วันพฤหัสบดีที่ 13 ธันวาคม พ.ศ. 2555

“ถวิล” ลั่น ไม่มีใครควรติดคุกกรณีสลายการชุมนุมปี53


วันนี้ ( 13 ธ.ค.) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายถวิล เปลี่ยนศรี ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ในฐานะอดีตเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ และกรรมการศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) แถลงถึงกรณีที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) แจ้งข้อกล่าวหา นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ อดีตนายกฯ และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ส.ส.สุราษฎร์ธานี อดีตรองนายกฯและผอ.ศอฉ. ในข้อหาร่วมกันก่อให้ผู้อื่นฆ่าคนตายโดยเจตนาเล็งเห็นผล ว่า ตนไม่สบายใจที่มีการตั้งข้อกล่าวหาทั้งสอง ซึ่งเกี่ยวข้องกับการทำงานในศอฉ. ซึ่งตนมีส่วนร่วมอยู่ด้วยจึงออกมาพูดในฐานะเจ้าหน้าที่รัฐที่เคยเป็นคณะ กรรมการ เช่นเดียวกับ นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีเอสไอ ซึ่งในที่นี้จะไม่พูดบริบททางการเมือง ว่าการตั้งข้อกล่าวหาดังกล่าวเป็นการกลั่นแกล้ง เพื่อเอาใจ แนวร่วมประชาธิไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) หรือนำไปสู่การปรองดองนิรโทษกรรม หรือไม่
นายถวิล กล่าวต่อว่า เมื่อตนเป็นเจ้าหน้าที่ใน ศอฉ. ตนก็ไม่สบายใจ ว่าเจ้าหน้าที่ทำงานมีอำนาจตามกฎหมายต้องมาความรับผิดชอบ ฉะนั้นถ้าดำเนินการใดๆเกี่ยวข้องกับ ศอฉ. เพื่อนำไปสู่การรับผิดชอบทางกฎหมาย ตนคิดว่าไม่มีกรรมการ ศอฉ.คนใดที่จะปฏิเสธแม้แต่ นายธาริตก็ตาม รวมถึงตนเองด้วยเช่นกัน ทั้งนี้ตนได้ปรึกษากับทางครอบครัวแล้วว่า หากจะต้องไปติดคุกกรณีอย่างนี้ตนก็พร้อมและทุกคนไม่ต้องเสียใจ ถ้าให้คนสั่งการรับผิดชอบอย่างเดียวตนมองว่าไม่ยุติธรรม  ทั้งนี้ถ้าสาธารณชนได้ข้อมูลไม่ครบถ้วนหรือได้บางส่วนจะนำไปสู่การตัดสินใจ ที่เบี่ยงเบนออกไป และอาจสร้างบรรทัดฐานหรือรูปแบบผิดเพี้ยนจากความเป็นจริง และจะก่อให้เกิดอันตรายต่อชาติบ้านเมืองสืบเนื่องไปชั่วลูกชั่วหลาน ทั้งนี้เมื่อพูดถึงเหตุการณ์ ในปี 53 ต้องตั้งหลักในตรงกัน หากการชุมนุมใช้สิทธิที่เต็มไปด้วยความรุนแรงละเมิดกฎหมาย รัฐบาลไม่ว่าในขณะใดก็ไม่ควรส่งสัญญาณทั้งทางตรงและทางอ้อมที่ผิด ว่าการชุมนุมควรได้รับการปกป้อง และไม่ควรส่งสัญญาณที่บั่นทอนขวัญกำลังใจ ต้องพิจารณาดูว่ารัฐได้ทำอย่างนั้นหรือไม่ ถ้าทำอย่างนั้นก็จบ กรณีนี้โดยหลักแล้วไม่ควรมีใครต้องติดคุก เพราะเข้าไปรับระงับเหตุที่จะมีอันตรายต่อชาติบ้านเมือง ขอให้ตั้งหลักว่าเรื่องอะไรเป็นเรื่องหลัก อะไรเป็นเรื่องรอง ตนเห็นว่าขณะนี้เอาเรื่องรองมาเป็นหลัก ทำให้เกิดความเข้าใจไขว่เขว
นายถวิล ยังกล่าวต่อไปอีกว่า ต้องขอบคุณที่ดีเอสไอไม่ตั้งข้อกล่าวว่าเจตนาโดยประสงค์ต่อผล นายธาริตในฐานะกรรมการ ศอฉ. ตระหนักดีว่าทุกคนใน ศอฉ.ไม่มีผู้ใดประสงค์ต่อผลที่จะให้เกิดการบาดเจ็บล้มตาย ขอบคุณที่ตั้งข้อหาตรงไม่บิดเบือน ทั้งนี้ ศอฉ.เล็งเห็นผลว่าสถานการณ์ในปี 53 อาจนำไปสู่การเสียชีวิตหรือเหตุรุนแรงจึงต้องพยายามป้องกันเหตุ และศาลแพ่ง ก็ได้มีความเห็นในขณะนั้นว่าการชุมนุมไม่ชอบด้วยกฎหมาย และเป็นหน้าที่ของรัฐที่จะควบคุมการชุมนุม โดยยืนยันได้ว่า ศอฉ. ไม่เคยมีคำสั่งสลายการชุมนุม แต่ให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายทหาร ตั้งด่านสกัดบริเวณโดยรอบที่ชุมนุม เป็นด่านอยู่กับที่ห้ามเคลื่อนที่เข้าไปพื้นที่ชุมนุม เพื่อตัดสิ่งอำนวยความสะดวกให้การชุมนุมฝ่อลง และเลิกไปเอง แม้จะรอบคอบก็มีเหตุทำให้มีผู้เสียชีวิต แต่การตายไม่ได้เกิดจากเจ้าหน้าที่ลุแก่อำนาจ บุกลุยเข้าที่ชุมนุม แต่เป็นผู้ชุมนุมเข้ามาก่อกวนและขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่
นายถวิลกล่าวต่อว่า การเล็งเห็นผลของ ศอฉ. นั้นขอยกตัวอย่างกรณีที่ตำรวจวิสามัญฆาตกรรม ตำรวจถูกตั้งข้อหาฆ่าคนตายโดยเจตนาแต่ทำไปเพื่อจับผู้ร้าย ช่วยผู้บริสุทธิ์ อันนี้ก็เช่นเดียวกันเพราะการชุมนุมเต็มไปด้วยความรุนแรง เมื่อตั้งข้อกล่าวหาว่าเจตนาฆ่าคนโดยเล็งเห็นผล ต้องพูดให้จบว่าทำไมถึงเป็นอย่างนั้น เพื่อให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ตนเรียนแล้วว่าเรื่องนี้ไม่ใช่นายอภิสิทธิ์ นายสุเทพ ไม่ควรจะติดคุก แต่มองว่าไม่มีใครควรติดคุก เพราะเจ้าหน้าที่ที่ออกไปทำงานเพื่อความสงบเรียบร้อยแล้วต้องติดคุกใครจะทำ งาน การส่งสัญญาณผิดๆแบบนี้ ถ้าเกิดขึ้นในยุคนี้มันจบก็ไม่ว่าอะไร ตนก็กลับไปอยู่บ้าน แต่หากมีผลต่อไปถึงลูกหลานแล้วจะทำกันอย่างไร ตนมีความมั่นใจในตัว นายธาริต ว่ามีเป็นมืออาชีพในการทำงานในการเป็นข้าราชการในพระบาทสมเด็จประเจ้าอยู่ หัว ที่จะทำงานเพื่อผลประโยชน์ของชาติบ้านเมือง แต่เป็นห่วงในคำสั่งที่ตั้งนายธาริต ให้เป็นหัวหน้าพนักงานสอบสวนคดีนี้ เพราะเป็นคำสั่งที่แปลกประหลาดและมองว่าคำสั่งนี้มีความปรารถนาดีต่อนายธาริ ตหรือไม่ เพราะนายธาริตเคยอยู่ใน ศอฉ. ไม่ว่าจะทำคดีออกมาในรูปแบบไหนก็จะถูกข้อนแคะจนอาจจะเสียผู้เสียคนได้ “หมากที่ตั้งคุณธาริต เป็นหัวหน้าพนักงานสอบสวนเป็นหมากเหี้ยม หมากอำมหิต และหมากทารุน คุณธาริตจะเสียผู้เสียคนตรงนี้ เพราะฉะนั่นผมในถานะที่มีความคุ้นเคยกับ คุณธาริตมาก่อนมีความปรารถนาดี อย่างจริงใจจึงเห็นว่าคุณธาริตควรจะลาออกจากการเป็นหัวหน้าพนักงานสอบสวนตรง นี้ตามเหตุผลที่ได้ระบุไปและขอฝากไปยังคุณธาริตอย่างจริงใจ คนที่ตั้งคุณธาริตเป็นหัวหน้าพนักงานสอบสวนผมคิดว่าไม่มีความเมตตาต่อท่าน เท่าไหร่ เพราะคุณธาริตอยู่ในภาวะที่กลืนไม่เข้าคลายไม่ออก ไม่ว่าจะไปทางไหนก็ถูกด่าทั้งสิ้น และเหตุใดไม่ตั้งคนอื่นมา”นายถวิล กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า หากนายอภิสิทธิ์และนายสุเทพติดคุก นายธาริตจะต้องติดคุกด้วยหรือไม่เพราะเป็นกรรมการศอฉ.เหมือนกัน นายถวิลกล่าวว่า ตนไม่ทราบ แต่โดยหลักไม่ควรจะมีใครต้องติดคุก

0 - ซ่อมคอมพิวเตอร์นอกสถานที่ บางกะปิ 083-792-5426:

แสดงความคิดเห็น

หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น

Blog Archive

Design Downloaded from ซ่อมคอมพิวเตอร์นอกสถานที่ รามคำแหง บางกะปิ | Free Textures | Web Design Resources