สุพจน์ เปิดใจ มีรายได้จากการทำงาน นอกเวลาราชการตั้งแต่ปี 2525

นายสุพจน์ ทรัพย์ล้อม ปลัดกระทรวงคมนาคม เปิดใจ มีเงินรายได้พิเศษจากการทำงานนอกเวลาราชการมาตั้งแต่ปี 2525 อ้างไม่มีความรู้เรื่องสายรัดแบงก์ เพราะไม่ได้สนใจ ยัน พร้อมชี้แจง ป.ป.ช. 8 มี.ค.

นายสุพจน์ ทรัพย์ล้อม ปลัดกระทรวงคมนาคม เปิดใจผ่านสถานีวิทยุ FM 100.5 ถึงข้อกล่าวหาร่ำรวยผิดปรกติ และล่าสุดโดนคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ปปช. อายัดทรัพย์สินเพิ่มเติมเป็นบ้านและที่ดิน มูลค่ากว่า 20 ล้านบาท ซึ่งได้มีการโอนไปให้กับบุตรสาวและลูกเขย ว่า ไม่ได้รู้สึกหนักใจอะไร เพราะถือเป็นหน้าที่ของ ปปช. หากได้ข้อมูลอะไรมา หากมีความสงสัย ก็ต้องดำเนินการไปตามนั้น ซึ่งก็ต้องเป็นหน้าที่ของตนเอง ที่จะไปชี้แจงต่อไปว่า ที่ได้โอนทรัพย์สินดังกล่าวไปนั้น มีเหตุผลอะไร

ทั้ง นี้ ตนเองอยากชี้แจงในประเด็น ต่าง ๆ ที่ทำให้ตกเป็นจำเลยของสังคม อย่างเช่น 1.ที่มีการกล่าวหาว่า ตนไม่ได้แจ้งความภายหลังโดนโจรบุกเข้ามาปล้นบ้าน นั้น ขอยืนยันว่า หลังรู้ข่าว ก็ได้แจ้งความทันทีและมีหลักฐานยืนยันเป็นบันทึกประจำวันของเจ้าหน้าที่ ตำรวจ โดยตนเป็นผู้โทรศัพท์ไปแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจด้วยตัวเอง โดยในครั้งแรก ได้โทรไปที่ 191 แต่ปรากฎว่าโทรไป 2 ครั้งไม่ติด จึงตัดสินใจโทรไปหา พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 1 (ยศในขณะนั้น) ให้ช่วยประสานงานกับเจ้าหน้าที่ให้ ซึ่ง พล.ต.ต.วิชัย ก็ได้นำเจ้าหน้าที่ตำรวจไปที่บ้านตนเองทันทีในเวลาประมาณ 20.10 น. ส่วนตนเอง เดินทางไปสมทบทีหลังในเวลาประมาณ 23.00 น. เนื่องจากติดอยู่ในงานเลี้ยงสมรสบุตรสาว ซึ่งการที่เจ้าหน้าที่ตำรวจ เดินทางไปถึงที่เกิดเหตุก่อนตนเอง เกือบ 3 ชั่วโมง เป็นเครื่องยืนยันได้เป็นอย่างดีว่า หากมีเงินอยู่ในห้องนอนของตนเองเป็นพัน ๆ ล้าน บาทจริง เจ้าหน้าที่ก็ต้องเห็นกันหมดแล้ว อีกทั้งในห้องนอนนั้น ก็มีแม่บ้านเข้าไปทำความสะอาดอยู่ทุกวัน โดยที่ตนเองไม่เคยล็อกห้องไว้ หากมีเงินจำนวนมากขนาดนั้น อยู่จริง ๆ ตนเองคงไม่ปล่อยให้ใครเข้าไปง่าย ๆ อย่างแน่นอน   

ส่วนทรัพย์สินที่มีการกล่าวหาว่า ตนเองมีที่ดินและทรัพย์สินอื่น ๆ อีกจำนวนมาก นั้น ตนเองขอชี้แจงว่า ปัจจุบัน ตนมีทรัพย์สินเป็นที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้าง ซึ่งก็คือบ้านหลังปัจจุบัน ที่มีขนาดประมาณครึ่งไร่ นอกจากนั้นก็เป็นที่ดินที่ จ.นครนายก แปลงละ 50 ตารางวา มีอยู่ 4 แปลง และที่ดินตรงข้ามกับบ้านหลังปัจจุบัน ซื้อไว้ตั้งแต่ประมาณปี 2536 หรือ 2539 อีก 100 ตารางวา ส่วนที่มีข่าวว่า ตนโดนทำร้ายร่างกาย จนต้องเข้า รพ.วิชัยยุทธ เมื่อวันที่ 5 ม.ค.ที่ผ่านมา นั้น ขอยืนยันว่าไม่เป็นความจริงอีกเช่นกัน

ส่วนประเด็นที่จะเข้าชี้กับ ทาง ป.ป.ช. ในวันที่ 8 มี.ค. นั้น คือ 1.เงินที่หายไป 2.ทรัพย์สินที่มีอยู่ ตั้งแต่ก่อนปี 2545 ก่อนที่จะเริ่มส่งบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินให้กับ ป.ป.ช. ในฐานะที่เข้ารับตำแหน่งคณะกรรมการ การท่าอากาศยานแห่งประเทศไทย

โดย ในส่วนของการชี้แจงทรัพย์สินและหนี้สิน ก่อนหน้าที่จะเริ่มส่งบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินให้กับทาง ป.ป.ช. นั้น ยอมรับว่าเป็นเรื่องที่ยาก ที่จะหาหลักฐานมา เพราะเป็นเรื่องนานมากว่า 10-20 ปี แล้ว การที่จะไปขอหลักฐานจากทางธนาคาร ก็เป็นเรื่องยาก เพราะทางธนาคารเอง ก็จะจัดเก็บหลักฐานต่าง ๆ เอาไว้เพียงระยะเวลา 10 ปี เท่านั้น ทำให้ต้องมานั่งทบทวนรายได้ต่าง ๆ ที่ได้รับมาจาก การรับทำงานพิเศษนอกเวลาราชการ เช่นงานออกแบบถนนต่าง ๆ ที่ได้ตั้งแต่สมัยยังเรียนวิศวะกรรมศาสตร์ตั้งแต่ปี 2525 การทำงานให้กับบริษัทที่ปรึกษาต่าง ๆ ในช่วงนอกเวลาราชการ และวันเสาร์-อาทิตย์ อีก 2 - 3 บริษัท การออกแบบโครงสร้างของบ้านพักอาศัย อย่างไรก็ดี ล่าสุดตนเองก็ได้มีการรวบรวมหลักฐานต่าง ๆ เท่าที่จะหามาใช้สำหรับการชี้แจงต่าง ๆ ได้เกือบสมบูรณ์แล้ว

ส่วน เรื่องสายรัดเงินธนบัตร ที่มีการกล่าวอ้างว่า น่าจะเกี่ยวข้องกับโครงการต่าง ๆ สมัยดำรงตำแหน่งปลัดกระทรวงคมนาคม นั้น ตนเองไม่มีข้อมูลและไม่มีความรู้ในเรื่องนี้ เพราะก็เหมือนคนปรกติทั่วไป ที่เมื่อมีการเบิกเงินสดมาจากธนาคาร ก็คงไม่ไปดูว่าสายรัดเงินที่มากับธนบัตรคืออะไร และทาง ป.ป.ช. เองก็ยังไม่ได้มีการสอบถาม โดยที่ผ่านมา มีแต่เพียงการสอบถามถึงเรื่องเงินที่หายไป ซึ่งตนเองก็ยืนยันไปว่า เป็นเพียงเงินรับไหว้ประมาณ 5 ล้าน 6 หมื่นกว่าบาท ที่ลูกสาวฝากให้เอามาเก็บไว้ที่บ้านพักก่อนเกิดเหตุเท่านั้น

ส่วนที่ มีรายงาน ว่า ภรรยาของตนเองไปขัดแย้งกับอดีตเลขาฯ จนทำให้เกิดเรื่องดังกล่าวขึ้น นั้น ขอยืนยันว่า ภรรยาไม่เคยเข้ามายุ่งกับงานที่กระทรวงคมนาคมเลย อีกทั้งภรรยาและอดีตเลขา ก็เป็นเพื่อนกัน เคยร่วมทำงานกันมาตั้งแต่สมัยอยู่กรมทางหลวง และสนิทสนมกันดี และไม่น่าจะมีเรื่องอะไรที่เป็นประเด็นทำให้เกิดความขัดแย้งกันขึ้น

This entry was posted in News