วันนี้ (10 มี.ค.)ที่สวนลุมพินี กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ได้เดินทางจากทั่วประเทศจำนวนมาก จนล้นออกมานอกห้องประชุมเวทีลีลาศและผู้ชุมนุมส่วนใหญ่ต้องออกมาปักหลักฟังการปราศรัยของแกนนำโดยอาศัยตามใต้ร่มไม้แต่แม้อากาศร้อนอบอ้าว ซึ่งต้องการมาชุมนุมเพื่อแสดงพลังในการคัดค้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2550 โดยช่วงเช้าแนวร่วมจากทุกภาคไดตั้งโต๊ะ เปิดให้ลงทะเบียนเพื่อแสดงความคิดเห็นและร่วมกำหนดท่าทีการเคลื่อนไหวในการหยุดยั้งกระบวนการแก้ไขประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 และสอบถามความเห็นว่า พันธมิตรฯ ควรรวมตัวชุมนุมใหญ่ทันทีหรือไม่ โดยเวลา 10.00 น. พล.ต.จำลอง ศรีเมือง ได้กล่าวเปิดงานการเสวนา”ข้อเสนอต่อการปฏิรูปประเทศไทย” พร้อมกับขอให้ผู้ชุมนุมร่วมแสดงความคิดเห็น ซึ่งจะมีการแสดงจุดยืนอีกครั้งในเวลา 16.00 น.
ในการเสวนานายคมสัน โพธิ์คง อ.นิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช กล่าวว่า วิกฤติของประเทศไทยขณะนี้เป็นวิกฤติทางกฎหมาย มีความพยายามจะทำในสิ่งที่ไม่มีหลักกฎหมายรองรับ เช่น การจ่ายเงินให้คนเสื้อแดงหัวละ 7.75ล้าน โดยใช้มติ ครม. การแก้ไขรัฐธรรมนูญโดยยกเลิกทั้งฉบับปัญหาทั้งหมดเกิดจากเผด็จการพรรคการเมืองทุนนิยมผูกขาด กำลังพยายามทำลายล้างกติกาสำคัญที่ทำให้พวกเขาไม่สามารถเข้ามามีอำนาจเบ็ดเสร็จ ซึ่งถ้าเป็นแบบนี้ ประชาชนจากที่เป็นไพร่จะเป็นทาสอย่างเบ็ดเสร็จสมบูรณ์ในอนาคต เพราะนักการเมืองทำแต่เรื่องฝ่าฝืนกฎหมาย เพื่อหาประโยชน์ใส่ตัว หาเรื่องยุบองค์กรอิสระ ศาลรัฐธรรมนูญที่พวกเขาเห็นว่าไม่เป็นประโยชน์ต่อพวกเขาเราจะนั่งอยู่ที่บ้านเฉยๆ ไม่ได้ ต้องร่วมมือใจกันนำพาไปสู่การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของประเทศไทยให้ได้
ด้านนายณรงค์ โชควัฒนา อดีตสว. กล่าวว่า ประเทศไทยขณะนี้เหมือนเรือผุๆ ทั้งลำ เกินกว่าจะซ่อมแซม เหมือนสุนัขที่ตายแล้วร่างกายกำลังเน่าเฟะ เราจึงไม่ควรคิดแก้ปัญหาเป็นประเด็นๆ ไป เพราะมันมากเกินกว่าจะแก้ได้ สิ่งที่จะปฏิรูปประเทศไทยคือปฏิรูปคนไทย เปลี่ยนแปลงความคิดความเชื่อของคนไทย วันนี้คนไทยคิดและเชื่อว่าเผด็จการเลือกตั้งคือประชาธิปไตย จนบางคนเกลียดประชาธิปไตย เพราะถ้าโกงกินอย่างนี้มีเผด็จการดีกว่า สูงสุด ถ้าคนไทยคิดแค่นี้ก็จะเลือกโจรไปบริหารประเทศ เพราะโจรสามารถเอาเงินไปให้ได้มากกว่าถ้าเรากวาดล้างคนชั่วออกไปแล้ว แต่ประชาชนยังนิยมเลือกคนชั่ว คนชั่วกลุ่มใหม่ก็เข้ามา เพราะคนชั่วมันมีมาก นักการเมืองที่ดีก็พอมี แต่ประชาชนไม่เลือก เพราะเขาเห็นว่ากระจอก ไม่มีโปสเตอร์หาเสียงอันใหญ่ๆ ไม่มีเงินไปแจก
ด้านนายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ โฆษกพันธมิตรฯ กล่าวว่า พันธมิตรฯ ผ่านการต่อสู้มา 6 ปี ได้ต่อสู้มาหมดทุกประเด็นแล้ว จนรู้ว่า นักการเมืองภายใต้ระบบที่เป็นอยู่คือปัญหาของชาติ เป็นเผด็จการ เพราะมีการสืบทอดอำนาจทางสายเลือด ทำผิดกฎหมายแล้วไม่ต้องรับผิด ลูกโกงข้อสองในมหาวิทยาลัยก็ยังจบปริญญาตรีได้ นักการเมืองพูดภาษาอังกฤษไม่ได้ ก็จบปริญญาเอกได้ คนหนีภาษีไม่ต้องมีความผิด สื่อไหนเสียงดังต้องหาทางปิด แสดงว่าไม่ใช่ประชาธิปไตย แต่เป็นเผด็จการที่จ้องแต่โกงกินช่วง 10 ปีที่ผ่านมา มีการโกงไม่ต่ำกว่า 1.2 ล้านล้านบาท นักการเมืองที่อยู่ในอำนาจ 4 ปี สามารถโกงได้ 4-7 แสนล้านบาท ซึ่งมีประชาชนที่ยังอยู่ตรงกลางจำนวนมากกว่าเสื้อเหลืองและเสื้อแดงและถ้าให้ประชาชนได้รู้ความจริงมากกว่านี้ เราจะชุมนุมใหญ่ ต้องกวาดล้างเผด็จการทุกรูปแบบ ไม่ใช่แค่หยุดยั้งปัญหารายประเด็น ต้องมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่เท่านั้นถึงจะปฏิรูปประเทศได้สำเร็จ
ด้านนายณรงค์ โชควัฒนา อดีตสว. กล่าวว่า ประเทศไทยขณะนี้เหมือนเรือผุๆ ทั้งลำ เกินกว่าจะซ่อมแซม เหมือนสุนัขที่ตายแล้วร่างกายกำลังเน่าเฟะ เราจึงไม่ควรคิดแก้ปัญหาเป็นประเด็นๆ ไป เพราะมันมากเกินกว่าจะแก้ได้ สิ่งที่จะปฏิรูปประเทศไทยคือปฏิรูปคนไทย เปลี่ยนแปลงความคิดความเชื่อของคนไทย วันนี้คนไทยคิดและเชื่อว่าเผด็จการเลือกตั้งคือประชาธิปไตย จนบางคนเกลียดประชาธิปไตย เพราะถ้าโกงกินอย่างนี้มีเผด็จการดีกว่า สูงสุด ถ้าคนไทยคิดแค่นี้ก็จะเลือกโจรไปบริหารประเทศ เพราะโจรสามารถเอาเงินไปให้ได้มากกว่าถ้าเรากวาดล้างคนชั่วออกไปแล้ว แต่ประชาชนยังนิยมเลือกคนชั่ว คนชั่วกลุ่มใหม่ก็เข้ามา เพราะคนชั่วมันมีมาก นักการเมืองที่ดีก็พอมี แต่ประชาชนไม่เลือก เพราะเขาเห็นว่ากระจอก ไม่มีโปสเตอร์หาเสียงอันใหญ่ๆ ไม่มีเงินไปแจก
ด้านนายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ โฆษกพันธมิตรฯ กล่าวว่า พันธมิตรฯ ผ่านการต่อสู้มา 6 ปี ได้ต่อสู้มาหมดทุกประเด็นแล้ว จนรู้ว่า นักการเมืองภายใต้ระบบที่เป็นอยู่คือปัญหาของชาติ เป็นเผด็จการ เพราะมีการสืบทอดอำนาจทางสายเลือด ทำผิดกฎหมายแล้วไม่ต้องรับผิด ลูกโกงข้อสองในมหาวิทยาลัยก็ยังจบปริญญาตรีได้ นักการเมืองพูดภาษาอังกฤษไม่ได้ ก็จบปริญญาเอกได้ คนหนีภาษีไม่ต้องมีความผิด สื่อไหนเสียงดังต้องหาทางปิด แสดงว่าไม่ใช่ประชาธิปไตย แต่เป็นเผด็จการที่จ้องแต่โกงกินช่วง 10 ปีที่ผ่านมา มีการโกงไม่ต่ำกว่า 1.2 ล้านล้านบาท นักการเมืองที่อยู่ในอำนาจ 4 ปี สามารถโกงได้ 4-7 แสนล้านบาท ซึ่งมีประชาชนที่ยังอยู่ตรงกลางจำนวนมากกว่าเสื้อเหลืองและเสื้อแดงและถ้าให้ประชาชนได้รู้ความจริงมากกว่านี้ เราจะชุมนุมใหญ่ ต้องกวาดล้างเผด็จการทุกรูปแบบ ไม่ใช่แค่หยุดยั้งปัญหารายประเด็น ต้องมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่เท่านั้นถึงจะปฏิรูปประเทศได้สำเร็จ
ผู้สื่อข่าวรายงานเวลา 14.30. ได้มีชายสองคนขับมอเตอร์ไซค์เข้ามาทุบรถของสถานีโทรทัศน์ดาวเทียม วออซ์ทีวี ที่จอดอยู่ภายในสวนลุมฯผู้ชุมนุมพันธมิตรฯจึงได้ช่วยกันเข้าจับตัวและส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจ ส.น.ลุมพินี เพื่อให้สอบสวนทันทีเพราะดูจากท่าทีแล้วตองการเข้ามาสร้างสถานการณ์ความวุ่นวาย ผู้ชุมนุมฯจึงได้ลงบันทึกแจงความไว้ด้วยเพื่อปกป้องการกล่าวหาว่าพันธมิตรฯทุบรถข่าวของสถานีดังกล่าว
ชาว บ้านรุมจับมือทุบรถวอยซ์ทีวีคาหนังคาเขา พร้อมประเคนแม่ไม้มวยไทยเป็นการสั่งสอน เจ้าตัวอ้างทำเพื่อความสะใจ เผยวนรถหาอาวุธอยู่หลายรอบ พอเจอแท่งเหล็กก็เอาทุบรถทันที
ความคืบหน้าคนร้ายทุบรถสถานีโทรทัศน์ดาวเทียมวอยซ์ ทีวี นั้น พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ รองผบช.น.พร้อมด้วย พ.ต.อ.ชนินทร์ วชิรปาณีกุล ผกก.สน.ลุมพินี พ.ต.ท.ศาสตร์ศักดิ์ ชัยประเสริฐ สว.สส. และเจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวนสน.ลุมพินี ร่วมกันแถลงการจับกุม นาย กวีไกร โชคพัฒนเกษมสุข อายุ 33 ปี อาศัยอยู่บ้านเลขที่ 79 ซ.เพชรเกษม 65/1 แขวงและเขตบางแค กทม. ผู้ต้องหาที่ก่อเหตุทุบรถวอยซ์ทีวี บริเวณหน้าลานน้ำพลุ ใกล้อาคารสโมสรพลเมืองอาวุโสแห่งประเทศไทย ภายในสวนลุมพินี แขวงลุมพินี เขตปทุมวัน พร้อมด้วยของกลาง รถ จยย. ยี่ห้อยามาฮ่า สีดำ-แดง หมายเลขทะเบียนรถ สงว 383 กทม. ด้ามเหล็กค้ำฝากระโปรงรถยนต์ 1 ด้าม และกล้องโอลิมปัส รุ่น อี410
พล.ต.ต.วิชัย กล่าวว่า สืบเนื่องจากเมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 10 มี.ค. กลุ่มผู้ชุมนุมพันธมิตรหรือเสื้อเหลืองจำนวนกว่า 500 คน ได้เดินทางมาที่ตึกสโมสรพลเมืองอาวุโสแห่งประเทศไทย สวนลุมพินี เพื่อแสดงพลัง ความคิดเห็นในเรื่อง การปฏิรูปประเทศไทย ต่อมาเมื่อเวลา 13.30 น. วันเดียวกันได้มีคนร้ายได้ขับขี่ จยย.แล้วทำการทุบตีรถสื่อมวลชนจนได้รับความเสียหาย แต่ทางการ์ดพันธมิตรได้สกัดการหลบหนีของคนร้ายไว้ได้ และถูกกลุ่มผู้ชุมนุมใกล้เคียงเข้ามารุมกันทุบตีคนร้าย ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวนที่อยู่บริเวณใกล้เคียงเข้ามาควบคุม สถานการณ์แล้วจึงควบคุมตัวคนร้ายไปที่สน.ลุมพินี
จากการสอบสวนนาย กวีไกร ผู้ต้องหา กล่าวว่า ได้เดินทางมาร่วมชุมนุมด้วย แต่พอตนเห็นรถวอยซ์ทีวี ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นออลติส สีบรอนด์เงิน หมายเลขทะเบียน ญฉ 4081 กทม. จอดอยู่หน้าลานน้ำพลุดังกล่าว ตนรู้สึกไม่พอใจเนื่องจากทราบว่า สถานีโทรทัศน์วอยซ์ทีวี เป็นของบุคคลที่มีความเชื่อมโยงกับกลุ่ม นปช. หรือคนเสื้อแดง จึงรู้สึกโกรธแค้น ตนจึงคว้ารถ จยย.ของตนขับรถวนบริเวณภายในสวนลุมพินีอยู่หลายรอบเพื่อหาสิ่งของที่สามารถ ทำร้ายรถสื่อมวลชนดังกล่าวได้ จนมาพบด้ามเหล็กค้ำฝากระโปรงรถยนต์ จึงนำมาใช้ในการก่อเหตุดังกล่าว ทั้งนี้ตนก็ยอมรับสารภาพว่าทำไปด้วยความสะใจ แต่ไม่ได้รู้สึกโกรธแค้นนักข่าวเป็นการส่วนตัว เพราะบางทีนักข่าวก็ไม่ได้เป็นพวกเสื้อแดงด้วย การกระทำดังกล่าวตนก็รู้ด้วยว่าเป็นสิ่งที่ไม่ดี แต่ถ้ารอดไปได้ก็ถือว่าดี นอกจากนี้ ผู้ต้องหายังเคยก่อเหตุกระชากผมหญิงสาวเสื้อแดงและลากไปกับพื้นในวันสลายการ ชุมนุมที่สามเหลี่ยมดินแดง เมื่อวันที่ 13 เม.ย. 52 ด้วย เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้ตั้งข้อหาทำให้เสียทรัพย์ มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี และปรับไม่เกิน 6,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ พร้อมทั้งนำตัวไปค้นบ้านที่พักปัจุบันที่ย่านซอยอินามระ 47 และนำตัวส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีต่อไป
พล.ต.ต.วิชัย กล่าวว่า สืบเนื่องจากเมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 10 มี.ค. กลุ่มผู้ชุมนุมพันธมิตรหรือเสื้อเหลืองจำนวนกว่า 500 คน ได้เดินทางมาที่ตึกสโมสรพลเมืองอาวุโสแห่งประเทศไทย สวนลุมพินี เพื่อแสดงพลัง ความคิดเห็นในเรื่อง การปฏิรูปประเทศไทย ต่อมาเมื่อเวลา 13.30 น. วันเดียวกันได้มีคนร้ายได้ขับขี่ จยย.แล้วทำการทุบตีรถสื่อมวลชนจนได้รับความเสียหาย แต่ทางการ์ดพันธมิตรได้สกัดการหลบหนีของคนร้ายไว้ได้ และถูกกลุ่มผู้ชุมนุมใกล้เคียงเข้ามารุมกันทุบตีคนร้าย ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวนที่อยู่บริเวณใกล้เคียงเข้ามาควบคุม สถานการณ์แล้วจึงควบคุมตัวคนร้ายไปที่สน.ลุมพินี
จากการสอบสวนนาย กวีไกร ผู้ต้องหา กล่าวว่า ได้เดินทางมาร่วมชุมนุมด้วย แต่พอตนเห็นรถวอยซ์ทีวี ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นออลติส สีบรอนด์เงิน หมายเลขทะเบียน ญฉ 4081 กทม. จอดอยู่หน้าลานน้ำพลุดังกล่าว ตนรู้สึกไม่พอใจเนื่องจากทราบว่า สถานีโทรทัศน์วอยซ์ทีวี เป็นของบุคคลที่มีความเชื่อมโยงกับกลุ่ม นปช. หรือคนเสื้อแดง จึงรู้สึกโกรธแค้น ตนจึงคว้ารถ จยย.ของตนขับรถวนบริเวณภายในสวนลุมพินีอยู่หลายรอบเพื่อหาสิ่งของที่สามารถ ทำร้ายรถสื่อมวลชนดังกล่าวได้ จนมาพบด้ามเหล็กค้ำฝากระโปรงรถยนต์ จึงนำมาใช้ในการก่อเหตุดังกล่าว ทั้งนี้ตนก็ยอมรับสารภาพว่าทำไปด้วยความสะใจ แต่ไม่ได้รู้สึกโกรธแค้นนักข่าวเป็นการส่วนตัว เพราะบางทีนักข่าวก็ไม่ได้เป็นพวกเสื้อแดงด้วย การกระทำดังกล่าวตนก็รู้ด้วยว่าเป็นสิ่งที่ไม่ดี แต่ถ้ารอดไปได้ก็ถือว่าดี นอกจากนี้ ผู้ต้องหายังเคยก่อเหตุกระชากผมหญิงสาวเสื้อแดงและลากไปกับพื้นในวันสลายการ ชุมนุมที่สามเหลี่ยมดินแดง เมื่อวันที่ 13 เม.ย. 52 ด้วย เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้ตั้งข้อหาทำให้เสียทรัพย์ มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี และปรับไม่เกิน 6,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ พร้อมทั้งนำตัวไปค้นบ้านที่พักปัจุบันที่ย่านซอยอินามระ 47 และนำตัวส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีต่อไป
แหล่งที่มาข้อมูล www.dailynews.co.th
0 - ซ่อมคอมพิวเตอร์นอกสถานที่ บางกะปิ 083-792-5426:
แสดงความคิดเห็น
หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น