วันที่ 20 มี.ค. นพ.ไพจิตร์ วราชิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าการดำเนินการกับข้าราชการที่เกี่ยวข้องกับการลักลอบนำยาแก้หวัดสูตรผสมซูโดอีเฟดรีนออกจากโรงพยาบาลในสังกัดกระทรวงสาธารณสุขว่า ขณะนี้ผลการสอบสวนข้อเท็จจริงเบื้องต้นของ 3 จังหวัดมาถึงมือแล้ว คือ 1. รพ.อุดรธานี นี้มีผู้ที่เกี่ยวข้องคนเดียว คือ เภสัชกรที่หลบหนีอยู่ ส่วน ผอ.รพ.อุดรธานี ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง 2.รพ.กมลาไสย จ.กาฬสินธุ์ ผลการสอบสวนข้อเท็จจริงในเบื้องต้นของทางจังหวัดมีผู้เกี่ยวของทั้งหมด 7 คน โดยเภสัชกร 2 คนจะต้องถูกสอบสวนวินัยร้ายแรง ส่วน ผอ.รพ.กมลาไสยและเจ้าหน้าที่ที่เหลืออยู่ในจะถูกสอบวินัยไม่ร้ายแรง ดังนั้นเพื่อไม่เป็นปัญหาอุปสรรคในการสอบสวนของทางจังหวัด จะมีการย้ายผู้เกี่ยวข้องทั้งหมดมาช่วยราชการที่กระทรวงสาธารณสุขภายในวันนี้ ( 20 มี.ค.) และจะตั้งให้ นพ.ทวีเกียรติ บุญยไพศาลเจริญ ผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุขเป็นประธานในการสอบสวนวินัย โดยให้แล้วเสร็จภายใน 30 วัน ส่วนโทษทางวินัยร้ายแรงมีตั้งแต่ปลดออก ให้ออก ไล่ออก ส่วนโทษวินัยไม่ร้ายแรงมีตั้งแต่ ว่ากล่าวตักเตือน ภาคทัณฑ์ ตัดเงินเดือน ลดขั้นเงินเดือน
ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวต่อว่า 3.รพ.ทองแสนขัน จ.อุตรดิตถ์ กรณีนี้ผลสอบสวนของทางจังหวัด ต้องโดนโทษวินัยร้ายแรง 2 คน คือ เภสัชกร และ ผอ.รพ. ดังนั้นจะมีการย้ายทั้งคู่มาช่วยราชการที่กระทรวงสาธารณสุขเช่นกัน อย่างไรก็ตามกรณี รพ.ทองแสนขัน ผลการสอบสวนของทางจังหวัดสรุปมาค่อนข้างชัดเจน แต่กระทรวงจะมาดูว่าจะมีการสอบสวนเพิ่มเติมหรือไม่ หรือจะดำเนินการตามผลสอบสวนที่ส่งมาเลย
นพ.ไพจิตร์ กล่าวต่อว่า ส่วน รพ.ดอยหล่อ จ.เชียงใหม่ นั้น คาดว่าผลการสอบสวนจากทางจังหวัดจะส่งมาให้ในช่วงเย็นวันนี้ ( 20 มี.ค. ) ยืนยันว่าการดำเนินการตรงนี้ไม่ได้ล่าช้า เพราะได้มีการเร่งรัดไปทางจังหวัด มิฉะนั้นคงไม่สามารถดำเนินการได้เร็วขณะนี้ โดยทางกระทรวงสาธารณสุขจะมีการดำเนินการอย่างตรงไปตรงมากับผู้ที่เกี่ยวข้อง ขอเรียนว่ากระทรวงสาธารณสุขมีบุคลากร 3.2 แสนคน มีหมอกว่า 1 หมื่นคน มีเภสัชกรประมาณ 4,000 คน ในคนหมู่มาก มีคนจำนวนน้อยมากที่รู้เท่าไม่ถึงการณ์ หรือบางคนก็เจตนากระทำความผิด
แหล่งที่มาข้อมูล www.dailynews.co.th
0 - ซ่อมคอมพิวเตอร์นอกสถานที่ บางกะปิ 083-792-5426:
แสดงความคิดเห็น
หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น