเป็นชนิดเดียวกันกับที่มีผู้ใช้ก่อเหตุ โจมตีรถยนต์ของคณะทูตอิสราเอล ในกรุงนิวเดลี ประเทศอินเดีย เมื่อไม่นานมานี้นั้น ขณะนี้พยายามจะประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อหาความชัดเจนว่าคล้ายกันหรือไม่ และยังไม่พบว่ามีคนไทยมีส่วนเกี่ยวข้อง
สำหรับแม่เหล็กที่ตรวจพบนั้น ทางตำรวจอาจต้องประสานกับสถานทูตอิสราเอล เพื่อขอข้อมูลเหตุระเบิดโจมตีรถยนต์ของคณะทูตอิสราเอล ในกรุงนิวเดลี ประเทศอินเดีย และในกรุงทบิลิซี (Tbilisi) ประเทศจอร์เจีย เนื่องจากพบว่ามีการใช้แม่เหล็กดังกล่าวเหมือนกัน
มีรายงานเพิ่มเติม ด้วยว่า วัตถุระเบิดซีโฟร์ที่ตรวจสอบพบมีทั้งหมด 5 ลูก ระเบิดไปแล้ว 3 ลูก และสามารถเก็บกู้ได้ 2 ลูก โดยระเบิดแต่ละลูกมีน้ำหนักประมาณ 4 ปอนด์ ตั้งเวลาเอาไว้ 5 วินาที มีรัศมีทำลายล้าง 40 เมตร ระยะสังหาร 3-5 เมตร นอกจากนี้ยังพบว่าระเบิดแต่ละลูกมีการติดแม่เหล็กขนาดประมาณ 1 นิ้ว เอาไว้จำนวน 6 อัน เป้าประสงค์ของการติดแม่เหล็ก ก็เพื่อนำไปใช้ติดกับยานพาหนะเป้าหมายสังหารนั่นเอง
อย่าง ไรก็ตาม พล.ต.ท.วินัย ยังเผยถึงกรณีความเชื่อมโยงของกลุ่มก่อการร้ายว่าทั้งตัวบุคคล และของกลางไม่ได้เกี่ยวข้องกัน แต่ตัวบุคคลที่ก่อเหตุครั้งนี้ ยังไม่ได้ตั้งข้อหาก่อการร้าย แต่เราจะตั้งข้อหาตามพยานหลักฐานที่ตรวจพบ เบื้องต้นคือข้อหาครอบครองวัตถุระเบิด พยายามฆ่าผู้อื่น และเจ้าหน้าที่ตำรวจระหว่างการปฏิบัติหน้าที่  ซึ่งการออกหมายจับผู้ต้องหาเพิ่ม จะต้องให้พนักงานสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐาน แต่เชื่อว่ามีการออกหมายจับเพิ่มเติมแน่นอน
ขณะเดียวกัน สำนักข่าวต่างประเทศหลายสำนัก ได้รายงานจากกรุงกัวลาลัมเปอร์ โดยอ้างถ้อยแถลงของ นายรามลี ยูซุฟ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติมาเลเซียว่า นายมาซูด เซดากัต ซาเดห์ ผู้ต้องสงสัยชาวอิหร่านคนที่ 3 ในคดีระเบิดในกรุงเทพฯ ซึ่งหลบหนีออกนอกประเทศถูกจับกุมตัวแล้วในมาเลเซีย และกำลังถูกสอบสวนอยู่ว่าเกี่ยวข้องกับการก่อการร้ายในประเทศไทยจริงหรือไม่ แต่ตำรวจมาเลเซียไม่เผยรายละเอียดว่า จับกุมเขาได้ที่ไหนและอย่างไร และยังไม่ระบุว่าจะส่งตัวเขาให้ทางการไทย ในฐานะผู้ร้ายข้ามแดนหรือไม่
ล่าสุด ศาลอาญา กรุงเทพใต้ ได้อนุมัติหมายหมายจับผู้ต้องหาทั้งหมด รวม 4 ราย ประกอบด้วย นายฟาอิต โมราติ อายุ 28 ปี นายโมฮัมเหม็ด คาซาอี อายุ 42 ปี ที่ถูกจับกุมได้ นายมาซูด เซดากัต ซาเดห์ อายุ 31 ปี ที่ถูกจับกุมได้ที่มาเลเซีย และ น.ส.ไลล่า โรฮานี่ อายุ 30 ปี ที่เดินทางเข้ามาในประเทศไทยพร้อมกัน และเป็นผู้ติดต่อเช่าบ้านพักภายในซอยปรีดีพนมยงค์ 31 ส่วนข้อหาของแต่ละรายจะแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับพฤติกรรมของผู้ต้องหาต่าง วาระกัน โดยจะมีการดำเนินการส่งหมายไปยังตำรวจสากล หรืออินเตอร์โพล ด้วย
เรื่อง เหตุลอบวางระเบิดครั้งนี้ ทำให้นานาชาติได้ประกาศเตือนประชาชนของตนเอง ที่จะเดินทางเข้ามาประเทศไทยโดยทันที โดยเฉพาะ 2 ชาติมหาอำนาจของโลก คือ สหรัฐอเมริกา และอังกฤษ​ ได้ออกเตือนประชาชนของตัวเองให้ระมัดระวังการใช้ชีวิตอยู่ในประเทศไทยใน ทันที  โดยระบุว่า คนร้ายมีเป้าหมายจะลอบสังหารนักการทูตของประเทศอิสราเอลในไทย อาจจะลอบวางระเบิดบนรถของทูต รวมถึงวางแผนจะระเบิดสถานทูตอิสราเอลในไทยด้วย

แถลงการณ์ ออกอังกฤษ​ ประกาศเตือนประชาชนชาวอังกฤษ ที่กำลังท่องเที่ยว หรือวางแผนจะเดินทางมายังประเทศไทย ให้เพิ่มความระมัดระวัง หากเดินทางมาท่องเที่ยวในกรุงเทพมหานคร จังหวัดเชียงใหม่ เชียงราย ขอนแก่น อุบลราชธานี และอุดรธานี เนื่องจากมีความเป็นไปได้สูง ที่อาจเกิดเหตุก่อการร้ายในจังหวัดเหล่านี้
ส่วน "พี่เบิ้ม" กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐอเมริกา ออกแถลงการณ์ประณามเหตุระเบิดในกรุงเทพมหานคร พร้อมพาดพิง อิหร่านและกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ ตั้งข้อสังเกตเชื่อมโยงเหตุบึม ที่จอร์เจียและอินเดีย ยอมรับวิตกเหตุป่วนกำลังขยายเพิ่มขึ้นทั่วโลก

นาง วิคตอเรีย นูแลนด์ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ แถลงที่กรุงวอชิงตัน ประณามเหตุระเบิดในกรุงเทพฯ พร้อมทั้งแสดงความวิตกกังวลว่า ความรุนแรงในลักษณะนี้กำลังเพิ่มขึ้นทั่วโลก และบางครั้งเกี่ยวโยงกับอิหร่าน

อย่างไรก็ตาม นางนูแลนด์ ไม่ได้กล่าวโทษอิหร่านโดยตรง แต่ตั้งข้อสังเกตถึงเหตุระเบิดในอินเดียและจอร์เจีย และแผนโจมตีเป้าหมายของอิสราเอลและชาติตะวันตก ในกรุงบาคู ประเทศอาเซอร์ไบจาน เมื่อเร็วๆ นี้ จนถึงระเบิดในกรุงเทพฯ ว่า เกิดขึ้นต่อเนื่องกัน โดยที่อิหร่านเป็นผู้สนับสนุน และโยงใยกับกลุ่มฮิซบอลเลาะห์
นางนูแลนด์ เผยด้วยว่า สหรัฐฯ กำลังรอผลการสอบสวนคดีระเบิดในไทย อินเดีย และจอร์เจีย และว่าการที่ประเทศใดๆ ใช้การก่อการร้ายเป็นเครื่องมือทางนโยบายต่างประเทศ เป็นเรื่องที่น่าประณาม
ขณะเดียวกัน นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รมว.การต่างประเทศ ของไทย ระบุว่า ขณะนี้มีประเทศที่ออกประกาศเตือนให้ระวังเหตุรุนแรงในไทยจำนวน 10 ประเทศ ได้แก่ แคนาดา สหรัฐอเมริกา อังกฤษ ไอร์แลนด์ ออสเตรเลีย เนเธอร์แลนด์ ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ บราซิล และนิวซีแลนด์

ส่วนประเทศที่มีท่าทีแข็ง กร้าว ทันทีคือ อิสราเอล ซึ่งเป็นประเทศเป้าหมายของการจู่โจม  ซึ่งกระทรวงกลาโหมอิสราเอล ออกแถลงการณ์กล่าวหาอิหร่าน-กลุ่มฮิซบอลเลาะห์ อยู่เบื้องหลัง เหตุระเบิดในกรุงเทพฯ ที่เกิดขึ้น 1 วัน หลังเหตุระเบิดโจมตีรถยนต์ของนักการทูตอิสราเอลในกรุงนิวเดลี พร้อมประกาศลั่น จะต้องแก้แค้นกลุ่มก่อการร้ายแน่นอน

โดยนายเอฮุด บารัต รมว.กลาโหมของอิสราเอล แถลงระหว่างการเยือนสิงคโปร์อย่างเป็นทางการ กล่าวหาอิหร่านอยู่เบื้องหลังเหตุระเบิดในประเทศไทย โดยระบุว่า เหตุระเบิดในกรุงเทพฯ เป็นบทพิสูจน์อีกครั้ง ว่าอิหร่าน และตัวแทนของอิหร่าน ยังคงก่อกรรมทำชั่ว ด้วยการก่อการร้ายอย่างต่อเนื่อง และการโจมตีครั้งล่าสุดเป็นอีกตัวอย่างหนึ่ง อิหร่านและพันธมิตรกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ในเลบานอน คือพวกที่ยึดมั่นในการก่อการร้าย ซึ่งเป็นภัยคุกคามต่อเสถียรภาพของภูมิภาคและของโลก

แถลงการณ์ ซึ่งเผยแพร่โดยกระทรวงกลาโหมอิสราเอล ยังระบุว่า นายบารัค เพิ่งเดินทางมาเยือนกรุงเทพฯ เมื่อวันวันอาทิตย์ที่ 12 ก.พ. ที่ผ่านมา นอกจากนี้ เอพีเผยด้วยว่า เหตุระเบิดในกรุงเทพฯ เกิดขึ้นเพียง 1 วัน หลังจากเกิดเหตุระเบิดโจมตีรถยนต์ของนักการทูตอิสราเอลที่กรุงนิวเดลี ในอินเดียและในกรุงทบิลิซีในจอร์เจีย ทำให้มีผู้บาดเจ็บหลายคน และอาการสาหัส 1 คน ซึ่งอิสราเอลกล่าวหาว่าอิหร่านและกลุ่มฮิซบอลเลาะห์อยู่เบื้องหลัง แต่อิหร่านปฏิเสธ
นาย อิตซัค โชฮัม เอกอัครราชทูตอิสราเอล ประจำประเทศไทย เปิดเผยว่า แม้เป้าหมายของการระเบิดในกรุงเทพฯ ยังไม่ทราบแน่ชัด แต่สามารถประเมินจากเหตุการณ์อื่นๆ ที่ผ่านมาได้ว่า อิสราเอลตกเป็นเป้าโจมตี ระเบิดที่ใช้ก่อเหตุ คล้ายกับระเบิดที่ใช้ในการโจมตี ที่กรุงนิวเดลี ของอินเดีย และกรุงทบิลิซีของจอร์เจีย เมื่อวันจันทร์ (13 ก.พ.) ทำให้สันนิษฐานว่า อาจเป็นฝีมือของเครือข่ายก่อการร้ายเดียวกัน และการจับกุมชาวอิหร่านสองคนได้ ทำให้ไม่มีข้อสงสัยเท่าไรนัก ว่าใครอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้
นอกจากนี้ สำนักข่าวต่างประเทศยังรายงานอีกว่า นายโชฮัม ชี้ว่าเหตุการณ์ดังกล่าว เหมือนจะมีความเกี่ยวโยงกันใกล้ชิดระหว่างเหตุ ระเบิดในเมืองหลวง ของทั้งไทย อินเดีย และจอร์เจีย ภายในเวลาไม่ถึง 24 ชั่วโมง และสิ่งที่วิตกคือเป้าหมายเป็นชาวอิสราเอล วิธีการลงมือและระเบิดที่ใช้เป็นแบบเดียวกัน และเป็นเครือข่ายเดียวกัน

ส่วน กรณีที่เจ้าหน้าที่ข่าวกรองของไทยบอกว่า นายโชฮัมและนักการทูตคนอื่นๆ ของอิสราเอล ตกเป็นเป้าหมายของเหตุระเบิดครั้งนี้ นายโชฮัมบอกว่า เขาดีใจที่ความพยายามก่อเหตุล้มเหลว แต่ไม่ได้หมายความว่าทุกอย่างจบลงแค่นี้ แต่หวังว่าเราจะเดินมาถูกทางแล้ว พร้อมกันนี้เขาได้ย้ำข้อกล่าวหาว่าอิหร่านอยู่เบื้องหลังเหตุระเบิด นายโชฮัม กล่าวด้วยว่า ทางสถานทูตเพิ่มการเฝ้าระวังภัยคุกคามตั้งแต่ตำรวจไทยจับกุมชายชาวเลบานอน ได้เมื่อเดือนที่แล้ว และระบุด้วยว่าที่ผ่านมามีคำเตือนต่างๆ ออกมา แต่ทั้งหมดจะเกี่ยวข้องกันหรือไม่ ขึ้นอยู่กับการสอบสวนของตำรวจและทางการไทย

จากข้อมูลดังกล่าว  คำถามคือ...ทำไมประเทศไทย ต้องกลายเป็นสนามรบ และถูกใช้เป็นพื้นที่ก่อเหตุ

เรื่องนี้ พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบพบว่า เป็นการเตรียมการมุ่งเป้าหมายต่อบุคคล อุปกรณ์ต่างๆ ของระเบิดไม่สามารถทำลายล้างสถานที่ขนาดใหญ่ได้ หรือมีการเตรียมการก่อวินาศกรรมแต่อย่างใด ส่วนจะเป็นการดำเนินการ ในลักษณะเชื่อมโยงกับการเหตุก่อการร้าย ที่นิวเดลี และจอร์เจีย หรือไม่นั้น กำลังอยู่ระหว่างการตรวจสอบ ดังนั้นในขณะนี้ จึงยังไม่สามารถสรุปได้ชัดเจนว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นการเตรียมการก่อการร้ายในไทยหรือไม่ รวมทั้งจะเชื่อมโยงกับ นายอาตรีส ฮุสเซน สมาชิกกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ หรือไม่    

ขณะที่ นายถวิล เปลี่ยนสี อดีตเลขาธิการ สมช. ตั้งข้อสังเกตน่าคิดว่า ไทยเราต้องระมัดระวัง ไม่ให้ประเทศคู่ขัดแย้งมาใช้พื้นที่ในประเทศของเราเป็นพื้นที่แก้แค้น อันนี้ต้องเป็นหลัก ที่พูดอย่างนี้ไม่ใช่ประเทศไทยเราไม่รับผิดชอบต่อโลก ในกรณีภัยก่อการร้าย แต่ประเทศเราเป็นประเทศเล็ก คงไม่มีศักยภาพมากมายนักในการรับมือ ดังนั้น ไม่ใช่เราจะปฏิเสธต่อความรับผิดชอบซะทีเดียว
"มี บางฝ่ายออกมาตั้งคำถาม มีความจำเป็นควรมีการปรับปรุงยกเครื่องด้านการหาข่าว และหน่วยงานด้านความมั่นคง หลังเกิดเหตุระบิด 3 จุดใน กทม.หรือไม่ ว่า บ้านเมืองเราเป็นเมืองเปิด ที่เน้นการท่องเที่ยวเป็นรายได้หลักด้านหนึ่งของประเทศที่ผ่านมา ก็มีหลายฝ่ายออกมาวิพากษ์วิจารณ์ว่า การเปิดประเทศในลักษณะเช่นนี้ คุ้มค่าหรือไม่หากมีเหตุเกิดขึ้น ต่อจากนี้ไปยอมรับว่า ควรต้องมีการตรวจสอบอย่างเข้มงวดมากยิ่งขึ้น" อดีตเลขาฯ สมช. กล่าว

ด้าน น.ต.ประสงค์ สุ่นศิริ อดีต รมว.ต่างประเทศ เจ้าของฉายา CIA เมืองไทย กล่าวว่า ส่วนตัวเห็นว่า ถ้าเป็นเพียงบุคคลธรรมดา คงไม่มีความสามารถหาวัสดุที่ผิดกฎหมายมาผลิตเป็นระเบิดได้แน่ พฤติกรรมของกลุ่มคนร้ายคราวนี้ คล้ายกับการดำเนินการโดยกลุ่มก่อการร้าย ที่จะนำระเบิดที่ประกอบเสร็จแล้วไปทำลายสถานที่ในประเทศไทย เพราะเมื่อกลุ่มต่างชาติดังกล่าวเดินทางเข้ามาประกอบระเบิดในประเทศไทย ก็เชื่อว่าจะเข้ามาก่อการในประเทศไทยอย่างแน่นอน โดยเฉพาะในพื้นที่ผลประโยชน์ของประเทศอิสราเอล หรือแม้แต่สหรัฐอเมริกา แต่การกระทำของกลุ่มคนร้ายชาวต่างชาติทั้ง 3 คน เป็นพฤติกรรมการก่อการร้าย

"แน่ นอนว่าประเทศไทย ไม่ใช่คู่ขัดแย้งของทั้งประเทศอิหร่านกับอิสราเอล หรือแม้แต่สหรัฐอเมริกา แต่ก็ต้องระมัดระวังเมื่อคู่ขัดแย้งทั้ง 2 ฝ่าย อาจเข้ามาใช้พื้นที่ประเทศไทย เป็นสถานที่แสดงสัญลักษณ์การต่อต้าน มีการลอบสังหารบุคคลหรือระเบิดสถานที่บางแห่งในประเทศ อย่างสถานทูตสหรัฐอเมริกาหรืออิสราเอล หรือมีการพุ่งเป้าทำลายผลประโยชน์ของประเทศที่เป็นปรปักษ์ต่อกันใน ประเทศไทย" ซีไอเอ เมืองไทย กล่าวและว่า ดังนั้นเชื่อว่าประเทศไทยยังอยู่ในอันตราย เรื่องก่อการร้ายยังมีอยู่ การระเบิด 3 จุดที่เกิดขึ้น คงไม่ใช่แค่ต้องการทำให้เกิดความตื่นตระหนก ขณะเดียวกันรัฐบาลไทยชุดนี้ก็ต้องมีการปรับปรุง หรือวัดประสิทธิภาพด้านงานข่าวกรองหรือความมั่นคงหรือไม่ คงต้องมีการพิจารณา
อย่าง ไรก็ตาม เชื่อว่าหลังจากนี้ีรัฐบาลจะมีการตรวจเช็กประวัติบุคคลในกลุ่มประเทศที่ ให้การสนับสนุนการก่อการร้ายมากขึ้น แม้ประเทศไทยจะขึ้นชื่อว่าเป็นประเทศที่มีน้ำใจไมตรีมากที่สุดในโลกประเทศ หนึ่ง และพร้อมดูแลให้การต้อนรับนักท่องเที่ยวอย่างประทับใจเสมอมา สมกับชื่อดินแดน "Land of smile"

แต่ถ้าเล่นพกระเบิดติดตัวมาด้วย ก็คงต้องไล่ให้พ้นๆ จากดินแดนสยามแห่งนี้!.

ย้อนรอย 'สมคิด เดอะ ริปเปอร์' ตำนานเชือดสยอง5ศพ!

Pic_240171

เมื่อ 7 ปีก่อน ชื่อหนึ่งที่สร้างความตื่นตะลึง และหวาดผวาให้กับคนไทยทั่วประเทศ ย่อมต้องมีชื่อของชายคนนี้รวมอยู่ด้วยแน่นอน "สมคิด พุ่มพวง" ชายผู้ก่อเหตุฆาตกรรมหญิงสาวถึง 5 ศพในเวลาไล่เลี่ยกัน

เป็นเหตุการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิดว่าจะเกิดขึ้นในเมืองไทยมาก่อน!!

วันที่ 30 ม.ค. 48 เวลาประมาณ 05.00-07.00 น. สมคิด พุ่มพวง อายุ 41 ปี ชาว จ.นครศรีธรรมราช ลงมือฆ่า น.ส.วารุณี พิมพะบุตร ในห้องพัก 609 โรงแรมพลอย พาเลซ ต.มุกดาหาร อ.เมืองมุกดาหาร นั่นคือจุดเริ่มต้นตำนานฆาตกรรมสยองของเมืองไทย

ครั้งต่อมาวันที่ 4 มิ.ย. 48 เวลา 11.20 น. สมคิดก่อเหตุฆ่า น.ส.ผ่องพรรณ ทรัพย์ชัย ภายในห้องพัก 604 โรงแรมเวียงละคอน ต.สวนดอก อ.เมืองลำปาง จากนั้นให้หลังเพียง 7 วัน คือวันที่ 11 มิ.ย. 48 เวลาระหว่าง 01.00–14.00 น. สมคิดก่อคดีฆ่า นางพัชรีย์ อมตนิรันดร์ ภายในห้อง พัก 505 โรงแรมธรรมรินทร์ธนา ต.ทัพเที่ยง อ.เมือง จ.ตรัง เป็นเหยื่อรายที่ 3 ของเขา

สมคิดยังไม่หยุดลงมือเพียงเท่านี้ ต่อมาวันที่ 18 มิ.ย. 48 เวลา 01.00 น. เขาได้สังหาร น.ส.พรตะวัน ปังคะบุตร ในห้องพักเลขที่ 1126 โรงแรมเจริญศรีแกรนด์ อ.เมืองอุดรธานี
แม้ จะเกิดคดีฆาตกรรมหญิงสาวขึ้นถึง 4 ราย แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจก็มิได้คาดคิดว่า ทั้ง 4 ศพจะมีความเชื่อมโยงกันแต่อย่างใด เนื่องจากสถานที่เกิดเหตุอยู่คนละทิศละทาง คนละจังหวัด จากนั้นก็มีศพที่ 5 ตามมา เหตุเกิดระหว่างวันที่ 20-21 มิ.ย. 48 เวลาประมาณ 20.30–13.30 น. เหยื่อคือ น.ส.สมปอง พิมพรภิรมย์ ในห้องพัก 221 ปิยะแมนชั่น ต.ชุมเห็ด อ.เมืองบุรีรัมย์

เป็นบุญของสาวๆ อีกหลายคนเมื่อ พล.ต.ต.อัศวิน ขวัญเมือง รอง ผบช.ก.(ยศในขณะนั้น) นำกำลังบุกจับกุมได้ที่บ้านเลขที่ 24/1 หมู่ 1 ต.รอบเมือง อ.เมืองชัยภูมิ ซึ่งเป็นบ้านของนางประภาพร เพียรชัยภูมิ อายุ 36 ปี แม่ม่ายลูก 4 และเป็นภรรยาใหม่ของ สมคิด ซึ่งไม่มีท่าทีสะทกสะท้าน ยอมให้ตำรวจจับกุมโดยดี ตรวจค้นพบของกลางหลายรายการ ซึ่งทั้งหมดเป็นของเหยื่อ

จากนั้นข้อมูลที่น่าตระหนกจึงถูกเปิดเผยออกมา ว่าทั้ง 5 ศพเป็นฝีมือของเขาเอง !!


สม คิด สารภาพว่าสาเหตุที่ต้องลงมือสังหารเหยื่อแต่ละราย เนื่องจากหลังร่วมหลับนอนแล้วถูกเหยื่อขอค่าตัวเพิ่ม ซึ่งผิดตามที่ตกลงกันไว้ ทำให้เกิดความโมโห ลงมือฆ่าเหยื่อ
พฤติกรรมของ สมคิด ทำให้คนในสังคมหวนคิดไปถึง "แจ็ค เดอะ ริปเปอร์" (Jack the Ripper) ฆาตกร ต่อเนื่องชื่อกระฉ่อนโลก ซึ่งก่อคดีสะเทือนขวัญในกรุงลอนดอน ช่วงเดือน ส.ค.-พ.ย. 1888 เหยื่อของแจ็ค ล้วนเป็นหญิงขายบริการย่านไวต์แชปเพิล แหล่งเสื่อโทรมในเขตอีสต์เอนด์ สภาพศพถูกเชือดคอด้วยของมีคม และโดนคว้านเอาอวัยวะภายในออกไป บางศพถูกควักลูกตา เฉือนจมูก บางรายถูกถลกหนัง เฉือนมดลูกออกมากองอยู่ข้างๆ อย่างน่าสยดสยอง

ขณะ ที่เหยื่อของสมคิดทั้งหมด ก็ล้วนเป็นหญิงขายบริการเช่นเดียวกัน ต่างกันเพียงไม่มีการเชือดคอ และคว้านท้องเอาเครื่องใน แต่มีการเอาทรัพย์สินผู้ตายไป สมคิดจึงมีสมญานามต่อท้ายนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ว่า "สมคิด เดอะ ริปเปอร์"

อย่าง ไรก็ตาม สิ่งที่สังคมอยากรู้ก็คือ อะไรคือแรงจูงใจให้สมคิด ลงมือกระทำการเช่นนี้ ซึ่งจากการไปเสาะหาบ้านเกิดสมคิด ใน อ.ทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช และบ้านแม่เลี้ยงใน อ.ห้วยยอด จ.ตรัง ทราบจาก นายคลิ้ง กิ่งแก้ว อายุ 75 ปี ลุงเขยของสมคิด ผู้อุปการะสมคิดมาตั้งแต่ครั้งเยาว์วัย เพราะพ่อของสมคิดนำมาฝากเลี้ยงไว้ แต่ไม่รู้ว่าใครคือแม่

สม คิด เป็นเด็กธรรมดาดูภายนอกค่อนข้างเงียบครึม ไม่ชอบพูด แต่ถ้าใครสนิทด้วยจะรู้ว่า เป็นคนพูดจาเก่ง พูดเพราะ ไม่กระโชกโฮกฮาก อ้อนเก่ง แต่เป็นเด็กดื้อเงียบ พูดจาอะไรจะรับฟัง แต่ไม่ปฏิบัติตาม และเป็นคนที่ไม่ยอมใคร จะใช้กำลังเข้าต่อสู้เสมอ เรียนหนังสือได้แค่ ป.2 ก็ต้องออกจากโรงเรียน เพราะไปขโมยจักรยานของครู และเริ่มต้นขโมยของทุกอย่าง ไม่เว้นแม้แต่ของเพื่อน และของคนในบ้าน
จน เมื่อเขาอายุประมาณ 17-18 ปี ได้เป็นหัวหน้าคุมงานที่โรงไม้ ผู้จัดการไว้ใจให้เอาเช็คเงินสดจำนวน 50,000 บาท ซึ่งเป็นค่าแรงของคนงาน ไปขึ้นเงินในตัว อ.ทุ่งสง สุดท้ายถูกเชิดเงินไปกินเที่ยวอยู่ 2 วัน ก่อนกลับมาบ้านพร้อมผู้หญิงคนหนึ่ง จึงถูกทางบ้านตัดหางปล่อยวัด

นัก อาชญาวิทยา มองว่า คำรับสารภาพของสมคิด ที่ว่าต้องการเงินและไม่มีเงินให้เหยื่อ จึงต้องฆ่านั้น ไม่น่าจะตรงกับข้อเท็จจริง แต่อาจจะเกิดจากจิตใต้สำนึกของผู้ต้องหาเอง การจะบอกว่าผู้ต้องหาเป็นโรคจิตหรือไม่ ก็จนกว่าจะได้ทำแบบทดสอบ บางครั้งไม่ได้เป็นโรคจิต แต่เกิดจากแรงกดดันในจิตใต้สำนึกของตัวผู้ต้องหาเอง

เวลานี้ "สมคิด  เดอะ ริปเปอร์" ชดใช้กรรมที่ก่อไว้ในเรือนจำ และศาลอุทธรณ์เพิ่งจะตัดสินให้จำคุกตลอดชีวิต ไปเมื่อวันที่ 21 ก.พ.ที่ผ่านมา ยังเหลืออีก 1 ศาล และอีก 4 คดี ที่ยังไม่ได้มีการพิจารณา ดูท่าว่า ตำนานฆาตกรต่อเนื่องของเมืองไทยรายนี้ คงต้องปิดฉากชีวิตลงภายในกำแพงสี่เหลี่ยมอย่างแน่นอน.

'สาวสรรพากร'สุดเฮง ถูกรางวัลที่ 1 รับ 4 ล้าน

Pic_242600

พนักงานสรรพากรสมุทรปราการดวงเฮง ถูกลอตเตอรี่รางวัลที่ 1 รับเงิน 4 ล้าน หลังสงสารลุงคนขาย จึงซื้อไว้ 1 ใบ เผยก่อนหน้ามีงูเหลือมเลื้อยเข้าบ้าน คาดเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์นำโชคมาให้...

เมื่อ เวลา 13.00 น. วันที่ 2 มี.ค. ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งว่า มีผู้โชคดีถูกหวยสลากกินแบ่งรัฐบาล รางวัลที่ 1 งวดประจำวันที่ 1 มีนาคม 2555 เลข 222518 ซึ่งเป็นข้าราชการอยู่ที่สำนักงานสรรพากรพื้นที่สาขาเมืองสมุทรปราการ 1 จึงเดินทางไปตรวจสอบ พบนายศักดิ์ชัย กีรติกรพิสุทธิ์ ตำแหน่งสรรพากรอำเภอ และนายสุรเชษฐ์ เชาว์ศิลป์ นักวิชาการสรรพากรชำนาญการ กำลังยืนพูดคุยเรื่องดังกล่าวอยู่ จึงเดินทางเข้าไปสอบถาม ทราบว่า ผู้ที่โชคดีถูกหวยรางวัลที่หนึ่ง คือ นางสุณี จงเจริญหิรัญ เจ้าพนักงานสรรพากรชำนาญงาน อายุ 40 ปี อยู่บ้านเลขที่ 8/146 ม.6 ต.บางเมือง อ.เมือง จ.สมุทรปราการ แต่วันนี้ นางสุณีไม่ได้มาปฏิบัติงานเนื่องจากได้ขอลาพักร้อนจำนวนหนึ่งวัน เพื่อไปทำบุญกับครอบครัวก่อนหน้านี้แล้ว
นาย สุรเชษฐ์ เชาว์ศิลป์ กล่าวว่า เมื่อวันที่ 2 มี.ค. นางสุณีและเพื่อนร่วมงานได้เดินทางไปทานอาหารกลางวัน ที่ร้านก๋วยเตี๋ยว ริม ถ.แพรกษา ระหว่างพักกลางวัน จากนั้นได้มีคุณลุงอายุประมาณ 60 ปี เดินเข้ามาในร้านพร้อมกับนำลอตเตอรี่ใบดังกล่าวมายื่นให้กับสุณี ด้วยความสงสาร นางสุณีเลยซื้อเก็บไว้เพียงหนึ่งใบ จากนั้นก็ได้กลับมาทำงานปกติ จนกระทั่งช่วงเวลา 4 โมงเย็น นางสุณีได้เดินไปหานางอัญชัน โคเลิศ เพื่อนร่วมงาน พร้อมกับถามว่า ลอตเตอรี่ของตนมีเลขท้าย 18 อย่างนี้ จะถูกหวยหรือไม่ นางอัญชัญเลยบอกไม่ได้ มันต้องเป็นเลข 79 จากนั้นนางอัญชัญเลยขอดูลอตเตอรี่ใบดังกล่าว จนกระทั่งขนลุกไม่เชื่อสายตา พอดูจนแน่ใจได้ตะโกนบอกนางสุณีว่า ถูกรางวัลที่ 1 พอนางสุณีทราบ ด้วยความดีใจ ได้กระโดดกอดเพื่อน พร้อมกับชูลอตเตอรี่ของตน และกล่าวว่าเงินส่วนหนึ่งจะเอาไปทำบุญ เนื่องจากก่อนถูกหวยได้มีงูเหลือมเลื้อยเข้ามาในบ้านตน โดยตนเชื่อว่า น่าจะเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์มาให้โชค กระทั่งถูกหวยรางวัลที่ 1 พอทราบข่าวในวันเดียวกัน เพื่อนในแผนกต่างมาร่วมแสดงความยินดีกันจำนวนมาก ต่อมาผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปที่หมู่บ้านทรัพย์ยั่งยืน เลขที่ 8/146 ม.6 ต.บางเมือง อ.เมือง จ.สมุทรปราการ ซึ่งเป็นบ้านของนางสุณี พบบ้านถูกปิดเงียบและไม่มีใครอยู่.

จับกาแฟ-อาหารเสริมอ้างเพิ่มสมรรถภาพทางเพศ 13 ล.

Pic_242608

อย.ร่วมมือตำรวจ บก.ปคบ. จับอีก กาแฟเถื่อน อ้างลดน้ำหนัก และผลิตภัณฑ์เสริมอาหารอ้างเสริมสมรรถภาพทางเพศ ย่านดอนเมือง-แหล่งขายส่งเครื่องสำอางผิดกฎหมาย ย่านลำลูกกา รวมมูลค่ากว่า 13 ล้านบาท อย.เตือนมีผลข้างเคียงกับร่างกาย

เมื่อวันที่ 2 มี.ค. นายวิทยา บุรณศิริ รมว.สาธารณสุข เป็นประธานในการแถลงข่าวจับกุมกาแฟ-เครื่องสำอาง และผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ผิดกฎหมาย ที่สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ร่วมมือกับ กองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (บก.ปคบ.) กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ซึ่งของกลางทั้งหมดรวมมูลค่ากว่า 13 ล้านบาท
นาย วิทยา กล่าวว่า การดำเนินการจับกุมสินค้าและผลิตภัณฑ์ผิดกฎหมายทั้งหมด เป็นไปเพื่อการคุ้มครองผู้บริโภคทั้งสิ้น โดยมีทั้งสินค้าและผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของสารอันตรายและผลิตภัณฑ์ที่ไม่ ได้ผ่านการจดทะเบียนกับ อย. ซึ่งหลายยี่ห้อ ไม่มีข้อความภาษาไทย อาจเสี่ยงต่อการหลอกลวงผู้บริโภคได้ ทั้งนี้หากผู้ใดสนับสนุนสินค้าทั้งผลิตภัณฑ์เสริมอาหารและเครื่องสำอางปลอม ก็จะถือว่าส่งเสริมการกระทำผิดกฎหมาย ซึ่งล้วนส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตทั้งสิ้น จึงจำเป็นต้องปราบปรามอย่างเข้มงวด

ด้าน นพ.พิพัฒน์ ยิ่งเสรี เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) กล่าวว่า เมื่อวันที่ 1 มี.ค. ที่ผ่านมา ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ นำโดย พล.ต.ต.นิพนธ์ เจริญผล ผบก.ปคบ. และ พ.ต.อ.พฤทธิพงษ์ ประยูรศิริ ผกก.4 บก.ปคบ.ได้นำกำลังเจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจสอบร้านค้า ณ ตลาดแอร์พอร์ต (ตลาดใหม่ดอนเมือง) ที่จำหน่ายกาแฟอันตรายจำนวนหลายร้าน เช่น ร้าน Seetwo , ร้าน MADAME และร้าน LADY Cosmetic เป็นต้น ซึ่งจากการตรวจสอบร้านดังกล่าวพบผลิตภัณฑ์อาหารผิดกฎหมายและโฆษณา สรรพคุณเกินจริงจำนวนมาก แยกเป็นประเภท ดังนี้ 1. ผลิตภัณฑ์กาแฟอวดอ้างสรรพคุณลดน้ำหนัก นำเข้าจากต่างประเทศ และเป็นผลิตภัณฑ์ที่ไม่ได้ขออนุญาตนำเข้า และขึ้นทะเบียนตำรับอาหารกับ อย. เช่น กาแฟมหัศจรรย์ 26 วันผอม ( 26 FAT burning coffee ) กาแฟลดน้ำหนัก คาปานา L-360 กาแฟ L-Healty Coffe Plus+ เร่งเผาผลาญไขมัน ควบคุมน้ำหนัก ไม่มีผลข้างเคียงต่อสมอง กาแฟ Lose Weight Coffee Whole Body Slimming Coffee เป็นต้น

2. ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารอวดอ้างสรรพคุณเกินจริง ในลักษณะทางเพศ บางชนิดไม่มี อย. และบางชนิดฉลากแสดงเลขสารบบอาหารปลอม เช่น ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารสำหรับสุภาพบุรุษ “กระทิงทอง” ระบุข้อความบนฉลาก “ใหม่สุด ฮิตมากไม่ว่าหนุ่มเล็กหนุ่มใหญ่ อ่อนปวกเปียก ไม่สู้ หมดสมรรถภาพ รับรองตัวนี้แข็งปั๋งแน่นอน แผงเดียวเห็นผล 100%” ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร VIAGRA by magic for men ระบุข้อความบนฉลาก “อ่อนปวกเปียก ไม่สู้หมดสมรรถภาพ รับรองว่าแข็งปั๋ง” ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารอวดสรรพคุณ “อกฟู รูฟิต ไร้กลิ่น” ได้แก่ ผลิตภัณฑ์ DOOMZ by Secret , Super DOOMZ , Slimming DOOMA by Pretty White และ DOOMA by Lady Princess3. ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารอวดสรรพคุณลดน้ำหนัก ฉลากไม่มีเครื่องหมาย อย. เช่น LIPO 9 Burn Slim ลดจริง 8 กิโล ขจัดไขมันออกมาพร้อมการขับถ่าย , LIPO 8 Burn Slim , Lishou , BASCHI Quick Slimming Capsule , Cactus Slimming Capsule , DOOMZ slimming อิ่มทั้งวัน ลดพุงเร็ว , L-Carnitine , - LIPO 2 Burn Slim by Pretty White เป็นต้น และผลิตภัณฑ์เสริมอาหารอ้างสรรพคุณทำให้ผิวขาว ฉลากไม่มีเครื่องหมาย อย. เช่น Gluta 30000 Wink Wink ขาวใส วิ้งวิ้ง แบบเกาหลี , Gluta 2000 ขาวเว่อร์ ขาวเร่งรัดภายใน 1 สัปดาห์ และ Gluta 10000 เป็นต้น

เลขาธิการ อย. กล่าวว่า เบื้องต้น เจ้าหน้าที่ได้ยึดผลิตภัณฑ์อาหารดังกล่าวทั้งหมด มูลค่ากว่า 3,000,000 บาท และส่งผลิตภัณฑ์ตรวจวิเคราะห์ที่กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ สำหรับการดำเนินคดี ในเบื้องต้นแจ้งข้อกล่าวหา ดังนี้ 1. จำหน่ายอาหารที่มีการแสดงฉลากไม่ถูกต้อง มีโทษปรับไม่เกิน 30,000 บาท 2. จำหน่ายอาหารปลอม เนื่องจาก แสดงฉลากเพื่อลวง มีโทษจำคุกตั้งแต่ 6 เดือน-10 ปี และปรับตั้งแต่ 5,000-100,000 บาท 3. หากผลการตรวจวิเคราะห์ พบยาลดความอ้วนไซบูทรามีน หรือพบยาเสริมสมรรถภาพทางเพศซิลเดนาฟิล ในผลิตภัณฑ์อาหาร จะจัดเป็นอาหารไม่บริสุทธิ์ มีโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำ ทั้งปรับ

ใน วันเดียวกัน ที่กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง บก.ปคบ. โดย พล.ต.ต.นิพนธ์ เจริญผล ผบก.ปคบ. ได้สั่งการให้ พ.ต.อ.พฤทธิพงศ์ ประยูรศิริ ผกก.4 บก.ปคบ. ตรวจค้นบ้านเลขที่ 802/235 ซ.ปาร์ค 12 หมู่บ้านวังทอง-ริเวอร์ปาร์ค ซ.พหลโยธิน 70 ต.คูคต อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี จากการตรวจค้นพบผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางปลอม เช่น ครีมอาบน้ำ บำรุงผิว ขัดผิว มาสก์หน้า แป้ง ลิปสติก เจลลอกผิว และอื่นๆ มูลค่ากว่า 10 ล้านบาท ในเบื้องต้นพบบางผลิตภัณฑ์เป็นเครื่องสำอางปลอมของยี่ห้อดังหลายยี่ห้อ และเครื่องสำอางผิดกฎหมาย ไม่จดแจ้ง และไม่มีฉลากภาษาไทย

สำหรับ ความผิดในคดีนี้ได้ดำเนินคดีกับผู้จำหน่ายในข้อหา 1. จำหน่ายเครื่องสำอางปลอม ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 30,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ 2. จำหน่ายเครื่องสำอางที่ไม่ปลอดภัยในการใช้ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ 3. จำหน่ายเครื่องสำอางที่แสดงฉลากไม่ถูกต้อง เช่น ไม่มีฉลากภาษาไทย ไม่แสดงชื่อที่ตั้งผู้ผลิต ไม่แสดงวันเดือนปีที่ผลิต เป็นต้น ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 เดือน หรือปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

นพ.พิพัฒน์ กล่าวว่า ขณะนี้กาแฟสำเร็จรูปที่บรรจุในกระป๋องโลหะ ฉลากเป็นภาษาต่างประเทศ กำลังระบาดหนักในหมู่ผู้นิยมบริโภคกาแฟ ดังนั้น จึงขอเตือนมายังผู้บริโภคให้ระมัดระวังในการเลือกซื้อกาแฟดังกล่าวมาบริโภค อย่าได้หลงเชื่อผู้ขายว่าเป็นกาแฟจากต่างประเทศ และสามารถลดความอ้วนได้ เพราะกาแฟเหล่านี้ อย.เคยส่งตรวจวิเคราะห์และผลตรวจพบใส่ยาลดความอ้วนไซบูทรามีน ซึ่งเป็นอันตรายต่อการบริโภค เนื่องจากยาดังกล่าวมีผลข้างเคียงสูง ต้องใช้โดยความดูแลของแพทย์ โดยผลข้างเคียงที่พบบ่อยคือ ทำให้เกิดความดันโลหิตสูง และหัวใจเต้นเร็ว แม้จะไม่มากนัก แต่มีผลให้ผู้ป่วยประมาณร้อยละ 5 จำเป็นต้องหยุดยา ส่วนผลข้างเคียงอื่น ๆ ได้แก่ ปากแห้ง ปวดศีรษะ นอนไม่หลับ และท้องผูก เป็นต้น ซึ่งปัจจุบัน อย. ได้เพิกถอนยาไซบูทรามีนออกจากตลาดแล้ว หากต้องการลดหรือควบคุมน้ำหนักไม่จำเป็นต้องเสี่ยงบริโภคผลิตภัณฑ์กาแฟ หรือผลิตภัณฑ์เสริมอาหารต่าง ๆ ควรควบคุมการบริโภคอาหารร่วมกับการออกกำลังกายเป็นประจำอย่างน้อยสัปดาห์ละ 3 วัน

[ฝรั่ง]Detention โรงเรียนเลี้ยงวิญญาณ [VCD Master] [พากษ์ไทย

Posted Image

เรื่องย่อ :

นักเรียนกลุ่มหนึ่งถูกส่งไปกักตัวในห้องทำโทษหลังเลิกเรียนด้วยเหตุผลฟังไม่ขึ้น ที่นั้น พวกเขาถูกทิ้งและถูกขังในห้องเรียนหลังจากครูฝ่ายปกครองออกไปและหายตัวไปอย่างลึกลับ ความมืดเริ่มคืบคลานเข้ามา เสียงฟ้าผ่าดังอยู่ด้านนอก ฝนที่ตกหนักทำให้ไฟฟ้าดับและทั้งโรงเรียนตกอยู่ในความมืด จากนั้นภาพวิญญาณประหลาดหลอนก็ปรากฏขึ้นในโรงเรียน นักเรียนกลุ่มนี้หาทางออกจากห้องได้สำเร็จ แต่กลับพบว่าโรงเรียนกลับมีชีวิตขึ้นมาทำให้พวกเขาติดกับอยู่ในนั้น ระหว่างหาทางหนี เด็กๆ ได้รู้ถึงการตายของนักเรียนคนหนึ่งในปี 1970 พวกเขาค่อยๆ ปะติดปะต่อเรื่องราวโศกนาฏกรรมของการตายสยดสยอง ก่อนวัยอันควรของนักเรียนคนนั้น และไม่นานเด็กกลุ่มนี้ก็พบว่าพวกเขามีส่วนต้องรับผิดชอบเหตุการณ์ในอดีตครั้งนั้น ด้วยการสังเวยชีวิต


Posted Image Posted Image





Gushare : 295 Mb/part


DISC 1 >: 【 Part 01 】 

DISC 2 >: 【 Part 01 】 

[ฝรั่ง] Grave Encounters คน ล่า ผี [VCD Master][พาษ์ไทย

Posted Image

Release Date : 27 Oct 11
ประเภทหนัง
Horror
ผู้กำกับ
The Vicious Brothers
นักแสดง
Sean Rogerson, Merwin Mondesir, Ashleigh Gryzko, Mackenzie Gray, Juan Riedinger
เรทภาพยนตร์ - ไทย

ภาพยนตร์ที่เหมาะสมกับผู้มีอายุตั้งแต่ 13 ปีขึ้นไป
Synopsis

Lance Preston ( Sean Rogerson ) และทีมงานของ Grave Encounters รายการเรียลลิตี้โชว์ล่าท้าผีทางทีวี ที่ยกไปถ่ายทำกันในโรงพยาบาลจิตเวช Collingwood ที่มีเรื่องราวความอาถรรพ์ที่สุดแห่งหนึ่งในอเมริกาเหนือ และก็มีคนรายงานพบเห็นผีกันบ่อย ๆ พวกเขาเริ่มการถ่ายทำโดยการตะลุยตามหาผีกัน ด้วยการถ่ายรูปทุกสิ่งทุกอย่าง ซึ่งมันทำให้พวกเขารู้ซึ้งถึงความน่ากลัว ที่เป็นมากกว่าโรงพยาบาลผีสิง มันมีผีจริง ๆ เหมือนกับโรงพยาบาลนี้มีชีวิตขึ้นมา และไม่ ยอมปล่อยพวกเขาออกมาจากตึก พวกเขาถูกทำให้หลงทางและถูกหลอกหลอนโดยผีคนไข้ที่เคยตายที่โรงพยาบาลแห่งนี้


ลิ้งโหลดสำหรับ Hi-Class โหลดแบบแผ่นต่อแผ่นสุดแรง คลิก  

แผ่นที่ 1

gushare : part/295 MB
[-•-::Part01::-•-] [-•-::Part02::-•-]


แผ่นที่ 2

gushare : part/295 MB
[-•-::Part01::-•-] 


เนื่องจากพื้นที่อัพหนังมีจำกัด ทีมงานจึงทำการลบ part ที่อัพออกทันทีหลังจากอัพหนังเสร็จ (ไม่รับซ่อมไฟล์)
password สำหรับแตกไฟล์คือ www.cutetyclub.net 

[ฝรั่ง] Paranormal Activity 3 เรียลลิตี้ ขนหัวลุก 3 [VCD Master][พาษ์ไทย

Posted Image

ชื่อภาษาอังกฤษ : Paranormal Activity 3 (2011)
ชื่อภาษาไทย : เรียลลิตี้ ขนหัวลุก 3
ประเภทหนัง : Horror , Thriller
Release Date : 16/02/2012

วันที่เข้าฉาย20 ตุลาคม 2554
แนวหนังสยองขวัญ,ลึกลับ
ผู้กำกับHenry Joost, Ariel Schulman
นักแสดงKatie Featherston, Sprague Grayden, Mark Fredrichs

รายละเอียด/Synopsis
ขอพาคุณย้อนสู่จุดกำเนิดที่เรื่องราวทุกอย่างได้เกิดขึ้น และการดักถ่ายผีที่น่าขนลุกที่สุดเท่าที่เคยบันทึกมา!
กล้องวิดีโอที่เปิดอยู่ได้บันทึกภาพเหตุการณ์ชวนสยองเมื่อวิญญาณคุกคามหลอกหลอนสองพี่น้อง แคที่ กับ คริสตี้ เป็นครั้งแรกเมื่อพวกเธอยังเป็นเด็ก จงตั้งสติให้มั่นกับปรากฎการณ์อาถรรพ์ยากจะอธิบายที่จะทำให้คุณ "กลัวจนใจสั่น" เพราะมันจะข่มขวัญคุณ "ด้วย 15 นาทีสุดท้ายที่คุณจะจำจนวันตาย"




แผ่นที่ 1

gushare : part/295 MB
[-•-::Part01::-•-]


แผ่นที่ 2

gushare : part/295 MB
[-•-::Part01::-•-] 

[ฝรั่ง] 30 Minutes or Less ปล้นด่วน ก๊วนเด็กแนว [VCD Master][พาษ์ไทย

Posted Image


แผ่นที่ 1

gushare : part/295 MB
[-•-::Part01::-•-] [-•-::Part02::-•-] 


แผ่นที่ 2

gushare : part/295 MB
[-•-::Part01::-•-] [-•-::Part02::-•-]


เนื่องจากพื้นที่อัพหนังมีจำกัด ทีมงานจึงทำการลบ part ที่อัพออกทันทีหลังจากอัพหนังเสร็จ (ไม่รับซ่อมไฟล์)
password สำหรับแตกไฟล์คือ www.cutetyclub.net 

[Animation] Pokemon Movie : Zoroark Master of Illusions โปเกมอน มูฟวี่ ตอน โซโลอาร์ค เจ้าแห่งมายา [VCD Master] [พากษ์ไทย

Posted Image

Posted Image Posted Image

Hi-Class โหลดได้เลยไม่ต้องรอโหลดแบบ part โหลดแบบแผ่นต่อแผ่น คลิ๊กเลย!!



Gushare : 295 Mb/part


DISC 1 >: 【 Part 01 】 【 Part 02 】 

DISC 2 >: 【 Part 01 】 【 Part 02 】 

Blog Archive

Design Downloaded from ซ่อมคอมพิวเตอร์นอกสถานที่ รามคำแหง บางกะปิ | Free Textures | Web Design Resources