วันพุธที่ 7 มีนาคม พ.ศ. 2555

นายกฯ โชว์วิสัยทัศน์เรียกความเชื่อมั่นนักลงทุนญี่ปุ่น

วันนี้ (7 มี.ค.)น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวสุนทรพจน์ในพิธีเปิดงานสัมมนานักธุรกิจ ที่จัดขึ้นโดยสำนักงานส่งเสริมการลงทุน (BOI)ว่า ไทยและญี่ปุ่นต่างมีบทบาทสำคัญในภูมิภาคนี้ และต่อไปโลกจะต้องหันมาให้ความสนใจกับการเจริญเติบโตอย่างต่อเนื่องของภูมิภาคเอเชีย ญี่ปุ่นเสมือนตัวเชื่อมหลักในการเร่งปฏิกิริยาการเติบโต แม้ปีที่ผ่านมาทั้ง 2 ประเทศต่างได้รับความสูญเสียจากเหตุอุทกภัยครั้งร้ายแรง แต่สามารถผ่านพ้นภัยพิบัติทางธรรมชาติไปได้ เชื่อมั่นว่าถ้า 2 ประเทศร่วมมือกันแล้ว ประเทศไทยย่อมจะแข็งแกร่งและมีศักยภาพมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม
 
นายกรัฐมนตรียังได้ชี้แจงถึงแผนการเสริมสร้างความแข็งแกร่งและมีศักยภาพของไทยว่า ประเทศไทยมีข้อเสนอที่ชาติอื่นไม่สามารถแข่งด้วยได้ ประการแรกคือ รัฐบาลได้วางระบบการบริหารจัดการน้ำที่มีประสิทธิภาพ เพื่อป้องกันนิคมอุตสาหกรรมและเขตชุมชน โดยรัฐบาลจะทำทุกอย่างที่สามารถทำได้เพื่อป้องกันมิให้เกิดเหตุอุทกภัยและความเสียหายรุนแรงเหมือนปีที่ผ่านมา และในอีก 5 ปีข้างหน้า แผนการบริหารน้ำทั้งระบบจะถูกนำมาใช้ทั่วประเทศ ภายใต้งบประมาณรวม 350,000 ล้านบาท ซึ่งได้ทำความเข้าใจกับคนในชุมชน เพื่อให้แน่ใจได้ว่าจะได้รับการสนับสนุนจากชุมชน

“ในขณะนี้ เขื่อนและทำนบต่างๆ ได้รับการสร้างและซ่อมแซมให้มีความแข็งแกร่งขึ้น ขณะเดียวกัน เรากำลังสร้างแนวคันกันน้ำเพื่อป้องกันบริเวณรอบเขตนิคมอุตสาหกรรม  มีการยกระดับถนนให้สูงขึ้นเพื่อให้สามารถส่งมอบสินค้าและบริการได้ หากเกิดเหตุการณ์อุทกภัยขึ้นอีก ห่วงโซ่อุตสาหกรรมและการขนส่งจะไม่ติดขัด นอกจากนี้ จะมีการสร้างที่เก็บกักน้ำ คลองและแหล่งน้ำต่างๆจะได้รับการขุดลอก และมีการจัดตั้งกองทุนประกันภัยขึ้นเพื่อช่วยเหลือและสนับสนุนด้านการประกันภัยให้แก่บริษัทที่อยู่ในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ หากนักลงทุนญี่ปุ่นสนใจร่วมลงทุนในอนาคตกับประเทศไทย รัฐบาลจะปกป้องการลงทุนของท่านจากน้ำท่วม” นายกรัฐมนตรี กล่าว

นายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า ประเทศไทยมีปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง มีแรงงานที่มีฝีมือ และมีทุนสำรองเงินตราต่างประเทศที่มั่นคง ดังนั้นแม้จะมีเหตุอุทกภัยเกิดขึ้น ก็ยังมีการคาดการณ์การเติบโตทางเศรษฐกิจในปีนี้ของไทยจะเพิ่มขึ้นร้อยละ 5 และร้อยละ 5.6 ในปี 2013 และแม้จะมีเหตุอุทกภัย แต่นักท่องเที่ยวชาวญี่ปุ่นยังคงมาเที่ยวในประเทศไทยกว่า 1.1 ล้านคน เพิ่มขึ้นร้อยละ 13 จากปีก่อนหน้านี้ โดยรัฐบาลยังมีมาตรการเพื่อจูงใจนักลงทุนต่างชาติ อาทิ การลดภาษีเงินได้นิติบุคคลลงจากร้อยละ 30 เหลือร้อยละ 23 ในปีนี้ และเหลือร้อยละ 20 ในปีถัดไป และยืนยันว่าไทยจะมุ่งมั่นฟื้นฟูโครงสร้างพื้นฐานด้านการขนส่งให้มีประสิทธิผลและทนต่อภัยพิบัติในระยะยาว โดยเฉพาะระบบรถไฟความเร็วสูงทั่วประเทศ เชื่อมต่อไปยังภูมิภาค

นายกรัฐมนตรี กล่าวต่อว่า  ประเทศไทยยังเป็นจุดศูนย์กลางที่เชื่อมต่อสินค้าและผลิตภัณฑ์ของญี่ปุ่นกับประเทศอื่น ๆในตลาดอาเซียน ซึ่งมีขนาดใหญ่ที่มีผู้บริโภคกว่า 600 ล้านคน และมีค่าเฉลี่ยของการเติบโตทางเศรษฐกิจร้อยละ 5 ต่อปี ดังนั้นไทยยังคงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดสำหรับการลงทุนอย่างต่อเนื่องของภาคเอกชน และเชื่อมั่นว่าด้วยนโยบายที่สนับสนุนการลงทุน ปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง ทรัพยากรธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ และอยู่บนพื้นฐานของผลประโยชน์ร่วมกันระหว่างทั้งสองประเทศ เช่นนี้ ความเป็นหุ้นส่วนระหว่างไทย-ญี่ปุ่นจะยังคงเติบโต โดยมีภาคเอกชนญี่ปุ่นเป็นเสาหลักของการเป็นหุ้นส่วนในอนาคตที่จะถึงนี้
แหล่งที่มาข้อมูลเดลินิวส์

0 - ซ่อมคอมพิวเตอร์นอกสถานที่ บางกะปิ 083-792-5426:

แสดงความคิดเห็น

หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น

Blog Archive

Design Downloaded from ซ่อมคอมพิวเตอร์นอกสถานที่ รามคำแหง บางกะปิ | Free Textures | Web Design Resources