ตรวจบ้านเศรษฐีโดนปล้นไม่พบลายนิ้วมือ-วงจรปิด

ตำรวจตรวจบ้านเศรษฐีที่โดนร้ายปล้นทรัพย์ ไม่พบรอยนิ้วมือ ไม่มีภาพวงจรปิด คาดเป็นพวกมืออาชีพและมีพวกคนในรู้เห็นเป็นใจ เล็ง 2 กลุ่มเรียกมาเค้นสอบ

วันนี้ ( 10 มี.ค.)  พล.ต.ต.พิสิฏฐ์ พิสุทธิ์ศักดิ์ รอง ผบช.น.พ.ต.อ.สมควร พึ่งทรัพย์ ผกก.สน.นิมิตรใหม่ เดินทางไปตรวจที่บ้านเลขที่ 49/291 ภายในหมู่บ้าน เค.ซี. การ์เด้นท์โฮม โครงการ 19 ถนนนิมิตรใหม่ ซอย 40 แขวงคลองสามวาตะวันออก เขตมีนบุรี  หลังที่คนร้าย กวาดทรัพย์สินเป็นเครื่องเพชร พระเครื่อง และเงินสดรวมมูลค่านับ 10 ล้านบาท เหตุเกิดเมื่อวันที่ 8 มีนาคม ที่ผ่านมา

พล.ต.ต.พิสิฏฐ์   กล่าวว่า จากการตรวจสอบโดยละเอียดพบว่าคนร้ายเข้าบ้าน 3 หลังติดกัน หลังแรกงัดเข้าทางประตูหลังไม่ได้อะไรไป ส่วนหลังที่ 2 งัดหลังบ้านเข้าไปได้ โน็ตบุค1 เครื่อง และหลังที่ 3 เลขที่ 49/291 ของนางดรรชนี เวชพาณิชย์ 47 ปี เปิดเป็นบริษัท รชต คอนสตรัคชั่นแอนด์ซัพพลาย จำกัด คนร้ายงัดเข้าทางประตูกระจกหลังบ้าน แล้วงัดตู้เซฟ ได้สร้อยเพชร แหวนเพชร สร้อยคอทองคำ เงินสกุล ดอลล่า สหรัฐ 30,000 ดอลล่า หรือประมาณ1 ล้านบาทไทย รวมทั้งสิ้น ราว 10 ล้านบาท

"ช่วงเวลา 20 00 น.ของวันที่ 8 มี.ค. พยานเห็นคนร้ายไม่ต่ำกว่า 3 คน ใช้รถยนต์ต้องสงสัยเป็นรถโตโยต้า อแวนซ่า สีบรอนซ์ทอง มาจอดอยู่ ซึ่งการสืบสวนหาคนร้ายมีปัญหาอยู่บ้างตรงที่กล้องวงจรปิดของหมู่บ้านที่ป้อมยามประตูหน้ามี1 ตัวนั้นเป็นกล้องเรียลไทม์ แต่ไม่ได้บันทึกภาพไว้ จึงเรียกภาพกลับมาดูไม่ได้ อย่างไรก็ตามได้ให้ฝ่ายสืบสวนดูกล้องวงจรปิดในละแวกใกล้เคียงเพื่อหารถยนต์ต้องสงสัย ส่วนลายพิมพ์นิ้วมือแฝงของคนร้ายนั้นไม่ได้ทิ้งไว้เพราะคนร้ายใช้ถุงมือปกปิด" รองผบช.น. กล่าว

นางดรรชนี เวชพาณิชย์ อายุ 47 ปี เจ้าของบ้าน เปิดเผยว่า ครอบครัวมีอาชีพรับเหมาก่อสร้าง และเมื่อก่อนตนเคยไปทำงานที่ต่างประเทศทำให้มีเงินสะสมอยู่หลายล้านบาท ซึ่งขณะเกิดเหตุตนออกไปทำธุระ ประกอบกับข้างบ้านที่อยู่ติดกันก็ออกไปรับลูกที่โรงเรียนจึงเป็นช่องว่างให้คนร้ายเข้ามาก่อเหตุได้

ด้าน พล.ต.ท.วินัย ทองสอง ผบช.น. กล่าวว่า  คนร้าย กวาดทรัพย์สินเป็นเครื่องเพชร พระเครื่อง และเงินสดรวมมูลค่านับ 10 ล้านบาท ซึ่งการติดตามตัวคนร้ายนั้นค่อนข้างเป็นไปได้ยาก เพราะจากการตรวจสอบในที่เกิดเหตุของเจ้าหน้าที่ตำรวจพิสูจน์หลักฐาน เบื้องต้น ยังไม่พบร่องรอยของรอยนิ้วมือของคนร้าย ประกอบกับในพื้นที่ไม่มีกล้องวงจรปิดในการติดตามเบาะแส พร้อมกันนี้ ระบุว่า น่าเชื่อว่าคนร้ายจะมีไม่ต่ำกว่า 2 คน เพราะคนร้ายยกตู้เซฟ ซึ่งมีขนาดหนักออกไปด้วย จึงสันนิษฐานว่า คนร้ายเป็นมืออาชีพ นอกจากนี้ ยังมีความเป็นไปได้ว่า อาจจะมีคนในมีส่วนรู้เห็นกับการก่อเหตุดังกล่าวด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตำรวจได้ตั้งกลุ่มผู้ต้องสงสัยไว้หลายกลุ่มโดยมี 2 กลุ่มที่น่าสนใจคือกลุ่มแรกเป็นคนร้ายต่างชาติชาวตะวันออกกลาง  ส่วนอีกกลุ่มคือ แก๊งค์หมูบิน ที่เคยถูกจับกุมได้ก่อนหน้านี้แล้วพ้นโทษออกมาแล้ว ซึ่งจะมีการติดตามตัวมาสอบสวนเพื่อหาเบาะแสคนร้ายต่อไป

แหล่งที่มาข้อมูล www.dailynews.co.th

This entry was posted in News