วันอังคารที่ 3 เมษายน พ.ศ. 2555

โจ๋ฝรั่งเพื่อน "อนัน อันวา" เจอดีพบศพแขวนคอตายบนตึกร้างกลางกรุง


โจ๋ฝรั่งเพื่อน "อนัน อันวา" เจอดีพบศพแขวนคอตายบนตึกร้างใจกลางกรุง เผยแอบย่องตึกร้างไปเล่น "ฟรีรันนิ่ง" เมื่อไปถึงดาดฟ้าถึงกับผงะ พบศพผูกคอตายติดกับนั่งร้านป้ายโฆษณา คาดตายมาแล้ว 2-3 วัน ปมผิดหวังความรัก
วันนี้ (2 เม.ย.)  ร.ต.อ.วัลลภ จำเนียรสวัสดิ์ พนักงานสอบสวน (สบ 1) สน.บางนา ได้รับแจ้งว่ามีคนผูกคอตายบริเวณชั้นดาดฟ้าของอาคารไทยฟา กรุ๊ป ริมถนนบางนา – ตราด กม.1 ตอหม้อที่ 16 แขวงและเขตบางนา จึงรายงานผู้บังคับบัญชาให้ทราบ ก่อนเดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุพร้อมด้วยแพทย์นิติเวช  เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน (พฐ.) และเจ้าหน้าที่มูลนิธิร่วมกตัญญู
 
ที่เกิดเป็นอาคารสำนักงานร้างสูง 32 ชั้น โดยชั้นที่ 1–10 เป็นที่จอดรถ ส่วน11-32เป็นสำนักงานที่ยังสร้างไม่แล้วเสร็จ ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องเดินเท้าขึ้นไปตรวจสอบที่ดาดฟ้าของอาคารดังกล่าว  เมื่อเจ้าหน้าที่ไปถึงก็พบศพชายชาวต่างชาติ อายุประมาณ 30 ปี ผมยาว สวมเสื้อเชิ้ตแขนยาวสีชมพูกางเกงยีนต์รองเท้าบูทส์สีดำ นั่งพับเพียบโดยใช้สายยางยาวประมาณ 2 เมตร ผูกกับนั่งร้านของป้ายโฆษณา เจ้าหน้าที่สันนิษฐานว่าเสียชีวิตมาแล้วประมาณ 2-3วัน 
นอกจากนี้จากการตรวจสอบตามร่างกายไม่พบบาดแผลการและร่องรอยกายต่อสู้ รวมทั้งจากการตรวจค้นร่างกายเจ้าหน้าที่พบกระเป๋าสตางร์สีดำหนึ่งใบ ภายในมีบัตรเอทีเอ็มของธนาคารกรุงศรีอยุธยาจำกัดและธนาคารไทยพาณิชย์ระบุชื่อ m.greenwood และรูปหญิงสาวอายุประมาณ 25-30 ปี อีกทั้งตรวจสอบพื้นที่โดยรอบเจ้าหน้าที่พบข้อความเขียนไว้บนกำแพงบริเวณช่องบันไดเขียนว่า try to remember what was good sorry is not enough ใต้ข้อความมีรูปวาดเป็นรูปคนพนมมือ เจ้าหน้าที่คาดว่าน่าจะเป็นข้อความที่ผู้ตายเขียนไว้บอกลา
 
ทางด้าน ร.ต.อ.วัลลภ เปิดเผยว่า เมื่อเวลาประมาณ 01.00 น.ของคืนที่ผ่านมา (2 เม.ย) ขณะที่ตนกำลังปฏิบัติหน้าที่อยู่ได้รับแจ้งจากชายคนหนึ่งซึ่งอ้างตัวว่าเป็น นาย อนัน อันวา นักร้องนักแสดงวัยรุ่นชื่อดัง โทรศัพท์มาแจ้งความว่า กลุ่มเพื่อนชาวต่างชาติของตนที่สนใจกีฬาฟรีรันนิ่งได้เดินทางไปที่อาคารดังกล่าวเพื่อจะถ่ายรูปวิวและเล่นกิจกรรมฟรีรันนิ่งกัน แต่เมื่อไปถึงก็พบศพผู้เสียชีวิตอยู่ในอาคารดังกล่าว ภายหลังจากที่ตนรับแจ้งจึงได้เดินทางมาตรวจสอบที่เกิดเหตุ แต่พบว่าอาคารดังกล่าวเป็นที่ส่วนบุคคล จึงได้ประสานไปยังเจ้าของตึกคือ บริษัทธรรมนัส การ์ด ซึงเมื่อคืนตนได้ประสานเพื่อเข้าไปตรวจสอบแต่ก็ไม่ได้รับการติดต่อกลับมา จึงเมื่อช่วงเช้าวันนี้ที่ทางบริษัทได้เข้ามาติดต่อให้ไปที่เกิดเหตุ ก็พบผู้เสียชีวิตคนดังกล่าวตายมาแล้วไม่ต่ำกว่า2-3วัน
 
ทางด้าน นายเอกชัย กรุดนาค เจ้าหน้าที่ดูแลทรัพย์สินรอการขาย ของ บรรษัทบริหารสินทรัพย์ไทย ได้กล่าวว่า อาคารนี้เป็นอาคารร้างซึ่งแต่ก่อนเป็นของบริษัทไทฟา กร๊ป จนกระทั่งเมื่อปีพ.ศ.2540 บริษัทดังกล่าววเกิดประสบปัญหาเศรษฐกิจพิษฟองสบู่แตกจึงถูกธนาคารยึดทรัพย์ ต่อมาภายหลังบริษัทของตนได้เข้ามารับช่วงต่อ โดยขณะนี้ได้ทำการขายทอดตลาดไปแล้ว ส่วนใครเป็นผู้ซื้อนั้นตนไม่ทราบ อย่างไรก็ตามอาคารดังกล่าวได้มียามเฝ้าแต่มีเพียงช่วงตอนกลางวันส่วนในตอนกลางคืนนั้นไม่มียามเฝ้า ส่วนในเรื่องที่กลุ่มฟรีรันนิ่งของนายอนัน อันวา นั้นได้ขึ้นไปใช้สถานที่ ตนไม่ทราบเรื่องแต่อย่างไร
เบิ้องต้นเจ้าหน้าที่สันนิษฐานว่า ผู้ตายเกิดอาการเครียดที่ถูกแฟนสาวทิ้ง จึงตัดสินใจคิดสั้นปลิดชีวิตตัวเองดัวยการผูกคอตาย โดยจะนำศพไปชันสูตรที่สถาบันนิเวชเพื่อหาสาเหตุการเสียชีวิตที่แท้จริง ก่อนจะตรวจสอบว่าผู้ตายเป็นใครและหญิงสาวคนดังกล่าวในรูปเป็นใคร ก่อนจะเชิญตัวมาสอบปากคำ นอกจากนี้จะเชิญตัวนายอนัน อันวาและกลุ่มเพื่อนมาสอบสวนเพื่อหาสาเหตุการเสียชีวิตที่แท้จริงต่อไป
แหล่งที่มาข้อมูล www.dailynews.co.th 

นางโจรลูกจ้างแสบ เอาฝักคูณมาสมัครงานแทนบัตร ปชช. ยกเค้าเกลี้ยงสูญกว่า 2.5 แสนบาท


วันนี้ ( 2 ม.ย.) ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจากนางกัญจน์รัตน์ ตีระสกานันท์ อายุ 36 ปี  เจ้าของร้านสปา ว่าถูกลูกจ้างที่มาทำงานได้ไม่นานยกเค้าข้าวของรวมทั้งหมดเงินสดไปจนเกลี้ยงร้าน เหตุเกิดภายในร้านกัญจน์รัตน์ สปา เลขที่ 98/41 ซอยศิริเกษม ถนนพุทธมณฑลสาย3 แขวงบางไผ่ เขตบางแค แถมยังทิ้งฝักคูณ ที่คนร้ายอ้างว่าเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ไว้ให้ดูต่างหน้าอีกต่างหาก
โดย นางกัญจน์รัตน์ กล่าวอย่างเซ็งอารมณ์ว่า ตนเป็นเจ้าของธุรกิจสปาและร้านสะดวกซื้อ เรื่องเริ่มจากเมื่อวันที่ 16 มี.ค.ที่ผ่านมา นางอ้อย ไม่ทราบชื่อและนามสกุลจริง อายุ 40 ปี ได้เข้ามาขอสมัครงานเป็นพนักงานสปา  ซึ่งขณะนั้นตนกำลังต้องการคนเพิ่มพอดี จึงคุยในเรื่องรายละเอียดเกี่ยวกับงานและค่าจ้าง พอตกลงกันเรียบร้อยจึงขอตรวจบัตรประชาชน หรือเอกสารที่เกี่ยวกับนางอ้อย เพื่อเก็บไว้เป็นหลักฐาน แต่นางอ้อย อ้างว่าลืมเอามา เดี๋ยวจะนำมาให้วันรุ่งขึ้น
“จากนั้นพอวันต่อมาตนก็เรียกขอดูเอกสารอีก แต่นางอ้อย กลับบอกว่าหาไม่เจอ โดยพยายามหันเหความสนใจในเรื่องบัตร โดยนำฝักคูณสองฝัก พันด้วยผ้าแพรสามสี รวมทั้งผ้ายันต์ อ้างว่าทั้งสองอย่างเป็นของขลังที่ได้มาจากพระอาจารย์บนเขาคิชกุฏ จ.จันทบุรีถ้าใครได้บูชาจะมีเงินมีทองทวีคูณ ซึ่งตนเป็นคนชอบในเรื่องทางด้านนี้อยู่แล้ว จึงรู้สึกคล้อยตามคำพูดของคนร้าย จนลืมทุกอย่างและยอมให้เข้าทำงานได้เลย ส่วนเอกสารไม่ต้องให้ก็ได้”  นางกัญจน์รัตน์  กล่าว
ผู้เสียหาย กล่าต่อว่า หลังจากทำงานได้ประมาณ 2 สัปดาห์ นางอ้อยก็ทำงานเป็นปกติ จนกระทั่งเมื่อวันที่ 1 ม.ย.ที่ผ่านมา เวลาประมาณ 2 ทุ่ม ตนได้เข้าไปตรวจสอบที่ร้านเพื่อดูความเรียบร้อย  ก็ต้องตกตะลึงเมื่อข้าวของสูญหายไปหมดทั้งร้าน เช่น สครับขัดตัว น้ำมันหอมระเหย สมุนไพร ครีมสลายไขมัน และครีมน้ำแร่ รวมเป็นเงิน 5.3 หมื่นบาท จึงพยายามโทรติดต่อนางอ้อย ก็พบว่าปิดเครื่องตลอดเวลา คิดว่าคงถูกนางอ้อยน่าจะเป็นนางโจร ลักทรัพย์ไปหมดแล้ว รวมทั้งเงินสดอีกร่วม 2 แสนบาท ที่นางอ้อยต้องนำมาให้ตนในวันนี้ ก็ถูกเชิดไปด้วย จึงไปแจ้งความกับ พ.ต.ท.ชำนาญ เอกพิทักษ์พงศ์ พงส.(สบ3) สน.หลักสอง ตนรู้สึกแย่มากกับเหตุที่เห็นฝักคูณพันผ้าแพรดีกว่าเอกสารประจำตัวของลูกจ้าง จากที่หวังว่าจะได้กำไรเพิ่มขึ้นทวีคูณ กลายเป็นเสียหายทวีคูณแทน
ด้าน พ.ต.ท.ชำนาญ กล่าวว่า หลังจากรับแจ้งจะเร่งสอบปากคำพยานใกล้เคียงเพื่อระบุเวลาที่คนร้ายใช้ก่อเหตุและหลบหนีไป และต้องตรวจสอบภายในร้าน เพื่อหาร่องรอยรายนิ้วมือของคนร้ายด้วย รวมทั้งจะให้ฝ่ายเทคนิคปรับภาพใบหน้าของคนร้ายให้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น ก่อนจะประสานฝ่ายสืบสวนติดตามตัวมาดำเนินคดีต่อไป.
แหล่งที่มาข้อมูล www.dailynews.co.th 

โจ๋ซ่ายิงปืนใส่คู่อริในร้านเน็ตกลางกรุง


วันนี้ (2 เม.ย.) ร.ต.อ.วิชัย ยี่รงค์ พนักงานสอบสวน (สบ1) สน.ห้วยขวาง ได้รับแจ้งเหตุมีคนร้ายใช้อาวุธปืนยิงใส่ร้านอินเตอร์เน็ต ใต้อาคาร เอส.เอ็ม แมนชั่น ถนนรัชดาภิเษก ซอย 10 แยก 11-2 ซอยประชาสันติ แขวงและเขตห้วยขวาง กรุงเทพฯ จึงรุดไปตรวจสอบพร้อม พ.ต.อ.บุญส่ง นามกรณ์ ผกก.สน.ห้วยขวาง พ.ต.ท.จารุภัทร ทองโกมล รอง ผกก.สส.สน.ห้วยขวาง พ.ต.ท.ปิติพันธ์ กฤษดา ณ อยุธยา สว.สส.สนห้วยขวาง และเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน ที่เกิดเหตุพบนายเอก (นามสมุติ) อายุ 19 ปี และเพื่อนจับกลุ่มถกเถียงกันอยู่บริเวณหน้าร้าน โดยกระจกหน้าร้านอินเตอร์เน็ตดังกล่าวมีรอยกระสุน 2 รู และกระจกหน้ารถเก๋งหน้าร้านดังกล่าว 3 รู แต่ไม่มีผู้เสียชีวิตหรือได้รับบาดเจ็บ

จากการสอบสวนนายเอก ให้การว่า เมื่อช่วงเวลาประมาณ 06.30 น. ตนพร้อมเพื่อนได้เดินไปสั่งอาหาร ที่ ร้านอาหารตามสั่งภายในซอยดังกล่าว  พบชาย 2 คนกำลังนั่งกินข้าวอยู่ ชายหนึ่งในนั้นได้ลุกมาหยิบแก้วน้ำเพื่อจะตักน้ำกิน ซึ่งตนก็ไม่รู้ว่ายืนขวางทางอยู่ ทำให้ชายคนดังกล่าวไม่พอใจ และได้พูดจาในลักษณะหาเรื่อง หลังจากนั้นตนได้มาดักรออยู่ที่หน้าร้านอินเตอร์เน็ตเพื่อพูดคุยเรื่องที่เกิดขึ้น ก่อนมีปากเสียงรุนแรงและชกต่อยกันขึ้น จากนั้นชายทั้ง 2 คนก็กลับออกไป จนกระทั่งเวลา 07.30 น. ชายดังกล่าวก็นั่งซ้อน จยย.เข้ามาแล้วก่อเหตุใช้อาวุธปืนยิงใส่เข้ามาที่ร้านอินเตอร์เน็ต แต่โชคดีที่ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิตต่อย่างใด เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวน สน.ห้วยขวาง ออกหาข่าวว่าผู้ก่อเหตุเป็นใคร ก่อนออกหมายเรียกมาสอบปากคำ เพื่อแจ้งข้อหาพกอาวุธปืนโดยไม่อนุญาต และข่มขู่ผู้อื่นดำเนินคดีต่อไป
แหล่งที่มาข้อมูล www.dailynews.co.th 

สองแม่ลูกร้องกองปราบ


สองแม่ลูกร้องกองปราบให้ติดตามคดีมาเฟียวินจักรยานยนต์รับจ้าง ขัดแย้งเรื่องค่าคุ้มครอง ยิง สามีเป็น หัวหน้าวินจักรยานยนต์รับจ้างสุขุมวิท 77ซึ่งผ่านมานานกว่า 2 ปีร้องเรียนหลายที่แต่ยังไม่มีความคืบหน้า
ที่ บก.ป.วันนี้ ( 2 เม.ย.) น.ส.อารยา ภูนาเหนือ อายุ 45 ปี  และน.ส.วริศรา พลราช (ลูกสาว) แจ้งความต่อ พ.ต.ท.ศานุวงศ์ คงคาอินทร์ สว.กก.1 บก.ป. เพื่อให้ติดตามคดีมาเฟียวินจักรยานยนต์รับจ้าง ยิง นายบัวเรียน พลราช อายุ 47 ปี สามี  เป็นหัวหน้าวินจักรยานยนต์รับจ้างสุขุมวิท ตั้งแต่เมื่อวันที่ 20 ม.ค.2553 ซึ่งผ่านมานานกว่า 2 ปีร้องเรียนหลายที่แต่ยังไม่มีความคืบหน้า น.ส.อารยา เปิดเผยว่าเหตุที่สามีถูกยิง เพราะไปขัดแย้งกับผู้กลุ่มผู้มีอิทธิพล มาเรียกเก็บค่าคุ้มครองโดยอ้างว่าเป็นผู้เปิดวินมาก่อน  ซึ่งนายบัวเรียน เป็นผู้ดูแลได้รับเลือกจากเพื่อนอาชีพเดียวกันให้เป็นประธานกลุ่ม มีการจดทะเบียนเสื้อวินเป็นเสื้อสีส้ม มีชื่อและตราสัญลักษณ์ของกระทรวง ขึ้นทะเบียน ประกาศห้ามซื้อขายเสื้อวิน ห้ามเก็บเงินคุ้มครอง สามีตนจึงไม่ยอมจ่ายเงินให้ ทำให้เกิดความไม่พอใจถูกขู่ฆ่ามาตลอด จนมาถูกยิงเสียชีวิต ในซอยอ่อนนุช 17 ท้องที่สน.คลองตัน
 
น.ส.อารยา ยังกล่าวอีกว่าตั้งแต่นายบัวเรียน ถูกยิงเสียชีวิต ได้เดินทางไปร้องเรียนหลายแห่ง เช่น พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ รอง ผบช.น. กรรมาธิการตำรวจ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร แต่คดีก็ไม่คืบหน้า จึงหวังว่าทาง บก.ป.จะเป็นที่พึ่งสุดท้าย หากไม่มีอะไรคืบหน้าคงไม่ร้องเรียนที่ไหนอีกแล้ว ด้าน พ.ต.ท.ศานุวงศ์ คงคาอินทร์ สว.กก.1 บก.ป. กล่าวว่า หลังจากรับเรื่องไว้แล้วจะรีบประสานไปยัง สน.คลองตัน เพื่อขอทราบความคืบหน้าในคดี แล้วจะเร่งดำเนินการสืบสวนต่อไป
แหล่งที่มาข้อมูล www.dailynews.co.th 

อดีตล่ามวัยดึกดิ่งตึกชั้น6หนีโรครุม


เมื่อเวลา 12.30 น.วันนี้ (2 เม.ย.) พ.ต.ท.ภิเศก บุญจันทร์ พนักงานสอบสวน (สบ 3) สน.โคกคราม ได้รับแจ้งจากพลเมืองดีว่า มีชายพยายามจะกระโดดจากระเบียงชั้น 6 ของอาคาร บริษัทเอสจี เซ็นเตอร์ เลขที่ 234 หมู่ 12 ถนนประดิษฐ์มนูธรรม แขวงคลองกุ่ม เขตบึงกุ่ม กทม จึงได้ประสานเบาะลมจาก สำนักปัองกันและบรรเทาสาธารณภัย (สปภ.) กทม. และหน่วยกู้ภัยมูลนิธิป่อเต็กตึ้ง พร้อมกับเดินทางไปยังที่เกิดเหตุ ซึ่งเป็นอาคารสูง 6 ชั้น สูงจากพื้นดินประมาณ 30 เมตร ชั้นบนเป็นสำนักงานและด้านล่างเปิดเป็นแผงจำหน่ายสินค้าให้กับนักท่องเที่ยว
เจ้าหน้าที่พบนายลี เบ๊งหัว หรือปรีชา แซ่ลี้ อายุ 70 สัญชาติจีน อดีตล่ามแปลภาษาเวียดนามของบริษัทดังกล่าวฯ กำลังยืนด้วยอาการเหม่อลอยอย่างสิ้นหวังอยู่ภายนอกระเบียงชั่นบนสุดของอาคาร เจ้าหน้าที่จึงกั้นบริเวณรอบที่เกิดเหตุ ไม่ให้ผู้ที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องเข้าใกล้โดยเด็ดขาด โดยมีพนักงานคนหนึ่งซึ่งมีความสนิทคุ้นเคยกับนายปรีชาพยายามเจรจาให้นายปรีชากลับเข้ามาภายในตัวอาคาร แต่ก็ไม่เป็นผล จนกระทั่งเวลาผ่านไปประมาณ 15 นาที นายปรีชาก็ได้มีอาการที่อ่อนแรงอย่างเห็นได้ชัด ได้ขยับตัวออกไปที่บริเวณระเบียงมากขึ้น จากนั้นจึงได้พลัดตกลงมา ร่างกระแทกพื้นเสียงดังไปทั่วบริเวณ  เป็นเหตุให้กระดูกหักทั้งร่าง เสียชีวิตในทันทีก่อนที่รถบรรทุกเบาะลมของ สปภ.กทม.จะมาถึงที่เกิดเหตุเพียงไม่กี่นาที
 
จากการสอบสวนเบื้องต้นทราบว่า นายปรีชา เป็นชาวจีน ซึ่งก่อนหน้านี้เคยทำงานเป็นล่ามแปลภาษาของบริษัทดังกล่าวให้กับนักท่องเที่ยวชาวเวียดนาม ที่เดินทางมาซื้อเครื่องประดับต่างๆ ซึ่งได้ลาออกไป เนื่องจากมีอายุมาก แต่ก็ยังได้เปิดแผงขายสินค้าประเภทเครื่องประดับ และอาศัยอยู่ที่อาคารแห่งนี้กับภรรยา โดยช่วงหลังๆ นายปรีชามักบ่นว่าขายของได้ไม่ค่อยดี ประกอบกับร่ายกายไม่ค่อยแข็งแรง มีโรคประจำตัวหลายโรครุมเร้า จึงอาจเป็นสาเหตุให้เกิดความเครียดจนถึงขั้นคิดฆ่าตัวตายก็เป็นได้ โดยทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะได้เรียกญาติและผู้ที่เกี่ยวข้องมาสอบปากคำเพื่อหาสาเหตุที่แน่ชัดอีกครั้ง
แหล่งที่มาข้อมูล www.dailynews.co.th 

ดวลปืนสนั่นแก๊งยานรก ดับ 2 ศพ ตำรวจเจ็บ


สืบจังหวัดระยองล่อซื้อยาบ้า ขณะนัดส่งพ่อค้ายาบ้ารู้ตัวยิงปืนใส่หน้าส่วนราชการจังหวัดระยอง ผลตำรวจเจ็บ 1 แก๊งยาบ้าดับ 2 รอด 1 รับสารภาพรับยาบ้ามาจาก ดาบตำรวจ สภ.พลูตาหลวง สัตหีบ มาส่งให้ลูกค้าในระยอง

กลางดึกวันนี้ ( 2 เม.ย.)  ร.ต.อ.ณรงค์ศักดิ์  ไตรราช ร้อยเวรสภ.มาบตาพุด อ.เมือง จ.ระยอง รับแจ้งมีเหตุเจ้าหน้าที่ตำรวจ ยิงต่อสู้กับคนร้ายแก๊งค้ายาบ้า บริเวณหน้าส่วนราชการจังหวัดระยอง เขตเทศบาลเมืองมาบตาพุด ถนนสุขุมวิท50 ซอยประปา 1   ส่งผลให้ ด.ต. บรรเจิด ทิพย์อุทัย ตำรวจชุดสืบสวนจังหวัดระยอง ถูกคนร้ายยิงด้วยอาวุธปืนขนาด 9 มม. เข้าที่หน้าท้อง จำนวน 1 นัด นำตัวส่งรักษาตัวที่โรงพยาบาลระยอง และมีนางหทัยรัตน์ อินทร์จันทร์ อายุ 28 ปี ถูกกระสุนปืนไม่ทราบขนาดยิงเข้าที่ขมับขวา 1 นัด เสียชีวิตขณะนำตัวส่งโรงพยาบาล 
โดยยังมีคนร้ายถูกอาวุธปืนจากเจ้าหน้าตำรวจ หลบหนีเข้าไปหลบซ่อนในป่าละเมาะ ห่างจาก ที่เกิดเหตุประมาณ 200 เมตร จึงรายงาน พล.ต.ต.ปรีชา  เจริญสหายานนท์ ผบก.ภ.จ.ระยอง พ.ต.อ.อิทธิเดช  เจริญสหายานนท์ รองผบก. พร้อมขอกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจกว่า 100 นาย ทำการปิดล้อมโดยรอบ และกระจายกำลังกันออกติดตามพบคนร้ายนอนเสียชีวิตอยู่ในป่าละเมาะ ค้นในร่างกาย ทราบชื่อ นายนที กิ่งแก้ว หรือไมล์ พบยาบ้า บรรจุในถุงพลาสติกสีน้ำเงิน ใส่ไว้ในกระเป๋าแขวน จำนวน 600 เม็ด และสามารถควบคุมตัว นายประธาน อินทร์จันทร์ อายุ 23 ปี อยู่บ้านเลขที่  229 /9 ม.5 ต.บึง อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ได้ในป่าละเมาะใกล้กับที่เกิดเหตุ
 
พ.ต.อ.สุรพณ  มงคลยุทธ  ผกก.สส.ภ.จว.ระยอง ที่เดินทางมายังที่เกิดเหตุ เปิดเผยว่า วันนี้ได้มีให้เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน ดำเนินการให้สายลับร่วมกับตำรวจล่อซื้อยาบ้า และได้นัดหมายกับพ่อค้าบริเวณศูนย์ราชการจังหวัดระยอง ซึ่อ นายนที อินทร์จันทร์ ขับรถเก๋ง ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นแจ๊ส สีชมพู ทะเบียน กพ-172 ชลบุรี มาจอดริมถนน สุขุมวิท ซอยประปา 1 พร้อมกับได้เปิดประตูรถลงเพื่อจะส่งยาบ้าให้กับสายลับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งขณะจะส่งยาบ้า นายนที หรือไมล์ ได้เห็นเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ในรถ จำนวน 2 นาย ได้ลงมาจากรถเพื่อจะเข้าจับกุม  นายนที จึงได้ตัดสินใจชักปืนสั้น ยิงใส่ ด.ต.บรรเจิด ทิพย์อุทัย กระสุนเข้าที่บริเวณหน้าท้องจำนวน 1 นัด แล้วขึ้นรถหนีไป
ส่วนทางด้าน ด.ต.กมล บัวผดุง ตำรวจชุดสืบสวน จึงได้ไล่ติดตามขับรถชนท้ายรถเก๋งของคนร้าย และใข้อาวุธปืนยิงใส่รถเก๋ง กระสุนปืนถูก น.ส.หทัยรัตน์ อินทร์จันทร์ ที่ร่วมมาในรถ ที่บริเวณขมับขวา 1 นัด เสียชีวิตขณะนำตัวส่งโรงพยาบาล ส่วน นายนที หรือไมล์ ก็ถูกอาวุธปืนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ จึง ได้ใช้อาวุธปืนสั้นขนาด 9 มม. ยิงใส่เจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อเปิดทางหนีเข้าไปในป่าละเมาะ พร้อมกับ นายประธาน  เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ติดตามจับตัว นายประธานมาได้ ส่วนนายนที ได้หนีเข้าไปในป่าลึกในที่สุดก็ได้เข้าไปเสียชีวิตในป่าละเมาะ พร้อมอาวุธปืนของกลาง
หลังจากที่พบศพ นายนที หรือไมล์ จึงได้ประสานกับ แพทย์เวร รพ.ระยอง  อัยการจังหวัด ปลัดฝ่ายปกครอง วิทยาการ จ.ระยอง เข้ามาร่วมกันตรวจสอบที่เกิดเหตุ และเก็บหลักฐาน โดยเฉพาะเขม่าปืนที่มือของ นายนที ที่ใช้อาวุธปืนยิงต่อสู้เจ้าหน้าที่ตำรวจครั้งนี้ด้วย จากการสอบสวน นายประธาน อินทร์จันทร์ ให้การรับสารภาพว่า ตนเองและผู้ตายทั้ง 2 คน เดินทางมาจาก อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี เพื่อมารับยาบ้าจาก เจ้าหน้าที่ตำรวจ  สภ.พลูตาหลวง อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี อดีตเคยรับราชการอยู่ที่หนองขาม ศรีราชา มาส่งให้กับลูกค้าในจังหวัดระยอง โดยได้โทรนัดหมายกันเรียบร้อย โดยที่ไม่ทราบว่าสายลับโดนตำรวจให้สั่งซื้อยาบ้าในครั้งนี้  โดยเจ้าหน้าที่จะเร่งขยายผลถึงตัวตำรวจที่ถูกพาดพิงต่อไป
แหล่งที่มาข้อมูล www.dailynews.co.th 

ตือนจยย.รับจ้างขับเร็วโดนยิงตาย


กลางดึกที่ผ่านมาวันนี้ ( 3 เม.ย.) ร.ต.อ.สายันต์ จันทะปัญญา พงส. (สบ1) สน.พหลโยธิน ได้รับแจ้งเหตุมีผู้ถูกยิงเสียชีวิตภายในซอยรัชดาภิเษก 32 แยก 5-4 แขวงจันทรเกษม เขตจักตุจักร  ไปตรวจสอบพร้อม พล.ต.ต.สำเริง  สุวรรณพงษ์ ผบก.น.2 พ.ต.อ.เจริญ ศรีศศลักษณ์ รองผบก.น.2 พ.ต.อ.ชาตรี กาญจนกันติ ผกก.สน.พหลโยธิน ฝ่ายสืบสวน สายตรวจ เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานและมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง
 
ที่เกิดเหตุพื้นบนถนน หน้าเพิงไม้สร้างไว้สำหรับวินมอเตอร์ไซค์รับจ้าง หน้าคอนโดชื่อ ไดม่อน 2 พบร่างผู้เสียชีวิตทราบชื่อคือ นายสนาม ภูสถาน อายุ 48 ปี คนขี่รถจยย.รับจ้างเสื้อวินสีส้มเบอร์ 73 ที่ใบหน้าพบรอยกระสุนปืนไม่ทราบขนาดเข้าที่บริเวณจมูกข้างขวา 1 นัด และกองเลือดจำนวนมาก ข้างกันยังพบมีดดาบยาว 70 ซม. และหมวกกันน็อคสีน้าเงิน 1 ใบตกอยู่ในที่เกิดเหตุ และขวดโซดาแตกกระจายอยู่
 
จากการสอบสวนนายสมชาย จันทรเสน อายุ 38 ปี เพื่อนคนตาย ให้การว่า  ก่อนเกิดเหตุได้นั่งดื่มสุรากันภายในวินหน้าคอนโด หลังจากนั้นได้พูดถึงการขับรถแบบหวาดเสียวของวินเบอร์ 20 ที่มีรูปร่างอ้วนใหญ่ จึงเรียกกันว่านายอ้วน ที่อยู่กลางซอยลาดพร้าว 23  ต่อมานายอ้วนได้ขี่รถจักรยานยนต์เข้ามาส่งผู้โดยสารพอดี ตนจึงได้เดินเข้าไปบอก ซึ่งสร้างความไม่พอใจให้กับนายอ้วน จึงกลับไปตามพรรคพวกมากัน 3 คนแล้วเข้ามาถามหาว่าใครไม่พอใจ
 
หลังจากนั้นจึงเกิดการชกต่อยกันขึ้น เมื่อนายอ้วนสู้ไม่ได้จึงล่าถอยกลับไปตามพรรคพวกมาใหม่อีก 7-8 คน หลังจากนั้นจึงเกิดการชกต่อยชุลมุนขึ้นอีกครั้ง ผู้ตายจึงเข้าไปห้ามปรามและได้ยินเสียงปืนดังขึ้น 5 นัดถูกคนตายดังกล่าว เบื้องต้นตำรวจจะติดตามนายอ้วนกับพวกมาดำเนินคดีต่อไป
แหล่งที่มาข้อมูล www.dailynews.co.th 

จับโจ๋มั่วยาคาบ้านพบปืนเพียบ


วัน (3เม.ย.)ที่สภ.นาเชือก อำเภอนาเชือก จังหวัดมหาสารคาม  ร.ต.อ. ธรรม์ปทีป  วัฒนสุขชัย  รอง สวป. สภ.นาเชือก  พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดป้องกันและปรามปรามยาเสพติด  สถานีตำรวจภูธรนาเชือกได้ร่วมกันจับกุมนายกีรติ  สุทธิเภขา  อายุ 21 ปี  นายสันทัศน์  พลทุมมา  อายุ 25 ปี  และเยาวชนอายุ 17 ปี 1 คน ทั้งหมดเป็นชาวบ้านกุดรัง  ต.นาเชือก  อ.นาเชือก  จ.มหาสารคาม พร้อมของกลางยาบ้า 34 เม็ด อุปกรณ์การเสพ อาวุธปืนขนาด .38 จำนวน 2 กระบอก อาวุธปืนขนาด .22 จำนวน 1 กระบอกและ อาวุธปืนปากกา 2 กระบอก โดยก่อนหน้านี้ กลุ่มผู้ต้องหากำลังทำการมั่วสุมเสพยาบ้าภายในบ้านเลขที่ 78  หมู่ 2  บ้านกุดรัง ต. นาเชือก  อ.นาเชือก จ. มหาสารคาม 
เบื้องต้นทั้งหมดให้การรับสารภาพว่า  ได้ซื้อยาบ้ามาร่วมกันเสพยังบ้านหลังดังกล่าว  และ ได้นำอาวุธปืนออกมาเล่น ซึ่งอาวุธปืนทั้งหมดได้ซื้อต่อมาอีกทอดหนึ่ง  เพื่อจะใช้ป้องกันตัวในช่วงออกไปเที่ยวงานวัด จึงแจ้งข้อหา ร่วมกันมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนไว้ในครอบครอง  และ มียาบ้าเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) เพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย ไว้ในครอบครอง  จากนั้นได้นำตัวผู้ต้องหาทั้งหมดส่ง  พ.ต.ต.ชัยสิทธิ์  คำยา  ร้อยเวรฯ สภ.นาเชือก  เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป.
แหล่งที่มาข้อมูล www.dailynews.co.th 

หนูน้อยวัย6ขวบแฉนาทีระทึกรอดตายคาร์บอมบ์ยะลา


จากเหตุระเบิดคาร์บอมบ์ 2 จุด ในเขตเทศบาลนครยะลา ทำให้มีผู้เสียชีวิต  10 คน ได้รับบาดเจ็บกว่า 100 คน อาคารบ้านเรือน ร้านค้า รวมทั้งรถยนต์และรถจยย.ของชาวบ้าน ได้รับความเสียหายหลายสิบคัน เหตุเกิดเมื่อช่วงเที่ยงของวันที่ 31 มี.ค.ที่ผ่านมา ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
ความคืบหน้าวันนี้(3 เม.ย.) ขณะนี้มีรายงานว่า มีผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้น อีก 1 คน คือ น.ส.จุไร ลีลา อายุ 38 ปี แม่ค้าขายเสื้อร้านเลดี้แฟชั่น  สาขา 2 ที่มีบาดแผลถูกสะเด็ดระเบิดที่บริเวณศีรษะ ซึ่งทางคณะแพทย์ได้ทำการเปิดกะโหลกเพื่อนำเอาสะเก็ดระเบิดออก แต่ผู้บาดเจ็บทนพิษบาดแผลไม่ไหว เสียชีวิตเมื่อช่วงเช้ามืดที่่ผ่านมา ซึ่งในขณะนี้ยังมีผู้ที่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุคาร์บอมบ์ 2 จุด ที่ยังคงต้องนอนพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลศูนย์ อีกจำนวน 25 คน ซึ่ง 1 ใน 25 คน นั้น เป็นเด็กหญิงอายุ 6 ขวบ ชื่อ ด.ญ.ศุภาพิชญ์ คคนางพงศ์ ซึ่งเป็นลูกสาวเจ้าของร้านเลดี้แฟชั่น สาขา 2  มีบาดแผลถูกไฟไหม้ที่บริเวณลำตัว และ มีสะเก็ดระเบิดที่บริเวณลำตัว แพทย์ต้องให้นอนพักรักษาตัวภายในห้องปลอดเชื้อ (BURN UNIT) 
ด.ญ ศุภาพิชญ์ หรือ น้องไอซ์ เด็กน้อยผู้ที่รอดชีวิต แต่ต้องสูญเสีย ยาย น้าสาว และน้าชาย ได้เล่าเหตุการณ์ให้ฟังว่า ช่วงที่เกิดเหตุระเบิดคาร์บอมบ์จุดที่ 1 ที่บริเวณด้านหน้าร้านขายข้าวมันไก่  นางสมใจ ชูโลก ผู้เป็นยาย นายสมัย ลีลา น้าชาย และน.ส.จุไร ลีลา น้าสาว ได้พยายามรีบปิดประตูร้านขายเสื้อผ้าทันที ห่างกันประมาณ 15 นาที ได้เกิดระเบิดที่บริเวณเยื้องกับด้านหน้าร้านของตน แรงระเบิดทำให้บริเวณด้านหน้าของร้านขายเสื้อผ้า พังพินาศราบเป็นหน้ากลอง ยายโดนประตูเหล็กทับ ได้รับบาดเจ็บสาหัส น้าชาย ได้รับบาดเจ็บสาหัสเช้นกัน ส่วนน้าสาว โดนสะเก็ดระเบิดเจาะเข้าที่บริเวณศีรษะ  ขณะที่ตนเองกระเด็นด้วยแรงระเบิด บริเวณร่างกายโดนไฟคลอก แต่ด้วยความที่มีสติ รีบเข้าไปช่วยยายที่โดนประตูเหล็กทับ แต่ประตูเหล็กหนักยกไม้ไหว จึงคลานตัวเองออกมาจากซากร้านที่พังยับเยิน ด้วยสภาพเสื้อผ้าโดนไฟคลอก ขาดเหลือแต่กางเกงใน จากนั้นได้นำเศษเสื้อผ้าที่ขาดฉีกออกมาเพื่อปิดหน้าของตัวเอง เพื่อป้องกันเขม่าควันไฟที่กำลังลุกไหม้ และ เรียกหาหน่วยกู้ภัย เพื่อให้เข้ามาช่วยเหลือนำตัวส่งโรงพยาบาลศูนย์ยะลา

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ขณะนี้น้องไอซ์ หมอได้ทำการผ่าตัดไปแล้ว 2 ครั้ง เพื่อนำสะเก็ดระเบิดออกมาจากร่างกาย และสิ่งที่สกปรกที่ฝังอยู่ภายในร่างกาย ล่าสุดอาการปลอดภัย แพทย์ต้องใส่ผ้าพันทั้งตัวตั้งแต่บริเวณหน้าอกลงมาถึงเท้า เพื่อป้องกันการติดเชื้อ อยู่ภายในห้องปลอดเชื้อ แพทย์ดูแลอย่างใกลชิด ด้านสภาพจิตใจนั้น ทุกวันนี้ยังถามหายาย น้าสาว และน้าชาย อยู่ตลอดเวลา และพยายามที่จะให้แม่ของตนเอง น.ส.กฤษณพร คคนางค์พงศ์ พาไปเยี่ยมน้าสาว น้าชาย และยาย ซึ่งขณะนี้เจ้าตัวยังไม่รู้ว่าทั้งหมดเสียชีวิตลงหมดแล้ว

น.ส.กฤษณพร คคนางค์พงศ์ แม่น้องไอซ์ กล่าวว่า รู้สึกเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นอย่างมาก สงสารลูก สงสารครอบครัวผู้เสียชีวิต ที่ต้องสูญเสียทั้งหมด  ตัวเองเคยโดนระเบิดมาแล้ว ที่หน้าร้านของตนเอง เมื่อวันที่ 25 ต.ค. 2554 ซึ่งตอนนั้นได้รับบาดเจ็บแน่นหน้าอก หายใจไม่ออก และไม่คิดว่าครั้งนี้จะโดนกับลูกสาวของตนเอง อาการสาหัสมาก เจ็บมากที่โดนไฟคลอกทั้งตัว แต่โชคดีที่น้องไอซ์คลานออกมาได้ ก็อยากให้ลูกสาวหาย และภาครัฐเข้ามาดูแลเพื่อความปลอดภัยและความมั่นใจ ของชาวบ้านทุกคนที่อยู่ในพื้นที่
แหล่งที่มาข้อมูล www.dailynews.co.th 

ด้านนายเดชรัฐ สิมศิริ ผวจ.ยะลา เปิดเผยว่า จากเหตุคาร์บอมบ์ ทั้ง 2 จุด ที่บริเวณถนนรวมมิตร ในเขตเทศบาลนครยะลา อ.เมือง จ.ยะลา ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต จำนวน 11 ราย และ มีผู้ได้รับบาดเจ็บกว่า 100 คน สำหรับทรัพย์สินที่เสียหาย มีบ้านเรือนที่ได้รับความเสียหายถูกเพลิงไหม้ และ ถูกแรงระเบิด จำนวน 35 หลัง มีรถยนต์ได้รับความเสียหาย จำนวน 11 คัน และ รถจักรยานยนต์  มีจำนวน 18 คัน ซึ่งทาง จ.ยะลา จะได้ดำเนินการเยียวยาช่วยเหลือทั้งหมดต่อไป

ส่วนความคืบหน้าในคดี จากการตรวจสอบกล้องวงจรปิดพบว่า คนร้ายนำรถยนต์มาจอด จากนั้นได้มีรถจยย.มารับไป ส่วนเส้นทางของคนร้ายที่นำรถยนต์เข้ามา พบว่าผ่านมาทางมลายูบางกอก เข้ามาแยกเบอร์เส้ง ผ่านถนนสุขยางค์ ก่อนเข้ามายังจุดเกิดเหตุ ซึ่งขณะนี้อยู่ในระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐาน และ ตรวจสอบจุดที่คนร้ายนำรถยนต์ไปดัดแปลงเปลี่ยนสี เพื่อเร่งติดตามจับกุมผู้ต้องหา ซึ่งจากพยานหลักฐานเชื่อได้ว่าเป็นฝีมือของกลุ่มนายสาหูดิน โต๊ะเจ๊ะมะ แกนนำก่อเหตุรุนแรงระดับสั่งการ พร้อมพวก อีก 2 คน ซึ่งมีความชำนาญในการประกอบระเบิด และ ยังเป็นผู้ต้องหาในคดีความมั่นคงหลายคดีในพื้นที่ จ.ยะลา และ พื้นที่ใกล้เคียง โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจเชื่อว่าก่อนก่อเหตุ ประมาณ 1 สัปดาห์ มีการประชุมวางแผนในพื้นที่บ้านไบท์ ต.บุดี อ.เมือง จ.ยะลา

ตชด.เครียดยิงหัวตัวเองบนรถทัวร์


กลางดึกที่ผ่านมา ( 3 เม.ย.) ร.ต.ท.ฐาปกรณ์ ชูดละเอียด ร้อยเวร สภ.เมืองชุมพร ได้รับแจ้ง จากนายโกศล รามัญอุดม อายุ 46 ปี พนักงานขับรถทัวร์ของบริษัทขนส่ง เส้นทางหาดใหญ่-กรุงเทพจำกัด ว่า ได้มีผู้โดยสารเป็นเพศชายใช้อาวุธปืนจ่อยิงตัวเองเสียชีวิตคาเบาะนั่งบนรถทัวร์ ที่สถานีรถโดยสารประจำทางชุมพรเมืองใหม่ ต.ขุนกระทิง อ.เมือง จ.ชุมพร จึงเดินทางรุดไปตรวจสอบพร้อมหน่วยกู้ภัยสายชล
พบรถทัวร์สองชั้น ยี่ห้อวอลโว่ ทะเบียน 15-2789 กรุงเทพมหานคร หมายเลขข้างรถ 992-1112 จอดนิ่งอยู่ รอบๆรถมีผู้โดยสารจำนวนมากที่ ลงมายืนรุมดูเหตุการณ์อยู่ด้านล่าง โดยบริเวณเบาะนั่งเลขที่ 9 ใกล้ประตูฉุกเฉินด้านขวาของรถ เจ้าหน้าที่พบศพ ส.ต.ต.ธีรเทพ ทองจันทร์ อายุ 32 ปี ชาว จ.อุบลราชธานี ตำแหน่งผบ.หมู่ ตชด. ที่ 44 จ.ยะลา สภาพถูกยิงที่ศรีษะขมับด้านซ้าย มีอาวุธปืนสั้น ขนาด 357 มม.ตกอยู่ที่พื้นที่รถ
จากการสอบถามนายโกศล ให้การว่า รถคันดังกล่าวได้ออกจาก อ.หาดใหญ่ เมื่อเวลาประมาณ 19.00 น.ของวันที่ 2 เม.ย.55 โดยผู้เสียชีวิตได้ซื้อตั๋วและได้ที่นั่ง หมายเลขที่ 9 ตลอดระยะการเดินทางก็ไม่มีเหตุอะไรบ่งบอกว่าผู้เสียชีวิตแสดงอาการเครียดให้เห็นแต่อย่างใด แม้ขณะตอนรถแวะให้ผู้โดยสารได้รับประทานอาหารระหว่างการเดินทาง ผู้เสียชีวิตก็ลงมาทานข้าวเหมือนคนอื่น จนกระทั่งรถได้เดินทางต่อมาถึงเขตเมืองชุมพร ใกล้กับจุดลงเวลาในสถานีรถโดยสารประจำทางชุมพรเมืองใหม่ เพียง 1 กม.ได้ยินเสียงคล้ายเสียงปืน ซึ่งครั้งแรกคิดว่ารถถูกกลุ่มกวนเมืองยิง
ต่อมาได้มีผู้โดยสารได้ลงมาบอกว่า มีผู้โดยสารคนหนึ่งใช้อาวุธปืนยิงตัวตายอยู่ที่นั่งชั้นบน จึงได้จอดรถริมทางและขึ้นไปตรวจสอบ พบว่ามีผู้เสียชีวิตจริง จึงได้นำรถเดินทางต่อมาจอดที่สถานีฯ ก่อนโทรศัพท์แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทราบเหตุดังกล่าว
จากการตรวจสอบพบเอกสารหลักฐานภายในตัว พบบัตรแสดงตัวเคยรับการบำบัดจาก รพ.จิตเวช และนอกจากยังนี้พบจดหมายฉบับหนึ่งที่ระบายถึงพันตำรวจโทนายหนึ่งซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชา เกี่ยวกับการขอย้ายออกนอกพื้นที่ จ.ยะลา แต่กลับไม่ได้รับการพิจารณาทั้งที่ได้ทำหนังสือขอย้ายมาแล้วหลายครั้ง  เบื้องต้นสันนิฐานคาดน่าจะเครียดจากการที่ปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งจะประสานทางต้นสังกัดและญาติมารับศพไปทำพิธีทางศาสนาต่อไป
แหล่งที่มาข้อมูล www.dailynews.co.th 

Blog Archive

Design Downloaded from ซ่อมคอมพิวเตอร์นอกสถานที่ รามคำแหง บางกะปิ | Free Textures | Web Design Resources