“ทุกครั้งก่อนที่ผมจะก่อเหตุ จะมีการวางแผนก่อนว่าจะไปจุดไหน และจะเลือกเหยื่อที่เป็นผู้หญิงเท่านั้น เพราะก่อเหตุได้ง่ายกว่า แต่ที่ต้องใช้ปืนยิงจนเสียชีวิตและบาดเจ็บนั้น ผมไม่ได้ตั้งใจ”ไอ้ปุ้ยสารภาพ
“ไอ้ปุ้ย” สารภาพอีกว่า อาวุธปืนที่ได้มานั้น ขอเงินแม่ไปซื้อต่อจากเพื่อนในราคา 35,000 บาท มาไว้ก่อเหตุ และเงินที่ได้มาจากการจี้ชิงทรัพย์ ก็เอาไปใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน ไม่ได้นำไปซื้อเสพยาเสพติด เพราะไม่ได้เสพยาแล้ว แต่ก็ยอมรับว่าก่อนหน้านี้เคยติดคุกในคดียาเสพติดมาถึง 2 ปี ในท้องที่ สน.แสมดำ เมื่อพ้นโทษออกมาก็ตระเวนก่อหตุชิงทรัพย์มาทั้งหมด 5 ครั้ง จนกระทั่งมาจนมุมตำรวจในครั้งนี้
แม้ในครั้งนั้นตามข่าวระบุว่าคนร้ายจะได้เงินได้ไม่กี่พันบาท แต่ภายหลังทราบว่าวีรกรรม-วีรเวรของ “ไอ้ปุ้ย” กับเพื่อนในครั้งนั้น ได้เงินไปกว่า 2 แสนบาท สอดรับกับการนำตัว “ไอ้ปุ้ย” มาแถลงข่าวที่กองบัญชาการตำรวจนครบาลเมื่อเย็นวันที่ 4 ก.ค.ที่ผ่านมา โดย พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน รอง ผบช.น.ระบุว่า ผู้ต้องหาได้ก่อเหตุชิงทรัพย์เหยื่อที่เป็นผู้หญิงจำนวนหลายราย และยังใช้อาวุธปืนทำร้ายเหยื่อเสียชีวิต บางรายก็บาดเจ็บสาหัส โดยเมื่อวันที่ 1 เม.ย.ที่ผ่านมา ผู้ต้องหาได้ก่อเหตุใช้อาวุธปืนจี้ชิงทรัพย์ นางผ่องใส คุ้มปรีดี อายุ 71 ปี ภายในหมู่บ้านมหาดไทย ย่านตลิ่งชัน ขณะที่ผู้เสียหายกำลังขับรถเข้าบ้าน ผู้เสียหายพยายามต่อสู้ ทำให้ผู้ต้องหาใช้อาวุธปืนยิงใส่ไป 3 นัด กระสุนถูกที่หน้าท้องและขา ผู้ต้องหาจึงได้ทรัพย์สินไปมูลค่ากว่า 2 แสนบาท นอกจากนี้ ผู้ต้องหายังเคยก่อเหตุชิงทรัพย์ในหลายท้องที่ โดยเมื่อวันที่ 15 พ.ค.ที่ผ่านมา ในท้องที่ สน.หลักสอง ผู้ต้องหาได้ใช้อาวุธปืนยิงผู้เสียหายถึง 5 นัด จนเสียชีวิตคาที่ ก่อนจะชิงเอาทรัพย์สินหลบหนีไป ถือว่าเป็นการกระทำโหดเหี้ยมอย่างมาก
พ.ต.อ.พีรพล อัจกลับ ผกก.สส.บก.น.7 เล่าให้ฟังว่า หลังจาก “ไอ้ปุ้ย” ก่อเหตุใช้อาวุธปืนยิงนางผ่องใส ที่มีอายุถึง 71 ปีแล้ว ทางพ.ต.ต.อำนวย สว่างแก้ว สว.สส.บก. น.7 ได้เฝ้าติดตามคดีและแกะรอยคนร้ายรายนี้มาอย่างใกล้ชิด นำข้อมูลที่มีอยู่ ประกอบกับการสืบสวนที่คืบหน้าขึ้นทุกระยะ จนมีข้อมูลที่สามารถนำไปให้พนักงานสอบสวนออกหมายจับผู้ต้องหาได้
“ทางสารวัตรอำนวยตามแกะรอยข้อมูลการใช้โทรศัพท์ของผู้เสียหาย ที่ผู้ต้องหานำไปให้หลานใช้ เราก็ตามไปจับกุมมาดำเนินคดีในข้อหารับของโจร จากนั้นก็ขยายผล จนมีพยานยืนยันว่า “ไอ้ปุ้ย” เป็นผู้เอาโทรศัพท์เครื่องที่เราตามแกะรอยไปให้หลานคนดังกล่าวใช้จริง เราก็เริ่มมั่นใจขึ้น จึงนำเอาแฟ้มประวัติเดิมที่มีรูปผู้ต้องหาอยู่ นำไปให้คุณยายผ่องใสดู ปรากฏว่า คุณยายสามารถชี้รูปได้อย่างแม่นยำ และยืนยันว่าสามารถจำหน้าคนร้ายได้อย่างชัดเจน เพราะในวันที่เกิดเหตุ คนร้ายไม่ได้ใส่หมวกกันน็อก เราจึงไปออกหมายจับ และตามจับกุมได้ในซอยวัดหัวกระบือ ข้างร้านอาหารลุงแหวง” พ.ต.อ.พีรพลบอกถึงการตามแกะรอยกว่าจะได้ตัวคนร้ายรายนี้
เบื้องต้นตำรวจแจ้งข้อหาพยายามฆ่าผู้อื่น, ชิงทรัพย์โดยใช้อาวุธปืนเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายสาหัสและโดยใช้ยาน พาหนะ เพื่กระทำผิดหรือพาทรัพย์นั้นไปหรือเพื่อให้พ้นการจับกุม, มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และพาอาวุธปืนไปในเมืองหมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาตให้มีอาวุธปืนติดตัว หรือโดยไม่มีเหตุอันควร ก่อนจะควบคุมตัวส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีต่อไป รวมทั้งจะส่งตัวให้พนักงานสอบสวนสน.หลักสอง ดำเนินคดี ในข้อหาฆ่าชิงทรัพย์เหยื่อด้วย
จะเห็นได้ว่าพฤติกรรมของ “ไอ้ปุ้ย” ที่เริ่มก่อเหตุตั้งแต่ 1 เม.ย.เป็นต้นมา กระทั่งในช่วงเดือนพ.ค. อันเป็นช่วงที่มีการประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน และเคอร์ฟิว แต่ “ไอ้ปุ้ย” ก็ไม่ยี่หระ ก่อเหตุอย่างอุกอาจต่อเนื่องเรื่อยมา
คดีนี้แม้ตำรวจจะต้องใช้เวลา ตามแกะรอยคนร้ายเป็นเวลาหลายเดือน แต่ก็คุ้มค่า ที่สามารถตามจับกุมนายเอกรัฐ หรือ “ไอ้ปุ้ย” ได้ในที่สุด ที่สำคัญ ได้ช่วยพยุงสังคมให้ผู้บริสุทธิ์ โดยเฉพาะสตรีและคนชรา สามารถดำเนินชีวิตตามปกติประจำวันได้อย่างปลอดภัยทั้งในชีวิตและทรัพย์สิน ถือเป็นอีกตัวอย่างหนึ่ง ที่ตำรวจไม่ละความพยายาม แม้เวลาจะบีบบังคับและขยายออกไปเรื่อยๆ แต่สุดท้ายก็สามารถลากคอวายร้าย ที่ถือเป็น “สวะสังคม” รายนี้ ให้เข้าไปชดใช้กรรมในเรือนจำได้ในที่สุด
0 - ซ่อมคอมพิวเตอร์นอกสถานที่ บางกะปิ 083-792-5426:
แสดงความคิดเห็น
หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น