เมื่อเวลา 08.00 น. วันนี้ (8 ก.ย.) ที่สถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย
รายการ”รัฐบาลยิ่งลักษณ์พบประชาชน” นายรอยล จิตรดอน
ประธานคณะอนุกรรมการติดตาม วิเคราะห์สถานการณ์น้ำ และจัดสรรน้ำ
ในคณะกรรมการบริหารจัดการน้ำและอุทกภัย หรือ กบอ.และนายเลิศวิโรจน์ โกวัฒนะ
อธิบดีกรมชลประทาน
ร่วมกันชี้แจงกรณีทดสอบการระบายน้ำของกทม.ฝั่งตะวันตกและฝั่งตะวันออกในช่วง
ที่ผ่านมาระหว่าง 5-7 กันยายน
โดยนายเลิศวิโรจน์กล่าวว่าถึงการจัดสรรน้ำมาเข้าสู่ระบบทดสอบซึ่งเป็นน้ำใน
ระบบปกติของเขื่อนภูมิพลและเขื่อนสิริกิติ์
ต้องระบายออกมาทุกวันตามความจำเป็นเพื่อรักษาระบบอยู่แล้วไม่มีการผันน้ำมา
เพิ่มแต่อย่างใดซึ่งเป้าหมายได้นำน้ำมาที่ระบบระบายน้ำของ
กทม.ฝั่งตะวันตกเริ่มหน้าประตูระบายน้ำคลองทวีวัฒนา ที่ความสูงบวก 0.90
เมตรจากระดับน้ำทะเลปานกลางหรือรทก.ซึ่งการปล่อยน้ำเข้าระบบทำด้วยความระมัด
ระวังและครอบรอบที่สุดเพื่อป้องกันไม่เกิดเหตุฉุกเฉินน้ำล้นตลิ่งมาสร้าง
ความเดือดร้อนให้กับประชาชน
ซึ่งฝั่งตะวันออกก็เช่นกันได้นำน้ำมาเตรียมไว้ล่วงหน้าหนึ่งก่อนทดสอบจริง
วันที่ 7 ก.ย.ซึ่งขณะนั้นได้เกิดฝนตกหนัก
ทางกรมชลประทานได้สั่งเปิดเครื่องสูบน้ำส่วนเกินออกทันทีเพราะเราต้องการ
เลี้ยงระดับน้ำไว้ทดสอบอยู่ที่อัตราการไหล 7 ลบม.ต่อวินาที
โดยให้น้ำที่อยู่ระดับหน้าประตูคลองสองสายใต้ระดับ 1.20
เมตรรทก.แต่เมื่อปริมาณฝนตกลงมากมาก ได้เร่งสูบน้ำออกทางคลองรังสิต
ประตูจุฬาลงกรณ์
และสถานีสูบน้ำคลองหกวาสายล่างด้วยพร้อมกับติดตั้งเครื่องวัดอัตราการไหลของ
น้ำหรือริเวอร์แคท ทำให้เรารับรู้อัตราการไหลที่แท้จริงตลอดเวลา
ส่งผลให้ควบคุมการยกบานประตูในระดับที่เหมาะสมพร้อมกับการเร่งเครื่องผลัก
ดันน้ำ
เท่ากับเป็นการทดสอบของจริงไปในตัวซึ่งทำให้ประชาชนคลายกังวลเพราะระดับน้ำ
ลดลงเร็วมาก
ปัญหาคลีคลายไปได้ในฝั่งตะวันออกเพราะมีระบบสูบน้ำเตรียมป้องกันไว้อีกชั้น
นายเลิศวิโรจน์กล่าวว่าการปล่อยน้ำเข้าพื้นที่ชลประทานฝั่งตะวันออกเป็น การปล่อยเข้าระบบส่วนน้ำท่วมนาข้าวชาวนาเสียหายที่ อ.บางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา ไม่เกี่ยวข้องการทดสอบครั้งนี้ ร่วมทั้งโครงการชลประทานที่ อ.นครหลวง ไมได้ส่งน้ำเข้าพื้นที่นี้เลย ส่วนสถานการณ์น้ำของประเทศในตอนนี้ที่มีฝนตกชุกเกิดจากร่องมรสุมลงมาภาค เหนือตอนล่าง และมีอธิพลถึงภาคกลางตอนล่าง หลายคนอาจกังวลกลัวน้ำท่วมอีก ขอยืนยันว่าปีนี้น้ำไม่ท่วมหนักแน่นอน เพราะวัดจากระดับน้ำในแม่น้ำหลักขณะนี้ล่าสุดระดับน้ำในแม่น้ำ ปิง วัง ยมน่า รวมถึงแม่น้ำเจ้าพระยา ยังอยู่ในระดับปกติ รวมทั้งเรามีมาตรการโดยเงื่อนไขป้องกันอุทกภัยมากขึ้น ทำให้มีการระบายน้ำลงไปมาก จากปีที่แล้วน้ำในเขื่อนระดับร้อยละ 80 แต่นอนนี้เขื่อนภูมิพลระดับ 50 เขื่อนสิริกิต์ ดีขึ้นมาในระดับ 59 แต่อาจจะยังน้อยไปสำหรับกรณีหน้าแล้งหลังเดือนตุลาคมเป็นต้นไป จะเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย. มีน้ำต้นทุนในเขื่อนเท่าไหร่ นำน้ำมาจัดสรร ใช้กิจกรรมทุกด้านเท่าไหร่ ซึ่งพื้นทีเกษตร ที่ห่วงว่าปลูกได้น้อยกว่าปกติ เพราะปกติในฤดูแล้งจะปลูกข้าวนาปรังได้ 7 ล้านไร่ คาดว่าได้ 5-6 ล้านไร่ จากปริมาณน้ำในเขื่อนที่คาดว่าจะได้นับจากสิ้นหน้าฝนปลายเดือนตุลาคมตั้ง เป้าไว้ที่ได้ปริมาณน้ำ 1 หมื่นล้านลบม.หากตอนนี้นับจากนี้อีก 50-60วันมีฝนไหลเข้าวันละ 100 ล้านลบม.
ด้านนายรอยล กล่าวว่าช่วงเวลาในการทดสอบมีมาตรการทั้งระวังและป้องกัน จึงได้เริ่มปล่อยน้ำคลองมหาสวัสดิ์ 60 เซนติเมตรข้างในประตู 70 เซนติเมตร เพราะเราเจอปัญหาปีที่แล้วส่งน้ำมาติดคอขวดถนนเพชรเกษม น้ำไม่หลไปลงคลองสนามไชยเข้าแก้มลิง ที่สามารถรับน้ำได้ถึง 600 ล้านลบทม.แต่น้ำไปเพียง 100 ล้านลบม.เท่านั้นทำให้เกิดน้ำท่วมขังนานนับเดือน ซึ่งเมื่อทดลองแล้วใช้จริงหลังจากขุดลอกคลอง เพิ่มเครื่องผลักดันน้ำเข้าไปให้อัตราการไหลดีขึ้นมากถึง 20 เปอร์เซ็นต์ ถือได้ว่าเป็นครั้งแรกที่ทดลองจริงสำหรับเครื่องผลักดันน้ำ ที่ กทม.เพิ่งซื้อมาเป็นปีแรก เอาเครื่องตรวจวัดละเอียดด้วยโทรมาตรเรดาร์ติดไว้ตามสะพาน รวมทั้งเครื่องมือที่น่าสนใจ ของกรมชลฯและ กรมอุทกศาสตร์คือ เครื่องวัดกระแสน้ำไหล ก่อนใช้เครื่องผลักดันน้ำและหลังใช้ ซึ่งเพิ่มเข้าไปอีก โดยการเพิ่มแรงดันใช้เครื่องเข้าไป จะเห็นผลชัดเจนที่ใช้จริงกับคลองลาดพร้าว เพราะมีปริมาณฝนตกมากที่สุดถึง 150 มม. สรุปว่าปริมาณน้ำขนาดนี้ไม่มีเครื่องผลักดันน้ำน้าท่วมแน่ๆที่ซอยเสนานิคม ลาดพร้าว ขณะนี้ทางกทม.กังวลอยู่ให้ติดตั้งเครื่องผลักดันน้ำอยู่ในคลองลาดพร้าวทั้ง ของกองทัพเรือ กทม.เพราะ ปี 54 ซอยลาดพร้าว 50 ระดับน้ำตรงนี้สองเมตรกว่า น้ำไหลไม่ถึงสูบไม่ลงอุโมงค์ คลองก็แคบการขุดลอกไม่มีเลย เมื่อวันที่ 6 กันยายน ระดับน้ำ 1 เมตร น้ำไหลสะดวกกว่าเดิมเยอะ และลงไปอุโมงค์ตลอด พิสูจน์ว่าใช้ได้จริง เครื่องผลักดันน้ำใช้ได้จริง จากที่ทำงานร่วมกัน กรมชลฯ กทม.ถึงวันนี้เรามีข้อมูลดีขึ้น วันนี้ภาพมันชัดเวลาน้ำมาทางเหนือ ทางแม่น้ำ ปิง วัง ยม น่าน ถึงจ.นครสวรรค์ สามารถรู้ได้ก่อน 45 วัน และจะใช้คลองเหล่านี้ระบายได้ก่อนจะไม่ทำให้พื้นที่ใกล้เคียงท่วมแน่นอน
นายรอยล กล่าวยืนยันว่าการตัดสินใจระบายน้ำในเขื่อนออกจำนวนมากเป็นเรื่องถูกต้อง คาดว่าปริมาณน้ำในเขื่อนใหญ่ ณ วันที่ 1 พ.ย.มั่นใจว่าจะมีปริมาณน้ำใช้การได้ 1 หมื่นล้านลบม. เพราะก่อนหน้านี้เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์มีปริมาณน้ำร้อยละ 14-15 ตอนนี้มีปริมาณน้ำร้อยละ 30 กว่า ทำให้เห็นว่า กบอ.เราตัดสินใจค่อนข้างถูก หากไม่ปล่อยระบายน้ำบริเวณพื้นที่เจ้าพระยา และพร่องน้ำมาทดสอบระบบกทม. ที่ผ่านมาฝนตก ที่พระนครศรีอยุธยา 100 กว่ามิลิเมตร ถ้าไม่พร่องน้ำลงมาอาจหนักหนาสาหัส และคาดว่าหน้าแล้งน้ำที่มีเราจะใช้อย่างพอเหมาะพอควรและเพียงพอปลูก ข้าวนาปรังได้ 7 ล้านไร่แน่นอน.
นายเลิศวิโรจน์กล่าวว่าการปล่อยน้ำเข้าพื้นที่ชลประทานฝั่งตะวันออกเป็น การปล่อยเข้าระบบส่วนน้ำท่วมนาข้าวชาวนาเสียหายที่ อ.บางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา ไม่เกี่ยวข้องการทดสอบครั้งนี้ ร่วมทั้งโครงการชลประทานที่ อ.นครหลวง ไมได้ส่งน้ำเข้าพื้นที่นี้เลย ส่วนสถานการณ์น้ำของประเทศในตอนนี้ที่มีฝนตกชุกเกิดจากร่องมรสุมลงมาภาค เหนือตอนล่าง และมีอธิพลถึงภาคกลางตอนล่าง หลายคนอาจกังวลกลัวน้ำท่วมอีก ขอยืนยันว่าปีนี้น้ำไม่ท่วมหนักแน่นอน เพราะวัดจากระดับน้ำในแม่น้ำหลักขณะนี้ล่าสุดระดับน้ำในแม่น้ำ ปิง วัง ยมน่า รวมถึงแม่น้ำเจ้าพระยา ยังอยู่ในระดับปกติ รวมทั้งเรามีมาตรการโดยเงื่อนไขป้องกันอุทกภัยมากขึ้น ทำให้มีการระบายน้ำลงไปมาก จากปีที่แล้วน้ำในเขื่อนระดับร้อยละ 80 แต่นอนนี้เขื่อนภูมิพลระดับ 50 เขื่อนสิริกิต์ ดีขึ้นมาในระดับ 59 แต่อาจจะยังน้อยไปสำหรับกรณีหน้าแล้งหลังเดือนตุลาคมเป็นต้นไป จะเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย. มีน้ำต้นทุนในเขื่อนเท่าไหร่ นำน้ำมาจัดสรร ใช้กิจกรรมทุกด้านเท่าไหร่ ซึ่งพื้นทีเกษตร ที่ห่วงว่าปลูกได้น้อยกว่าปกติ เพราะปกติในฤดูแล้งจะปลูกข้าวนาปรังได้ 7 ล้านไร่ คาดว่าได้ 5-6 ล้านไร่ จากปริมาณน้ำในเขื่อนที่คาดว่าจะได้นับจากสิ้นหน้าฝนปลายเดือนตุลาคมตั้ง เป้าไว้ที่ได้ปริมาณน้ำ 1 หมื่นล้านลบม.หากตอนนี้นับจากนี้อีก 50-60วันมีฝนไหลเข้าวันละ 100 ล้านลบม.
ด้านนายรอยล กล่าวว่าช่วงเวลาในการทดสอบมีมาตรการทั้งระวังและป้องกัน จึงได้เริ่มปล่อยน้ำคลองมหาสวัสดิ์ 60 เซนติเมตรข้างในประตู 70 เซนติเมตร เพราะเราเจอปัญหาปีที่แล้วส่งน้ำมาติดคอขวดถนนเพชรเกษม น้ำไม่หลไปลงคลองสนามไชยเข้าแก้มลิง ที่สามารถรับน้ำได้ถึง 600 ล้านลบทม.แต่น้ำไปเพียง 100 ล้านลบม.เท่านั้นทำให้เกิดน้ำท่วมขังนานนับเดือน ซึ่งเมื่อทดลองแล้วใช้จริงหลังจากขุดลอกคลอง เพิ่มเครื่องผลักดันน้ำเข้าไปให้อัตราการไหลดีขึ้นมากถึง 20 เปอร์เซ็นต์ ถือได้ว่าเป็นครั้งแรกที่ทดลองจริงสำหรับเครื่องผลักดันน้ำ ที่ กทม.เพิ่งซื้อมาเป็นปีแรก เอาเครื่องตรวจวัดละเอียดด้วยโทรมาตรเรดาร์ติดไว้ตามสะพาน รวมทั้งเครื่องมือที่น่าสนใจ ของกรมชลฯและ กรมอุทกศาสตร์คือ เครื่องวัดกระแสน้ำไหล ก่อนใช้เครื่องผลักดันน้ำและหลังใช้ ซึ่งเพิ่มเข้าไปอีก โดยการเพิ่มแรงดันใช้เครื่องเข้าไป จะเห็นผลชัดเจนที่ใช้จริงกับคลองลาดพร้าว เพราะมีปริมาณฝนตกมากที่สุดถึง 150 มม. สรุปว่าปริมาณน้ำขนาดนี้ไม่มีเครื่องผลักดันน้ำน้าท่วมแน่ๆที่ซอยเสนานิคม ลาดพร้าว ขณะนี้ทางกทม.กังวลอยู่ให้ติดตั้งเครื่องผลักดันน้ำอยู่ในคลองลาดพร้าวทั้ง ของกองทัพเรือ กทม.เพราะ ปี 54 ซอยลาดพร้าว 50 ระดับน้ำตรงนี้สองเมตรกว่า น้ำไหลไม่ถึงสูบไม่ลงอุโมงค์ คลองก็แคบการขุดลอกไม่มีเลย เมื่อวันที่ 6 กันยายน ระดับน้ำ 1 เมตร น้ำไหลสะดวกกว่าเดิมเยอะ และลงไปอุโมงค์ตลอด พิสูจน์ว่าใช้ได้จริง เครื่องผลักดันน้ำใช้ได้จริง จากที่ทำงานร่วมกัน กรมชลฯ กทม.ถึงวันนี้เรามีข้อมูลดีขึ้น วันนี้ภาพมันชัดเวลาน้ำมาทางเหนือ ทางแม่น้ำ ปิง วัง ยม น่าน ถึงจ.นครสวรรค์ สามารถรู้ได้ก่อน 45 วัน และจะใช้คลองเหล่านี้ระบายได้ก่อนจะไม่ทำให้พื้นที่ใกล้เคียงท่วมแน่นอน
นายรอยล กล่าวยืนยันว่าการตัดสินใจระบายน้ำในเขื่อนออกจำนวนมากเป็นเรื่องถูกต้อง คาดว่าปริมาณน้ำในเขื่อนใหญ่ ณ วันที่ 1 พ.ย.มั่นใจว่าจะมีปริมาณน้ำใช้การได้ 1 หมื่นล้านลบม. เพราะก่อนหน้านี้เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์มีปริมาณน้ำร้อยละ 14-15 ตอนนี้มีปริมาณน้ำร้อยละ 30 กว่า ทำให้เห็นว่า กบอ.เราตัดสินใจค่อนข้างถูก หากไม่ปล่อยระบายน้ำบริเวณพื้นที่เจ้าพระยา และพร่องน้ำมาทดสอบระบบกทม. ที่ผ่านมาฝนตก ที่พระนครศรีอยุธยา 100 กว่ามิลิเมตร ถ้าไม่พร่องน้ำลงมาอาจหนักหนาสาหัส และคาดว่าหน้าแล้งน้ำที่มีเราจะใช้อย่างพอเหมาะพอควรและเพียงพอปลูก ข้าวนาปรังได้ 7 ล้านไร่แน่นอน.
0 - ซ่อมคอมพิวเตอร์นอกสถานที่ บางกะปิ 083-792-5426:
แสดงความคิดเห็น
หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น