จองตั๋วกลับทุกปี
ล่าสุดอดีตนายกฯทักษิณ ชินวัตร ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวต่างประเทศ ระหว่างการเข้าร่วมประชุมภาวะผู้นำแห่งเอเชีย ที่กรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้ โดยแสดงความเชื่อมั่นว่า ความปรองดองในชาติจะเกิดขึ้นได้ในที่สุด และอาจเร็วกว่าที่ใครคิด คือภายในสิ้นปีนี้
ส่งผลให้ตนเองสามารถเดินทางกลับประเทศไทยภายในปีนี้ด้วย
พูดกันหลายรอบ ที่ผ่านมาก็ลุ้นกันอยู่ตลอดเวลา ถ้าไม่บังเอิญว่า รอบนี้มีคนฟังแล้ว “ให้น้ำหนัก” มากเป็นพิเศษ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสายตาของนักวิเคราะห์ชาวต่างประเทศอย่างนายไมเคิล มอนเทสซาโน ผู้เชี่ยวชาญจากสถาบันเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ สิงคโปร์ วิเคราะห์ผ่านสำนักข่าวบลูมเบิร์กของสหรัฐฯว่า สถานการณ์การเมืองไทยในห้วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา
บ่งชี้ให้เห็นถึง “ภาวะผ่อนคลายความตึงเครียด” ระหว่างฝ่ายของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และฝ่ายต่อต้านในประเทศไทย
โดยสะท้อนให้เห็นจากการที่ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ ได้เข้าร่วมงานเลี้ยงของรัฐบาลพรรคเพื่อไทย และการที่ศาลรัฐธรรมนูญชี้ขาด 2 พ.ร.ก.สำคัญเกี่ยวกับการเงินของรัฐบาลไม่ผิดรัฐธรรมนูญ รวมไปถึงผลการตัดสินจำคุกในคดีเกี่ยวกับการเงินของนายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำใหญ่ม็อบพันธมิตรฯ
ย้อนโยงปรากฏการณ์ ฟันธงเลยว่า มีสิ่งบ่งชี้หลายอย่างที่แสดงให้เห็นว่า กลุ่ม
ที่เคยคาดว่าจะเป็นตัวบ่อนเซาะอำนาจรัฐบาลพรรคเพื่อไทย ไม่ได้ทำอย่างที่คาดหวังไว้จะได้เห็น
ทำให้คำพูดคลุมๆกว้างๆของอดีตนายกฯทักษิณ ไม่ได้เป็นการโอ้อวด
เอาเป็นว่า นักวิเคราะห์ฝรั่งเชื่อโอกาสที่ “นายใหญ่” จะกลับบ้าน จ่อใกล้ความจริง
ตามคิวก่อนหน้า ที่เจ้าตัวอดีตนายกฯทักษิณ ก็เพิ่งส่งซิกผ่านทีมข่าวบางกอกโพสต์ที่ไปสัมภาษณ์กันที่เมืองดูไบ พูดเป็นนัย “สัญญาณปรองดองดีขึ้นทุกจุด” พร้อมกับย้ำดังๆข้ามประเทศ จะไม่มีการแก้รัฐธรรมนูญเพื่อเอื้อประโยชน์ให้ตัวเอง ไม่แตะต้องสถาบัน และไม่รื้อ พ.ร.บ.กลาโหม
“ราฟืน” ออกจากกองไฟ ตัดชนวนไม่ให้ฝ่ายตรงข้ามเขี่ยเชื้อโหมกระแสต้าน
“ทักษิณ” แบะท่าเคลียร์เงื่อนไขพร้อมเข้าฉากปรองดอง
และโดยจังหวะที่สอดคล้องไปในทำนองเดียวกันกับการที่สถาบันพระปกเกล้าจัดทำรายงานผลการศึกษา เรื่องการสร้างความปรองดองในชาติ เสนอต่อคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางการสร้างความปรองดองแห่งชาติที่มี “บิ๊กบัง” พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคมาตุภูมิ ในฐานะอดีตประธาน คมช. เป็นประธาน
โดยเสนอให้ออกพระราชบัญญัตินิรโทษกรรมคดีที่เกี่ยวเนื่องกับการชุมนุมทางการเมือง และให้เพิกถอนผลทางกฎหมายที่ดำเนินการโดยคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) ทั้งหมด และไม่นำคดีที่อยู่ระหว่างกระบวนการและที่ตัดสินแล้วมาพิจารณาอีก
ลากกลับมาพบกันครึ่งทาง จากที่ “ทักษิณ” โดนไล่ต้อนจนสุดกระดาน
ในมุมที่นายทวี สุรฤทธิกุล อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช เชื่อว่า ข้อเสนอของสถาบันพระปกเกล้าในเรื่อง คตส.น่าจะเป็นที่ยอมรับของทุกฝ่าย เพราะจะเป็นการกลับเข้าสู่กระบวนการพิจารณาใน “มาตรฐานเดิม”
ตามปรากฏการณ์ว่าด้วยเกมยื้ออำนาจกับฝ่ายต้าน ลดอุณหภูมิลงเรื่อยๆ
ขณะที่สถานการณ์ทางการเมือง ตามท้องเรื่องที่คนบ้านเลขที่ 111 ใกล้พ้นโทษแบนยาว 5 ปีหลังเดือนพฤษภาคม “ตัวจริง” กลับมาลงสนาม ลากเกมกลับสู่สถานการณ์ปกติ
ไม่บิดเบี้ยวผิดเพี้ยนจากธรรมชาติ
และทั้งหมดทั้งปวง ตามนิยาม “รัฐบาลทักษิณ ที่ปราศจากทักษิณ” โดยบทวิเคราะห์ของนายคริส เบเกอร์ นักวิเคราะห์การเมืองไทย รัฐบาลยิ่งลักษณ์ที่ไม่มี พ.ต.ท.ทักษิณอยู่ด้วย ถือว่าเหมาะกับสถานการณ์ในเวลานี้อย่างสมบูรณ์แบบ นายกฯยิ่งลักษณ์ทำหน้าที่รอมชอมได้วิเศษมาก ทำให้สถานการณ์กลับคืนสู่สภาวะเหมือนก่อนหน้าเกิดรัฐประหาร นายกฯยิ่งลักษณ์ กำลังทำงานที่เฉียบแหลมอย่างมีพลัง
ยิ่งเป็นอะไรที่สำทับเครดิต จากการติดโผ 1 ใน 150 ที่นิตยสารนิวส์วีกของสหรัฐอเมริกาเปิดรายชื่อผู้หญิงของโลกที่กล้าหาญปราศจากความกลัว
“ยิ่งลักษณ์” กำลังไต่เพดาน “ลอยลมบน” ผลทางบวกก็ยิ่งส่งอานิสงส์ถึง “ทักษิณ”
เว้นแต่จะเลยเตลิดไปไกลเกิน กับอาการ “เหลิง” ประเภทที่เริ่มมีเสียงนินทาจากคนวงในแว่วๆออกมาข้างนอก นายกฯยิ่งลักษณ์เลี้ยง “พรายกระซิบ” ไว้ข้างตัว พักหลังเป็นหญิงมั่น ไม่ค่อยฟังใคร
แม้แต่พี่ชายที่อยู่แดนไกลก็พูดไม่ดังเหมือนเดิม.
ทีมข่าวการเมือง
แหล่งที่มาข้อมูล www.thairath.co.th
0 - ซ่อมคอมพิวเตอร์นอกสถานที่ บางกะปิ 083-792-5426:
แสดงความคิดเห็น
หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น