ละครมีเข้ามาไม่ต่อเนื่อง นางเอก 7 สี เชียร์-ฑิฆัมพร ฤทธิ์ธาอภินันท์ ก็เลยจะวางแผนไปเรียนต่อต่างประเทศซะแล้ว แถมสัญญากับช่อง 7 ก็หมดลงแล้ว กำลังอยู่ในช่วงคุยรายละเอียดเรื่องต่อสัญญาใหม่ เพราะต้องมีเงื่อนไขมากขึ้นกว่าฉบับก่อน สัญญาอาจต้องระบุมาเลยว่าจะมีละครต่อปีกี่เรื่อง ไม่ใช่ว่าให้มานั่งรอละครแบบที่ผ่านมาแล้ว แต่ยืนยันว่าไม่คิดย้ายช่องไปไหน
เชียร์ เปิดเผยว่า “ตอนนี้กำลังดูเรื่องเรียนต่ออยู่ค่ะ คือหลังจากจบ “ปางเสน่หา” เชียร์ยังไม่ได้มีละครเรื่องใหม่ ก็เลยคิดว่าถ้ามันมีเวลาว่างจริง ก็คงดูเรื่องเรียนแล้ว มีเวลาว่างก็ไม่อยากให้มันเสียไปเปล่า ๆ มีช่วงปีที่แล้วที่กลัวว่าจะมีละคร ก็เลยพักเรื่องเรียนไว้ก่อน เหมือนถ้ารู้งี้ถ้าไปเรียนก็ได้ไปแล้ว” หายไปเรียนอย่างนี้กลัวว่าจะหายไปจากหน้าจอไหม? “ไม่ไปเรียนก็หายได้ค่ะ เพราะฉะนั้นถ้าเวลามันผ่านไปโดยเปล่าประโยชน์เราก็อยากไปเรียนมากกว่า” พูดอย่างนี้เหมือนอยากจะเตรียมตัวเองออกจากวงการ? “ก็ไม่เชิงขนาดนั้นค่ะ เราแค่รู้สึกว่าเวลามันว่างไปเลย โดยที่เรารอไปรอมา บางทีเวลามันหายไปเลย โดยที่เราไม่ได้ทำอะไรเลย มันก็แค่เป็นแผนสำรอง ไม่ใช่ว่าจะหายไปเรียนเลย” ที่ตัดสินใจไปเรียนเพราะน้อยใจทางช่องที่ป้อนงานให้น้อย? “ไม่ได้น้อยใจอะไรค่ะ แต่ที่เชียร์พูดไปตรง ๆ ว่า มันไม่ได้มีความแน่นอนเรื่องละคร ถ้ามีละครมาค่อยคุยกันอีกที ไม่ใช่ว่าใช้ความน้อยใจ จะไม่ทำแล้วจะไปเรียนมันไม่ใช่” เหลือสัญญาอีกกี่ปี? “สัญญาตอนนี้หมดแล้ว อยู่ที่ว่าเชียร์จะต่ออีกกี่ปีเท่านั้นเอง กำลังจะมีการตกลงคุยกันค่ะ ตอนนี้ยังไม่ได้คุยกันเป็นลายลักษณ์อักษรที่ชัดเจน สัญญาหมดไปช่วงเดือน ก.พ. นี่แหละค่ะ”
แล้วมีช่องอื่นมาจีบไหม? “ไม่มีค่ะ แต่ตัวเราเองไม่ได้มีความคิดว่าจะไปที่ไหน ณ ตอนนี้อยากทำอะไรที่เป็นความมั่นคงให้กับตัวเรามากกว่า แต่ใจไม่ได้อยากไปไหน เพราะช่อง 7 คือสถานที่แรกในการทำงานที่เป็นหลักเป็นแหล่งของเรา เหมือนให้อะไรเรามากมาย แต่ที่ยังไม่เซ็นสัญญาต่อ เพราะว่ามันต้องมีการคุยกันที่ชัดเจน มีรายละเอียดที่เยอะมาก ไม่ใช่หมดปุ๊บต่อปั๊บ เพราะตอนนี้เราก็โตขึ้นแล้ว ความคิดหรือว่าการที่จะทำอะไรตรงนี้ต้องมีการคุยในรายละเอียดที่เยอะ เราอยากทำอะไรที่มันมั่นคงแล้ว การที่เราจะต่อยังไง ละครจะมีกี่เรื่องมันก็ต้องชัดเจนกว่าที่ผ่าน ๆ มา” แสดงว่าสัญญาจะมีเงื่อนไขมากกว่าทุกฉบับที่เคยเซ็นมา? “คงต้องมีค่ะ เพราะจากที่ผ่านมาเราอาศัยว่า เราเป็นเด็กก็แล้วแต่ผู้ใหญ่ จากประสบการณ์ที่ผ่านมามันมีทั้งความแน่นอนและไม่แน่นอนในงาน แล้วตอนนี้เราเรียนจบแล้ว แนวทางมันคงต้องชัดเจนกับชีวิตของเรามากขึ้น จะมารอให้งานให้ละครเข้ามาอย่างเดียว มันคงไม่เหมาะสมกับชีวิตแล้ว” พูดอย่างนี้เหมือนจะเป็นฝ่ายเลือกงานมากขึ้น? “ก็ไม่ได้เลือกค่ะ แต่แค่มีความชัดเจนว่าจะมีงานอะไรยังไง เราจะได้จัดสรรเวลาตัวเองถูก ไม่อย่างนั้นเราจะมารอให้ละครเข้ามา เราก็แพลนชีวิตตัวเองไม่ถูก”.
เชียร์ เปิดเผยว่า “ตอนนี้กำลังดูเรื่องเรียนต่ออยู่ค่ะ คือหลังจากจบ “ปางเสน่หา” เชียร์ยังไม่ได้มีละครเรื่องใหม่ ก็เลยคิดว่าถ้ามันมีเวลาว่างจริง ก็คงดูเรื่องเรียนแล้ว มีเวลาว่างก็ไม่อยากให้มันเสียไปเปล่า ๆ มีช่วงปีที่แล้วที่กลัวว่าจะมีละคร ก็เลยพักเรื่องเรียนไว้ก่อน เหมือนถ้ารู้งี้ถ้าไปเรียนก็ได้ไปแล้ว” หายไปเรียนอย่างนี้กลัวว่าจะหายไปจากหน้าจอไหม? “ไม่ไปเรียนก็หายได้ค่ะ เพราะฉะนั้นถ้าเวลามันผ่านไปโดยเปล่าประโยชน์เราก็อยากไปเรียนมากกว่า” พูดอย่างนี้เหมือนอยากจะเตรียมตัวเองออกจากวงการ? “ก็ไม่เชิงขนาดนั้นค่ะ เราแค่รู้สึกว่าเวลามันว่างไปเลย โดยที่เรารอไปรอมา บางทีเวลามันหายไปเลย โดยที่เราไม่ได้ทำอะไรเลย มันก็แค่เป็นแผนสำรอง ไม่ใช่ว่าจะหายไปเรียนเลย” ที่ตัดสินใจไปเรียนเพราะน้อยใจทางช่องที่ป้อนงานให้น้อย? “ไม่ได้น้อยใจอะไรค่ะ แต่ที่เชียร์พูดไปตรง ๆ ว่า มันไม่ได้มีความแน่นอนเรื่องละคร ถ้ามีละครมาค่อยคุยกันอีกที ไม่ใช่ว่าใช้ความน้อยใจ จะไม่ทำแล้วจะไปเรียนมันไม่ใช่” เหลือสัญญาอีกกี่ปี? “สัญญาตอนนี้หมดแล้ว อยู่ที่ว่าเชียร์จะต่ออีกกี่ปีเท่านั้นเอง กำลังจะมีการตกลงคุยกันค่ะ ตอนนี้ยังไม่ได้คุยกันเป็นลายลักษณ์อักษรที่ชัดเจน สัญญาหมดไปช่วงเดือน ก.พ. นี่แหละค่ะ”
แล้วมีช่องอื่นมาจีบไหม? “ไม่มีค่ะ แต่ตัวเราเองไม่ได้มีความคิดว่าจะไปที่ไหน ณ ตอนนี้อยากทำอะไรที่เป็นความมั่นคงให้กับตัวเรามากกว่า แต่ใจไม่ได้อยากไปไหน เพราะช่อง 7 คือสถานที่แรกในการทำงานที่เป็นหลักเป็นแหล่งของเรา เหมือนให้อะไรเรามากมาย แต่ที่ยังไม่เซ็นสัญญาต่อ เพราะว่ามันต้องมีการคุยกันที่ชัดเจน มีรายละเอียดที่เยอะมาก ไม่ใช่หมดปุ๊บต่อปั๊บ เพราะตอนนี้เราก็โตขึ้นแล้ว ความคิดหรือว่าการที่จะทำอะไรตรงนี้ต้องมีการคุยในรายละเอียดที่เยอะ เราอยากทำอะไรที่มันมั่นคงแล้ว การที่เราจะต่อยังไง ละครจะมีกี่เรื่องมันก็ต้องชัดเจนกว่าที่ผ่าน ๆ มา” แสดงว่าสัญญาจะมีเงื่อนไขมากกว่าทุกฉบับที่เคยเซ็นมา? “คงต้องมีค่ะ เพราะจากที่ผ่านมาเราอาศัยว่า เราเป็นเด็กก็แล้วแต่ผู้ใหญ่ จากประสบการณ์ที่ผ่านมามันมีทั้งความแน่นอนและไม่แน่นอนในงาน แล้วตอนนี้เราเรียนจบแล้ว แนวทางมันคงต้องชัดเจนกับชีวิตของเรามากขึ้น จะมารอให้งานให้ละครเข้ามาอย่างเดียว มันคงไม่เหมาะสมกับชีวิตแล้ว” พูดอย่างนี้เหมือนจะเป็นฝ่ายเลือกงานมากขึ้น? “ก็ไม่ได้เลือกค่ะ แต่แค่มีความชัดเจนว่าจะมีงานอะไรยังไง เราจะได้จัดสรรเวลาตัวเองถูก ไม่อย่างนั้นเราจะมารอให้ละครเข้ามา เราก็แพลนชีวิตตัวเองไม่ถูก”.
แหล่งที่มาข้อมูล www.dailynews.co.th
0 - ซ่อมคอมพิวเตอร์นอกสถานที่ บางกะปิ 083-792-5426:
แสดงความคิดเห็น
หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น