วันนี้ ( 7 ส.ค. ) ที่กรมสอบสวนคดีพิเศา(ดีเอสไอ) นายธาริต เพ็งดิษฐ์
อธิบดีดีเอสไอ
กล่าวถึงความคืบหน้าการตรวจสอบกรณีการขยายสัมปทานโครงการรถไฟฟ้าบีทีเอสของ
กทม.ว่า นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ รองนายกฯ และ รมว.มหาดไทย
ทำหนังสือตอบกลับข้อซักถามของดีเอสไอเกี่ยวกับการทำสัญญาให้บริการเดินรถและ
ซ่อมบำรุงระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพให้ชัดเจน
โดยระบุว่าการที่กทม.ทำสัญญาจ้างบริษัท กรุงเทพ ธนาคม
ให้บริหารสัญญาจ้างโครงการระบบขนส่งมวลชน กรุงเทพฯ ลงวันที่ 2 พ.ค. 2555
และต่อมาบริษัทกรุงเทพ ธนาคม ได้ทำสัญญาจ้างบริษัทระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ
จำกัด (มหาชน) หรือบีทีเอส ให้บริการเดินรถและซ่อมบำรุงตามสัญญาลงวันที่ 3
พ.ค. 2555 นั้น
เป็นผลจากการดำเนินโครงการระบบขนส่งมวลชนของกทม.ส่วนต่อขยายซึ่งเป็นระบบ
รถไฟฟ้าชนิดขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า
วิ่งบนรางคู่ยกระดับมีลักษณะเป็นรถราง ย่อมส่งผลให้สัญญาทั้ง 2
ฉบับดังกล่าว ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการดำเนินการตามโครงการระบบขนส่งมวลชน
ซึ่งมีลักษณะเป็นกิจการรถรางและเป็นเรื่องที่อยู่ในอำนาจกระทรวงมหาดไทย
นายธาริต กล่าวต่อว่า ในหนังสือฉบับดังกล่าวยังระบุด้วยว่า โครงการระบบขนส่งมวลชนของกทม.ที่ได้ดำเนินการเมื่อปี 2535 ก็เป็นกิจการเกี่ยวกับรถรางซึ่งรมว.มหาดไทยได้เคยอนุมัติให้สัมปทานตาม ประกาศคณะปฏิบัติที่ 58 ดังนั้น การที่กทม.ทำสัญญาจ้างบริษัท กรุงเทพ ธนาคม บริหารโครงการระบบขนส่งมวลชนและต่อมาบริษัท กรุงเทพ ธนาคมได้ทำสัญญาจ้างบริษัท บีทีเอส ให้บริการเดินรถและซ่อมบำรุง เป็นการดำเนินการที่มีลักษณะเป็นกิจการรถราง เป็นอำนาจหน้าที่ของกระทรวงมหาดไทย การดำเนินการดังกล่าวจึงอยู่ในบังคับประกาศคณะปฏิวัติฉบับที่ 58 ที่ห้ามไม่ให้บุคคลใดประกอบกิจการค้าขายอันเป็นสาธารณูปโภค เว้นแต่จะได้รับอนุญาตหรือได้รับสัมปทานจากรมว.มหาดไทย ทั้งนี้ จากการตรวจสอบยังไม่ปรากฏว่ารมว.มหาดไทยได้เคยอนุญาต หรือให้สัมปทานเกี่ยวกับสัญญาทั้ง 2 ฉบับ
นายธาริต กล่าวอีกว่า ตนจะทำหนังสือแจ้งไปยัง 3 หน่วยงาน ประกอบด้วย กทม. บริษัท กรุงเทพ ธนาคม และบีทีเอส กลุ่มธนายง เพื่อแจ้งรายละเอียดหนังสือตอบกลับของกระทรวงมหาดไทย และสอบถามความเห็นรวมถึงข้อโต้แย้งของทั้ง 3 หน่วยงาน เมื่อได้รับคำตอบจาก 3 หน่วยงานแล้วจะเสนอให้บรรจุเข้าที่ประชุมคณะกรรมการคดีพิเศษ(กคพ.) พิจารณารับเป็นคดีพิเศษต่อไป.
นายธาริต กล่าวต่อว่า ในหนังสือฉบับดังกล่าวยังระบุด้วยว่า โครงการระบบขนส่งมวลชนของกทม.ที่ได้ดำเนินการเมื่อปี 2535 ก็เป็นกิจการเกี่ยวกับรถรางซึ่งรมว.มหาดไทยได้เคยอนุมัติให้สัมปทานตาม ประกาศคณะปฏิบัติที่ 58 ดังนั้น การที่กทม.ทำสัญญาจ้างบริษัท กรุงเทพ ธนาคม บริหารโครงการระบบขนส่งมวลชนและต่อมาบริษัท กรุงเทพ ธนาคมได้ทำสัญญาจ้างบริษัท บีทีเอส ให้บริการเดินรถและซ่อมบำรุง เป็นการดำเนินการที่มีลักษณะเป็นกิจการรถราง เป็นอำนาจหน้าที่ของกระทรวงมหาดไทย การดำเนินการดังกล่าวจึงอยู่ในบังคับประกาศคณะปฏิวัติฉบับที่ 58 ที่ห้ามไม่ให้บุคคลใดประกอบกิจการค้าขายอันเป็นสาธารณูปโภค เว้นแต่จะได้รับอนุญาตหรือได้รับสัมปทานจากรมว.มหาดไทย ทั้งนี้ จากการตรวจสอบยังไม่ปรากฏว่ารมว.มหาดไทยได้เคยอนุญาต หรือให้สัมปทานเกี่ยวกับสัญญาทั้ง 2 ฉบับ
นายธาริต กล่าวอีกว่า ตนจะทำหนังสือแจ้งไปยัง 3 หน่วยงาน ประกอบด้วย กทม. บริษัท กรุงเทพ ธนาคม และบีทีเอส กลุ่มธนายง เพื่อแจ้งรายละเอียดหนังสือตอบกลับของกระทรวงมหาดไทย และสอบถามความเห็นรวมถึงข้อโต้แย้งของทั้ง 3 หน่วยงาน เมื่อได้รับคำตอบจาก 3 หน่วยงานแล้วจะเสนอให้บรรจุเข้าที่ประชุมคณะกรรมการคดีพิเศษ(กคพ.) พิจารณารับเป็นคดีพิเศษต่อไป.
0 - ซ่อมคอมพิวเตอร์นอกสถานที่ บางกะปิ 083-792-5426:
แสดงความคิดเห็น
หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น