เมื่อวันที่ 5 ส.ค. คณะนักกีฬา
และเจ้าหน้าที่ของไทยที่เสร็จสิ้นภาระกิจการแข่งขันโอลิมปิกเกมส์ 2012
ที่กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ได้ทยอยเดินทางกลับมาถึงประเทศไทยแล้ว
ด้วยสายการบินไทย เที่ยวบินที่ ทีจี 917
โดยที่ได้ความสนใจมากที่สุดหนีไม่พ้น “แต้ว” พิมศิริ ศิริแก้ว
เจ้าของเหรียญเงินยกน้ำหนัก รุ่น 58 กก. หญิง ซึ่งเป็นเหรียญแรก
และเหรียญรางวัลเดียวของทัพนักกีฬาไทยในขณะนี้
เดินทางพร้อมด้วยคณะยกน้ำหนัก นำโดย “เสธ.ยอด” พล.ต.อินทรัตน์ ยอดบางเตย
นายกสมาคมยกน้ำหนักสมัครเล่นแห่งประเทศไทย, “มาดามบุษ” บุษบา ยอดบางเตย,
นักกีฬา สิริวิมล ประมงคล, รัตติกาล กุลน้อย, อรรถพล แดงจันทึก, จตุภูมิ
ชินวงศ์, พิทยา ตีบนอก และสต๊าฟฟ์โค้ช ขณะที่นักกีฬาชนิดอื่นๆ มีดังนี้
“แป๋ว” นันทนา คำวงศ์ จากเทเบิลเทนนิส, วิทยา คำว่อง จากยิงธนู และ
ธีรวัฒน์ หอมกลิ่ม จากยูโด
สำหรับบรรยากาศที่สนามบินสุวรรณภูมิคึกคึกเป็นอย่างมาก มีกองทัพสื่อมวลชนจากทุกแขนงในประเทศไทยมาร่วมรายงานข่าวจำนวนมาก รวมทั้งครอบครัว, ญาติพี่น้อง และชาวบ้านที่เดินทางมาจาก อ.มัญจาคีรี จ.ขอนแก่น ประมาณ 50 คน โดยส่วนใหญ่โพกผ้าคาดศีรษะเขียนข้อความร่วมยินดีกับฮีโร่สาว และยังมีเด็กๆบางส่วนร้องเพลง “สาวอีสานรอรัก” ต้อนรับการกลับบ้านด้วย นอกจากนี้ นายสมพงษ์ ชาตะวิถี อธิบดีสถาบันการพลศึกษา (สพล.) ยังได้นำรุ่นน้องของแต้วจากโรเรียนกีฬาจังหวัดชลบุรี และเพื่อนร่วมสถาบันการพลศึกษาจังหวัดชลบุรีอีกกว่า 50 คน เดินทางมาแสดงความยินดี ขณะที่นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทย และชาวต่างประเทศต่างพากันสงสัยว่าเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้น และทันทีที่รู้ว่าเจ้าของเหรียญเงินโอลิมปิกเกมส์กำลังจะเดินทางมาถึงก็ ตื่นเต้น และบางคนยืนรอเพื่อจะได้ยลโฉมฮีโร่คนใหม่ด้วย
นายสมพงษ์ ชาติวิถี กล่าวว่า ถือเป็นความภาคภูมิใจของ สพล. ที่สามารถพัฒนานักกีฬาจนก้าวไปถึงเหรียญโอลิมปิกเกมส์ได้สำเร็จ และเป็นแรงใจให้ สพล. มุ่งมั่นที่จะพัฒนาศักยภาพการดำเนินงานให้มีประสิทธิภาดียิ่งขึ้นไป
ขณะที่รุ่นน้องของ “แต้ว” ที่โรงเรียนกีฬาจังหวัดชลบุรี และ สพล.ชลบุรี เปิดเผยว่า “แต้ว” เป็นนักกีฬาที่ขยันฝึกซ้อม โดยจะเป็นผู้นำนักกีฬารุ่นน้องฝึกซ้อมตลอด ช่วงเช้าเวลา 05.00-08.00 น. และช่วงเย็น 16.00-19.00 น. โดยวันที่ “แต้ว” ลงแข่งขันก็ได้ร่วมใจกันเชียร์ผ่านหน้าโปรเจ็คเตอร์ โดยระหว่างชมการแข่งขันก็ได้อธิบายการเล่นยกน้ำหนักให้กับนักกีฬาชนิดอื่นๆ ที่มาร่วมเชียร์ได้เข้าใจด้วย
จากนั้นเวลาประมาณ 15.30 น. แต้ว ได้เดินทางออกมาจากห้องผู้โดยสารขอเข้า ซึ่งทันทีที่ฮีโร่สาวเห็นครอบครัว, ญาติพี่น้อง, รุ่นน้อง และเพื่อนร่วมสถาบัน, สื่อมวลชน, แฟนกีฬาชาวไทย และผู้บริหารสมาคมมารอต้อนรับจำนวนมาก เจ้าตัวถึงกลั้นน้ำตาไม่อยู่ ก่อนจะเปิดใจว่า ขอขอบคุณ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ที่ดูแลหาทางออกจากกรณีที่สมาคมยกน้ำหนักฯ ต้องจ่ายค่าปรับเกี่ยวกับสารกระตุ้นให้กับสหพันธ์ยกน้ำหนักนานาชาติ (ไอดับบลิวเอฟ) จนทำให้ทีมยกน้ำหนักได้ไปแข่งขัน และสามารถคว้าเหรียญเงินมาได้ และขอขอบคุณพี่น้องชาวไทยที่ให้กำลังใจ
น้องแต้ว กล่าวต่อว่า ตนจะยังเล่นกีฬายกน้ำหนักต่อไป และตั้งใจว่าในอีก 4 ปีข้างหน้าจะได้ร่วมทีมไปแข่งขันโอลิมปิกเกมส์ 2016 ที่ประเทศบราซิล แต่ไม่ฟันธงว่าจะได้เหรียญทองหรือไม่ เพราะเป็นเรื่องของอนาคต ส่วนเรื่องอนาคตตั้งใจว่าอยากเป็นทหาร ซึ่งก็คงต้องปรึกษาผู้ใหญ่ และดำเนินการตามขั้นตอน
ขอใช้ชีวิตแบบเดิมผู้สื่อข่าวถามต่อว่าการประสบความสำเร็จครั้งนี้จะทำให้ ชีวิตเปลี่ยนไปหรือไม่ สาวเสียงห้าวตอบว่า ตนก็ยังจะใช้ชีวิตเหมือนเดิม ตั้งใจฝึกซ้อมต่อไป ส่วนเหรียญเงินที่ได้มาจะมอบให้แม่เนื่องในวันแม่แห่งชาติ “แต้วไม่ได้บนสิ่งศักดิ์สิทธิ์อะไรเลย ส่วนใหญ่เป็นไหว้พระขอพรมากกว่า โดยเหรียญเงินนี้จะมอบให้คนไทยทุกคน และถือเป็นของขวัญให้แม่ เนื่องในวันแม่แห่งชาติ 12 สิงหาคมนี้ด้วย”
นางอมรรัตน์ ศิริแก้ว มารดาของ “แต้ว” เปิดเผยว่า ตื่นเต้น และดีใจมากที่ได้เจอหน้าลูกสาว ดีใจมากที่สุดในชีวิตที่ “แต้ว” สามารถเหรียญรางวัลกลับมาให้ประเทศชาติได้ หลังจากนี้จะกลับไปบวชชีพราหมณ์ 9 วัน และจัดฉายหนัง 3 คืนตามที่ได้บนไว้กับหลวงพ่อวาสนา วัดโพธิ์ทอง ส่วนแหวนทองคำที่สลักนามสกุล “โพธิ์ศิริ” ซึ่งมาจากนามสกุลของพ่อ “ศิริแก้ว” และ “โพธิ์พัฒน์” ของแม่มารวมกัน ที่จะมอบลูกสาวที่บ้าน ขณะที่ทาง อ.มัญจาคีรี และจ.ขอนแก่น ได้เตรียมต้อนรับด้วยการจัดแห่รอบอำเภอ และเลี้ยงโต๊ะจีน 150 โต๊ะ
นายคำปุ่น ศิริแก้ว บิดาฮีโร่สาว กล่าวว่า ชีวิตหลังจากนี้ก็จะให้แต้วตัดสินใจว่าจะเล่นยกน้ำหนักต่อหรือไม่ ส่วนเงินรางวัลต่างๆ ที่ได้มาก็จะให้ แต้ว เป็นคนตัดสินใจ และยืนยันว่าทางครอบครัวจะใช้ชีวิตแบบพอมีพอกินแบบเดิม ไม่สุรุ่ยสุร่ายแน่นอน เพราะเงินในส่วนนี้ถือเป็นรางวัลที่ลูกสาวต้องฝึกซ้อมมาอย่างหนักตลอดหลายปี ที่ผ่านมา
กัปตันการบินไทยซึ่งรับหน้าที่ในเที่ยวบิน 917 ไฟล์ทที่ “แต้ว” เดินทางกลับประเทศไทย เปิดเผยว่า ระหว่างที่อยู่บนเครื่องบิน กัปตันได้ประกาศให้กับผู้โดยสารที่อยู่บนเครื่องบินทราบว่าในเที่ยวบินดัง กล่าวมีจอมพลังเหรียญเงินลอนดอนเกมส์รวมอยู่ด้วย ซึ่งผู้โดยสารทั้งลำได้พร้อมใจปรบมือแสดงความยินดี จากนั้นกัปตันได้เปิดเครื่องดื่มฉลองความสำเร็จ และถ่ายภาพเป็นที่ระลึกด้วย
“เสธ.ยอด” พล.ต.อินทรัตน์ ยอดบางเตย นายกสมาคมยกน้ำหนักสมัครเล่นแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า โอลิมปิกเกมส์ครั้งนี้ยอมรับว่าเตรียมตัวน้อยกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา แต่ก็พอใจกับ 1 เหรียญเงินที่ได้มา และถือเป็นเหรียญรางวัลแรกของทัพนักกีฬาไทย แต่ก็รู้สึกเสียดายน่าจะมีเหรียญทองแดงเพิ่มด้วย แต่นักกีฬาชุดนี้ทุกคนยังอายุน้อยยะงจะเป็นกำลังของชาติในการแข่งขันระดับ นานาชาติรายการอื่นๆ ต่อไป โดยในโอลิมปิกเกมส์ 2016 จะใช้นักกีฬาชุดนี้ และจะพัฒนานักกีฬารุ่นใหม่ขึ้นมาเป็นตัวเลือกด้วย
ผู้สื่อข่าวถามต่อว่าทำไมถึงเลือกส่งนักกีฬาหญิงรุ่นละ 2 คน คือ 48 กก. และ 58 กก. โดย พล.ต.อินทรัตน์ กล่าวว่า เพื่อป้องกันการผิดพลาด และนักกีฬาหญิงใน 2 รุ่นนี้ถือว่ามีโอกาสจะคว้าเหรียญมากที่สุด ซึ่งสมาคมฯ ได้ศึกษาและพิจารณาอย่างรอบคอบแล้ว
ด้าน วรรธนะ ธัญญา ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายขาย รร.อิมพีเรียลควีนส์ปาร์ค เปิดเผยว่า ก่อนหน้านี้โรงแรมได้จัดห้องพรีเมียร์ คอนเนอร์ สวีท ไว้รอรับน้องแต้ว และทีมยกน้ำหนัก ราคาประมาณหมื่นกว่าบาท แต่ล่าสุดได้อัพเกรดขึ้นไปเป็นห้องแกรนด์ เพนต์เฮาส์ สวีท ราคาต่อคืนประมาณ 1.2 แสนบาท โดยภายในจะประกอบด้วยห้องนอน 3 ห้อง และห้องนั่งเล่นใหญ่ 1 ห้อง ตกแต่งภายในหรูหรา และมีอ่างจากุซซี่ขนาดใหญ่ รวมทั้งยังสามารถมองเห็นวิวของกรุงเทพฯ ได้รอบด้าน และชัดเจน
สำหรับห้องพักดังกล่าวตั้งอยู่บนชั้น 37 ซึ่งเป็นชั้นสูงสุดของโรงแรม โดยทั้งชั้นมีแค่ 3 ห้อง โดยห้องพักประเภทนี้เคยต้อนรับเหล่าคนดังจากทั่วโลกมาแล้วมากมาย นอกจากนี้ทางโรงแรมยังเตรียมเมนูอาหารหลากหลายไว้รอต้องรับ นอกจากนี้ทางโรงแรมได้เตรียมเซอร์ไพร์สด้วยเมนูพิเศษ “ส้มตำกุ้งย่าง” ปรุงโดยเชฟมือ 1 ของโรงแรมไว้รอต้อนรับ
ความเคลื่อนไหวนักกีฬาไทยอีก 3 คน มีดังนี้ “แป๋ว” นันทนา คำวงศ์ นักตบลูกเด้งสาวไทยที่จอดป้ายรอบ 2 กล่าวว่า พอใจกับผลงาน ส่วนตัวตั้งใจจะเล่นเทเบิลเทนนิสต่ออีก 2-3 ปี แต่หากร่างกายยังไหวก็จะขอสู้ต่อในโอลิมปิกเกมส์ครั้งหน้า แต่ระหว่างนี้จะพยายามช่วยงานสมาคมเทเบิลเทนนิสแห่งประเทศไทยให้มากขึ้น อาทิ เป็นคู่ซ้อมให้รุ่นน้อง และช่วยพัฒนานักกีฬาเยาวชนด้วย
วิทยา ทำว่อง โรบินฮู้ดที่ตกรอบ 64 คน กล่าวว่า แม้จะตกรอบแรก แต่ถือเป็นประสบการณ์ที่ได้ไปแข่งขันเวทีโอลิมปิกเกมส์ ทำให้ได้พบจุดบกพร่องของตัวเอง เพื่อแก้ไขในการแข่งขันรายกาอื่นๆ
ธีรวัฒน์ หอมกลิ่น ยูโดร่างยักษ์ที่ตกรอบแรก กล่าวว่า ปรกติตอนอยู่เมืองไทยตนไม่ค่อยมีคู่ซ้อม เพราะเป็นรุ่นใหญ่ 100 กก. การไปแข่งขันครั้งนี้ทำให้ได้ฝึกซ้อมกับนักกีฬาชาติอื่น รวมทั้งได้เห็นการใช้ชีวิตของนักกีฬาจากประเทศต่างๆ ซึ่งสิ่งที่เห็นได้ชัดคงเป็นในเรื่องของโภชนาการที่ชาติอื่นค่อนข้างเป้ฯมือ อาชีพมาก ตนจึงจะนำประสบการณ์ที่ได้เห็นมารรายงานต่อผู้บริหารสมาคมฯ เพื่อพัฒนาต่อไป
สำหรับบรรยากาศที่สนามบินสุวรรณภูมิคึกคึกเป็นอย่างมาก มีกองทัพสื่อมวลชนจากทุกแขนงในประเทศไทยมาร่วมรายงานข่าวจำนวนมาก รวมทั้งครอบครัว, ญาติพี่น้อง และชาวบ้านที่เดินทางมาจาก อ.มัญจาคีรี จ.ขอนแก่น ประมาณ 50 คน โดยส่วนใหญ่โพกผ้าคาดศีรษะเขียนข้อความร่วมยินดีกับฮีโร่สาว และยังมีเด็กๆบางส่วนร้องเพลง “สาวอีสานรอรัก” ต้อนรับการกลับบ้านด้วย นอกจากนี้ นายสมพงษ์ ชาตะวิถี อธิบดีสถาบันการพลศึกษา (สพล.) ยังได้นำรุ่นน้องของแต้วจากโรเรียนกีฬาจังหวัดชลบุรี และเพื่อนร่วมสถาบันการพลศึกษาจังหวัดชลบุรีอีกกว่า 50 คน เดินทางมาแสดงความยินดี ขณะที่นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทย และชาวต่างประเทศต่างพากันสงสัยว่าเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้น และทันทีที่รู้ว่าเจ้าของเหรียญเงินโอลิมปิกเกมส์กำลังจะเดินทางมาถึงก็ ตื่นเต้น และบางคนยืนรอเพื่อจะได้ยลโฉมฮีโร่คนใหม่ด้วย
นายสมพงษ์ ชาติวิถี กล่าวว่า ถือเป็นความภาคภูมิใจของ สพล. ที่สามารถพัฒนานักกีฬาจนก้าวไปถึงเหรียญโอลิมปิกเกมส์ได้สำเร็จ และเป็นแรงใจให้ สพล. มุ่งมั่นที่จะพัฒนาศักยภาพการดำเนินงานให้มีประสิทธิภาดียิ่งขึ้นไป
ขณะที่รุ่นน้องของ “แต้ว” ที่โรงเรียนกีฬาจังหวัดชลบุรี และ สพล.ชลบุรี เปิดเผยว่า “แต้ว” เป็นนักกีฬาที่ขยันฝึกซ้อม โดยจะเป็นผู้นำนักกีฬารุ่นน้องฝึกซ้อมตลอด ช่วงเช้าเวลา 05.00-08.00 น. และช่วงเย็น 16.00-19.00 น. โดยวันที่ “แต้ว” ลงแข่งขันก็ได้ร่วมใจกันเชียร์ผ่านหน้าโปรเจ็คเตอร์ โดยระหว่างชมการแข่งขันก็ได้อธิบายการเล่นยกน้ำหนักให้กับนักกีฬาชนิดอื่นๆ ที่มาร่วมเชียร์ได้เข้าใจด้วย
จากนั้นเวลาประมาณ 15.30 น. แต้ว ได้เดินทางออกมาจากห้องผู้โดยสารขอเข้า ซึ่งทันทีที่ฮีโร่สาวเห็นครอบครัว, ญาติพี่น้อง, รุ่นน้อง และเพื่อนร่วมสถาบัน, สื่อมวลชน, แฟนกีฬาชาวไทย และผู้บริหารสมาคมมารอต้อนรับจำนวนมาก เจ้าตัวถึงกลั้นน้ำตาไม่อยู่ ก่อนจะเปิดใจว่า ขอขอบคุณ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ที่ดูแลหาทางออกจากกรณีที่สมาคมยกน้ำหนักฯ ต้องจ่ายค่าปรับเกี่ยวกับสารกระตุ้นให้กับสหพันธ์ยกน้ำหนักนานาชาติ (ไอดับบลิวเอฟ) จนทำให้ทีมยกน้ำหนักได้ไปแข่งขัน และสามารถคว้าเหรียญเงินมาได้ และขอขอบคุณพี่น้องชาวไทยที่ให้กำลังใจ
น้องแต้ว กล่าวต่อว่า ตนจะยังเล่นกีฬายกน้ำหนักต่อไป และตั้งใจว่าในอีก 4 ปีข้างหน้าจะได้ร่วมทีมไปแข่งขันโอลิมปิกเกมส์ 2016 ที่ประเทศบราซิล แต่ไม่ฟันธงว่าจะได้เหรียญทองหรือไม่ เพราะเป็นเรื่องของอนาคต ส่วนเรื่องอนาคตตั้งใจว่าอยากเป็นทหาร ซึ่งก็คงต้องปรึกษาผู้ใหญ่ และดำเนินการตามขั้นตอน
ขอใช้ชีวิตแบบเดิมผู้สื่อข่าวถามต่อว่าการประสบความสำเร็จครั้งนี้จะทำให้ ชีวิตเปลี่ยนไปหรือไม่ สาวเสียงห้าวตอบว่า ตนก็ยังจะใช้ชีวิตเหมือนเดิม ตั้งใจฝึกซ้อมต่อไป ส่วนเหรียญเงินที่ได้มาจะมอบให้แม่เนื่องในวันแม่แห่งชาติ “แต้วไม่ได้บนสิ่งศักดิ์สิทธิ์อะไรเลย ส่วนใหญ่เป็นไหว้พระขอพรมากกว่า โดยเหรียญเงินนี้จะมอบให้คนไทยทุกคน และถือเป็นของขวัญให้แม่ เนื่องในวันแม่แห่งชาติ 12 สิงหาคมนี้ด้วย”
นางอมรรัตน์ ศิริแก้ว มารดาของ “แต้ว” เปิดเผยว่า ตื่นเต้น และดีใจมากที่ได้เจอหน้าลูกสาว ดีใจมากที่สุดในชีวิตที่ “แต้ว” สามารถเหรียญรางวัลกลับมาให้ประเทศชาติได้ หลังจากนี้จะกลับไปบวชชีพราหมณ์ 9 วัน และจัดฉายหนัง 3 คืนตามที่ได้บนไว้กับหลวงพ่อวาสนา วัดโพธิ์ทอง ส่วนแหวนทองคำที่สลักนามสกุล “โพธิ์ศิริ” ซึ่งมาจากนามสกุลของพ่อ “ศิริแก้ว” และ “โพธิ์พัฒน์” ของแม่มารวมกัน ที่จะมอบลูกสาวที่บ้าน ขณะที่ทาง อ.มัญจาคีรี และจ.ขอนแก่น ได้เตรียมต้อนรับด้วยการจัดแห่รอบอำเภอ และเลี้ยงโต๊ะจีน 150 โต๊ะ
นายคำปุ่น ศิริแก้ว บิดาฮีโร่สาว กล่าวว่า ชีวิตหลังจากนี้ก็จะให้แต้วตัดสินใจว่าจะเล่นยกน้ำหนักต่อหรือไม่ ส่วนเงินรางวัลต่างๆ ที่ได้มาก็จะให้ แต้ว เป็นคนตัดสินใจ และยืนยันว่าทางครอบครัวจะใช้ชีวิตแบบพอมีพอกินแบบเดิม ไม่สุรุ่ยสุร่ายแน่นอน เพราะเงินในส่วนนี้ถือเป็นรางวัลที่ลูกสาวต้องฝึกซ้อมมาอย่างหนักตลอดหลายปี ที่ผ่านมา
กัปตันการบินไทยซึ่งรับหน้าที่ในเที่ยวบิน 917 ไฟล์ทที่ “แต้ว” เดินทางกลับประเทศไทย เปิดเผยว่า ระหว่างที่อยู่บนเครื่องบิน กัปตันได้ประกาศให้กับผู้โดยสารที่อยู่บนเครื่องบินทราบว่าในเที่ยวบินดัง กล่าวมีจอมพลังเหรียญเงินลอนดอนเกมส์รวมอยู่ด้วย ซึ่งผู้โดยสารทั้งลำได้พร้อมใจปรบมือแสดงความยินดี จากนั้นกัปตันได้เปิดเครื่องดื่มฉลองความสำเร็จ และถ่ายภาพเป็นที่ระลึกด้วย
“เสธ.ยอด” พล.ต.อินทรัตน์ ยอดบางเตย นายกสมาคมยกน้ำหนักสมัครเล่นแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า โอลิมปิกเกมส์ครั้งนี้ยอมรับว่าเตรียมตัวน้อยกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา แต่ก็พอใจกับ 1 เหรียญเงินที่ได้มา และถือเป็นเหรียญรางวัลแรกของทัพนักกีฬาไทย แต่ก็รู้สึกเสียดายน่าจะมีเหรียญทองแดงเพิ่มด้วย แต่นักกีฬาชุดนี้ทุกคนยังอายุน้อยยะงจะเป็นกำลังของชาติในการแข่งขันระดับ นานาชาติรายการอื่นๆ ต่อไป โดยในโอลิมปิกเกมส์ 2016 จะใช้นักกีฬาชุดนี้ และจะพัฒนานักกีฬารุ่นใหม่ขึ้นมาเป็นตัวเลือกด้วย
ผู้สื่อข่าวถามต่อว่าทำไมถึงเลือกส่งนักกีฬาหญิงรุ่นละ 2 คน คือ 48 กก. และ 58 กก. โดย พล.ต.อินทรัตน์ กล่าวว่า เพื่อป้องกันการผิดพลาด และนักกีฬาหญิงใน 2 รุ่นนี้ถือว่ามีโอกาสจะคว้าเหรียญมากที่สุด ซึ่งสมาคมฯ ได้ศึกษาและพิจารณาอย่างรอบคอบแล้ว
ด้าน วรรธนะ ธัญญา ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายขาย รร.อิมพีเรียลควีนส์ปาร์ค เปิดเผยว่า ก่อนหน้านี้โรงแรมได้จัดห้องพรีเมียร์ คอนเนอร์ สวีท ไว้รอรับน้องแต้ว และทีมยกน้ำหนัก ราคาประมาณหมื่นกว่าบาท แต่ล่าสุดได้อัพเกรดขึ้นไปเป็นห้องแกรนด์ เพนต์เฮาส์ สวีท ราคาต่อคืนประมาณ 1.2 แสนบาท โดยภายในจะประกอบด้วยห้องนอน 3 ห้อง และห้องนั่งเล่นใหญ่ 1 ห้อง ตกแต่งภายในหรูหรา และมีอ่างจากุซซี่ขนาดใหญ่ รวมทั้งยังสามารถมองเห็นวิวของกรุงเทพฯ ได้รอบด้าน และชัดเจน
สำหรับห้องพักดังกล่าวตั้งอยู่บนชั้น 37 ซึ่งเป็นชั้นสูงสุดของโรงแรม โดยทั้งชั้นมีแค่ 3 ห้อง โดยห้องพักประเภทนี้เคยต้อนรับเหล่าคนดังจากทั่วโลกมาแล้วมากมาย นอกจากนี้ทางโรงแรมยังเตรียมเมนูอาหารหลากหลายไว้รอต้องรับ นอกจากนี้ทางโรงแรมได้เตรียมเซอร์ไพร์สด้วยเมนูพิเศษ “ส้มตำกุ้งย่าง” ปรุงโดยเชฟมือ 1 ของโรงแรมไว้รอต้อนรับ
ความเคลื่อนไหวนักกีฬาไทยอีก 3 คน มีดังนี้ “แป๋ว” นันทนา คำวงศ์ นักตบลูกเด้งสาวไทยที่จอดป้ายรอบ 2 กล่าวว่า พอใจกับผลงาน ส่วนตัวตั้งใจจะเล่นเทเบิลเทนนิสต่ออีก 2-3 ปี แต่หากร่างกายยังไหวก็จะขอสู้ต่อในโอลิมปิกเกมส์ครั้งหน้า แต่ระหว่างนี้จะพยายามช่วยงานสมาคมเทเบิลเทนนิสแห่งประเทศไทยให้มากขึ้น อาทิ เป็นคู่ซ้อมให้รุ่นน้อง และช่วยพัฒนานักกีฬาเยาวชนด้วย
วิทยา ทำว่อง โรบินฮู้ดที่ตกรอบ 64 คน กล่าวว่า แม้จะตกรอบแรก แต่ถือเป็นประสบการณ์ที่ได้ไปแข่งขันเวทีโอลิมปิกเกมส์ ทำให้ได้พบจุดบกพร่องของตัวเอง เพื่อแก้ไขในการแข่งขันรายกาอื่นๆ
ธีรวัฒน์ หอมกลิ่น ยูโดร่างยักษ์ที่ตกรอบแรก กล่าวว่า ปรกติตอนอยู่เมืองไทยตนไม่ค่อยมีคู่ซ้อม เพราะเป็นรุ่นใหญ่ 100 กก. การไปแข่งขันครั้งนี้ทำให้ได้ฝึกซ้อมกับนักกีฬาชาติอื่น รวมทั้งได้เห็นการใช้ชีวิตของนักกีฬาจากประเทศต่างๆ ซึ่งสิ่งที่เห็นได้ชัดคงเป็นในเรื่องของโภชนาการที่ชาติอื่นค่อนข้างเป้ฯมือ อาชีพมาก ตนจึงจะนำประสบการณ์ที่ได้เห็นมารรายงานต่อผู้บริหารสมาคมฯ เพื่อพัฒนาต่อไป
0 - ซ่อมคอมพิวเตอร์นอกสถานที่ บางกะปิ 083-792-5426:
แสดงความคิดเห็น
หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น