ต่อมา นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย ส.ส.ตรัง พรรคประชาธิปัตย์
ได้อภิปรายไม่ไว้วางใจ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ว่า
ลุแก่อำนาจ ขาดคุณธรรม จริยธรรม เล่นพรรคเล่นพวก
สนองผู้มีบุญคุณทางการเมืองมากกว่าประโยชน์ส่วนรวม
โดยมีการนำคลิปที่อ้างว่าภาพ ร.ต.อ.เฉลิม บน สน.ทองหล่อเมื่อปี 2543
ที่ไปติดตามคดีความของบุตรชาย
โดยมีลักษณะคุกคามข่มขู่เจ้าหน้าที่ตำรวจและสื่อมวลชน
ซึ่งเป็นลักษณะที่ไม่เหมาะสมจะรับตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีที่กำกับดูแลสำนัก
งานตำรวจแห่งชาติ ( สตช.)หรือไม่ รวมทั้งการถอดยศ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร
อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ศาลได้ตัดสินจำคุก 2ปี ไม่มีการยื่นอุทธรณ์
และส่งเรื่องไปยัง สตช. ซึ่งร.ต.อ.เฉลิม
ได้ออกมาคัดค้านตลอดตั้งแต่เป็นฝ่ายค้านและเมื่อรัฐบาลนี้เข้ามาบริหาร
ประเทศ ผ่านไป 1 ปี 3 เดือน เรื่องนี้ก็ยังคงถูกเก็บเงียบ และระบุว่า สตช
.มีมติไม่ถอดยศพ.ต.ท.ทักษิณ ไปแล้ว
พร้อมโกหกว่าไม่เคยมีการถอดยศตำรวจในชั้นสัญญาบัตรทั้งๆที่ตั้งแต่ปี 25547
จนถึงขณะนี้มีการถอดยศแล้วจำนวน 62 คนยกเว้น พ.ต.ท.ทักษิณ
พฤติกรรมเช่นนี้เพราะต้องการสนองบุญคุณส่วนตัว แต่เมื่อเป็นรัฐมนตรี
และมีหน้าที่ก็ต้องดำเนินการตามกฎหมาย
นายสาทิตย์ กล่าวอีกว่า เมื่อมีการโต้แย้งทางกฎหมาย สตช.ได้สอบถามไปยังสำนักงานกรรมการกฤษฎีกาถึง 2 ครั้งซึ่งก็ได้ยืนยันว่า ความผิดคดีในศาลใดๆหรือศาลคดีอาญาทางการเมือง การเป็นตำรวจนอกราชการสามารถถอดยศได้ส่วนการยึดเครื่องราชอิสริยาภรณ์ จะต้องทำควบคู่กันไป แต่ ร.ต.อ.เฉลิม ยังพยายามโต้แย้งและสร้างเงื่อนว่าความเห็นของกฤษฎีกา จะรับฟังหรือไม่ก็ได้ รวมถึงให้ยกเลิกระเบียบการถูกถอดยศ เพราะเห็นว่าขัดต่อรัฐธรรมนูญ จนกระทั่งปี 2555 สตช. ก็มีความชัดเจนว่าที่ไม่ถอดยศเพราะกำลังร่างกฎหมายขอพระราชทานอภัยโทษหรือ ไม่ ซึ่งขณะนี้นายวัชระ เพชรทอง ส.ส.บัญชีรายชื่อ ได้ไปยื่นเรื่องที่สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน สอบสวนเรื่องนี้แล้ว และอาจจะโดนสอบสวนตั้งแต่กองกำลัง ผบ.ตร. รองนายกรัฐมนตรี จนถึงนายกรัฐมนตรี มีหนังสือด่วนที่สุด จาก รองผบ.กำลังพล เรื่องการถอดยศของกำลังพล ที่ต้องดะเนินการให้แล้วเสร็จใน พ.ย. 2555 แต่ผู้มีบุญคุณกลับไม่ถอดยศ ขณะเดียวกันก็มีการมอบนโยบายต่อนายตำรวจให้มีความเป็นกลาง แต่ให้เลือกข้างพรรคเพื่อไทย ซึ่งพฤติกรรมทั้งหมด ร.ต.อ.เฉลิม ไม่เหมาะสมจะอยู่ในตำแหน่งนี้ต่อไป
จากนั้น ร.ต.อ.เฉลิม ชี้แจงว่าที่กล่าวหาว่าตนลุแก่อำนาจนั้น ในเหตุการณ์ชุมนุมเมื่อวันที่ 24 พ.ย.ที่มีการขับรถชนเจ้าหน้าที่ ขว้างแก๊สน้ำตาใส่เจ่าหน้าที่ก่อน ตนสั่งการเองว่าห้ามใช้อาวุธ ห้ามตี การใช้แก๊สน้ำตาเป็นดุลพินิจของผู้บัญชาการในพื้นที่ ปฏิบัติตามหลักสากล ซึ่งเป็นเรื่องเลอะเทอะที่กล่าวหาว่าตนลุแก่อำนาจ ส่วนการกล่าวหาไม่มีคุณธรรม เป็นเรื่องที่หากเถียงกันแล้วก็จะไม่จบสิ้น ส่วนการถอดยศ พ.ต.ท.ทักษิณ นั้น มีปัญหาที่ว่าทั่วโลกไม่ยอมรับเรื่องนี้ เพราะเป็นเรื่องการเมืองที่เกิดจากการปฏิวัติ และเรื่องความผิดเพราะเซ็นยินยอมให้ภรรยาซื้อที่ดิน ซึ่งการพบปะกับ พ.ต.ทักษิณ หาว่าตนละเว้นนั้นไม่ใช่ เพราะตนไม่ได้มีหน้าที่จับกุม ไม่มีอำนาจ ไม่ได้เป็นเจ้าพนักงาน และตนไม่เห็นด้วยกับการถอดยศเช่นเดียวกับยูเอ็นเพราะเป็นระบบศาลเดี่ยวไม่มี ที่ไหนในโลกเขาทำกัน และเรื่องมติไม่ถอดยศนั้น สตช.ได้ข้อยุติตั้งแต่ 15 ก.ค. 2554 ก่อนที่ตนจะมารับตำแหน่ง และ พ.ต.ท.ทักษิณถือว่าทำความดีให้แก่วงการตำรวจได้รับรางวัลจักรดาว และสร้างอาคารให้แก่โรงเรียนนายร้อยตำรวจงบประมาณพันกว่าล้าน ส่วนกรณีที่ระบุว่าไม่เคยมีตำรวจที่เคยถูกถอดยศนั้น สมัยตนเองเป็นตำรวจไม่มีแต่ตอนนี้ออกมาแล้วก็ไม่ทราบเรื่อง
“อย่างไรก็ตามผมยอมรับว่าเป็นพวกพ.ต.ท.ทักษิณเพราะรู้จักกันมานาน กินข้าวด้วยกันนับพันมื้อ ตำรวจ ทหารรักกันพวกคุณอิจฉาหรือ ส่วนเรื่องขี้ข้า พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นมานานแล้ว แต่ไม่ใช่เป็นการคุกคามสื่อ และที่ตอบกกลับไปว่าฝักใฝ่ คำนี้เปิดพจนานุกรม แปลว่าชอบ ไม่ได้เป็นการหมิ่นประมาท แต่หากกล่าวหาว่า ขี้ข้าทักษิณ เป็นการดูหมิ่นซึ่งหน้า แต่ผมก็ไม่ได้คิดเล็กคิดน้อยและดำเนินคดีแต่อย่างใด”ร.ต.อ.เฉลิม กล่าว
ขณะที่นายชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรครักประเทศไทย แถลงข่าวหลังจากอภิปรายในที่ประชุมโดยยืนยันว่าคลิปที่นำมาประกอบการอภิปราย ไม่ไว้วางใจร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรีเรื่องการลักลอบเปิดบ่อนพนันเป็นหลักฐานพยานชั้น 1 ที่สามารถดำเนินการเอาผิดได้ไม่ต่างจากการอ้างพยานหลักฐานจากกล้องซีซีทีวี แต่ร.ต.อ.เฉลิมกลับไม่ให้ความชัดเจนและไม่ตอบคำถามของตนในที่ประชุม นอกจากนี้ยังมีหลักฐานสำคัญอีกหนึ่งชิ้นที่ไม่ได้แสดงในที่ประชุมคือกรณีการ แต่งตั้ง พล.ต.ต. “พ” จากตำแหน่งรองผู้บัญชาการขึ้นเป็นผู้บัญชาการ ทั้งที่ศาลมีคำสั่งจำคุก 1 ปี ปรับ 1 หมื่นบาท จึงถือเป็นการแต่งตั้งมิชอบ
นายสาทิตย์ กล่าวอีกว่า เมื่อมีการโต้แย้งทางกฎหมาย สตช.ได้สอบถามไปยังสำนักงานกรรมการกฤษฎีกาถึง 2 ครั้งซึ่งก็ได้ยืนยันว่า ความผิดคดีในศาลใดๆหรือศาลคดีอาญาทางการเมือง การเป็นตำรวจนอกราชการสามารถถอดยศได้ส่วนการยึดเครื่องราชอิสริยาภรณ์ จะต้องทำควบคู่กันไป แต่ ร.ต.อ.เฉลิม ยังพยายามโต้แย้งและสร้างเงื่อนว่าความเห็นของกฤษฎีกา จะรับฟังหรือไม่ก็ได้ รวมถึงให้ยกเลิกระเบียบการถูกถอดยศ เพราะเห็นว่าขัดต่อรัฐธรรมนูญ จนกระทั่งปี 2555 สตช. ก็มีความชัดเจนว่าที่ไม่ถอดยศเพราะกำลังร่างกฎหมายขอพระราชทานอภัยโทษหรือ ไม่ ซึ่งขณะนี้นายวัชระ เพชรทอง ส.ส.บัญชีรายชื่อ ได้ไปยื่นเรื่องที่สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน สอบสวนเรื่องนี้แล้ว และอาจจะโดนสอบสวนตั้งแต่กองกำลัง ผบ.ตร. รองนายกรัฐมนตรี จนถึงนายกรัฐมนตรี มีหนังสือด่วนที่สุด จาก รองผบ.กำลังพล เรื่องการถอดยศของกำลังพล ที่ต้องดะเนินการให้แล้วเสร็จใน พ.ย. 2555 แต่ผู้มีบุญคุณกลับไม่ถอดยศ ขณะเดียวกันก็มีการมอบนโยบายต่อนายตำรวจให้มีความเป็นกลาง แต่ให้เลือกข้างพรรคเพื่อไทย ซึ่งพฤติกรรมทั้งหมด ร.ต.อ.เฉลิม ไม่เหมาะสมจะอยู่ในตำแหน่งนี้ต่อไป
จากนั้น ร.ต.อ.เฉลิม ชี้แจงว่าที่กล่าวหาว่าตนลุแก่อำนาจนั้น ในเหตุการณ์ชุมนุมเมื่อวันที่ 24 พ.ย.ที่มีการขับรถชนเจ้าหน้าที่ ขว้างแก๊สน้ำตาใส่เจ่าหน้าที่ก่อน ตนสั่งการเองว่าห้ามใช้อาวุธ ห้ามตี การใช้แก๊สน้ำตาเป็นดุลพินิจของผู้บัญชาการในพื้นที่ ปฏิบัติตามหลักสากล ซึ่งเป็นเรื่องเลอะเทอะที่กล่าวหาว่าตนลุแก่อำนาจ ส่วนการกล่าวหาไม่มีคุณธรรม เป็นเรื่องที่หากเถียงกันแล้วก็จะไม่จบสิ้น ส่วนการถอดยศ พ.ต.ท.ทักษิณ นั้น มีปัญหาที่ว่าทั่วโลกไม่ยอมรับเรื่องนี้ เพราะเป็นเรื่องการเมืองที่เกิดจากการปฏิวัติ และเรื่องความผิดเพราะเซ็นยินยอมให้ภรรยาซื้อที่ดิน ซึ่งการพบปะกับ พ.ต.ทักษิณ หาว่าตนละเว้นนั้นไม่ใช่ เพราะตนไม่ได้มีหน้าที่จับกุม ไม่มีอำนาจ ไม่ได้เป็นเจ้าพนักงาน และตนไม่เห็นด้วยกับการถอดยศเช่นเดียวกับยูเอ็นเพราะเป็นระบบศาลเดี่ยวไม่มี ที่ไหนในโลกเขาทำกัน และเรื่องมติไม่ถอดยศนั้น สตช.ได้ข้อยุติตั้งแต่ 15 ก.ค. 2554 ก่อนที่ตนจะมารับตำแหน่ง และ พ.ต.ท.ทักษิณถือว่าทำความดีให้แก่วงการตำรวจได้รับรางวัลจักรดาว และสร้างอาคารให้แก่โรงเรียนนายร้อยตำรวจงบประมาณพันกว่าล้าน ส่วนกรณีที่ระบุว่าไม่เคยมีตำรวจที่เคยถูกถอดยศนั้น สมัยตนเองเป็นตำรวจไม่มีแต่ตอนนี้ออกมาแล้วก็ไม่ทราบเรื่อง
“อย่างไรก็ตามผมยอมรับว่าเป็นพวกพ.ต.ท.ทักษิณเพราะรู้จักกันมานาน กินข้าวด้วยกันนับพันมื้อ ตำรวจ ทหารรักกันพวกคุณอิจฉาหรือ ส่วนเรื่องขี้ข้า พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นมานานแล้ว แต่ไม่ใช่เป็นการคุกคามสื่อ และที่ตอบกกลับไปว่าฝักใฝ่ คำนี้เปิดพจนานุกรม แปลว่าชอบ ไม่ได้เป็นการหมิ่นประมาท แต่หากกล่าวหาว่า ขี้ข้าทักษิณ เป็นการดูหมิ่นซึ่งหน้า แต่ผมก็ไม่ได้คิดเล็กคิดน้อยและดำเนินคดีแต่อย่างใด”ร.ต.อ.เฉลิม กล่าว
ขณะที่นายชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรครักประเทศไทย แถลงข่าวหลังจากอภิปรายในที่ประชุมโดยยืนยันว่าคลิปที่นำมาประกอบการอภิปราย ไม่ไว้วางใจร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรีเรื่องการลักลอบเปิดบ่อนพนันเป็นหลักฐานพยานชั้น 1 ที่สามารถดำเนินการเอาผิดได้ไม่ต่างจากการอ้างพยานหลักฐานจากกล้องซีซีทีวี แต่ร.ต.อ.เฉลิมกลับไม่ให้ความชัดเจนและไม่ตอบคำถามของตนในที่ประชุม นอกจากนี้ยังมีหลักฐานสำคัญอีกหนึ่งชิ้นที่ไม่ได้แสดงในที่ประชุมคือกรณีการ แต่งตั้ง พล.ต.ต. “พ” จากตำแหน่งรองผู้บัญชาการขึ้นเป็นผู้บัญชาการ ทั้งที่ศาลมีคำสั่งจำคุก 1 ปี ปรับ 1 หมื่นบาท จึงถือเป็นการแต่งตั้งมิชอบ
0 - ซ่อมคอมพิวเตอร์นอกสถานที่ บางกะปิ 083-792-5426:
แสดงความคิดเห็น
หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น