วันศุกร์ที่ 6 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

เสธ.ไก่อูเบิกความไต่สวนการตายคนเสื้อแดง


วันนี้ (5 ก.ค.) ที่ห้องพิจารณา 909 ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลนัดไต่สวนคดีชันสูตรการตาย ของ นายพัน คำกอง ชาวจ.ยโสธร อาชีพขับรถแท็กซี่ ผู้ชุมนุมกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ(นปช.) ที่ถูกยิงเสียชีวิตหน้าคอนโดมิเนียม ใกล้สถานีรถไฟแอร์พอร์ต ลิงก์ สถานีราชปรารภ เมื่อวันที่ 15 พ.ค.2553 ระหว่างเหตุการณ์ทหารกระชับพื้นที่บริเวณราชประสงค์
โดยวันนี้อัยการนำตัว พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด ผอ.กองปฏิบัติการจิตวิทยา กรมกิจการพลเรือนทหารบก และโฆษกกองทัพบก เบิกความว่า เมื่อช่วงปี 2553 ขณะนั้นสถานการณ์บ้านเมืองมีความขัดแย้งกัน เนื่องมีกลุ่มความคิดแปลกแยกทางการเมือง และมีการชุมนุมของกลุ่มแนวร่วม นปช. โดยก่อนวันที่ 12 มี.ค. 53ได้มีกลุ่มคนเสื้อแดงมาชุมนุมกันที่บริเวณสะพานผ่านฟ้า ถ.ราชดำเนินนอก ซึ่งการชุมนุมงมีความรุนแรงมากขึ้น มีการปิดถนนและสถานที่ราชการสำคัญ
ต่อมานาย อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ  นายกรัฐมนตรี จึงได้ประกาศแต่งตั้งศูนย์อำนวยการรักษาความสงบภายใน (ศอ.รส.) มีนาย อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นผอ.ศอ.รส.  พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. (ขณะนั้น) เป็นรองผอ.ศอ.รส. ซึ่งตั้งขึ้นเพื่อควบคุมและบังคับบัญชา หน่วยงานด้านความมั่นคง ทั้งทหาร ตำรวจและเจ้าหน้าที่พลเรือนในหลาย ๆ หน่วยงาน และมีหน้าที่รักษาความสงบเรียบร้อย โดยเจ้าหน้าที่ทหารจะออกปฏิบัติงานพร้อมกับตำรวจ ในฐานะผู้ช่วยเจ้าพนักงาน โดยช่วงวันที่ 6 - 7 เม.ย.2553 กลุ่มคนเสื้อแดงพยายามบุกเข้าไปในอาคารรัฐสภา  ซึ่งทราบจากข่าวโทรทัศน์ว่า มีนายอริสมันต์ พงษ์เรืองรอง เป็นแกนนำกลุ่ม และกลุ่มผู้ชุมนุมได้แย่งปืนประจำตัวของเจ้าหน้าที่รักษาความสงบภายในอาคาร รัฐสภาด้วย

นาย อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี เห็นว่าสถานการณ์ตึงเครียด ทวีความรุนแรงบานปลายมากยิ่งขึ้น จึงประกาศ พระราชกำหนดการบริหารราชการแผ่นดินในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 หรือ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน หลังจากนั้นจึงแปรสภาพหน่วยงานศอ.รส. เป็น ศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน หรือ ศอฉ. เพื่อให้สอดคล้องกับการประกาศใช้ พรก.ฉุกเฉิน มอบหมายให้นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นผอ.ศอฉ. และหัวหน้าผู้รับผิดชอบอีกตำแหน่งด้วย ซึ่งมีการประชุมกันทุกวันเพื่อประเมินข้อมูลข่าวสารจากสื่อและหน่วยงงานต่าง ๆ

พ.อ.สรรเสริญ เบิกความต่อว่า ตนเองได้รับมอบหมายให้เป็นโฆษก ศอฉ.มีหน้าที่นำมติของที่ประชุม ศอฉ.ไปชี้แจงให้ประชาชนและสื่อมวลชนทราบ เกี่ยวกับสถานการณ์ เพื่อให้เกิดความปลอดภัยในชีวิตประชาชนและความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง  โดยมีกฎการใช้กำลัง 7 ขั้นตอน ซึ่งเป็นไปตามหลักสากล เน้นจากมาตรการเบาไปหาหนัก  และการใช้อาวุธ มี 2 ลักษณะ คือ 1. กระสุนซ้อมรบ หรือลูกแบ๊งค์ เพื่อปฏิบัติการจิตวิทยาข่มขวัญกลุ่มผู้ชุมนุม ปกติจะไม่มีลูกไฟออกจากปากกระบอกปืน แต่บางกรณีมีลูกไฟออกจากปากกระบอก แต่จะปรากฏประกายไฟน้อยมาก  2.กระสุนยาง ซึ่งใช้กับปืนลูกซอง  จะใช้ยิงในระยะห่างประมาณ 30 เมตร จะไม่ทำให้เกิดอันตรายต่อชีวิต ขั้นตอนสุดท้ายเป็นการใช้กระสุนจริง ที่จะใช้วิธียิงขึ้นฟ้า หรือยิงเฉียงไปในทิศทางที่ปลอดภัย ซึ่งกระสุนจะไปไกลประมาณ 3 ก.ม..เพื่อข่มขวัญกลุ่มผู้ชุมนุมที่ทำผิดกฎหมาย

อย่างไรก็ตามการจะใช้กระสุนจริง ก็ต่อเมื่อเห็นกลุ่มผู้ชุมนุมประทุษร้ายต่อประชาชนหรือเจ้าหน้าที่จนเกิด อันตรายต่อชีวิต และเจ้าหน้าที่ไม่สามารถหยุดยั้งด้วยวิธีการอื่นได้อีก โดยจะยิงไปยังจุดหรืออวัยวะของร่างกายส่วนที่ไม่สำคัญ

พ.อ.สรรเสริญ เบิกความอีกว่า เมื่อวันที่ 10 เม.ย.2553 ศอฉ.ได้มีคำสั่งเพิ่มเติมขอคืนพื้นที่ โดยออกเป็นมติที่ประชุม  จากนั้นได้สั่งการทางวิทยุไปยังหน่วยกำลังต่างๆ  เพื่อให้เจ้าหน้าที่ออกปฏิบัติหน้าที่ในฐานะเจ้าพนักงานบริเวณสะพานผ่านฟ้า และพื้นที่ใกล้เคียงโดยปฏิบัติตามกฎการใช้กำลัง โดยช่วงแรกสถานการณ์ไม่มีความรุนแรง กระทั่งก่อนเวลาประมาณ 17.00 น. ทาง ศอฉ.ได้มีคำสั่งให้ทุกหน่วยยุติปฏิบัติหน้าที่และถอนกำลัง เนื่องจากเห็นเวลา ใกล้จะมืดค่ำ เกรงจะมีกลุ่มอื่นสวมรอยก่อเหตุรุนแรงขึ้น
และวันเดียวกันเวลา 15.00 น. บริเวณสะพานปื่นเกล้าและถนนดินสอ กลุ่มผู้ชุมนุมเสื้อแดงได้ก่อเหตุแย่งอาวุธปืนของเจ้าหน้าที่ กระทั่งช่วงหัวค่ำ เจ้าหน้าที่ซึ่งปฏิบัติหน้าที่ อยู่บริเวณแยกคอกหัวถูกกลุ่มนปช.ปิดทั้งด้านหน้าและด้านหลัง ทำให้ไม่สามารถออกมาได้ ขณะเดียวกันก็มีเหตุการณ์ชายชุดดำที่แฝงกายอยู่ภายในกลุ่มคนเสื้อแดง ยิงระเบิดเอ็ม. 79 และระเบิดขว้างเข้าใส่ ทำให้ พ.อ.ร่มเกล้า ธุวธรรม หรือเสธ.เปา อดีตรองเสนาธิการกองพลทหารราบที่ 2 เสียชีวิตและทหารบาดเจ็บอีกหลายราย หลังเหตุการณ์ความรุนแรงวันที่ 10 เม.ย.2553 ปรากฏว่า อาวุธปืนของเจ้าหน้าที่สูญหายไป และแจ้งความไว้ที่สน.บางยี่ขัน ประกอบด้วย อาวุธปืน ทาโว่ 12 กระบอก และปืนลูกซอง 35 กระบอก และปรากฏว่าทางกลุ่มคนเสื้อแดงได้นำอาวุธปืนที่แย่งจากเจ้าหน้าที่ไปโชว์บน เวทีการชุมนุมที่บริเวณสะพานผ่านฟ้า และต่อมาเจ้าหน้าที่สามารถยึดคืนมาได้บางส่วนจากโรงแรมสวัสดี

จนกระทั่งวันที่ 19 พ.ค.2553 มีกลุ่มคนยิงปืนเอ็ม 79 เข้าในแฟลตตำรวจและสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอส มีผู้บาดเจ็บหลายราย จึงมีคำสั่งให้กระชับพื้นที่ โดยเจ้าหน้าที่ได้เคลื่อนกำลังไปกดดันและเข้าไปได้แค่ถนนราชดำริ แยกเฉลิมเผ่าและแยกชิดลม และหยุดอยู่แค่นั้น ไม่เข้าไปยังแยกราชประสงค์ซึ่งกลุ่มนปช.ชุมนุมอยู่ โดยเป็นวิธีการสร้างความกดดันและกระะชับวงล้อมเข้ามาเพื่อให้กลุ่มผู้ชุมนุม ยุติการชุมนุมไปเอง และมีจุดประสงค์เพื่อจะเข้าไปควบคุมพื้นที่สวนลุมพินี ซึ่งเป็นจุดสำคัญที่ทราบว่ามีการซุกซ่อนและยิงระเบิดเอ็ม 79 มาจากบริเวณนั้น ส่วนเหตุการณ์ยิงสกัดรถตู้ที่บริเวณถนนราชปรารภนั้น ตนเองไม่ทราบเนื่องจากปฏิบัติงานอยู่ในส่วนกลางไม่ได้ออกไปอยู่ในพื้นที่ดัง กล่าว แต่ทราบว่าพื้นที่ดังกล่าวอยู่ในความรับผิดชอบของกองพลที่ 1 รักษาพระองค์ ซึ่งควบคุมดูแลตั้งแต่ บริเวณถนนราชปรารภ ถนนศรีอยุธยา ถนนพญาไท ถนนราชวิถีและถนนเพชรบุรี

ทั้งนี้พยานเบิกความเรื่องอื่นแล้วเสร็จ ศาลจึงนัดไต่สวนพยานต่อในวันที่ 6 ก.ค.นี้เวลา  09.00 น.

0 - ซ่อมคอมพิวเตอร์นอกสถานที่ บางกะปิ 083-792-5426:

แสดงความคิดเห็น

หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น

Blog Archive

Design Downloaded from ซ่อมคอมพิวเตอร์นอกสถานที่ รามคำแหง บางกะปิ | Free Textures | Web Design Resources