กพต. สั่ง 12 กระทรวงทำแผนแก้ไขปัญหาภาคใต้

มติ กพต. สั่ง 12 กระทรวงจัดทำแผนปฏิบัติรองรับยุทธศาสตร์แก้ไขปัญหาภาคใต้

วันนี้ (11 เม.ย.) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายพระนาย สุวรรณรัฐ ปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการยุทธศาสตร์ด้านการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้  (กพต.) โดยมี พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง เลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) และตัวแทนจากจ.สงขลา สตูล ปัตตานี นราธิวาส ยะลา รวมทั้งตัวแทนจากกระทรวงต่างๆ ที่เกี่ยวข้องร่วมประชุม โดยพ.ต.อ.ทวี แถลงภายหลังการประชุมว่า ที่ประชุม กพต. มติให้ทั้ง 12 กระทรวง 66 หน่วยงานจัดทำแผนปฏิบัติการเพื่อรองรับยุทธศาสตร์ย่อยในการพัฒนาจังหวัดชายแดนใต้ 9 ข้อตามที่ศอ.บต.เสนอ โดยเบื้องต้นมีมาตรการเกี่ยวกับการสร้างความเข้าใจ ซึ่งเราพยายามเปิดพื้นที่ให้ประชาชนมีช่องทางสื่อสารกับรัฐมากขึ้น นอกจากนี้กพต.ยังเห็นชอบหลักเกณฑ์การเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบย้อนหลังตั้งแต่ 1 ม.ค. 2547 ถึงปัจจุบัน แบ่งเป็น 4 กลุ่มคือ 1.ประชาชนที่ได้รับผลกระทบ 2.เจ้าหน้าที่รัฐที่ได้รับผลกระทบ 3.กลุ่มผู้ที่ถูกกระทำโดยผู้ก่อเหตุรุนแรงและเจ้าหน้าที่รัฐ 4.กลุ่มที่ถูกควบคุมจับกุมโดยไม่ใช้ผู้กระทำผิด ทั้งนี้พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รมว.ยุติธรรม ในฐานะประธานคณะกรรมการเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบสืบเนื่องจากความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ได้วางกรอบวงเงินช่วยเหลือไว้ 2,000 ล้านบาท ซึ่งจะรวมกับการเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์คาร์บอมบ์ที่อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา และจ.ยะลา ด้วย

ด้านนายณัฐพงศ์ ศิริชนะ รองผจว.สงขลา กล่าวว่า ขณะนี้ได้จ่ายเงินชดเชยให้กับผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์คาร์บอมบ์ในอ.หาดใหญ่ ครบแล้วจำนวน 3 ราย และผู้ที่ได้รับบาดเจ็บหากเข้ารับการรักษาเกิน 20 วันจะได้รับเงินเยียวยาจำนวน 50,000 บาท  เบื้องต้นประเมินมูลค่าความเสียหายของทรัพย์สินประมาณ 250-300 ล้านบาท ด้านการฟื้นฟูเศรษฐกิจจังหวัดได้จัดงานหาดใหญ่มิดไนท์สงกรานต์และจัดการแข่งขันวอลเลย์บอลชายหาดนานาชาติ  เพื่อช่วยกระตุ้นการท่องเที่ยว รวมทั้งจัดโครงการ5ลด 5 วัน ลดค่าโรงแรม ค่าตั๋วเครื่องบิน ค่าบริการ ค่าร้านอาหารและสินค้าต่างๆ ระหว่างวันที่ 16 เม.ย.-20 เม.ย.นี้ คาดว่าจะช่วยกระตุ่นเศรษฐกิจในพื้นที่ได้ ส่วนเรื่องความคืบหน้าของคดีนั้นขอให้เป็นหน้าที่ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และตำรวจภูธรภาค 9  นอกจากนี้สำหรับการดูแลความปลอดภัยในช่วงเทศกาลสงกรานต์นั้นได้ตั้งจุดตรวจร่วมตลอด 24 ชม. และเพิ่มกำลังเจ้าหน้าอาสาสมัครรักษาดินแดน (อส.) โดยได้รับความร่วมมือจากประชาชนและนักท่องเที่ยวเป็นอย่างดี อีกทั้งได้อนุมัติสร้างโรงเรียนและสถาบันขึ้นมาดูแลผู้ที่ได้รับผลกระทบ ซึ่งเป็นมาตรการหนึ่งในการช่วยเหลือเยียวยา

แหล่งที่มาข้อมูล www.dailynews.co.th

This entry was posted in News