วันเสาร์ที่ 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

“เทพเทือก” ซัด “ สมศักดิ์” ไม่เคยเป็นกลาง


วันนี้ (7 ก.ค.)ที่วัดชลประทานรังสฤษดิ์  นายสุเทพ  เทือกสุบรรณ อดีตเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์  มอง การชี้แจงของนายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานรัฐสภา ที่ชี้แจงกรณีคลิปเสียงต่อศาลรัฐธรรมนูญว่าเป็นเรื่องส่วนตัว ซึ่งตรงนี้จะส่งผลกระทบต่อการทำหน้าที่ในฐานะประธานสภาผู้แทนราษฎรนายสม ศักดิ์ จะมีเป็นกลางได้หรือไม่ ว่า  จะ เป็นกลางได้อย่างไร เพราะนายสมศักดิ์ คิดแต่จะกระทืบพรรคประชาธิปัตย์ให้จมดิน ตนไม่วางใจเขามานานแล้ว และเคยพูดในการประชุมสภาผู้แทนราษฎรมาแล้วว่าถ้าท่านไม่เคารพรัฐธรรมนูญ ก็ไม่เคารพในฐานะประธานเช่นกัน
ส่วนจะให้มีการเปลี่ยนแปลงประธานสภา หรือไม่นั้น นายสุเทพ กล่าวว่า ตนไม่ทราบ เพราะคนอย่างนี้เข้าใจยาก แล้วคนธรรมดาสามัญชนอย่างพวกเราคงเข้าใจยากไปใหญ่ ซึ่งพรรคประชาธิปัตย์ต้องทำหน้าที่ในสภาให้เข้มแข็ง ขณะเดียวกันนอกสภาผู้แทนราษฎร พรรคประชาธิปัตย์ก็ต้องเดินหน้าพบปะประชาชนให้ข้อมูลข้อเท็จจริงเพื่อให้รู้ เท่าทันคนพวกนี้ 

ดูหนัง Colombiana ระห่ำเกินตาย HD »


ดูหนัง Colombiana ระห่ำเกินตาย HD »
ระห่ำเกินตาย | เรื่องย่อ คาตาลีย่า (โซอี้ ซัลดาน่า) หญิงสาวที่สั่งสมความแค้นมาตั้งแต่ได้เห็นพ่อแม่ถูกฆาตกรรมต่อหน้าด้วยวัย เพียง 10 ขวบ ด้วยใบสั่งเก็บตายจากฝีมือของอาชญากรตัวเอ้แห่งประ

ดูหนัง 30 Kam Lung Jaew 30 กำลังแจ๋ว HD »
30 กำลังแจ๋ว | เรื่องย่อ "จ๋า" สาวเอเจนซี่ โมษณาวัยย่าง 30 กำลังแจ๋วไปซะทุกเรื่อง ทั้งรูปร่างหน้าตาที่แสนจะแจ่มเจิดจรัสเต็มดีกรี หน้าที่การงานกำลังไปได้สวย. เธอมีไลฟ์สไตล์สุดเริ่ดกับการรับจัดปาร์ตี้เฮ...

“สุเทพ” วอน"ทักษิณ"หยุดสนับสนุนแดงกดดันศาลรธน.


วันนี้ (7 ก.ค.)ที่วัดชลประทานรังสฤษดิ์  นายสุเทพ  เทือกสุบรรณ อดีตเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์  กล่าว ถึงกรณีที่นางธิดา ถาวรเศรษฐ แกนนำ นปช. จะนำมวลชนคนเสื้อแดง 300,000-400,000 คน มากดดันศาลรัฐธรรมนูญ ว่า ตรงนี้เป็นปัญหาอีกส่วนที่ พ.ต.ท.ทักษิณ  ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีสร้างไว้ ในการสร้าง “ลัทธิแดง” ใช้เป็นเครื่องมือในการต่อสู้  โดย การสนับสนุนจาก พ.ต.ท.ทักษิณ ทำให้ลัทธิแดงใหญ่โตใหญ่คับบ้านคับเมือง จนเป็นพิษภัยต่อบ้านเมือง ถ้า พ.ต.ท.ทักษิณ หยุดคนเดียว หยุดให้เงินสนับสนุน ลัทธิแดงจะลดลง ซึ่งตรงนี้เคยบอกแล้วว่าการเคลื่อนไหวจะเป็นหนึ่งเดียวกัน มีทั้งพรรคการเมือง มวลชน มีเงิน มีกองกำลังติดอาวุธ วันนี้เราต้องเอาความจริงมาพูดกันและต้องต่อสู้เพื่อไม่ให้กระบวนการนอก กฎหมายหรือสิ่งที่ไม่ชอบธรรม ออกมาข่มขู่องค์กรศาล และประชาชนอีกต่อไป
 ต่อข้อถามว่า  มี ความกังวลหรือไม่ศาลจะวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ จะก่อให้เกิดความเปลี่ยนแปลงทางการเมือง นายสุเทพ กล่าวว่า ตนไม่กังวลใจอะไรเพราะที่ผ่านมาผ่านมามากแล้ว ต้องตั้งหลักที่จะต่อสู้กับความไม่ถูกต้อง ดังนั้นก็พร้อมที่จะสู้อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด เมื่อศาลตัดสินอย่างไรต้องเคารพ ชอบหรือไม่ชอบเป็นอีกเรื่อง ระบบต้องเป็นระบบ อย่างไรก็ตามตนไม่ใช่หมอดูคาดเดาผลได้ เกิดอะไรก็ต้องยอมรับ แต่เราคงไปเรียกร้องขบวนการลัทธิแดงไม่ได้ แต่อยากเรียกร้องกับคนไทยเจ้าของประเทศว่าอย่ายอมให้เขาจัดการตามอำเภอใจของ เขา แล้วส่งผลกระทบต่อลูกหลานของเรา 

"ถาวร" มั่นใจผู้ร้องร่างรธน.ชี้แจงศาลได้ชัดเจน


วันนี้ (7 ก.ค.) ที่วัดชลประทานรังสฤษดิ์  นายถาวร เสนเนียม  ส.ส.สงขลา รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการไต่สวนของศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อวินิจฉัยกรณีการแก้รัฐธรรมนูญมาตรา 291 เป็นการล้มล้างรัฐธรรมนูญตามมาตรา 68 หรือไม่ ระหว่างวันที่ 5-6 ที่ผ่านมา ว่า เท่าที่ได้ฟังผู้ร้องร้องทั้งข้อกฎหมายต่างๆ มีความมั่นใจว่าผู้ร้องได้นำพยานหลักฐานเข้าไปไต่สวนได้ตรงตามประเด็นใน มาตรา 291 ส่วนข้อเท็จจริงในการล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหา กษัตริย์อันเป็นประมุข ตนได้ส่งซีดีเพิ่มเติมกรณีการเคลื่อนไหวของสมาชิกเสื้อแดง ส.ส.พรรคเพื่อไทย ประกาศตัวบนเวทีเป็นแก้ว 3 ประการ ประกอบด้วย พรรคการเมือง กองกำลังและมวลชน รวมถึงคำปราศรัยของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี พ.อ.อภิวันท์ วิริยะชัย ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ส.ส.บัญชีรายชื่อ นายก่อแก้ว พิกุลทอง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย นายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำคนเสื้อแดง ซึ่งตรงนี้แสดงให้เห็นชัดว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญถือเป็นบริบทหนึ่งที่แยกกัน เดินตามที่นางธิดา ถาวรเศรษฐ ประธาน นปช.พูดเอาไว้ สำหรับผลของคดีจะออกมาอย่างไรตนรับได้ แต่อยากขอร้องเสื้อแดงและพรรคเพื่อไทยอย่าเกณฑ์คนมากดดันหรือทำลายความน่า เชื่อถือของสถาบันตุลาการ
เมื่อถามว่า หากศาลวินิจฉัยออกมาเป็นเชิงลบกับพรรคเพื่อไทย เกรงว่าจะเกิดความวุ่นวายหรือไม่ นายถาวร กล่าว่า การเคลื่อนไหวของคนเสื้อแดง ซึ่งถือเป็นหนึ่งในแก้วสามประการ โดยการเคลื่อนไหวทุกครั้งขึ้นอยู่กับ พ.ต.ท.ทักษิณ เพราะถ้าไม่ปล่อยเงินมาล้อก็ไม่หมุน เมื่อไม่มีน้ำเลี้ยงไม่มีเงินเติมน้ำมันล้อก็หมุนไม่ได้ หวังว่า พ.ต.ท.ทักษิณ คงไม่ปากว่าตาขยิบ ไม่เช่นนั้นเกิดความวุ่นวายได้ และอาจจะไม่สามารถควบคุมกลุ่มต่างๆ ได้ เพราะมีทั้งเสื้อแดง เสื้อเหลือง และกองทัพปลดแอกประชาชนก็ออกมาเคลื่อนไหวแล้ว
"ถ้าวันที่ 13 ก.ค. ศาลวินิจฉัยออกมาสั่งห้ามแก้รัฐธรรมนูญ จะทำให้ร่างรัฐธรรมนูญที่ยังไม่ผ่านการลงมติวาระ 3 ต้องตกไปทันที หากจะเริ่มกระบวนการแก้รัฐธรรมนูญต้องเริ่มนับหนึ่งใหม่ ตรงนี้ถ้าอยากจะแก้ในประเด็นไหน ก็ควรเขียนออกมาให้ชัดเจนเลย ว่าจะแก้กี่เรื่องกี่ประเด็น อย่าให้คลุมเครือเหมือนที่ผ่านมา" นายถาวร กล่าว 

"สมศักดิ์"ยอมถอยไม่อยากเป็นต้นเหตุความขัดแย้ง


วันนี้(7ก.ค.) นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานสภาผู่แทนราษฎร กล่าวถึงกรณีที่หลายฝ่ายวิจารณ์ว่า คำชี้แจงต่อศาลรัฐธรรมนูญ ในคำร้องที่ของให้ศาลรัฐธรรมนูญ พิจารณาว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 291 ขัดต่อมาตรา 68 หรือไม่ ในประเด็นการคงพระราชอำนาจของพระมหากษัตริย์ ไม่ได้ให้ความชัดเจนและอาจมีช่องทางที่ลดพระราชอำนาจที่กำหนดไว้ในรัฐ ธรรมนูญมาตราอื่น นอกจากหมวด 2 ได้ ว่า เป็นการมองต่างมุมเท่านั้น อย่างไรก็ตามในฐานะที่ทำหน้าที่ประธานสภาฯ ยืนยันว่ามีธงที่จะทำทุกทางเพื่อไม่ให้คนไทย ไม่ว่าจะอยู่สีใด ฆ่ากัน ซึ่งยอมรับว่าการเข้ามาทำหน้าที่ตรงนี้หากทำให้ถูกใจประชาชนนั้นทำได้ง่าย แต่ที่ผ่านมายึดธงการทำงาน คือ รักษาผลประโยชน์ของประเทศเป็นหลัก อย่างไรก็ตามพร้อมจะส่งเอกสารแถลงปิดคดีต่อศาลรัฐธรรมนูญ ภายในวันที่ 11 ก.ค.นี้ ส่วนจะมีประเด็นใดเพิ่มเติมหรือไม่นั้น ขอหารือกับฝ่ายกฎหมายรัฐสภาก่อน
ผู้สื่อข่าวถามว่าประเมินการตัดสินคำร้องนี้ของศาลรัฐธรรมนูญว่าจะออกมา ในแนวทางไหน นายสมศักดิ์ กล่าวย้ำว่า เคยให้ความเห็นไปว่า ยอมถอย เพราะไม่อยากให้เป็นต้นเหตุของความขัดแย้ง ที่นำไปสู่เหตุการณ์ที่คนไทยฆ่ากันตาย ซึ่งมั่นใจว่าศาลจะมีความคิดเห็นไม่แตกต่าง ดังนั้นส่วนตัวมองว่ากรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญจะตัดสินในแนวทางไหน ควรดูสถานการณ์เป็นหลักด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายสมศักดิ์ ได้โพสต์ข้อความลงในเฟซบุ๊คส่วนตัว ที่ชื่อว่า “ขุนค้อน สมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์” ว่า “ผมจะทำทุกวิถีทางเพื่อไม่ให้คนไทยฆ่ากัน จะสีไหนก็คนไทยเหมือนกัน อยากให้คนไทยรักกัน” โดยนายสมศักดิ์ ยอมรับว่าเป็นผู้โพสต์ข้อความดังกล่าวด้วยตนเอง เพื่อแสดงจุดยืนในธงที่ได้ตั้งเป้าหมายเอาไว้ ทั้งนี้มีผู้เข้าไปแสดงความเห็นอย่างหลากหลาย ทั้งสนับสนุน ให้กำลังใจ และแสดงความเห็นว่า แนวคิดดังกล่าวคงเป็นไปได้ยาก

"โอ๊ค" อัพเฟสบุค ระบุ ศุกร์ 13 เป็นวันฝันหวาน


วันนี้ (7 ก.ค.)ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 13.30 น. นายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชายพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อควาผ่านเฟซบุ๊ก ใจความว่า  Friday the 13th. ฝรั่งเขาว่าเป็น badluck หรือ unlucky day โดย เขาจะไม่ทำการงานใดๆที่สำคัญกันในวันนี้ ตามโรงแรมต่างๆก็จะไม่มีชั้น13 ครับเพราะให้อยู่ฟรีๆยังแทบไม่มีคนนอนโดยเฉพาะถ้าเป็นศุกร์13 "แถมตังค์ให้เขายังไม่นอนกันเลย"ครับ เขาจึงต้องเปลี่ยนเป็นชั้น12A หรือบางที่ชั้น12แล้วก็ข้ามไปชั้น14เลยทีเดียว คน ไทยเราฉลาดกว่าเยอะครับ อะไรไม่ดีเราก็มีการแก้เคล็ด เช่นศุกร์13 ฝรั่งว่าเป็นวันอัปมงคล คนไทยเราก็บอกว่าเป็น "วันศุกร์13ฝันหวาน" เป็นคำในลักษณะ แก้เคล็ด คล้ายๆกับที่คนไทยเราแก้เคล็ดโดยเรียกสัตว์ที่ไม่เป็นมงคลว่า "ตัวเงินตัวทอง" ให้มีความรู้สึกว่ามัน "ดูดี มีราคา" ขึ้นไงครับ
 นาย พานทองแท้ ยังได้ระบุต่อว่า สำหรับ เพื่อไทย จะ"แก้เคล็ด"หรือ "เคล็ดขัดยอก" ศุกร์13 นี้รู้เรื่องครับ อย่างมากก็แค่ เคล็ดขัดยอกมันไม่ถึงตายหรอกครับ "ยุบหนอ เดี๋ยวก็พองหนอ"อีก ยุบไทยรักไทย ก็พองเป็นพลังประชาชน ยุบพลังประชาชน ก็พองเป็นเพื่อไทย ยุบเพื่อไทย ก็พองเป็น...อุ๊บ...(ยังไม่พลาดครับ...ยังไม่พลาด)

นายพานทองแท้ ยังระบุว่า ตาม รูปที่โพสต์นี้มาจากหนังฝรั่งครับเรื่อง ศุกร์13 เป็นรูปของภาค3 สอดคล้องกับการยุบพรรคเป็นครั้งที่3 เลยครับ พระเอกชื่อ "เจสัน" เป็นตัวร้ายครับ เราอย่าไปสนใจ มันไม่รู้จักการแก้เคล็ดแบบไทยๆเรา แบบไทยๆเราต้อง "วสันต์" ครับ ท่านเป็นคนดี ท่านบอกว่ายิ่งยื้อต่อไปก็จะมีแต่เรื่องไม่เป็นมงคล จึงรีบสรุปให้เร็วที่สุด ต้องขอขอบคุณท่าน และคิดว่าพี่น้องคนไทยทั้งประเทศ ใจจดใจจ่อรอฟังข่าวดีจากท่านอยู่
ขอร้องเถอะครับใครที่คิดมาก เมื่อมันจำเป็นที่จะต้องมาตัดสินอะไรกันใน "วันศุกร์ที่13" เราก็ควรคิดอย่างไทยๆครับ อย่าไปหมกมุ่นเหมือนกับฝรั่ง ดูอย่างคุณพ่อผมซิครับ โดน "จัดเต็ม จัดหนัก"มาเกือบ6ปี เมื่อสงกรานต์ที่แล้ว ฉลอง "ปีใหม่ไทย"กับ "พี่น้องคนไทย"ร่วม5หมื่นคน "นอกผืนแผ่นดินไทย" ยังร้องเพลง Let it beได้เลย แปลเป็นไทยชาวบ้านเข้าใจได้ง่ายๆ "ช่างแม่มัน"ครับ

“เหลิม” ชี้ถอนร่าง พ.ร.บ.ปรองดองต้องรอมติพรรค


ที่ศูนย์อำนวยการเลือกตั้งพรรคเพื่อไทย (ร้านอาหารโต้ง หนุ่ม ชาย) เขตบางบอน  วันนี้ (7ก.ค.) ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่พรรคเพื่อไทยเรียกประชุม ส.ส. ในวันที่ 28-29 ก.ค. เพื่อหารือถึงการถอดร่าง พ.ร.บ.ปรองดองว่า พูดล่วงหน้าไม่ได้ ต้องรอให้เป็นมติพรรค แต่บ้านเมืองจะต้องมีการปรองดอง แต่วิธีคิดวิธีทำจะทำอย่างไรต้องหาแนวทาง โดยให้ประชาชนเกิดความเข้าใจแจ่มแจ้ง ไม่ปรองดองไม่ได้ เพราะบ้านเมืองไปไม่ได้ ส่วนร่าง พ.ร.บ. ปรองดอง ฉบับที่ตนเคยร่างไว้นั้น ยังไม่สามารถบอกได้ว่าจะนำมาใช้แทนหากมีการถอนร่าง พ.ร.บ.ปรองดองทั้ง 4 ฉบับออกไป หากพรรคจะใช้เมื่อไรก็สามารถทำได้ทันที เพราะร่างของตนเรียบร้อย เห็นแล้วต้องครางฮือว่าดี

“เฉลิม”อ้างการข่าวขู่ศาล รธน. ตัดสินฝืนความรู้สึก ปชช. ระวังยุ่ง


ที่ศูนย์อำนวยการเลือกตั้งพรรคเพื่อไทย (ร้านอาหารโต้ง หนุ่ม ชาย) เขตบางบอน วันนี้ (7 ก.ค.) ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึง การที่ศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัยเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 291 ในวันที่ 13 ก.ค.ว่า สุดท้ายศาลรัฐธรรมนูญคงไม่ฝืนกระแสสังคม ถ้าอยากให้บ้านเมืองสงบต้องเคารพกติกา เดินบนถนนประชาธิปไตยอย่ากลัวการตัดสินใจ จะเอารัฐธรรมนูญฉบับใดไปขัดรัฐธรรมนูญปี 2550 การแก้รัฐธรรมนูญฉบับนี้เพื่อหาคนมาร่างรัฐธรรมนูญใหม่ และมีเงื่อนไขห้ามยกร่างเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตย ระหว่างยกร่างก็ให้ฟังเสียงประชาชน และมีการเลือก   ส.ส.ร. 99 คนมายกร่าง สอบถามประชาชนว่าจะเอาหรือไม่ ดังนั้นจะไปล้มล้างรัฐธรรมนูญได้อย่างไร หากประชาชนไม่เอาก็จบ จะไปล้มล้างรัฐธรรมนูญตรงไหน คิดผิด คิดใหม่
ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า  ส่วนตัวหากเลวร้ายที่สุดก็คิดว่าศาลอาจจะสั่งให้มีการยกร่างรัฐธรรมนูญใหม่ เป็นรายมาตรา โดยให้เหตุผลว่าเนื้อหาไม่ชัดเจน ให้กลับไปยกร่างไปรายมาตรา แบบนี้จะเป็นการมาพบกันครึ่งทาง ตนก็อยากให้เป็นเช่นนั้นที่สุดแล้วสื่ออย่าไปตื่นเต้นตกใจ หากยุบพรรคก็ไม่ได้ยุบรัฐบาล รัฐบาลยังอยู่ได้ เที่ยวนี้ไม่มีใครหนีออกจากพรรค รับรองแน่นปึ้ก  ทั้งนี้หากศาลสั่งให้มีการยกร่างใหม่ ถ้าให้ตนทำใช้เวลาเดือนเดียวก็ยกร่างเสร็จหมดแล้ว รัฐธรรมนูญฉบับที่เขียนยากที่สุดคือฉบับปี 2475 เพราะไม่เคยมีมาก่อน แต่ฉบับอื่นเป็นการตัดแปะ
เมื่อถามว่ากรณีนางธิดา ถาวรเศรษฐ  ประธาน นปช.ขู่จะนำมวลชนมากดดันศาลรัฐธรรมนูญ ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ไม่ใช่เรื่องของตน ขอไม่ตอบ แต่กระแสสังคมอย่างเดียวไม่ฟังได้ แต่ทั้งอัยการ คณะกรรมการกฤษฎีกาไปทางเดียวกันหมด ศาลที่เคารพท่านถอยเถอะ
เมื่อถามว่าหากศาลตัดสินออกมาในอีกแนวทางลบจะดูแลสถานการณ์บ้าน เมืองอย่างไร ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ภาวนาขอให้ศาลมีผลการตัดสินอย่าให้กระทบกระทั่งกัน บ้านเมืองถึงจะเดินไปได้ การเอาชนะคะคานกันในทางการเมืองแล้วบ้านเมือง เศรษฐกิจ เสียหาย หากใครไม่พอใจมีการเดินประท้วง และตามการข่าวตนประชาชนส่วนใหญ่บอกว่าหากตัดสินฝืนความรู้สึก เขาจะบอกให้ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องอย่างไปฟัง ตรงนั้นจะเป็นเรื่องยุ่ง

สวน “สมศักดิ์” รับคลิปเสียงพูดจริง


วันนี้ (7 ก.ค.)  นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานรัฐสภา ออกมายอมรับว่าเสียงในคลิปเป็นของตัวเองว่าเป็นเรื่องที่ดีที่ออกมายอมรับ ความจริงด้วยตัวเอง การออกมายอมรับความจริงน่าจะเป็นเรื่องที่นายสมศักดิ์ จนด้วยข้อเท็จจริง และพยายามที่จะทำตัวใจดีสู้เสือ ซึ่งการที่นายสมศักดิ์ ออกมายืดอกภูมิใจว่า ข้อเท็จจริงในคลิปนี้ เป็นการแสดงจุดยืนในความเป็นกลางนั้น เห็นว่าคงเป็นการเข้าใจผิด และมีทัศนคดีที่เข้าข้างตัวเองมากเกินไป รายละเอียดในคลิปลับฉบับนี้นายสมศักดิ์ จะต้องตอบคำถามกับสังคมในหลายภาคส่วน ซึ่งในขณะนี้ได้ตกเป็นจำเลยของสังคมไปแล้ว
นายเทพไท กล่าวว่า ขอเรียกร้องไปยังนายสมศักดิ์ 5 ข้อ คือ 1.นายสมศักดิ์ ต้องตอบคำถามกับสมาชิกรัฐสภาว่า ตัวเองยังมีความชอบธรรมที่จะนั่งอยู่บนบัลลังค์ที่ประชุมรัฐสภาต่อไปได้อีก หรือไม่ และเชื่อว่าเปิดสมัยประชุมสามัญทั่วไป วันที่ 1 ส.ค.นี้ จะต้องมีการซักฟอก และอภิปรายไม่ไว้วางใจประธานที่ประชุมก่อนยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ รัฐบาล  2.นายสมศักดิ์ ต้องตอบคำถามนี้กับพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ว่าเหตุใดจึงเอาความลับของเจ้านายที่เป็นผู้บงการพรรคเพื่อไทยอยู่เบื้อง หลังมาเปิดเผยต่อสาธารณชน เปลือกกายล่อนจ้อน สร้างความเสียหายให้กับนายใหญ่อย่างมาก 3.นายสมศักดิ์ ตกเป็นจำเลยของสมาชิกบ้านเลขที่ 111 ที่ได้กล่าวพาดพิงดูถูกเหยียดหยามสมาชิกบ้านเลขที่ 111 ไม่มีน้ำยาพอที่จะเป็นรัฐมนตรีในครม.ชุดนี้ได้
นายเทพไท กล่าวอีกว่า 4.นายสมศักดิ์ จะถูกข่มจากเพื่อนส.ส.พรรคเพื่อไทย ที่พยายามอวดอ้าง ว่าตัวเองเป็นคนเก่ง เพียงคนเดียวที่จะสามารถสื่อสารกับนายใหญ่ได้ และการที่บอกว่า ยุทธศาสตร์พรรคทั้งหมดตัวเขาเองเป็นผู้กำหนดเพียงผู้เดียว เป็นการพูดเอาดีใส่ตัว เอาชั่วให้คนอื่น เชื่อว่าสมาชิกส่วนใหญ่ในพรรคเพื่อไทยรับไม่ได้ และ 5.นายสมศักดิ์ จะต้องทำความเข้าใจกับกลุ่มคนเสื้อแดง ที่มีแนวความคิดต้องการผลักดันร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ วาระ 3 และพ.ร.บ.ปรองดองฯ ให้มีการลงมติ จนออกมาเป็นกฎหมายได้ แต่นายสมศักดิ์ กลับอวดอ้างว่าตัวเองเป็นบุคคลสำคัญ ที่ชะลอกฎหมาย2ฉบับนี้ออกไป
นายเทพไท กล่าวว่า รู้สึกเป็นห่วงชะตากรรมและสถานะของนายสมศักดิ์ ในฐานะที่เป็นประมุขฝ่ายนิติบัญญัติ ว่าจะดำรงสถานะประธานที่ประชุมต่อไปได้อย่างไร เพราะสมาชิกทั้งสภาผู้แทนราษฎรที่ได้รับฟังคลิปดังกล่าว ก็รู้สึกไม่สบายใจและมีความกระดากปาก ที่จะเอ่ยคำว่า “กราบเรียนท่านประธานที่เคารพ” และที่น่าเป็นห่วงคือ นายสมศักดิ์ ก็จะตกอยู่ในสภาพ “หัวเน่า”ในพรรคเพื่อไทยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

"มาร์ค"ครวญเบื่อถูกยื่นยุบพรรคทุกวัน


ที่สถาบันพระปกเกล้า วันนี้ ( 7 ก.ค.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร ได้บรรยายพิเศษเรื่อง "กลยุทธ์การเป็นผู้นำยุคใหม่ในระบอบประชาธิปไตย:ประสบการณ์ทางการเมือง" ซึ่งเป็นหลักสูตรระดับกลางของ สถาบันพระปกเกล้า ว่า การเป็นผู้นำและผู้บริหารในยุคนี้ จำเป็นอย่างยิ่งต้องค้นคว้าหาความรู้และข้อมูลข่าวสารในด้านต่างๆ ทั้งเศรษฐกิจ การเมือง สังคม ทั้งนี้นอกจากจะรู้ปัญหาปากท้องของประชาชนแล้ว จะต้องรู้เรื่องกฎหมาย ข่าวสารต่างประเทศ จะต้องรู้กระแสเปลี่ยนแปลงของโลกด้วย การเป็นผู้นำต้องมองเรื่องเหล่านี้ให้มีความเชื่อมโยงกันไม่ใช่แค่มุมใดมุม หนึ่ง นอกจากนี้คุณสมบัติที่ดีของนักการเมืองจะต้องมีความอดทน อย่างตนเคยนั่งในศาลกับนายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำนปช.ถึง 8 ชั่วโมงมาแล้ว สังคมปัจจุบันที่มีความขัดแย้งกันแบ่งฝักแบ่งฝ่ายกันมากขึ้นปัญหามาจากสื่อ โดยพฤติการบริโภคสื่อ และลักษณะของสื่อที่เปลี่ยนแปลงไป แม้การวัดผลงานของนักการเมืองเองบางครั้งก็จะดูว่าใครออกทีวีมากกว่าจึงจะมี ผลงานมากกว่า ปัญหา     การเมืองในขณะนี้ เกิดขึ้นเพราะไม่มีการกำหนดขอบเขตให้ชัดเจนว่า อะไรคือเครื่องมือในการแก้ไขปัญหา ระหว่างกฎหมายกับการเมือง ที่บ้านเมืองวุ่นวายอยู่ขณะนี้เพราะฝ่ายหนึ่งบอกว่าเสียงข้างมากมีความชอบ ธรรมที่จะทำอะไรก็ไม่ผิด และใช้เสียงข้างมากยัดเยียดให้อีกฝ่ายหนึ่งผิด ซึ่งไม่มีประเทศประชาธิปไตยที่ไหนยอมรับตรงนี้ได้ กลับกันฝ่ายที่ไม่พอใจเสียงข้างมากพยายามหาช่องกฎหมายเพื่อทำลายกัน ไม่ได้มีการใช้กฎหมายกันจริงๆ จัดการคนผิดแต่มุ่งจัดการกับคนที่พลาด โดยเฉพาะเรื่องการยุบพรรคตนไม่เคยเห็นด้วยเลย แต่ทุกวันนี้เบื่อมากมียื่นเรื่องให้ยุบพรรคประชาธิปัตย์เกือบทุกวัน

นายอภิสิทธิ์ ยังกล่าวว่าปัญหาขณะนี้นักการเมืองขาดความเป็นมืออาชีพ ไม่แยกแยะบทบาทหน้าที่ว่าเป็นอย่างไรทำให้สังคมสับสน สังคมไทยยังไม่หลุดพ้นในระบบพวกพ้อง อุปถัมถ์ สำหรับการแก้ไขรัฐธรรมนูญนั้นตนคิดว่าสามารถทำได้ หลายเรื่องจะต้องมีการแก้ไขซึ่งรัฐบาลที่ผ่านมาก็มีการแก้ไข แต่ปัญหาที่เกิดขึ้นมาจากวาระแอบแฝงพ่วงเข้ามากับรัฐธรรมนูญ เหตุที่ต้องรื้อแก้ทั้งฉบับส่วนหนึ่งมาจากมาตรา 309 ที่อ้างว่าเป็นการสืบทอดอำนาจเผด็จการ ทั้งๆที่ความจริงต้องการจะล้มคำพิพากษาในคดีต่างๆที่ผ่านมาแต่ยังเลี่ยงไม่ กล้า อย่างไรก็ตามตนไม่ขัดข้องแก้ไขรัฐธรรมนูญ แต่เรื่องการกำหนดกติกาที่จะใช้กับคนทั้งประเทศจะต้องไม่เอาเสียงข้างมากมา ใช้ สำหรับการทำงานของพรรคประชาธิปัตย์ที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าเชื่องช้า คิดว่าเป็นวาทะกรรมสร้างกันได้จะด่าคนนั้นคนนี้ก็ทำได้ ซึ่งก็ยอมรับว่าเราชนะเลือกตั้งน้อยกว่าแพ้ แต่อย่างน้อยเราไม่ถูกยุบพรรคเพราะโกงการเลือกตั้ง

นายอภิสิทธิ์ ยังกล่าวอีกว่า ยอมรับว่าเหตุการณ์ความวุ่นวายในสภาดังล่าวไม่น่าจะเกิดขึ้น แต่ภายหลังเหตุการณ์ก็ได้เชิญผู้ที่เกี่ยวข้องมาพูดคุยพยายามไม่ให้เกิด เหตุการณ์ลักษณะนี้ขึ้นอีก  และได้พูดคุยกับประะานสภาผู้แทนราษฎรด้วยซึ่งท่ายอมรับว่าสถานการณ์พาไป ซึ่งหากจะดูเหตุการณ์เฉพาะช่วงนั้นก็ถือว่าแย่มาก แต่ต้องดูว่าก่อนจะเกิดเหตุการณ์นี้ก็จะเข้าใจอย่างไรก็ตาม น.ส.รังสิมา รอดรัศมี ส.ส.สมุทรสงครามก็ได้ออกมาขอดทษแล้ว  ซึ่งความจริงก็ไม่ได้รุนแรงอะไร ไม่ได้ทำร้ายใคร แค่ลากเก้าอี้เฉยๆ

"นพดล" ย้อน "สุเทพ" ดีแต่พูด


วันนี้ ( 7 ก.ค.) นายนพดล ปัทมะ ส่งชี้แจงถึงสื่อมวลชน ว่าตามที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ส.ส.สุราษฎร์ธานี พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวในวันคล้ายวันเกิด ฝากถึง พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ว่าอยากให้หยุดทำร้ายประเทศนั้น เสียดายที่นายสุเทพ น่าจะพูดอะไรที่สร้างสรรค์ในวันเกิดของตัวเอง ไม่แปลกใจในท่าทีเช่นนี้ ที่พูดแบบแผ่นเสียงตกร่อง มาหลายปีแล้ว และเวลามีการเลือกตั้งทีไร ก็พยายามโจมตีใส่ร้าย พ.ต.ท. ทักษิณ อย่างเอาเป็นเอาตาย แต่ประชาชนก็เลือกพรรคฝ่าย พ.ต.ท. ทักษิณ ทุกครั้ง เพราะเสนอนโยบายที่แก้ปัญหาของประเทศได้ รวมทั้งไม่แปลกใจที่ท่าทีนายสุเทพ จะสวนทางกับคนส่วนใหญ่ของประเทศ เพราะเขาไม่คิดเหมือนกับพรรคประชาธิปัตย์  มิฉะนั้นประชาชนคงเลือกไปเป็นรัฐบาลแล้ว          
"เราไม่โกรธและถือสาท่าทีของคุณสุเทพ ประชาชนรู้เท่าทันและมีวิจารณญานตัดสินได้ว่า พรรคใดดีแต่พูด พรรคใดดีแต่ทำ ใครทำร้ายประเทศ ใครทำประโยชน์ พี่น้องประชาชนจะตัดสินเอง หมดเวลาที่จะมาป่าวร้องว่าพวกตัวดี คนอื่นชั่วไปหมด พวกนี้เปรียบเสมือนพวกแข่งเรียลลิตี้โชว์ที่ประชาชนโหวตไม่ให้ไปต่อ แต่ฟูมฟายว่าตัวเองวิเศษกว่าคนอื่นและไม่ยอมรับคำตัดสินของมหาชน  ในวันคล้ายวันเกิดนี้ขอให้คุณสุเทพทำใจยอมรับหน้าที่ฝ่ายค้านอย่างมืออาชีพ เถอะครับ" นายนพดล กล่าว  

โภคิน-วิรัตน์” โต้เดือดกลางศาลรธน.


 วันนี้ ( 6 ก.ค.)  เมื่อเวลา 10.10 น. ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญได้ออกนั่งบัลลังค์เพื่อรับฟังการเบิกความและซัก ค้านพยานฝ่ายผู้ถูกร้อง กรณีศาลรัฐธรรมนูญรับพิจารณาว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 291 เข้าข่ายล้มล้างการปกครองตามรัฐธรรมนูญมาตรา 68 หรือไม่ โดยได้เริ่มต้นไต่สวน จากนายโภคิน พลกุล อดีตประธานสภาผู้แทนราษฎรในฐานะพยานปากแรกฝ่ายผู้ถูกร้อง ซึ่งสาระสำคัญ นายโภคิน ยืนยันว่าคำร้องนี้ ผู้ร้องไม่มีสิทธิยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญได้โดยตรง รัฐธรรมนูญกำหนดให้เป็นหน้าที่ของอัยการสูงสุดดำเนินการกลั่นกรองก่อนชั้น หนึ่งก่อน เพราะมาตรา 68 วรรคที่ระบุคำว่า "ผู้ทราบ" ไม่ได้เป็นการยืนยันว่าจะรับรู้ถึงการกระทำของผู้ที่เปลี่ยนแปลงการปกครอง จริง
ดังนั้นรัฐธรรมนูญถึงได้มอบหมายให้อัยการสูงสุดเป็นผู้วินิจฉัยก่อนเพื่อ ป้องกันไม่ให้เกิดปัญหา ศาลรัฐธรรมนูญเองก็เคยมีคำสั่งเมื่อปี 2549 เป็นแนวทางบรรทัดฐานเอาไว้ตามกรณีที่นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รมว.ต่างประเทศ ในฐานะอดีต ส.ส.พรรคพลังประชาชนยื่นขอให้ยุบพรรคประชาธิปัตย์ จากกรณีขอนายกรัฐมนตรีพระราชทาน ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 7  อีกทั้งในบทบัญญัติก็ไม่มีประเด็นใดระบุให้สามารถยื่นได้ 2 ทาง
  “ส่วนข้อกล่าวหาว่า ขณะที่เนื้อหา มาตรา 68 ระบุถึงความผิดว่าต้องการใช้สิทธิเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญไปล้มล้างการปกครอง และได้มาซึ่งอำนาจโดยมิชอบ แต่ข้อเท็จจริงที่ปรากฏขณะนี้การพิจารณาของรัฐสภาเพิ่งผ่านวาระ 2 รัฐธรรมนูญยังไม่ได้ถูกแก้แม้แต่คำเดียว ดังนั้นข้อเท็จจริงเมื่อมาสู่ศาลคือยังไม่มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ แต่ก็คิดกันเองว่าอาจจะไปแก้แล้วเป็นความผิด ซึ่งเป็นไปไม่ได้ที่จะใช้จินตภาพมาลงโทษปัจจุบัน หรือสมมุติว่ารัฐสภาผ่านวาระ 3 ผลคือให้มีแค่สมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) ซึ่งจะไปยกร่างอย่างไรยังไม่มีใครรู้ ก็มีแต่การคาดเดา” นายโภคิน กล่าว
นายโภคิน กล่าวว่า สำหรับประเด็นที่ระบุว่า ในมาตรา 291 ห้ามแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับนั้น รัฐธรรมนูญตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบันไม่เคยมีบทบัญญัติว่าด้วยการห้ามแก้ไขรัฐ ธรรมนูญทั้งฉบับ จนกระทั่งรัฐธรรมนูญ 2540 ได้บัญญัติห้ามแก้ไขใน 2 ประเด็นคือ รูปแบบการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และการเปลี่ยนแปลงรูปแบบของรัฐ ซึ่งรัฐธรรมนูญ 2550 ก็เขียนล้อมาจากรัฐธรรมนูญ 2540  จึงเป็นไปไม่ได้เลยที่จะมีผลต่อการเปลี่ยนแปลงการปกครองและรูปแบบของรัฐ ไม่เข้าใจว่าข้อหาดังกล่าวไปเอาความคิดจากที่ไหนที่ห้ามแก้ไขทั้งฉบับเพราะ ถ้าห้ามแก้ไขทั้งฉบับจะบัญญัติห้าม 2 ประเด็นไว้ทำไม เขียนห้ามแก้ไขทั้งฉบับไปเลยไม่ดีกว่าหรือ  ไม่เพียงเท่านี้การแก้ไขมาตรา 291
ทุกขั้นตอนเป็นเหมือนเมื่อครั้งพิจารณาแก้ไขรัฐธรรมนูญ2534 เพื่อตั้ง  ส.ส.ร.มายกร่างรัฐธรรมนูญ 2540 โดยยึดโยงประชาชนชัดเจนผ่านการเลือกตั้ง ส.ส.ร. เมื่อยกร่างรัฐธรรมนูญแล้วเสร็จ ก็นำกลับไปให้ประชาชนลงการประชามติ ถ้าบอกว่าต้องทำประชามติก่อนการแก้ไขรัฐธรรมนูญก่อน คิดว่าไม่ถูกต้องเพราะเหมือนเป็นการทำให้รัฐธรรมนูญหนึ่ง มีความสูงส่งกว่ารัฐธรรมนูญอีกฉบับหนึ่ง แต่รัฐธรรมนูญทุกฉบับมีสถานะความเป็นกฎหมายสูงสุดของประเทศเหมือนกัน ถ้าคิดแบบนี้รัฐธรรมนูญที่มาจากคณะรัฐประหารเป็นรัฐธรรมนูญต่ำที่สุดใช่หรือ ไม่    
 จากนั้นศาลรัฐธรรมนูญอนุญาตให้ผู้ร้องซักถามพยานได้ โดยช่วงหนึ่งนายวิรัตน์ กัลยาศิริ  ส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะผู้ร้องที่สาม ซักว่าภายหลังมีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่แล้วจะทำให้รัฐบาลของน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และรัฐสภาชุดปัจจุบันมีสถานะคงอยู่ต่อไปใช่หรือไม่ ซึ่งนายโภคิน ตอบว่า ประเด็นนี้ขึ้นอยู่กับการกำหนดไว้ในบทเฉพาะกาลว่า ส.ส.ร.จะให้มีเนื้อหาอย่างไร ในอดีตก็เคยมีการระบุในบทเฉพาะกาลว่าให้รัฐบาลและรัฐสภาดำรงอยู่ต่อไปจนกว่า จะครบอายุของสภาผู้แทนราษฎร หรือ กำหนดให้มีการเลือกตั้งใหม่ทันที จึงไม่บรรทัดฐานตายตัว
  ต่อมาการซักถามและการตอบชี้แจงระหว่างทั้งสองคนเริ่มดุเดือดมากขึ้น เมื่อนายวิรัตน์ ถามว่า "ในฐานะที่อาจารย์โภคินเคยเป็นอดีตประธานรัฐสภาสมัยรัฐบาลไทยรักไทยจึงมี ความรักใคร่พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มาตลอดใช่หรือไม่" และ"สมัยดำรงตำแหน่งประธานสภาฯได้ลงมติสนับสนุนให้พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นนายกฯใช่หรือไม่"  นายโภคิน ชี้แจงว่า "รัฐธรรมนูญ2540 กำหนดให้นายกรัฐมนตรีต้องมาจากเสียงข้างมากในสภา ทำให้การใช้สิทธิงดออกเสียงย่อมหมายถึงการไม่เห็นด้วย ผมไม่อยากดัดจริตเพราะตอนหาเสียงก็สนับสนุนพ.ต.ท.ทักษิณเป็นนายกรัฐมนตรีผม ไม่อยากหลอกตัวเอง"
 เป็นผลให้ นายวสันต์ สร้อยพิสุทธิ์ ประธานศาลรัฐธรรมนูญ ได้กำชับทั้งสองฝ่ายว่า "ไม่อยากให้ถามในประเด็นลักษณะนี้อีกเพราะข้อเท็จจริงเหล่านี้รู้ๆกันอยู่ ว่าใครพรรคพวกใคร และการชี้แจงของพยานรายนี้ก็เป็นการให้ความเห็นเชิงวิชาการไม่มีความจำเป็น ต้องสอบถามข้อเท็จจริงแบบนั้น นอกจากนี้ ขอฝากไปยังทั้งสองฝ่ายว่าเวลาจะพูดไม่ต้องพูดว่าตุลาการศาลที่เคารพเพราะออก ไปข้างนอกพวกท่านก็ด่าพวกผมอยู่ และที่นี่ก็ไม่ใช่สภา"
 ต่อมานายวรินทร์ เทียมจรัส ผู้ร้องที่สี่ ได้ซักถาม โดยประเด็นสำคัญหนึ่งคือการระบุว่าประชาชนมีสิทธิพิทักษ์รัฐธรรมนูญ ตามมาตรา 212 และการแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 291 ละเมิดสิทธิของประชาชนตามรัฐธรรมนูญ ประชาชนจึงมีสิทธิที่จะทำหน้าที่พิทักษ์รัฐธรรมนูญ และฝ่ายผู้แก้ไขใช้กฎหมาย ใช้หลักเกณฑ์ใดมาแก้รัฐธรรมนูญขอให้พูดให้ชัด
 โดยนายโภคิน  ชี้แจงว่า รัฐธรรมนูญมาตรา 212 เป็นคนละเรื่องกับกรณีดังกล่าว เพราะการร้องตามมาตรา 212 ต้องเป็นกรณีที่สิทธิของคนผู้นั้นถูกละเมิดโดยการออกกฎหมาย แต่การแก้ไขมาตรา 291 ต้องเป็นการร้องตามมาตรา 68 ที่ระบุความผิดว่าต้องเป็นการใช้สิทธิล้มล้างการปกครอง และเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจโดยมิชอบ อีกทั้งการแก้ไขมาตรา 291 เป็นอำนาจของ 2 สภาคือสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภา นอกจากนี้รัฐธรรมนูญ 2550 ยังรองรับให้ประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้ง 5 หมื่นคนเข้าชื่อขอแก้ไขได้  ส่วนที่ถามว่าใช้อำนาจตามมาตราใด ใช้หลักเกณฑ์ใดมาแก้ไขรัฐธรรมนูญนั้น ก็มาตรา 291 ของรัฐธรรมนูญเปิดให้แก้ไขตัวเอง หลักเกณฑ์ก็เป็นไปตามที่บัญญัติไว้ ถ้าคิดว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญครั้งนี้ล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตย อย่างนั้นรัฐธรรมนูญ 2540 ก็เป็นการล้มล้างด้วย

“ขุนค้อน”เปิดปากครั้งแรกรับคลิปเสียงพูดจริงในกลุ่มคนสนิท


วันนี้(6 ก.ค.)ที่ศาลรัฐธรรมนูญ นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานสภาผู้แทนราษฎร ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่เปลี่ยนใจเข้าชื่อแจงด้วยตนเองในฐานะผู้ถูกร้อง ที่ 1  ซึ่งก่อนหน้านี้มอบหมายให้นายวัฒนา เซ่งไพเราะ โฆษกประธานสภาผู้แทนราษฎร เป็นผู้มาชี้แจงแทนว่า  ตนได้พิจารณาแล้วเห็นว่าน่าจะให้ความร่วมมือกับศาล  ก็ได้แสดงเจตจำนงตั้งแต่แรกว่าคำสั่งศาลไม่มีผลผูกพันธุ์กับรัฐสภา แต่ก็ให้เกียรติเพราะไม่อยากให้เกิดความขัดแย้งมากขึ้น และไม่อยากให้ตนเองกเป็นสาเหตุของคนไทยฆ่ากันตาย ถึงได้ถอยการลงมติร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ ในวาระ3   และเมื่อถอยแล้วจึงเห็นว่าวันนี้ต้องมาศาลรัฐธรรมนูญ  ส่วนคลิปเสียงที่ออกมาได้มีการมองว่าการทำหน้าที่ประธานไม่เป็นกลางนั้น ตนเห็นว่าในสภาได้มีการพิสูจน์ให้เห็นชัดเจน จากเรื่องสำคัญหลายเรื่อง เช่น การขอให้ยื้อร่างพ.ร.บ.ว่าด้วยความปรองดองแห่งชาติ พ.ศ...และการลงมติร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ วาระ3  ซึ่งในประเด็นดังกล่าวตนก็ได้เห็นด้วยกับฝ่ายค้านก็ชี้ชัดว่าไม่มีใบสั่ง และทำหน้าที่เป็นกลาง โดยยึดข้อบังคับและรัฐธรรมนูญเป็นหลัก
ผู้สื่อข่าวถามว่า จะมีการชี้แจงในเรื่องคลิปเสียงอย่างไร นายสมศักดิ์ กล่าวว่า เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับการร้องตามมาตรา 68  แต่ก็เป็นข่าวที่ออกสู่สาธารณะทั้งที่ความจริง เป็นการพูดคุยกันในกลุ่มญาติพี่น้อง พรรคพวก เพื่อนฝูง แค่ 50 คน และเป็นการพูดภายใน นึกไม่ถึงว่าจะหลุดออกมา และก็ไม่ได้เป็นความลับอะไร  อย่างไรก็ตามขณะนี้ก็ยังไม่ได้พูดคุยกับพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี  เมื่อถามว่าหลังคลิปหลุดได้พูดคุยกับน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี แล้วหรือยัง นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ได้คุยผ่านหลายคน ทั้งสมาชิกคนสำคัญของพรรค รวมถึงนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี  ส่วนที่มีการพาดพิงพ.ต.ท.ทักษิณนั้น ในระบอบประชาธิปไตยก็เห็นว่าอยู่ในกรอบที่จะหารือกันได้ เป็นเรื่องปกติทุกพรรคการเมืองก็ทำอย่างนี้ไม่เห็นมีอะไรที่ผิดปกติ ถ้าจะยึดตามหลักการตนเคยได้ให้สัมภาษณ์สื่อในช่วงที่ไม่ได้รับโทรศัพท์ก็ ต้องใช้ดุลพินิจในการตัดสินปัญหา
“ผมได้ย้ำว่าจะใช้ดุลพินิจโดยยึดถือผลประโยชน์ชาติและจะไม่ยอมให้คนไทย ฆ่ากันตายเด็ดขาด และก็ได้แสดงความเห็นในเรื่องร่างพ.ร.บ.ปรองดองฯ ว่าควรยื้อออกไปและได้บอกกับสื่อมวลชนว่าตนจะไปทำความเข้าใจกับทุกคนที่มี ส่วนเกี่ยวข้องและที่คลิปหลุดออกมาก็ถือเป็นหลักฐานที่ชี้ชัดว่าสิ่งที่ผม พูดและทำ และทำอย่างที่พูดไม่เห็นจะมีอะไรเสียหายเลย ซึ่งถ้ามีใบสั่งทำไมต้องถกเถียงกัน และที่ผ่านมาผมก็เปิดเผยมาโดยตลอด ว่าจะหารือกับผู้หลักผู้ใหญ่ในเรื่องที่ตนไม่เห็นด้วย เพื่อโน้มน้าวให้ทุกคนเห็นด้วยก็เป็นกติกาตามระบอบประชาธิปไตยและคลิปที่ออก มาถือว่าเป็นเรื่องดี เพราะยืนยันหลักการของผมมาโดยตลอด”นายสมศักดิ์ กล่าว
เมื่อถามว่า เหตุการณ์นี้จะส่งผลต่อการทำหน้าที่หรือตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎรหรือ ไม่  นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ขึ้นอยู่ที่ว่าจะนำไปเป็นประเด็นการเมืองหรือไม่ ซึ่งจริงๆไม่มีอะไรเลย  ตนมีความบริสุทธิ์ใจยึดประโยชน์ชาติและพูดตลอดว่าจะไม่ยอมให้คนไทยฆ่ากัน ตาย แม้แต่ในคลิปลับก็ได้พูด เมื่อถามย้ำว่า เสียงพูดในคลิปที่ระบุควรชะลอการโหวตร่างรัฐธรรมนูญ วาระ3ออกไปก่อนจะส่งผลต่อน้ำหนักที่จะชี้แจงต่อศาลรัฐธรรมนูญหรือไม่ นายสมศักดิ์ กล่าวว่า  ขึ้นอยู่กับคำถาม หากมีข้อข้องใจตนก็พร้อมที่จะตอบ เมื่อถามว่า ทันทีที่มีการเปิดประชุมสภาผู้แทนราษฎร ในวันที่ 1 ส.ค.นี้ ในเรื่องร่างพ.ร.บ.ปรองดองฯ มีเลื่อนขึ้นมาอยู่ในวาระแรกของการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ตรงนี้จะมีทางออกอย่างไร เพื่อไม่ให้เกิดความวุ่นวาย นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ความเห็นส่วนตัวควรยื้อออกไปและพยายามทำความเข้าใจกับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ทั้งคณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย และผู้ที่มีอำนาจตัดสินใจ ซึ่งขณะนี้ก็ยังไม่ได้ข้อสรุป แต่แนวโน้มเป็นไปในแนวทางที่ดีหมายถึงหลายคนเริ่มคล้อยตามเห็นด้วย แต่ก็อยู่กับมติเสียงข้างมากของพรรคเพื่อไทยว่าจะเห็นอย่างไร  ซึ่งในส่วนของพล.อ.สนธิ  บุญยรัตกลิน ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคมาตุภูมิ ซึ่งเป็น 1ใน4 ผู้เสนอร่างพ.ร.บ.ปรองดองฯ นั้น ยังไม่ได้มีการหารือ   แต่ได้มีการหารือเฉพาะในส่วนผู้เสนอร่างพ.ร.บ.ฯทั้ง 3 คน  ซึ่งเป็นของส.ส.พรรคเพื่อไทยไปแล้ว
ผู้สื่อข่าวรายงาน การออกมาให้สัมภาษณ์ของนายสมศักดิ์ ถือเป็นการออกมายอมรับครั้งแรก หลังถูกพรรคประชาธิปัตย์นำคลิปเสียง มาเปิดเผยในรายการ "สายล่อฟ้า" เมื่อช่วงค่ำของวันที่ 3 ก.ค.ที่ผ่านมา.

"เฉลิม" ขู่ "ชูวิทย์" เตรียมรับหมายศาลยันไม่เคยยุ่งบ่อน


วันนี้( 6 ก.ค.) ที่ทำเนียบรัฐบาล ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ หัวหน้าพรรครักประเทศไทย ออกมาโต้ว่าเป็น ด็อกเตอร์กฎหมาย แต่ไม่ใช้กฎหมายปราบปรามการลักลอบเปิดบ่อนการพนันที่ซอยกิ่งเพชรว่า อยากให้นายชูวิทย์ รอเตรียมรับหมายศาลจากตนไว้ได้เลย ซึ่งไม่ขอพูดในรายละเอียด เพราะนายชูวิทย์ได้ร้องต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ไปแล้ว เมื่อตำรวจไม่ผิด ต้องปกป้อง แต่อย่างไรก็ตาม จะนำทนายความไว้ตามดูการกระทำของนายชูวิทย์  2 คนด้วย

 ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวอีกว่า การตรวจเคหะสถานไม่ใช่จะไปบุกค้นได้ง่ายๆการค้นต้องมีหมายค้น และส่วนที่บอกเป็นความผิดซึ่งหน้านั้น ก็ต้องเจอต่อหน้าแต่นี่อยู่ในเคหสถาน อย่างไรก็ตามการที่เคหสถานมีอุปกรณ์การพนันไว้มันไม่ผิด แต่การจะจับต้องจับการเล่นขณะลักลอบเล่นไม่ใช่จับตอนเลิก เพราะตำรวจปกติเวลาไปจับการพนันหากเขาเลิกเล่นก็จับไม่ได้ แต่นายชูวิทย์พยายามเอาหลายเรื่องมาเป็นเรื่องเดียว และตนก็ไม่เคยบอกว่าไม่มีบ่อนที่กิ่งเพชร กลับไปเอาคำพูดเมื่อ 11 เดือนที่แล้วมาอ้าง ซึ่งเรื่องการจับกุมบ่อนแบบนี้เป็นหน้าที่ของตำรวจ คนเป็นรองนายกฯไปจับกุมบ่อนเองมีที่ไหน
     
"สำหรับผมห่วงตัวเองอยู่แล้ว และก็ยึดมั่นในคุณธรรม ศีลธรรมมาโดยตลอด แต่ก็ไม่เคยเป็นเจ้าของซ่อง อาบอบนวด บังคับให้ผู้หญิงค้าประเวณี พวกที่มีอาชีพเช่นนี้หน้ามันคล้ำ ผมหน้าขาวอย่างกับไข่ปอก และจากนี้ต่อไปผมจะไม่พูดตอบโต้นายชูวิทย์อีก เพราะพูดไปก็เป็นประเด็นกับบางสื่อได้อีก ซึ่งผมไม่มีวันบกพร่องเรื่องการจับกุมบ่อนการพนัน เพราะผมเกลียดที่สุดพวกแมงดาหากินบนพื้นฐานความทุกข์ยากบนน้ำกาม" ร.ต.อ.เฉลิม กล่าว

“เพื่อไทย” ยอมรับความจริงคำตัดสินศาลรธน.



ที่พรรคเพื่อไทย วันนี้ ( 7 ก.ค.) นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ รองโฆษกพรรคเพื่อไทย แถลงถึงกรณีศาลรัฐธรรมนูญนัดฟังคำวินิจฉัยการพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 291 เป็นการล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตย ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 291 หรือไม่ ในวันที่ 13 ก.ค.ว่า  คณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทยได้ขอให้ส.ส.ไปทำความเข้าใจกับประชาชนใน พื้นที่ว่า หากผลการตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญออกมาเป็นอย่างไร จะยอมรับความจริงด้วยหลักการและเหตุผล โดยคณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทยได้วิเคราะห์พฤติกรรมการซักค้านของฝ่าย ผู้ร้องพบว่า เป็นเจตคติแบบมีธง บางคำถามไม่ใช่หลักวิชาการ หลักกฎหมาย เช่น นายวิรัตน์ กัลยาศิริ ส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ ที่พยายามตั้งคำถามโยงไปถึงพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งอาจเป็นคุณกับเราก็ได้ อย่างไรก็ตามเราไม่อยากคาดหวังผลว่าจะออกมาเป็นอย่างไร เพราะที่ผ่านมาก็คาดผิดมาตลอด เพียงแต่หวังความเป็นธรรมจากศาลเท่านั้น

นายจิรายุกล่าวว่า ส่วนที่นายวสันต์ สร้อยพิสุทธิ์ นายนุรักษ์ มาประณีต นายสุพจน์ ไข่มุกด์ ขอถอนตัวออกจากการเป็นองค์คณะในการพิจารณาคดี แต่องค์คณะไม่ยินยอมนั้น พรรคเพื่อไทยไม่ติดใจ แต่จะจดและจำสิ่งที่ทั้งสามคนพูดไว้ตอนเป็นคณะกรรมาธิการพิจารณาร่างรัฐ ธรรมนูญปี 50  โดยจะดูคำวินิจฉัยเป็นรายบุคคลว่า มีความเห็นอย่างไรต่อการแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 291 และขอเรียกร้องให้นักกฎหมายทั่วประเทศออกมาให้ความเห็นถึงการแก้ไขมาตรา 291 ว่ามีความชอบหรือไม่ชอบอย่างไร ส่วนคลิปเสียงนายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานสภาผู้แทนราษฎรที่หลุดออกมานั้น แสดงให้เห็นว่า แม้พรรคเพื่อไทยมีเสียงข้างมาก แต่หนทางใดที่จะทำให้เกิดความขัดแย้งน้อยที่สุด เราก็จะทำ ซึ่งการชะลอการแก้ไขรัฐธรรมนูญ และร่างพ.ร.บ.ปรองดองก็น่าจะถูกใจพรรคประชาธิปัตย์แล้ว ไม่น่าจะออกมาโวยวายอะไรอีก

นายจิรายุ กล่าวว่า ส่วนที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ส.ส.สุราษฎร์ธานี พรรคประชาธิปัตย์ ระบุว่า พรรคเพื่อไทยพยายามออกมาลิดรอนความน่าเชื่อถือของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญนั้น อยากทราบว่า นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ไปอยู่ไหน ให้นายสุเทพมาพูดแทนทุกวัน  อยากให้นายสุเทพไปเคลียร์กับเลขาธิการพรรค อย่ามาเสี้ยม ขอให้นายสุเทพไปซื้อน้ำขิงกินเพื่อลดลมความอยากเป็นรัฐบาล

พสกนิกรจับจองพื้นที่รอเฝ้ารับเสด็จฯ


วันนี้(7 ก.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศที่โรงพยาบาลศิริราช พสกนิกรจากทั่วสารทิศทยอยเดินทางจับจองที่นั่งไปเฝ้ารอรับเสด็จฯ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวตั้งแต่ช่วงเช้า โดยตลอดริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาประชาชนที่มีบ้านเรือนติดริมฝั่งน้ำในเส้นทาง เสด็จฯ ต่างจัดที่ทางเพื่อเฝ้ารอรับเสด็จฯ  ขณะที่ประชาชนที่เดินทางมาจากทั่วทุกสารทิศ ต่างพากันหาจับจองพื้นที่สาธารณะริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาเพื่อเฝ้ารอชื่นชม พระบารมีด้วยเช่นกัน.
ด้านกรมเจ้าท่า ได้กำหนดเขตควบคุมการเดินเรือจากด้านเหนือ ตั้งแต่บริเวณสะพานพระราม 4 ถึงด้านใต้บริเวณสะพานพระพุทธยอดฟ้า ตั้งแต่เวลา 13.00-21.30 น. โดยห้ามเรือเดินทะเล เรือลากจูง เรือลำเลียงสินค้า เรือบรรทุกสินค้าอันตราย เรือท่องเที่ยวและภัตตาคาร และแพไม้เดินผ่านพื้นที่ควบคุมการเดินเรือ สำหรับเรืออื่นให้เดินเรือช้าและเบา ขณะขบวนเสด็จฯ ผ่าน ให้ลอยลำชิดฝั่ง ห้ามใช้แตรสัญญาณและเครื่องขยายเสียง ให้เปิดเฉพาะไฟเดินเรือ และตั้งแต่เวลา 18.00-21.30 น. ห้ามเดินเรือทุกชนิดผ่านพื้นที่ควบคุมการเดินเรือ ระหว่างท่าเกียกกายถึงสะพานกรุงธน
นอกจากนี้ กรมเจ้าท่า ได้ออกประกาศให้ระมัดระวังการเดินเรือบริเวณหน้ากรมชลประทาน เขตดุสิต กรุงเทพมหานคร และให้เดินเรือห่างจากฝั่งประมาณ 50 เมตร ระยะความยาวประมาณ 120 เมตร โดยให้เดินเรือชิดฝั่งตะวันตกของแม่น้ำเจ้าพระยา (ฝั่งธนบุรี) เนื่องจากกองทัพเรือมีการวางทุ่นเครื่องหมายจอดเรืออังสนา จำนวน 2 ทุ่น ตั้งแต่วันที่ 5–8 ก.ค.55 ทั้งนี้ ให้ผู้ควบคุมเรือทุกลำ ปฏิบัติตามประกาศนี้โดยเคร่งครัด พร้อมทั้งให้ปฏิบัติตามคำสั่งเจ้าหน้าที่กรมเจ้าท่า ตำรวจน้ำ และกองทัพเรือ ซึ่งปฏิบัติหน้าที่อยู่ในเรือรักษาการณ์และประจำท่าเทียบเรืออย่างเคร่งครัด

โรนัลโดควงแฟนสาวพักผ่อนเกาะยาวน้อย


วันนี้( 7 ก.ค.)  คริสเตียโน โรนัลโด  ซุปเปอร์สตาร์นักเตะชื่อดัง กัปตันทีมชาติโปรตุเกส และราชันชุดขาว เรอัล มาดริด พร้อมด้วย อิรินา เชย์ค แฟนสาว เดินทางด้วยเครื่องบินเจ็ตส่วนตัวมาถึง จ.ภูเก็ต โดยรถตู้เข้าไปรับเดินทางต่อยังห้อง VIP 1 ซึ่งมีเจ้าหน้าที่ด่านตรวจคนเข้าเมืองมาอำนวยความสะดวก พิธีตรวจคนเข้าเมืองในการตรวจเอกสารในการผ่านเข้าประเทศ   มี พ.ต.ต.ฐาปกรณ์ อนุมาศ สวป. สภ.ท่าฉัตรไชย พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจคอยอำนวยความสะดวกและดูแลความปลอดภัย จากนั้น ได้ต่อไปยังลานจอดเอลิคอปเตอร์ของเอกชน ซึ่งอยู่ห่างออกไปประมาณ 3 กม. ในพื้นที่ ต.สาคู อ.ถลาง แต่เนื่องจากสภาพอากาศปิด ทำให้เฮลิคอปเตอร์ไม่สามารถทำการบินได้จึงได้แจ้งให้เปลี่ยนเส้นทาง โดยใช้เรือยอชร์ ของทางโรงแรม ขึ้นที่ท่าเรืออ่าวปอ มารีน่า ต.ป่าคลอก อ.ถลาง จ.ภูเก็ต เพื่อเดินทางต่อไปยังโรงแรมซิกเซ้นท์ เกาะยาวน้อย หมู่ 5 ต.เกาะยาวน้อย อ.เกาะยาว จ.พังงา เพื่อพักผ่อนเป็นการส่วนตัวเรียบร้อยแล้ว
โดยการเดินทางมาประเทศไทยในครั้งนี้ของ "คริสเตียโน โรนัลโด" เพราะมีกำหนดการเซ็นสัญญาการเป็นพรีเซ็นเตอร์อีก 1 ปี กับบริษัท โตโยต้า ประเทศไทย จำกัด ในวันที่ 16 ก.ค.นี้ ที่โรงแรมพลาซ่า แอทธินี กรุงเทพฯ ท่ามกลางบอดี้การ์ดคอยรักษาความปลอดภัย โดยมีการนำรถยนต์ 4-5 คันมาจอดปิดทางลงของเครื่องบินเจ็ต พร้อมทั้งเลือกมุมรันเวย์ที่กล้องวงจรปิดภายในท่าอากาศยานภูเก็ตไม่สามารถ บันทึกภาพเครื่องบินเจ็ตส่วนตัวลำดังกล่าวได้ เพื่อป้องกันภาพซุปเปอร์สตาร์และแฟนสาวหลุดรอดไปยังสื่อ พร้อมกับไม่ให้ช่างภาพหรือปาปารัซซีสามารถถ่ายภาพโรนัลโดและแฟนสาวขณะเดินลง จากเครื่องบินเจ็ตส่วนตัว เพื่อขึ้นเฮลิคอปเตอร์ภายในรันเวย์ได้
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า คริสเตียโน โรนัลโด และแฟนสาว ได้จองพูลส์วิลล่าหรูของโรงแรมซิกเซนท์ หรือชื่อเดิม ซิกซ์เซนส์ ไฮด์ อเวย์ ยาวน้อย ริมเกาะยาวน้อย อ.เกาะยาว จ.พังงา โดยโรนัลโดเลือกเช่าพูลส์วิลล่าหรูที่ราคาสูงสุดและสวยที่สุดของโรงแรม วันละกว่า 4 แสนบาท สามารถมองเห็นทิวทัศน์ของทะเลอันดามันได้เกือบ 360 องศา พร้อมกับเตรียมเสิร์ฟอาหารไทย-อาหารซีฟู้ดสดๆ ช่วงดินเนอร์ทุกค่ำคืน เพื่อสร้างความประทับใจให้กับซุปเปอร์สตาร์และแฟนสาวในช่วงที่พักผ่อน

"ในหลวง"เสด็จฯทางชลมารคทรงเปิด เขื่อน 5 แห่ง


เมื่อเวลา 16.30 น. วันนี้( 7 ก.ค.) พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ฉลองพระองค์จอมทัพไทยทหารเรือ เสด็จฯ พร้อมด้วยสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ลงจากชั้น 16 อาคารเฉลิมพระเกียรติฯ โรงพยาบาลศิริราช  เสด็จฯโดยรถยนต์พระที่นั่งไปยังท่าเทียบเรือสมาคมศิษย์เก่าแพทย์ศิริราช เสด็จฯ ประทับเรือพระที่นั่งอังสนา ที่กองทัพเรือจัดถวาย ทอดพระเนตรริมแม่น้ำเจ้าพระยาจากท่าเทียบเรือสมาคมศิษย์เก่าแพทย์ศิริราช ไปยังบริเวณเกาะเกร็ด จังหวัดนนทบุรี และกลับมายังบริเวณหน้ากรมชลประทาน สามเสน เขตดุสิต กรุงเทพฯ
ต่อมาเรือพระที่นั่งอังสนาถึงบริเวณหน้ากรมชลประทาน สามเสน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กราบบังคมทูลรายงาน และเบิกรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และอธิบดีกรมชลประทาน กราบบังคมทูลรายงาน
จากนั้นพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว  ประทับบนเรือพระที่นั่งอังสนา ทอดพระเนตรการแสดงสื่อผสม “น้ำสร้างชีวิต” โดยใช้เทคนิคแสงสีเสียงที่ทันสมัย ถ่ายทอดเรื่องราวในลักษณะไตรวิชั่นฉายไปบนจอ    วีดิทัศน์ขนาดใหญ่กว้าง 45 เมตร สูง 12 เมตร ที่ติดตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา เมื่อการแสดงเสร็จสิ้น ผู้ว่าราชการจังหวัดทั้ง 5 จังหวัด เปิดกรวยดอกไม้ธูปเทียนแพ นายกรัฐมนตรีกล่าวนำประชาชนทุกคนถวายพระพร
จากนั้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงวางพระหัตถ์บนแท่นตราสัญลักษณ์โครงการ พร้อมทอดพระเนตรวีดิทัศน์บรรยากาศสดจาก 5 จังหวัด ที่ร่วมกันแปรอักษรเป็นคำว่า “ทรงพระเจริญ” เมื่อเสร็จพิธี เรือพระที่นั่งอังสนาแล่นออกจากบริเวณที่ท่าเทียบเรือหน้ากรมชลประทานสามเสน กลับไปยังท่าเทียบเรือสมาคมศิษย์เก่าแพทย์ศิริราช โรงพยาบาลศิริราช ในเวลา 20.30 น.
ทั้งนี้ ตลอดเส้นทางเสด็จฯ มีพสกนิกรเฝ้ารับเสด็จฯตลอดสองฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา เพื่อชมพระบารมีและเปล่งเสียงทรงพระเจริญอย่างกึกก้อง

Blog Archive

Design Downloaded from ซ่อมคอมพิวเตอร์นอกสถานที่ รามคำแหง บางกะปิ | Free Textures | Web Design Resources