วันศุกร์ที่ 9 มีนาคม พ.ศ. 2555

ปชป.จี้กลต.ฟัน ปกปิดหุ้นชิน ก่อนคดีหมดอายุ



"วิรัตน์ กัลยาศิริ" หนึ่งในทีมเศรษฐกิจและทีมกฎหมาย ปชป. ยื่นหนังสือ จี้ กลต. สํานักงานอัยการสูงสุด ดีเอสไอ กระทรวงการคลัง และนายกฯ เร่งเอาผิด คดีปกปิดหุ้น SHIN ก่อนหมดอายุความในเดือน มี.ค.นี้…

เมื่อวันที่ 9 มี.ค. นายวิรัตน์ กัลยาศิริ ส.ส.สงขลาพรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะหนึ่งในทีมเศรษฐกิจและทีมกฎหมาย ปชป. กล่าวกับทีมข่าวไทยรัฐออนไลน์ว่า ทีมกฎหมายเศรษฐกิจพรรค ปชป. ได้ตัดสินใจเข้ายื่นหนังสือต่อคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (กลต.) สํานักงานอัยการสูงสุด กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) กระทรวงการคลัง และนายกรัฐมนตรีแล้ว เพื่อเร่งรัดให้มีการดําเนินคดีอาญา ความผิดตาม พ.ร.บ.หลักทรัพย์ ที่มีการปกปิด และแสดงเท็จในเอกสารของ บ.SHIN สืบเนื่องจากคําตัดสินคดียึดทรัพย์ ผู้มีส่วนร่วมปกปิด และแสดงเท็จครั้งนั้นมีนายกฯ ยิ่งลักษณ์ อยู่ด้วย

ทั้งนี้ สาเหตุที่พรรค ปชป. ต้องเร่งรัดให้ยื่นหนังสือเนื่องจากอายุความคดีจะหมดประมาณสิ้นเดือนมีนาคมนี้ ดังนั้นทางพรรคจึงต้องยื่นหนังสือทวงถามให้ดำเนินการ เพราะหากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการแล้ว ยืนยันว่าสามารถดำเนินการเอาผิดกับผู้ต้องหาได้ทันอย่างแน่นอน หากรัฐและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไม่ยอมดำเนินการ อาจฟ้องเอาผิดมาตรากฎหมายอาญา 157 รัฐปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบได้

ทั้งนี้ พรรคได้ยื่นหนังสือใน 2 ประเด็น ได้แก่ 1. ยื่นโดย ส.ส.กรณ์ จาติกวณิช และ ส.ส.วิรัตน์ กัลยาศิริ ให้เร่งรัดให้มีการดําเนินคดีอาญา ความผิดตาม พ.ร.บ.หลักทรัพย์ ที่มีการปกปิด และแสดงเท็จในเอกสาร ของ บ.ชิน คอร์ปอเรชั่นจำกัด มหาชน สืบเนื่องจากคําตัดสินคดียึดทรัพย์ และผู้มีส่วนร่วมปกปิด และแสดงเท็จครั้งนั้นมี นายกฯ ยิ่งลักษณ์ อยู่ด้วย สาเหตุที่ต้องเร่งรัดให้ทําเพราะอายุความหมดมีนาคมนี้ 2. ยื่นโดย ส.ส.กทม. นายสรรเสริญ สมะลาภา ให้ติดตามรักษาผลประโยชน์ของชาติให้ถึงที่สุด จากกรณีมีภาษี 12,000 ล้าน จากธุรกรรมหุ้นชินเกิดขึ้น หากไม่เก็บจากลูกสองคน เพราะศาลตัดสินว่า เป็นของพ่อ ก็ควรกลับไปตามจากพ่อกลับมาให้คนไทยให้ครบ 12,000 ล้านบาท

ต่อมา ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พิพากษาว่า พ.ต.ท.ทักษิณ และพจมาน ชินวัตร คือเจ้าของหุ้นตัวจริง ไม่ใช่นายพานทองแท้ และน.ส.พิณทองทา ซึ่งศาลภาษีอากรกลาง ได้นำคำพิพากษาของศาลฎีกาดังกล่าว มาเป็นเป็นบรรทัดฐาน ส่งผลให้ธุรกรรมการซื้อขายหุ้นดังกล่าว เป็นโมฆะ เพราะไม่ใช่ธุรกรรมที่เกิดขึ้นจริง

นายสรรเสริญ กล่าวว่า แม้ว่าหุ้นดังกล่าวจะไม่ใช่ของนายพานทองแท้ และ น.ส.พิณทองทา แต่พ.ต.ท. ทักษิณ ได้ทำการซื้อขายหุ้นดังกล่าวจากแอมเพิลริชในนามของบุคคลทั้งสอง ซึ่งเป็นบุตรของตนเอง ดังนั้น จึงได้ประโยชน์จากการซื้อหุ้นในราคาต่ำและมีส่วนต่างต้องชำระภาษี ขณะที่กรมสรรพากร ตีความเกินคำพิพากษาของศาลฎีกา เพราะศาลฎีกาไม่ได้ระบุว่า ธุรกรรมการซื้อขายหุ้นดังกล่าวเป็นโมฆะ อีกทั้ง ยังระบุว่า การเรียกเก็บภาษีจากการซื้อขายหุ้นดังกล่าวจากบุคคลทั้งสองคือพานทองแท้และ พิณทองทา เป็นการดำเนินการตามประมวลรัษฎากรของกรมสรรพากร

นอกจากนี้ กรณีที่ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ปรับเงินนายพานทองแท้ กรณีที่ถือหุ้นชินเกิน 25% แล้วไม่ได้แจ้งต่อก.ล.ต.และแม้กรมสรรพากรจะวินิจฉัยว่า การซื้อขายหุ้นดังกล่าวเป็นโมฆะ ก.ล.ต.ก็ยังไม่ได้คืนเงินค่าปรับดังกล่าว แสดงให้เห็นว่า ก.ล.ต.ไม่ได้มองว่าธุรกรรมดังกล่าวเป็นโมฆะ ดังนั้น จึงขอให้กรมสรรพากร ดำเนินการจัดเก็บภาษี 12,000 ล้านบาท จากพ.ต.ท.ทักษิณ และพจมานในฐานะที่เป็นผู้ซื้อหุ้นดังกล่าวในราคาต่ำกว่าราคาตลาด.

แหล่งที่มาข้อมูล www.thairath.co.th

0 - ซ่อมคอมพิวเตอร์นอกสถานที่ บางกะปิ 083-792-5426:

แสดงความคิดเห็น

หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น

Blog Archive

Design Downloaded from ซ่อมคอมพิวเตอร์นอกสถานที่ รามคำแหง บางกะปิ | Free Textures | Web Design Resources