วันนี้( 14 มิ.ย.) พล.ต.ต.พิสิฏฐ์ พิสุทธิ์ศักดิ์ รอง ผบช.น. พร้อมด้วย
พ.ต.อ.เมธี รักพันธุ์ ผกก.สส.บก.น.7 นำกำลังเข้าจับกุมนายบุญญฤทธิ์ หรือ
คิว ด้วงไพร อายุ 22 ปี สมาชิกแก๊งโอรส
ผู้ต้องตามหมายจับศาลจังหวัดตลิ่งชัน เลขที่ 334/2555 ลง วันที่ 14 มิ.ย.
ข้อหาฆ่าเจ้าพนักงานซึ่งกระทำตามหน้าที่
ต่อสู้ขัดขืนเจ้าพนักงานทำตามหน้าที่โดยมีและใช้อาวุธปืน
มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตและพกพา
อาวุธปืนโดยไม่ได้รับอนุญาต หลังก่อเหตุใช้อาวุธปืนขนาด .38 ยิงเข้าใส่
ด.ต.สนิท ริ้วทองชุ่ม ผบ.หมู่งาน จร. สน.บางยี่ขัน ช่วยราชการ กก.สส.บก.น.7
เสียชีวิตภายในซอยจรัญสนิทวงศ์ 28 แขวงบ้านช่างหล่อ เขตบางกอกน้อย
โดยจับกุมได้ภายในบ้านเลขที่ 262 ซอย 7 ชุมชนหมู่บ้านพุทธมณฑล
ถนนพุทธมณฑลสาย 2 แขวงบางแคเหนือ เขตบางแค
จากการตรวจค้นภายในบ้านหลังดังกล่าว พบอาวุธปืนขนาด 9 มม. 1 กระบอก ขนาด
.22 จำนวน 1 กระบอก อาวุธสงครามชนิด เอ็ม 3 จำนวน 1 กระบอก
เครื่องกระสุนปืนขนาด 11 มม. 95 นัด และอุปกรณ์เสพยาเสพติดอีก 1 ชุด
พล.ต.ต.พิสิฏฐ์ กล่าวว่า หลังเกิดเหตุ พ.ต.อ.เมธี ได้สั่งการให้ชุดจับกุมลงพื้นที่สืบสวนหาข้อมูลคนร้าย กระทั่งทราบว่าคนร้ายที่ก่อเหตุคือนายบุญญฤทธิ์ จึงได้ทำการออกหมายจับ จนสามารถติดตามจับกุมตัวได้ในที่สุด ส่วนอาวุธปืนของกลางที่ตรวจค้นได้นั้น จะทำการสอบสวนผู้ต้องหาอีกครั้งว่าเกิดใช้ก่อเหตุหรือไม่ พร้อมทั้งจะสอบถามถึงที่มาของปืนว่าได้มาอย่างไร ส่วนสมาชิกแก๊งโอรสนั้นจะทำการสอบสวนผู้ต้องหาว่ามีใครบ้าง และถ้าหากสอบสวนสมาชิกภายในแก๊งว่าเคยกระทำผิดก็จะคุมตัวมาดำเนินคดีต่อไป
จากการสอบสวนนายบุญญฤทธิ์ สารภาพว่า ก่อนเกิดเหตุกำลังจะนำเงินค่ายาเสพติดไปให้กับนายตี๋ ซึ่งเป็นระดับหัวหน้าในแก๊งโอรส จากนั้นผู้ตายเข้ามาขอตรวจซึ่งตนไม่ทราบว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยตอนนั้นคิดเพียงอย่างเดียวว่าแก๊งฝั่งตรงข้ามซึ่งมักจะมาดักรอปล้นเงิน จึงควักปืนออกมายิงจากนั้นได้โทรศัพท์ไปหาเพื่อนชื่อนายปอ ให้ไปรอรับบนสะพานพระราม 8 ก่อนทิ้งอาวุธปืนขนาด .38 ลงไปในแม่น้ำเจ้าพระยา แล้วหลบมามายังบ้านหลังดังกล่าว ซึ่งเป็นบ้านของน้าสาว ทั้งนี้เมื่อทราบข่าวว่าคนที่ตนยิงเสียชีวิตนั้นคือตำรวจ จึงเกิดความกลัวและปรึกษาทางญาติว่าจะเข้ามามอบตัวแต่ก็มาถูกจับได้ดังกล่าว เบื้องต้นเจ้าหน้าที่แจ้งข้อหาเพิ่มมีอาวุธสงครามและเครื่องกระสุนปืนไว้ใน ครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ก่อนจะนำตัวส่งพนักงานสอบสวน สน.บางกอกน้อย ดำเนินคดี.
พล.ต.ต.พิสิฏฐ์ กล่าวว่า หลังเกิดเหตุ พ.ต.อ.เมธี ได้สั่งการให้ชุดจับกุมลงพื้นที่สืบสวนหาข้อมูลคนร้าย กระทั่งทราบว่าคนร้ายที่ก่อเหตุคือนายบุญญฤทธิ์ จึงได้ทำการออกหมายจับ จนสามารถติดตามจับกุมตัวได้ในที่สุด ส่วนอาวุธปืนของกลางที่ตรวจค้นได้นั้น จะทำการสอบสวนผู้ต้องหาอีกครั้งว่าเกิดใช้ก่อเหตุหรือไม่ พร้อมทั้งจะสอบถามถึงที่มาของปืนว่าได้มาอย่างไร ส่วนสมาชิกแก๊งโอรสนั้นจะทำการสอบสวนผู้ต้องหาว่ามีใครบ้าง และถ้าหากสอบสวนสมาชิกภายในแก๊งว่าเคยกระทำผิดก็จะคุมตัวมาดำเนินคดีต่อไป
จากการสอบสวนนายบุญญฤทธิ์ สารภาพว่า ก่อนเกิดเหตุกำลังจะนำเงินค่ายาเสพติดไปให้กับนายตี๋ ซึ่งเป็นระดับหัวหน้าในแก๊งโอรส จากนั้นผู้ตายเข้ามาขอตรวจซึ่งตนไม่ทราบว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยตอนนั้นคิดเพียงอย่างเดียวว่าแก๊งฝั่งตรงข้ามซึ่งมักจะมาดักรอปล้นเงิน จึงควักปืนออกมายิงจากนั้นได้โทรศัพท์ไปหาเพื่อนชื่อนายปอ ให้ไปรอรับบนสะพานพระราม 8 ก่อนทิ้งอาวุธปืนขนาด .38 ลงไปในแม่น้ำเจ้าพระยา แล้วหลบมามายังบ้านหลังดังกล่าว ซึ่งเป็นบ้านของน้าสาว ทั้งนี้เมื่อทราบข่าวว่าคนที่ตนยิงเสียชีวิตนั้นคือตำรวจ จึงเกิดความกลัวและปรึกษาทางญาติว่าจะเข้ามามอบตัวแต่ก็มาถูกจับได้ดังกล่าว เบื้องต้นเจ้าหน้าที่แจ้งข้อหาเพิ่มมีอาวุธสงครามและเครื่องกระสุนปืนไว้ใน ครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ก่อนจะนำตัวส่งพนักงานสอบสวน สน.บางกอกน้อย ดำเนินคดี.
0 - ซ่อมคอมพิวเตอร์นอกสถานที่ บางกะปิ 083-792-5426:
แสดงความคิดเห็น
หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น