วันอาทิตย์ที่ 4 มีนาคม พ.ศ. 2555

'บุรีรัมย์'เลี้ยงขอบคุณสื่อ 'บิ๊กเน'ชูโปรเจกต์ยักษ์-ลั่นเลิกยุ่งการเมือง

Pic_242869

บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด เลี้ยงใหญ่ขอบคุณสื่อพร้อมเปิดตัว "ทัดเทพ พิทักษ์พูลสิน" ผจก.ทีมคนใหม่อย่างเป็นทางการ ด้าน "เนวิน" เผย 4 โครงการสำคัญ เตรียมนัด 18 สโมสรไทยลีกหารือปัญหาก่อนเปิดฤดูกาลในวันที่ 12 มี.ค.นี้ ขณะเดียวกันย้ำชัดเลิกเล่น "การเมือง" เด็ดขาดแล้ว...

เมื่อ วันที่ 3 มี.ค.ที่ห้องแกรนด์บอลรูม โรงแรมพูลแมน คิงเพาเวอร์ สโมสร "ปราสาทสายฟ้า" บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด นำโดย "บิ๊กเน" เนวิน ชิดชอบ ประธานสโมสรบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด, ทัดเทพ พิทักษ์พูลสิน ผจก.ทีม บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด คนใหม่ และสต๊าฟฟ์ทีมงานของสโมสรได้จัดงานเลี้ยงขอบคุณสื่อมวลชนกีฬาไทยทุก แขนง "ขอบคุณที่เรามีเรา" ที่ช่วยกันเสนอข่าวสารความเคลื่อนไหวของทีม บุรีรัมย์ฯ ในช่วงฤดูกาลที่ผ่านมา จากทีมที่ชื่อบุรีรัมย์ พีอีเอ จนเปลี่ยนมาเป็นบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ในขณะนี้ โดยมีบรรดาสื่อกีฬาหลายสำนัก เข้าร่วมงานกันอย่างคับคั่ง

ภายในงานเลี้ยงขอบคุณ สื่อมวลชนครั้งนี้ เริ่มต้นด้วยการเปิดตัวนายทัดเทพ พิทักษ์พูลสิน ผจก.ทีมคนใหม่อย่างเป็นทางการเพื่อให้พี่น้องสื่อมวลชนได้รู้จัก ก่อนที่ฤดูกาลใหม่ของฟุตบอลไทยจะเริ่มขึ้น ซึ่งทางด้านนายทัดเทพ ได้กล่าวถึงการมารับตำแหน่งในครั้งนี้ว่า "สำหรับตนนั้นจะเข้ามาทำหน้าที่ ผจก.ทีมบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด  ในฤดูกาลนี้ โดยเป้าหมายคือการที่จะสร้างทีมบุรีรัมย์ เพื่อให้ก้าวไปสู่ระดับแนวหน้าของทีมชั้นนำในเอเชียให้ได้ ซึ่งตนต้องขอฝากเนื้อฝากตัวกับพี่ๆ น้องๆ สื่อมวลชนทุกท่านด้วย"

เนวิน ชิดชอบ ประธานสโมสรบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ทักทายสื่อมวลชลกีฬาอย่างเป็นกันเอง
เนวิน ชิดชอบ ประธานสโมสรบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ทักทายสื่อมวลชลกีฬาอย่างเป็นกันเอง

ด้าน "บิ๊กเน"เนวิน ชิดชอบ นายใหญ่บุรีรัมย์ฯ ได้กล่าวถึงการปรับโครงสร้างของทีมในฤดูกาลนี้ว่า "การที่ตนดึงนายทัดเทพ มานั้นไม่ใช่เพราะมีปัญหากับนายกนกศักดิ์ ปิ่นแสง ผจก.ทีมคนเก่าอย่างที่ทุกคนสงสัย เพียงแต่ว่าเราต้องการปรับโครงสร้างของสโมสรให้สอดคล้องกับโครงสร้างของเอเอ ฟซี ซึ่งนายกนกศักดิ์ จะขยับขึ้นไปเป็นซีอีโอของบริษัทบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด จำกัด โดยจะทำหน้าที่ดูแลภาพรวมทั้งหมดในส่วนของงานบริหารของสโมสร ในขณะที่นายทัดเทพ นั้นเป็นคนที่มีความรู้และความสามารถในเรื่องของการทำทีม โดยเมื่อปีที่แล้วได้ไปฝึกงานอยู่กับเลสเตอร์ ในอังกฤษเป็นเวลา 1 ปีเต็ม โดยร่วมงานกับนายอัยยวัฒน์ รักศรีอักษร รองประธานสโมสร เลสเตอร์ ซิตี้ ซึ่งตนเชื่อว่าประสบการณ์ของทัดเทพ จะเข้ามาช่วยเติมเต็มให้ทีมบุรีรัมย์แข็งแกร่งขึ้นแน่นอน"

จาก นั้นเป็นการพูดคุยกับสื่อมวลชนอย่างเปิดอกของนายเนวิน ชิดชอบ ด้วยการจัดงานขอบคุณสื่อในครั้งนี้  รวมถึงนโยบายเป้าหมายของสโมสรบุรีรัมย์ ในฤดูกาล 2012 และเป้าหมายในอนาคตข้างหน้า ซึ่งต้องบอกว่าการเปิดใจครั้งนี้ของนายเนวิน เรียกได้ว่าพูดกันอย่างเปิดอกพูดคุยแลกเปลี่ยนกันเองกับสื่อมวลชนอย่างมาก

ทั้ง นี้ "บิ๊กเน" ย้ำชัดต่อหน้าสื่อกีฬาไทยด้วยว่า ผมได้ลงมาทำทีมฟุตบอลอย่างบ้าคลั่งตลอด 2 ปีที่ผ่านมา และผมต้องการจะเข้ามาพัฒนาวงการฟุตบอลไทยอย่างจริงจัง ซึ่งทุกคนก็ได้เห็นแล้วว่าผมทำฟุตบอลจริงๆไม่ใช่แค่เล่นๆ เพื่อเป็นการฆ่าเวลาระหว่างถูกพักทางการเมือง ส่วนเรื่องการเมืองนั้น เนวิน เผยกล่าวต่อว่า คงเป็นเหมือนเส้นขนานไปแล้วสำหรับตัวผม และผมเองก็ไม่มีวันที่จะกลับไปยุ่งเกี่ยวกับนรกขุมนี้อีกแล้ว เพราะฉะนั้นใครที่จะคุยอะไรกับผม ก็ขอเป็นเรื่องฟุตบอลอย่างเดียว ถ้าจะคุยเรื่องการเมืองอย่ามาคุยกับผมให้ได้ยินเด็ดขาด แล้วจะหาว่าผมไม่เตือน
สื่อมวลชนมากันอย่างคับคั่ง
สื่อมวลชนมากันอย่างคับคั่ง
นาย ใหญ่ปราสาทสายฟ้า กล่าวต่อว่า ถึงวัตถุประสงค์ในการจัดงานเลี้ยงขอบคุณสื่อฯ ครั้งนี้ว่า "ผมคิดว่าการที่เราจะก้าวขึ้นไปเป็นสโมสรฟุตบอลอาชีพได้ อันดับแรกเราจะต้องมีศรัทธาจากแฟนบอลเป็นสิ่งสำคัญ และการที่เราจะสร้างศรัทธาจากแฟนบอลได้ก็ต้องพึ่งพาอาศัยการเสนอข่าวสารจาก สื่อมวลชน ซึ่งนี้จึงเป็นเหตุผลที่ทำไมเราต้องมีการขอบคุณสื่อที่ได้นำเสนอข่าวสารของ ทีมบุรีรัมย์ ด้วยดีมาตลอด ซึ่งเมื่อเราได้ศรัทธาจากสื่อแล้ว เราก็จะได้ศรัทธาจากแฟนบอลด้วย"

พร้อมกันนี้ เนวิน ได้กล่าวถึง 4 เป้าหมายหลักของสโมสรบุรีรัมย์ ที่กำลังจะทำให้ได้ในฤดูกาลใหม่นี้ คือต้องการเห็นฟุตบอลลีกในเมืองไทยแข็งแกร่งทัดเทียมลีกดังของเอเชียให้ได้

"ทุก วันนี้ต้องยอมรับว่าสโมสรในเมืองไทยยังมีความแตกต่างกันอยู่พอสมควร ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของเงินทำทีม ตัวผู้เล่น ผู้สนับสนุนต่างๆ ซึ่งตนต้องการที่จะเห็นทุกๆ สโมสรในไทยทั้งไทยลีก ด.1 และ ด.2 นั้นพัฒนาไปพร้อมๆ กัน และเป็นสโมสรฟุตบอลอาชีพอย่างแท้จริง โดยในวันที่ 12 มี.ค.นี้ ตนได้นัดหมายให้บรรดาเพื่อนร่วมลีกในไทยลีกได้มาพบปะพูดคุยทานข้าวกัน เพื่อหารือถึงปัญหาต่างๆ กฎระเบียบ หรือช่องว่างระหว่างทีมเล็กทีมใหญ่ที่มีอยู่ตอนนี้ว่าใครคิดเห็นอย่างไรบ้าง เพื่อที่จะนำมาหาทางแก้ไขและช่วยกันหาทางออก ก่อนที่ฤดูกาลใหม่จะเริ่มขึ้น ซึ่งตนคิดว่าการพบปะกันเช่นนี้ควรจะทำกันเป็นประจำทุกๆ 2 สัปดาห์หรือทุกๆ เดือน โดยสลับกันเป็นเจ้าภาพจัดงาน โดยบุรีรัมย์ขอเป็นทีมแรกที่จะเป็นเจ้าภาพ โดยการนัดพูดคุยครั้งแรกนี้จะมีขึ้นที่โรงแรมพูลแมนนี้ ในเวลา 19.00 น."

ชี้แจงความพร้อมฤดูกาลหน้า 2012
ชี้แจงความพร้อมฤดูกาลหน้า 2012

ส่วน เป้าหมายที่ 2 คือการรักษาป้องกันแชมป์ทุกๆ รายการของบุรีรัมย์ เอาไว้ให้ได้ ซึ่งเรื่องนี้ "บิ๊กเน" เผยด้วยว่า เมื่อฤดูกาลที่ผ่านมาเราเป็นแชมป์ถึง 5 รายการ คือ ไทยลีก, เอฟเอคัพ, ลีกคัพ และโตโยต้า พรีเมียร์ คัพ รวมไปถึงแชมป์ดิวิชั่น 1 ด้วย ซึ่งทุกๆ รายการที่เราได้ลงทำการแข่งขันในปีนี้เราจะต้องรักษาแชมป์ของเราทุกถ้วยไว้ ให้ได้ แต่การที่ออกมาพูดเช่นนี้ไม่ใช่ว่าเราดูถูกคู่ต่อสู้แต่เป็นการกระตุ้นให้ ทุกๆ สโมสรต้องพัฒนาตัวเองเพื่อที่จะมาแข่งกับบุรีรัมย์ให้ได้ แต่ต้องขอบอกว่ามันไม่ง่ายและเหนื่อยแน่นอนเพราะเราจะต้องเก็บแชมป์ของเรา ทั้งหมดให้ได้
ขณะที่รายการเอเอฟซี แชมเปียนส์ลีก ที่ทางสโมสรบุรีรัมย์ได้สิทธิ์เป็นครั้งแรกนั้น บอสใหญ่บุรีรัมย์ กล่าวว่า "เรายอมรับว่าเป็นรองทุกทีมที่อยู่ร่วมสาย แต่เรามีเป้าหมายที่ชัดเจนของเราในรายการนี้ โดยในรอบแบ่งกลุ่มโดยเฉพาะเกมในบ้าน 3 นัด ตนตั้งเป้าที่จะต้องมีอย่างน้อย 5 แต้ม ส่วนเกมนอกบ้านต้องมีแต้มทุกนัด และเชื่อว่าถ้าเราทำได้ก็มีโอกาสได้ทะลุเข้ารอบ 2 แน่นอน"

"ส่วน เป้าหมายที่ 3 ของเราคือคือการสร้างศรัทธาฟุตบอลไทยให้เกิดขึ้นในสังคมไทย โดยการทำกิจกรรมตอบแทนสังคม ตนเชื่อว่าบุรีรัมย์ จะเป็นทีมแรกที่ได้สร้างกิจกรรมตอบแทนสังคมอย่างจริงจัง โดยกิจกรรมแรกที่เราวางไว้คือโครงการลูกฟุตบอล 10,000 ลูก เพื่อทุกโรงเรียนในประเทศไทย ซึ่งนอกจากจะมีการนำลูกฟุตบอลมาตรฐานไปแจกยังโรงเรียนต่างๆ แล้ว เรายังจะนำนักฟุตบอลที่เป็นฮีโร่ของเด็กๆ เยาวชนไทยไปเปิดคลีนิคฟุตบอลถึงโรงเรียนนั้นๆ ด้วย ซึ่งนอกจากโครงการนี้แล้วเรายังมีโครงการอื่นๆ อีกมากมายที่จะตอบแทนสังคมหลังจากนี้
คุยสบายๆในงานเลี้ยงขอบคุณสื่อ
คุยสบายๆในงานเลี้ยงขอบคุณสื่อ "ขอบคุณ ที่เรามีเรา"
และ เป้าหมายสุดท้ายของสโมสรบุรีรัมย์ฯ "บิ๊กเน" เผยว่า ผมคิดว่าฟุตบอลระดับเยาวชนเป็นสิ่งสำคัญและเป็นรากฐานของการพัฒนาวงการ ฟุตบอลทั่วโลก สำหรับบุรีรัมย์ เมื่อฤดูกาลที่แล้วเรามีการส่งนักเตะในอะคาเดมี่ไปฝึกฟุตบอลกับเลสเตอร์ ซึ่งก็ประสบความสำเร็จอย่างมาก โดยตอนนี้มีอยู่อย่างน้อย 3 คนที่ทางเลสเตอร์พร้อมจะเซ็นสัญญาเป็นนักฟุตบอลอาชีพ โดยปีหน้าเราเตรียมที่จะส่งนักเตะอายุไม่เกิน 14 ปี ไปอีก 4 คนด้วยกัน ซึ่งการส่งเด็กไปฝึกหัดฟุตบอลที่เลสเตอร์นั้น ไม่ใช่การสร้างกระแส หรือ ทำแบบชั่วครั้งชั่วคราวเท่านั้น เราตั้งใจที่จะทำอย่างจริงจัง และผมเชื่อว่าไม่เกิน 5 ปีข้างหน้าเราจะมีทีมฟุตบอลที่แข็งแกร่ง และเป็นดรีมทีมของบุรีรัมย์ ที่ตนเชื่อว่าจะเป็นสุดยอดทีมที่แข็งแกร่งที่สุดในเมืองไทย ซึ่งเรื่องดัง กล่าวนี้ ผมเองก็ขอฝากไปยังบริษัทไทยพรีเมียร์ลีก จำกัด และสมาคมฟุตบอลฯ ควรมีการจัดลีกของเยาวชน ไม่ว่าจะเป็น 21 หรือ 23 ปี ขึ้น เพื่อเป็นเวทีสำหรับการหาช้างเผือกมาประดับวงการ หากไม่เริ่มทำตอนนี้ก็อย่าหวังว่าทีมชาติไทยจะได้ไปฟุตบอลโลก"

0 - ซ่อมคอมพิวเตอร์นอกสถานที่ บางกะปิ 083-792-5426:

แสดงความคิดเห็น

หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น

Blog Archive

Design Downloaded from ซ่อมคอมพิวเตอร์นอกสถานที่ รามคำแหง บางกะปิ | Free Textures | Web Design Resources