อุทธรณ์ ยืน ยกฟ้อง หมอจ่ายยาคลายเครียดสาวใหญ่ไม่ผิด ลั่น สู้ยันฎีกา จ่อฟ้องหมิ่น เพิ่ม
ที่ศาลแพ่งธนบุรี ถนนเอกชัย วันนี้ ( 21 พ.ค.)
ศาลอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์คดีที่นางวาสนา แพร่คุณธรรม อายุ 46 ปี
อดีตพนักงานบริษัทเอกชน เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง นพ.กิตติ ก่อเกียรติ
เจ้าของคลินิกแห่งหนึ่ง เป็นจำเลย เรื่องละเมิด เรียกค่าเสียหาย 8,085,000
บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5ต่อปี
กรณีเมื่อปี 2543 โจทก์ไปรักษาอาการเครียดที่คลินิกของจำเลย ซึ่งได้จ่ายยา ซาแนกซ์ ซึ่งเป็นยาอัลปราโซแลม ขนาด 1 มิลลิกรัมให้โจทก์รับประทาน ๔ครั้งแรกประมาณ 20-30 เม็ด ภายหลังเพิ่มเป็นครั้งละ 100-300 เม็ด จนจ่ายให้เป็นขวดๆ ละ 500 เม็ด ต่อเนื่องนาน 10 ปี จนทำให้โจทก์มีอาการติดยา และผลจากการติดยาทำให้โจทก์เป็นโรคลมชักถาวร ต้องบำบัดอาการติดยา และผลเป็นโรคลมชัก ทำให้โจทก์ต้องเข้าผ่าตัดจากหัวไหล่หลุดถึง 2 ครั้ง ไม่สามารถใช้แขนขวาได้ตามปกติ จนต้องออกจากงาน
คดีนี้ศาลแพ่งธนบุรี มีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 7 มี.ค.54 เห็นว่า คดีนี้จำเลย มีแพทย์ เบิกความให้ความเห็นว่า การที่จำเลยสั่งจ่ายยาซาแนกซ์ ตั้งแต่เดือน ต.ค.46 – ส.ค.52 เฉลี่ยประมาณเดือนละ 50 เม็ด ถือว่าเป็นการสั่งยาตามปกติ ขณะที่การกินยาซาแนกซ์ไม่ทำให้เกิดอาการลมชัก ส่วนการชักนั้น เมื่อผู้ป่วยทานยาซาแนกซ์ติดต่อกัน เมื่อหยุดยาทำให้ชักได้แต่ก็ไม่ใช่ลมชัก ซึ่งโจทก์ไม่ได้นำสืบพยานหลักฐานให้เห็นเป็นอย่างอื่น พยานหลักฐานของจำเลยจึงมีน้ำหนักให้รับฟังได้ว่า จำเลยสั่งจ่ายยาให้โจทก์ตั้งแต่เดือน ต.ค.46 – ส.ค.52 เฉลี่ยประมาณเดือนละ 50 เม็ดขนาด ๆ 1 มิลลิกรัม ตาม เอกสารเวชระเบียนเป็นการสั่งจ่ายยาตามปกติ ไม่ถึงขั้นเป็นอันตรายและอยู่ในกระบวนการรักษาปกติ ไม่เป็นเหตุให้เกิดโรคลมชักตามที่โจทก์ตั้งเรื่องฟ้องจำเลย การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นการละเมิดต่อโจทก์ จึงพิพากษาให้ยกฟ้อง โจทก์ ยื่นอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ตรวจสำนวนประชุมปรึกษาหารือกันแล้ว เห็นว่า การกระทำของจำเลยไม่ได้เป็นการละเมิดต่อโจทก์จึงไม่มีสิทธิ์ที่จะเรียกค่าทด แทน ที่ศาลชั้นต้น พิพากษายกฟ้องโจทก์มานั้น ชอบแล้ว อุทธรณ์ของโจทก์ฟังไม่ขึ้น พิพากษายืน
ภายหลังนางวาสนา กล่าวว่า จะยื่นฎีกาในคดีนี้แน่นอน และจะปรึกษากับทางทนายความว่าจะมีการฟ้องร้องนพ.กิตติ เพิ่มเติมฐานหมิ่นประมาทจาก กรณีที่นาย นพ.กิตติเคยยื่นหนังสือต่อรมว. กระทรวงสาธารณสุข เพื่อขอคืนใบอนุญาตที่ที่ตนยื่นเรื่องร้องเรียนต่อแพทย์สภาเอาไว้
แหล่งที่มาข้อมูล www.dailynews.co.th
กรณีเมื่อปี 2543 โจทก์ไปรักษาอาการเครียดที่คลินิกของจำเลย ซึ่งได้จ่ายยา ซาแนกซ์ ซึ่งเป็นยาอัลปราโซแลม ขนาด 1 มิลลิกรัมให้โจทก์รับประทาน ๔ครั้งแรกประมาณ 20-30 เม็ด ภายหลังเพิ่มเป็นครั้งละ 100-300 เม็ด จนจ่ายให้เป็นขวดๆ ละ 500 เม็ด ต่อเนื่องนาน 10 ปี จนทำให้โจทก์มีอาการติดยา และผลจากการติดยาทำให้โจทก์เป็นโรคลมชักถาวร ต้องบำบัดอาการติดยา และผลเป็นโรคลมชัก ทำให้โจทก์ต้องเข้าผ่าตัดจากหัวไหล่หลุดถึง 2 ครั้ง ไม่สามารถใช้แขนขวาได้ตามปกติ จนต้องออกจากงาน
คดีนี้ศาลแพ่งธนบุรี มีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 7 มี.ค.54 เห็นว่า คดีนี้จำเลย มีแพทย์ เบิกความให้ความเห็นว่า การที่จำเลยสั่งจ่ายยาซาแนกซ์ ตั้งแต่เดือน ต.ค.46 – ส.ค.52 เฉลี่ยประมาณเดือนละ 50 เม็ด ถือว่าเป็นการสั่งยาตามปกติ ขณะที่การกินยาซาแนกซ์ไม่ทำให้เกิดอาการลมชัก ส่วนการชักนั้น เมื่อผู้ป่วยทานยาซาแนกซ์ติดต่อกัน เมื่อหยุดยาทำให้ชักได้แต่ก็ไม่ใช่ลมชัก ซึ่งโจทก์ไม่ได้นำสืบพยานหลักฐานให้เห็นเป็นอย่างอื่น พยานหลักฐานของจำเลยจึงมีน้ำหนักให้รับฟังได้ว่า จำเลยสั่งจ่ายยาให้โจทก์ตั้งแต่เดือน ต.ค.46 – ส.ค.52 เฉลี่ยประมาณเดือนละ 50 เม็ดขนาด ๆ 1 มิลลิกรัม ตาม เอกสารเวชระเบียนเป็นการสั่งจ่ายยาตามปกติ ไม่ถึงขั้นเป็นอันตรายและอยู่ในกระบวนการรักษาปกติ ไม่เป็นเหตุให้เกิดโรคลมชักตามที่โจทก์ตั้งเรื่องฟ้องจำเลย การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นการละเมิดต่อโจทก์ จึงพิพากษาให้ยกฟ้อง โจทก์ ยื่นอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ตรวจสำนวนประชุมปรึกษาหารือกันแล้ว เห็นว่า การกระทำของจำเลยไม่ได้เป็นการละเมิดต่อโจทก์จึงไม่มีสิทธิ์ที่จะเรียกค่าทด แทน ที่ศาลชั้นต้น พิพากษายกฟ้องโจทก์มานั้น ชอบแล้ว อุทธรณ์ของโจทก์ฟังไม่ขึ้น พิพากษายืน
ภายหลังนางวาสนา กล่าวว่า จะยื่นฎีกาในคดีนี้แน่นอน และจะปรึกษากับทางทนายความว่าจะมีการฟ้องร้องนพ.กิตติ เพิ่มเติมฐานหมิ่นประมาทจาก กรณีที่นาย นพ.กิตติเคยยื่นหนังสือต่อรมว. กระทรวงสาธารณสุข เพื่อขอคืนใบอนุญาตที่ที่ตนยื่นเรื่องร้องเรียนต่อแพทย์สภาเอาไว้
แหล่งที่มาข้อมูล www.dailynews.co.th
0 - ซ่อมคอมพิวเตอร์นอกสถานที่ บางกะปิ 083-792-5426:
แสดงความคิดเห็น
หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น