11 กรรมการพรรคร่วมรัฐบาล เริ่มประชุมนัดแรกกางคำวินิจฉัยตุลาการศาลรัฐธรรมนูญร่วมหาทางออก
เมื่อเวลา 10.00 น. วันนี้ (7 ส.ค.) ที่พรรคเพื่อไทย
มีการประชุมนัดแรกของคณะทำงานพรรคร่วมรัฐบาลต่อกรณีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ 11
คน ซึ่งเข้าร่วมพร้อมเพรียง อาทิ นายโภคิน พลกุล อดีตประธานรัฐสภา
นายสามารถ แก้วมีชัย ส.ส.เชียงราย พรรคเพื่อไทย นายอุดมเดช รัตนเสถียร
ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาลหรือวิปรัฐบาล นายภราดร
ปริศนานันทกุล ส.ส.อ่างทอง พรรคชาติไทยพัฒนา นายประเสริฐ บุญชัยสุข
ส.ส.นครราชสีมา พรรคชาติพัฒนา นายสันตศักย์ จรูญ งามพิเชษฐ์
ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังชล เป็นต้น
นายสามารถ ให้สัมภาษณ์ก่อนการประชุมว่า การประชุมนัดแรกจะพิจารณาหาทางออกในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ และเปิดโอกาสให้ตัวแทนพรรคร่วมรัฐบาล เสนอแนวทางการเดินหน้าในวาระ 3 ต่อไป โดยจะต้องดูคำวินิจฉัยของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ทั้งในส่วนคำวินิจฉัยกลางและส่วนตัวเป็นหลัก รวมถึงดูเรื่องการทำประชามติว่าจำเป็นต้องดำเนินการหรือไม่ เนื่องจากร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญที่รอลงมติในวาระที่ 3 ได้กำหนดเรื่องทำประชามติอยู่แล้ว โดยถามประชาชนว่าจะคงรัฐธรรมนูญปี 2550 หรือ รับร่างใหม่ตามที่ ส.ส.ร. ยกร่าง ส่วนกรอบเวลาที่ชัดเจนนั้น ขึ้นอยู่กับที่ประชุมจะเสนอทางออกอย่างไร หากมีข้อโต้แย้งหรือหาข้อสรุปไม่ได้ ก็อาจต้องเชิญคณะกรรมการกฤษฎีกา ผู้ทรงคุณวุฒิด้านกฎหมาย นักวิชาการ มาร่วมเสนอความเห็นในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ
นายอุดมเดช กล่าวว่า ยังไม่สามารถระบุถึงกรอบเวลาได้ชัดเจนว่าจะใช้เวลาพิจารณานานเท่าใด เพราะต้องดูประเด็นในแต่ละเรื่อง รวมถึงต้องดำเนินการด้วยความรอบคอบ เนื่องจากเกรงว่าหากเร่งดำเนินการ อาจจะนำไปสู่การอ้างมาตรา 68 เสนอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยอีกครั้ง ดังนั้นคณะทำงานคงไม่สามารถดำเนินการตามความอยากของกลุ่มบุคคลใดบุคคลหนึ่ง ได้ โดยการประชุมวันนี้จะดูเรื่องการแต่งตั้งประธานคณะทำงานของพรรคร่วมรัฐบาลฯ ด้วย อย่างไรก็ตามในที่ประชุมคณะทำงานคงได้พูดถึงกรอบเวลาในการทำงาน เพราะแกนนำพรรคร่วมรัฐบาลต้องการความชัดเจนเวลาทำงาน ซึ่งเดิมเป็นข้อตกลงกันไว้ก่อนหน้านี้แล้ว รวมถึงต้องชัดเจนในเรื่องเนื้อหา จึงนัดหมายให้ประชุมของคณะทำงานทุกสัปดาห์ ที่ทำการพรรคเพื่อไทย ในเวลา 13.00 น.
นายสามารถ ให้สัมภาษณ์ก่อนการประชุมว่า การประชุมนัดแรกจะพิจารณาหาทางออกในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ และเปิดโอกาสให้ตัวแทนพรรคร่วมรัฐบาล เสนอแนวทางการเดินหน้าในวาระ 3 ต่อไป โดยจะต้องดูคำวินิจฉัยของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ทั้งในส่วนคำวินิจฉัยกลางและส่วนตัวเป็นหลัก รวมถึงดูเรื่องการทำประชามติว่าจำเป็นต้องดำเนินการหรือไม่ เนื่องจากร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญที่รอลงมติในวาระที่ 3 ได้กำหนดเรื่องทำประชามติอยู่แล้ว โดยถามประชาชนว่าจะคงรัฐธรรมนูญปี 2550 หรือ รับร่างใหม่ตามที่ ส.ส.ร. ยกร่าง ส่วนกรอบเวลาที่ชัดเจนนั้น ขึ้นอยู่กับที่ประชุมจะเสนอทางออกอย่างไร หากมีข้อโต้แย้งหรือหาข้อสรุปไม่ได้ ก็อาจต้องเชิญคณะกรรมการกฤษฎีกา ผู้ทรงคุณวุฒิด้านกฎหมาย นักวิชาการ มาร่วมเสนอความเห็นในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ
นายอุดมเดช กล่าวว่า ยังไม่สามารถระบุถึงกรอบเวลาได้ชัดเจนว่าจะใช้เวลาพิจารณานานเท่าใด เพราะต้องดูประเด็นในแต่ละเรื่อง รวมถึงต้องดำเนินการด้วยความรอบคอบ เนื่องจากเกรงว่าหากเร่งดำเนินการ อาจจะนำไปสู่การอ้างมาตรา 68 เสนอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยอีกครั้ง ดังนั้นคณะทำงานคงไม่สามารถดำเนินการตามความอยากของกลุ่มบุคคลใดบุคคลหนึ่ง ได้ โดยการประชุมวันนี้จะดูเรื่องการแต่งตั้งประธานคณะทำงานของพรรคร่วมรัฐบาลฯ ด้วย อย่างไรก็ตามในที่ประชุมคณะทำงานคงได้พูดถึงกรอบเวลาในการทำงาน เพราะแกนนำพรรคร่วมรัฐบาลต้องการความชัดเจนเวลาทำงาน ซึ่งเดิมเป็นข้อตกลงกันไว้ก่อนหน้านี้แล้ว รวมถึงต้องชัดเจนในเรื่องเนื้อหา จึงนัดหมายให้ประชุมของคณะทำงานทุกสัปดาห์ ที่ทำการพรรคเพื่อไทย ในเวลา 13.00 น.
0 - ซ่อมคอมพิวเตอร์นอกสถานที่ บางกะปิ 083-792-5426:
แสดงความคิดเห็น
หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น