เมื่อเวลา 12.50 น. วันนี้ (13 ธ.ค.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
อดีตนายกรัฐมนตรี และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตรองนายกรัฐมนตรี
ได้เดินทางไปรับทราบข้อกล่าวหาที่ดีเอสไอ
ในคดีร่วมกันก่อให้ผู้อื่นฆ่าคนตายโดยเจตนาเล็งเห็นผลในกรณีการเสียชีวิตของ
นายพัน คำกอง โดยนายอภิสิทธิ์ กล่าวกับประชาชนว่า ตนและนายสุเทพ
ยืนยันถึงการปฏิบัติหน้าที่ในปี 52-53 ว่าทำด้วยความถูกต้องตามกฎหมาย
ซึ่งที่ผ่านมามีผู้ติดอาวุธก่อความไม่สงบในบ้านเมือง
โดยศาลชี้แล้วว่าเป็นการชุมนุมที่ผิดกฎหมาย
และตนกับนายสุเทพมีหน้าที่ดูแลรักษาบ้านเมืองคืนความสงบเรียบร้อยให้กับ
ประเทศ
ทั้งนี้ในการปฏิบัติหน้าที่ก็ได้กำชับให้ผู้ปฏิบัติหลีกเลี่ยงเหตุการณ์ที่
สุ่มเสี่ยงต่อการเกิดความสูญเสีย
ซึ่งผู้ที่ติดตามการเมืองอย่างใกล้ชิดจะทราบเหตุการณ์ทั้งหมดดี
ซึ่งตนและนายสุเทพยืนยันต่อสู้ตามกฎหมายไม่คิดต่อสู้ด้วยวิธีอื่นหรือหลบหนี
เรื่องนี้ไม่เกินความคาดหมาย เพราะผู้มีอำนาจตั้งธงเอาไว้แล้ว
ตั้งแต่รองนายกฯ ส.ส.และแกนนำเสื้อแดง เพื่อเล่นงานตนและนายสุเทพ
แต่ขอให้ดำเนินการกับพวกตนตามกฎหมาย
ไม่เช่นนั้นตนต้องรักษาสิทธิตามกฎหมายเช่นเดียวกัน
“ผมไม่ขี้ขลาดหนีไปอยู่เมืองนอก ไม่ขี้โกง อาจมีบ้างที่ขี้เหนียว แต่ไม่ขี้ขลาดและขี้โกง จะไม่ยอมให้มีการนำเรื่องนี้มาต่อรองผลประโยชน์ใด ๆ ทางการเมือง โทษนี้ไม่หนักหนาสูงสุดแค่ประหารชีวิต หากศาลตัดสินว่าผิด พวกผมยินดีให้เอาไปประหารชีวิต เพราะต้องการรักษากฎหมายไทย หากถูกประหารชีวิต ผมขอให้คนที่ต้องติดคุกกลับมาติดคุกด้วย บ้านเมืองจะได้เดินไปข้างหน้าได้” นายอภิสิทธิ์ กล่าว
นายอภิสิทธิ์กล่าวด้วยว่า ตนทราบว่าดีเอสไอจะแจ้งข้อกล่าวหาตนเพิ่มอีก 1 คดี เกี่ยวกับเงินบริจาคน้ำท่วมผ่านพรรคประชาธิปัตย์ แต่ยังไม่ทราบรายละเอียด โดยตนได้โทรไปถามกับดีเอสไอแล้วว่ามีกี่ข้อกล่าวหาให้แจ้งมาพร้อมกันเลย ซึ่งตนเคยขอให้ส่งเอกสารมาก่อนแต่ดีเอสไออ้างว่าต้องส่งถึงมือ แต่ทุกคนไม่ต้องหวั่นไหว เพราะตนขอให้นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีเอสไอ อย่าหนีไปไหน เพราะตนจะไปชี้แจงทุกคดี รวมถึงมีความมั่นใจว่าความถูกต้องย่อมชนะในที่สุด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในระหว่างที่นายอภิสิทธิ์ กล่าวกับผู้สนับสนุนนั้นมีเสียงปรบมือให้กำลังใจเป็นระยะ และมีผู้ตะโกนว่า “ไม่ยอม” ในช่วงที่นายอภิสิทธิ์ ระบุว่าจะยอมรับแม้ว่าจะถูกตัดสินประหารชีวิตด้วย ทั้งนี้นายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรค ได้เดินทางไปพร้อมกับนายอภิสิทธิ์ และนายสุเทพด้วย
ต่อมาเวลา 13.30 น. วันเดียวกัน นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ พร้อมด้วยนานสุเทพ เทือกสุบรรณ ได้เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวนคดีการเสียชีวิตของเจ้าหน้าที่รัฐและประชาชน จำนวน 91 ศพ จากเหตุรุนแรงทางการเมืองปี 53 ตามหมายเรียกเข้ารับทราบข้อหาร่วมกันก่อให้ผู้อื่นฆ่าคนตายโดยเจตนาเล็งเห็น ผล ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 59 83 84 และ 288 สืบเนื่องจากศาลอาญาได้มีคำวินิจฉัยให้การเสียชีวิตของนายพัน คำกอง เป็นผลมาจากการปฏิบัติหน้าที่ของทหาร โดยมีอธิบดีดีเอสไอลงมาต้อนรับพร้อมยกมือไหว้ก่อนพานายอภิสิทธิ์และสุเทพ ขึ้นไปยังห้องสอบสวนบริเวณห้องประชุม 1 ชั้น 2 โดยนายอภิสิทธิ์และนายสุเทพ มีสีหน้ายิ้มแย้มและยังไม่ให้สัมภาษณ์ใด ๆ ต่อสื่อมวลชน
ขณะที่บรรยากาศบริเวณด้านนอกอาคารดีเอสไอ กลุ่มผู้ชุมนุมแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ(นปช.) นำโดยนางพะเยาว์ อัคฮาด มารดา น.ส.กมนเกด อัคฮาด ที่เสียชีวิตที่วัดปทุมวนารามเมื่อวันที่ 19 พ.ค.53 เดินทางมาปักหลักชุมนุม บริเวณพื้นที่ด้านซ้ายของตัวอาคาร ที่ตำรวจได้จัดเตรียมไว้สำหรับผู้ชุมนุมกลุ่มนปช. พร้อมขึ้นปราศรัยบนเวทีชัวคราวบนรถติดเครื่องขยายเสียง ขณะที่ผู้ชุมนุมสนับสนุนที่มาพร้อมดอกกุหลาบแดงจำนวนกว่า 10 คน ได้แยกปักหลักอยู่ที่ด้านขวาของอาคาร เพื่อป้องกันการเผชิญหน้า โดยมีตำรวจจากกองบัญชาการตำรวจนครบาลและตำรวจควบคุมฝูงชนจำนวนกว่า 700 นาย สับเปลี่ยนกันเข้าประจำการดูแลความเรียบร้อย ทั้งนี้ก่อนหน้าที่นายอภิสิทธิ์และนายสุเทพจะเดินทางมาถึงตำรวจได้นำกำลังมา ตึงบริเวณด้านอาคารที่เป็นทางเข้าอย่างเข้มงวด ส่วนทีมกฎหมายพรรคประชาธิปัตย์และทนาความส่วนตัวของบุคคลทั้ง 2 นำโดยนายถาวร เสนเนียม ได้เดินทางมารอล่วงหน้า
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทันทีที่นายอภิสิทธิ์และนายสุเทพเดินทางมาถึง หน่วยรักษาความปลอดภัยของดีเอสไอ ได้เข้าคุ้มกันอย่างแน่นหนา ขณะที่กลุ่มผู้ชุมนุมนปช.ได้เปิดสัญญาณเสียงกริ่ง พร้อมเปิดเพลงพญาโศกและธรณีกรรแสงที่ใช้สำหรับเปิดในงานศพเสียงดังสนั่น ประกอบกับการโห่ร้อง สำหรับมาตรการเตรียมการรักษาความปลอดภัยนายอภิสิทธิ์และนายสุเทพในช่วงเดิน ทางกลับได้มีการจัดเตรียมพื้นที่ประตูด้านหลังอาคารดีเอสไอเชื่อมต่อกับ อาคารศูนย์ราชการ อาคาร เอ เป็นเส้นทางกลับ โดยมีการนำรถของบุคคลทั้ง 2 มาจอดรอรับผู้สื่อขาวรายงานว่าล่าสุด นายศิริโชค โสภา ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งติดตามมาด้วยได้มีการโพสต์ภาพขณะที่นายอภิสิทธิ์และนายสุเทพอยู่ในห้อง สอบสวนขึ้นเฟชบุ๊คส่วนตัวด้วย.
“ผมไม่ขี้ขลาดหนีไปอยู่เมืองนอก ไม่ขี้โกง อาจมีบ้างที่ขี้เหนียว แต่ไม่ขี้ขลาดและขี้โกง จะไม่ยอมให้มีการนำเรื่องนี้มาต่อรองผลประโยชน์ใด ๆ ทางการเมือง โทษนี้ไม่หนักหนาสูงสุดแค่ประหารชีวิต หากศาลตัดสินว่าผิด พวกผมยินดีให้เอาไปประหารชีวิต เพราะต้องการรักษากฎหมายไทย หากถูกประหารชีวิต ผมขอให้คนที่ต้องติดคุกกลับมาติดคุกด้วย บ้านเมืองจะได้เดินไปข้างหน้าได้” นายอภิสิทธิ์ กล่าว
นายอภิสิทธิ์กล่าวด้วยว่า ตนทราบว่าดีเอสไอจะแจ้งข้อกล่าวหาตนเพิ่มอีก 1 คดี เกี่ยวกับเงินบริจาคน้ำท่วมผ่านพรรคประชาธิปัตย์ แต่ยังไม่ทราบรายละเอียด โดยตนได้โทรไปถามกับดีเอสไอแล้วว่ามีกี่ข้อกล่าวหาให้แจ้งมาพร้อมกันเลย ซึ่งตนเคยขอให้ส่งเอกสารมาก่อนแต่ดีเอสไออ้างว่าต้องส่งถึงมือ แต่ทุกคนไม่ต้องหวั่นไหว เพราะตนขอให้นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีเอสไอ อย่าหนีไปไหน เพราะตนจะไปชี้แจงทุกคดี รวมถึงมีความมั่นใจว่าความถูกต้องย่อมชนะในที่สุด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในระหว่างที่นายอภิสิทธิ์ กล่าวกับผู้สนับสนุนนั้นมีเสียงปรบมือให้กำลังใจเป็นระยะ และมีผู้ตะโกนว่า “ไม่ยอม” ในช่วงที่นายอภิสิทธิ์ ระบุว่าจะยอมรับแม้ว่าจะถูกตัดสินประหารชีวิตด้วย ทั้งนี้นายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรค ได้เดินทางไปพร้อมกับนายอภิสิทธิ์ และนายสุเทพด้วย
ต่อมาเวลา 13.30 น. วันเดียวกัน นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ พร้อมด้วยนานสุเทพ เทือกสุบรรณ ได้เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวนคดีการเสียชีวิตของเจ้าหน้าที่รัฐและประชาชน จำนวน 91 ศพ จากเหตุรุนแรงทางการเมืองปี 53 ตามหมายเรียกเข้ารับทราบข้อหาร่วมกันก่อให้ผู้อื่นฆ่าคนตายโดยเจตนาเล็งเห็น ผล ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 59 83 84 และ 288 สืบเนื่องจากศาลอาญาได้มีคำวินิจฉัยให้การเสียชีวิตของนายพัน คำกอง เป็นผลมาจากการปฏิบัติหน้าที่ของทหาร โดยมีอธิบดีดีเอสไอลงมาต้อนรับพร้อมยกมือไหว้ก่อนพานายอภิสิทธิ์และสุเทพ ขึ้นไปยังห้องสอบสวนบริเวณห้องประชุม 1 ชั้น 2 โดยนายอภิสิทธิ์และนายสุเทพ มีสีหน้ายิ้มแย้มและยังไม่ให้สัมภาษณ์ใด ๆ ต่อสื่อมวลชน
ขณะที่บรรยากาศบริเวณด้านนอกอาคารดีเอสไอ กลุ่มผู้ชุมนุมแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ(นปช.) นำโดยนางพะเยาว์ อัคฮาด มารดา น.ส.กมนเกด อัคฮาด ที่เสียชีวิตที่วัดปทุมวนารามเมื่อวันที่ 19 พ.ค.53 เดินทางมาปักหลักชุมนุม บริเวณพื้นที่ด้านซ้ายของตัวอาคาร ที่ตำรวจได้จัดเตรียมไว้สำหรับผู้ชุมนุมกลุ่มนปช. พร้อมขึ้นปราศรัยบนเวทีชัวคราวบนรถติดเครื่องขยายเสียง ขณะที่ผู้ชุมนุมสนับสนุนที่มาพร้อมดอกกุหลาบแดงจำนวนกว่า 10 คน ได้แยกปักหลักอยู่ที่ด้านขวาของอาคาร เพื่อป้องกันการเผชิญหน้า โดยมีตำรวจจากกองบัญชาการตำรวจนครบาลและตำรวจควบคุมฝูงชนจำนวนกว่า 700 นาย สับเปลี่ยนกันเข้าประจำการดูแลความเรียบร้อย ทั้งนี้ก่อนหน้าที่นายอภิสิทธิ์และนายสุเทพจะเดินทางมาถึงตำรวจได้นำกำลังมา ตึงบริเวณด้านอาคารที่เป็นทางเข้าอย่างเข้มงวด ส่วนทีมกฎหมายพรรคประชาธิปัตย์และทนาความส่วนตัวของบุคคลทั้ง 2 นำโดยนายถาวร เสนเนียม ได้เดินทางมารอล่วงหน้า
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทันทีที่นายอภิสิทธิ์และนายสุเทพเดินทางมาถึง หน่วยรักษาความปลอดภัยของดีเอสไอ ได้เข้าคุ้มกันอย่างแน่นหนา ขณะที่กลุ่มผู้ชุมนุมนปช.ได้เปิดสัญญาณเสียงกริ่ง พร้อมเปิดเพลงพญาโศกและธรณีกรรแสงที่ใช้สำหรับเปิดในงานศพเสียงดังสนั่น ประกอบกับการโห่ร้อง สำหรับมาตรการเตรียมการรักษาความปลอดภัยนายอภิสิทธิ์และนายสุเทพในช่วงเดิน ทางกลับได้มีการจัดเตรียมพื้นที่ประตูด้านหลังอาคารดีเอสไอเชื่อมต่อกับ อาคารศูนย์ราชการ อาคาร เอ เป็นเส้นทางกลับ โดยมีการนำรถของบุคคลทั้ง 2 มาจอดรอรับผู้สื่อขาวรายงานว่าล่าสุด นายศิริโชค โสภา ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งติดตามมาด้วยได้มีการโพสต์ภาพขณะที่นายอภิสิทธิ์และนายสุเทพอยู่ในห้อง สอบสวนขึ้นเฟชบุ๊คส่วนตัวด้วย.
0 - ซ่อมคอมพิวเตอร์นอกสถานที่ บางกะปิ 083-792-5426:
แสดงความคิดเห็น
หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น