วันศุกร์ที่ 9 มีนาคม พ.ศ. 2555

สู่ยุคศตวรรษแห่งเอเชีย จีนผนึกอาเซียนหัวรถจักรฉุดเศรษฐกิจโลก


Pic_244084

นายอานันท์ ปันยารชุน อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวปาฐกถาเรื่อง “อนาคตไทย อาเซียน และจีน” ในงานสัมมนา มองอาเซียน–จีน หลัง 2015 จัดโดยสภาธุรกิจไทย–จีน ว่า ช่วง 30 ปีที่ผ่านมาเศรษฐกิจจีนเติบโตเฉลี่ยที่ 10% ต่อเนื่องมาโดยตลอด

ปัจจุบันมีผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลก รองจากสหรัฐอเมริกา ซึ่งปัจจุบันความสำคัญของเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกา ยุโรป และ ญี่ปุ่น ลดลงตามลำดับ ขณะที่ อินเดียช่วงระยะเวลา 10 ปีที่ผ่านมา เศรษฐกิจโตเฉลี่ยที่ระดับ 10% เช่นกัน ทั้งนี้ ระยะเวลาอีก 2-3 ปีข้างหน้าพลเมืองของโลกจะอยู่ที่ 7,000 ล้านคน ซึ่งประชากรของจีนจะอยู่ที่ 1,350 ล้านคน อินเดียอีก 1,200 ล้านคน รวมเป็น 2,550 ล้านคน คิดเป็น 1 ใน 3 ของพลเมืองโลกเป็นตลาดสำคัญ ขณะที่จีนจะมีรายได้ในระดับชนชั้นกลางจำนวน 400 ล้านคน อินเดียอีก 300 ล้านคน รวมเป็น 700 ล้านคน

ทั้งนี้ ชนชั้นกลางจะเป็นกำลังซื้อสำคัญในระบบเศรษฐกิจ ซึ่งประเทศไทยในช่วง 10-15 ปีข้างหน้าหนีไม่พ้นที่จะต้องเป็นศูนย์กลางของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ทั้งด้านการผลิต การขนส่ง ศูนย์กลางโลจิสติกส์ การกระจายสินค้า เพราะเส้นทางการคมนาคมของอาเซียน-จีน-อินเดีย จากเหนือสู่ใต้ จากตะวันออกสู่ตะวันตกจะต้องผ่านประเทศไทย ถ้าไทยยังไม่เอาไหนจะตามอนาคตไม่ทัน อย่างไร ก็ตาม เชื่อว่าประเทศไทย จีน และอาเซียนจะสามารถ ทำให้ศตวรรษนี้เป็นศตวรรษแห่งเอเชียได้อย่างสมบูรณ์และแท้จริง

“เมืองไทยผ่านวิกฤติที่ไม่มีเหตุผลมาค่อนข้างจะมากและบ่อยครั้ง เป็นวิกฤติต่อความรู้สึก ไม่ใช่วิกฤติจริงจังที่มีผลต่อชีวิตหรือเอาเป็นเอาตายกัน เราเดินข้ามได้แต่ต้องไม่ลืมเหตุการณ์เก่า ถ้าเรายังเป็นนักโทษของเหตุการณ์ในอดีตจะไม่สามารถปลดเปลื้องภาระทางจิตใจได้ และไม่สามารถ คิดอะไรใหม่ๆ จะกลายเป็นไม่มีอนาคต คนไทยต้องหัดฟังให้เป็น และต้องหัดคิดให้เป็นด้วย ชีวิตจะสงบรุ่งเรืองได้ รวมทั้งต้องฟังความเห็นที่ไม่ตรงกับความคิดของตนด้วย ถัดมาคือต้องหัดคิดให้ออก ต้องพูดของจริงอย่าพูดล่อลวงกัน อย่าพูดแต่ภาษาดอกไม้ หรือภาษากะล่อน และสุดท้ายต้องทำให้เป็น สังคมที่ทำไม่เป็น คิดไม่ออก พูดไม่จริง และทำไม่ถูก เป็นสังคมที่ตัดอนาคตตัวเอง ซึ่งสามารถเปลี่ยนได้ ขึ้นอยู่ที่จิตใจ”

ด้านนายกว่าน มู่ เอกอัครราชทูตจีนประจำประเทศไทย กล่าวว่า ความสัมพันธ์จีนกับอาเซียน จีนจะให้ความสำคัญกับประเทศไทยเหนือกว่าประเทศอื่น เป็นความสัมพันธ์พิเศษ ซึ่งการพัฒนาทางเศรษฐกิจและการค้าระหว่างไทยกับจีนช่วงหลายปีที่ผ่านมาอยู่ในภาวะที่ดีมาก การค้าการลงทุนเพิ่มในอัตราที่สูงมาก จนการค้าของไทยกับจีนแซงหน้าการค้าสิงคโปร์กับจีนไปแล้ว “ผมเห็นด้วยว่าในช่วง 10-15 ปีข้างหน้า ภูมิภาคแห่งนี้จะมีการเปลี่ยนแปลงอย่างมากแบบที่ไม่เคยเห็นมาก่อน จากหน้ามือเป็นหลังมือ เหมือนที่ก่อนหน้านี้ใครไปประเทศจีนจะมีการเปลี่ยนแปลงไปทุกปี ภูมิภาคนี้ก็จะเป็นสภาพเช่นนั้น”

นายสุรินทร์ พิศสุวรรณ เลขาธิการอาเซียนกล่าวว่า ภูมิศาสตร์ประเทศไทยเหมือนเป็นไข่แดง ที่เป็นทางผ่านจากเหนือมาใต้และจากตะวันออกไปตะวันตกของภูมิภาค ถ้าไม่ได้ประโยชน์จากจุดนี้ต้องโทษตัวเอง และอย่าเล่นกีฬาสีกันบ่อยนัก ทั้งนี้ หากประเทศในอาเซียนและจีนร่วมมือกัน สร้างความแข็งแกร่งในภูมิภาคนี้ร่วมกันจะเป็นหัวรถจักรที่จะช่วยกอบกู้ ดึงเศรษฐกิจของโลกกลับมาสู่รางที่เคยวิ่ง

ขณะเดียวกัน นอกจากอาเซียนจะเปิดระบบการค้าเสรีกันแล้ว ยังมีอีก 6 ประเทศที่มีเป้าหมายที่จะรวมให้เป็นระบบเดียวกันเป็นอาเซียนบวก 6 คือ จีน เกาหลี ญี่ปุ่น อินเดีย ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ สิ่งที่ต้องระวังของประเทศไทยคือเมื่อ พม่า กัมพูชา และลาว สร้างอุตสาหกรรมของประเทศ ตัวเองได้ ถ้าประเทศไทยยังไม่ขยับตัวเองขึ้นจากอุตสาหกรรมที่ใช้แรงงานจะปรับตัวไม่ทัน และเป็นห่วงว่าจะไม่มีคนที่มีความสามารถแข่งขันกับประเทศอื่นได้หลังเปิดการค้าเสรีอาเซียนหรือเออีซี เพราะประเทศไทยไม่ได้เตรียมพร้อมเรื่องการศึกษา

ส่วนนายสมภพ มานะรังสรรค์ อธิการบดีสถาบันการจัดการปัญญาภิวัฒน์ กล่าวว่า ประเทศจีนประกาศว่าภายใน 4-5 ปีมูลค่าการส่งออกและนำเข้าจะเข้าสู่ภาวะสมดุล ซึ่งปัจจุบันจีนเกินดุลการค้าอยู่ 100,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ แสดงว่าจีนจะต้องนำเข้าเพิ่มมากขึ้น หากใครเจาะตลาดจีนได้มากขึ้นจะได้เปรียบ โดยจะต้องดูว่าชาวจีนมีพฤติกรรมการบริโภค การใช้ชีวิตหรือไลฟ์สไตล์อย่างไร ต้องตีโจทย์ให้แตก เพราะล่าสุดชาวจีนแต๊ะเอียกันด้วยกระเป๋าแอร์เมส หลุยส์วิตตองกันแล้ว

“ทั้งนี้ ในทุก 100 ปี ตามวัฏจักรจะมีการปรับฐานมหาอำนาจ ในปี ค.ศ. 1812 อังกฤษขึ้นมาเป็นมหาอำนาจหลังปราบนโปเลียนลง ยิ่งใหญ่อยู่ได้ 100 ปี พอปี 1913 สหรัฐอเมริกาแซงอังกฤษขึ้นมา ปีนี้ 2012 ผ่านมา 99 ปี วัฏจักรทำท่าจะเป็นจริง เอเชียมีโอกาสจะเจริญร่วมกัน”.

แหล่งที่มาข้อมูล www.thairath.co.th

0 - ซ่อมคอมพิวเตอร์นอกสถานที่ บางกะปิ 083-792-5426:

แสดงความคิดเห็น

หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น

Blog Archive

Design Downloaded from ซ่อมคอมพิวเตอร์นอกสถานที่ รามคำแหง บางกะปิ | Free Textures | Web Design Resources