มอกควันเหนือยังวิกฤติ! ค่าฝุ่นเกินมาตรฐานสูงลิ่ว

สถานการณ์หมอกควันพื้นที่ภาคเหนือส่วนใหญ่ยังอยู่ในขั้น วิกฤติ ยกเว้นบริเวณพระตำหนักภูพิงค์ฯ สภาพอากาศดี วัดค่าเฉลี่ยคุณภาพอากาศได้ 24.0 ไมโครกรัม ขณะ อ.แม่สาย ยังน่าห่วงปริมาณค่าเฉลี่ยยังสูง 356.5 ไมโครกรัม
เมื่อวันที่ 4 มี.ค. มีรายงานสถานการณ์หมอกควันในพื้นที่ภาคเหนือของประเทศไทยตรวจวัดเมื่อวันที่ 3 มี.ค. 2555 แสดงค่าเฉลี่ย 24 ชั่วโมง ของ PM10 โดย จ.เชียงราย บริเวณจุดตรวจวัดปริมาณฝุ่นละอองในอากาศ จุดสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม อ.เมืองอยู่ที่ 258.6 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร มีผลกระทบต่อสุขภาพ ส่วนจุดสำนักงานสาธารณสุขแม่สาย อ.แม่สายอยู่ที่ 356.5 ไมโครกรัมต่อ ลูกบาศก์เมตร ซึ่งมีผลกระทบต่อสุขภาพมาก
ที่ จ.เชียงใหม่ บริเวณจุดตรวจวัดอากาศศาลากลาง อ.เมือง อยู่ที่ 151.9 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ส่วนจุดโรงเรียนยุพราชวิทยาลัย อ.เมืองอยู่ที่ 129 .0 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร และจุดพระตำหนัก  ภูพิงคราชนิเวศน์ อยู่ที่ 24.0 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ถือว่าคุณภาพอากาศดี
สำหรับ จ.ลำพูน จุดตรวจวัด สนามกีฬา อบจ. อ.เมือง อยู่ที่ 127.6 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ซึ่งมีผลกระทบต่อสุขภาพ จุดตรวจวัดบริเวณศาลหลักเมืองอยู่ที่ 210.6 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร จุดโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพ ต.ท่าสี อ.แม่เมาะ จ.ลำปางอยู่ที่ 247.2 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร และุดสำนักงานการประปาส่วนภูมิภาคแม่เมาะ อ.แม่เมาะ 123.9 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร มีผลกระทบต่อสุขภาพ

ด้าน จ.แม่ฮ่องสอน จุดตรวจวัดสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม อ.เมือง ค่าอยู่ที่ 236.4 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร มีผลกระทบต่อสุขภาพ ขณะที่ จ.น่าน จุดตรวจวัดสำนักงานเทศบาลเมืองน่าน อ.เมือง อยู่ที่  149.8 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร มีผลกระทบต่อสุขภาพ

ส่วน จ.แพร่ จุดตรวจสวัดที่ อุตุนิยมวิทยาแพร่ อ.เมือง อยู่ที่ 200.1 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร มีผลกระทบต่อสุขภาพ และที่ จ.พะเยา อุทยานการเรียนรู้กว๊านพะเยา อ.เมือ อยู่ที่ 196.8 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร มีผลกระทบต่อสุขภาพ จะเห็นว่าที่แห่งเดียวในภาคเหนือ มีพระตำหนักภูพิงค์ฯ ที่มีอากาศดีที่สุด
มี รายงานเพิ่มเติมถึงสถานการณ์หมอกควันโดยเฉพาะที่ จ.เชียงใหม่ ซึ่งมีลักษณะเป็นแอ่งกระทะนั้น ในขณะที่สภาพความกดอากาศ อุณหภูมิและความชื้นในอากาศก่อให้เกิดหมอกในตอนเช้านั้น เมื่อหยดน้ำรวมตัวกันกับฝุ่นละอองและสารมลพิษในอากาศ ก็จะเกิดลักษณะของ Smog(Smok+fog) ทำให้เกิดสภาพฟ้าหลัว มลพิษจึงถูกกดไว้ไม่สามารถลอยขึ้นสู่ชั้นบรรยากาศได้ และได้ส่งผลกระทบต่อสุขภาพประชาชน
รศ.ดร.นพ.พงษ์เทพ วิวรรธนะเดช ภาควิชาเวชศาสตร์ชุมชน คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ (มช.)​ เปิดเผยว่า จากผลการศึกษาทั่วโลกพบว่าหากฝุ่นละอองขนาดเล็กสูงกว่าค่ามาตรฐาน คือต้องไม่เกิน 120 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร แต่หากสูงกว่าส่งผลการตายด้วยระบบทางเดินหายใจเพิ่มขึ้น 7-20 เปอร์เซ็นต์ การป่วยด้วยโรคระบบทางเดินหายใจเพิ่ม 5.5 เปอร์เซ็นต์ การตายและป่วยด้วยโรคหัวใจเพิ่ม 2-5 เปอร์เซ็นต์ การตายและป่วยด้วยโรคหัวใจหลอดเลือดเพิ่ม 5.3 เปอร์เซ็นต์ ผู้สูงอายุป่วยด้วยระบบทางเดินหายใจเพิ่ม 17 เปอร์เซ็นต์ ผู้สูงอายุป่วยด้วยโรคหัวใจและหลอดเลือดเพิ่ม 7.6 เปอร์เซ็นต์ และยังทำให้สภาพปอดในเด็กแย่ลง

ล่า สุด จากการรวบรวมข้อมูลของทางโรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ โดยหน่วยระบบหายใจเวชบำบัดวิกฤติและภูมิแพ้ ภาคอายุรเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ พบว่ามีผู้ป่วยโรคหืดเพิ่มขึ้นกว่า 2 เท่า ผู้ป่วยโรคถุงลมโป่งพองเพิ่มขึ้น 3 เท่า และเพิ่มมากกว่าปีที่แล้วถึง 4 เท่า นอกจากนั้น ยังพบว่าผู้ป่วยทั่วไปที่มารับการตรวจจากอาการแสบตา แสบจมูก หายใจไม่สะดวก ไอ จาม มึนศีรษะ จำนวนมากในแต่ละวัน ซึ่งได้มีการเร่งเตือนประชาชน ถึงเรื่องการหลีกเลี่ยงมลพิษในครั้งนี้แล้ว เช่นหลีกเลี่ยงการทำกิจกรรมนอกอาคาร งดการออกกำลังกายทุกชนิดในที่โล่งแจ้ง หลีกเลี่ยงการได้รับมลพิษในสิ่งแวดล้อมและอากาศสกปรก และควรสร้างม่านน้ำจากหลังคาจะช่วยลดฝนละอองในอากาศได้เป็นต้น.

This entry was posted in News