วันนี้ ( 18 ต.ค.) ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) นายพร้อมพงศ์
นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย เข้ายื่นหนังสือถึงนายธาริต เพ็งดิษฐ์
อธิบดีดีเอสไอ ขอให้ตรวจสอบกรณีนายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์
เลขาธิการภาคีเครือข่ายต่อต้านคอร์รัปชั่นแห่งชาติ(ภตช.)
ออกมาระบุว่าพบการไซฟ่อนเงินที่ฮ่องกง 1.6 หมื่นล้านบาท
พร้อมอ้างมีข้าราชการและนักการเมืองเข้าไปเกี่ยวข้องจนถูกนำมาขยายผลทางการ
เมือง ทั้งที่ไม่มีพยานหลักฐานใด ๆยืนยันข้อเท็จจริง
ดังนั้นเชื่อว่าน่าจะเป็นการกุข่าวเพื่อสร้างความปั่นป่วนให้ประเทศ เนื่องจากก่อนหน้านี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งกระทรวงยุติธรรม สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน(ป.ป.ง.)ที่มีหน้าที่ตรวจ สอบเส้นทางการเงินและสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่ง ชาติ (ป.ป.ช.) ต่างยืนยันว่าไม่มีเรื่องดังกล่าว จึงต้องการให้ดีเอสไอตรวจสอบว่ามีการไซฟ่อนเงินจริงหรือไม่ หากไม่มีมูลก็จะขอให้ดีเอสไอตรวจสอบพฤติกรรมของนายมงคลกิตติ์ นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ และ พ.ต.อ.ดุษฎี อารยวุฒิ รองปลัดกระทรวงยุติธรรม เนื่องจากตั้งข้อสังเกตว่าอาจอยู่เบื้องหลังการสร้างข่าวดังกล่าวที่ส่งผล กระทบต่อความมั่นคงของประเทศ รวมถึงกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างไทยและฮ่องกงด้วย
นายธาริต กล่าวว่า ดีเอสไอจะรับเรื่องดังกล่าวไว้พิจารณา และเห็นควรให้ความสำคัญอย่างมาก เพราะตลอด 1 สัปดาห์ที่ผ่านมามีการกล่าวถึงเรื่องดังกล่าวอย่างกว้างขวาง แต่ทราบว่าทางปปง.ของฮ่องกงก็ออกมาปฏิเสธว่าไม่เป็นความจริง เบื้องต้นจึงเห็นว่าคำร้องมีมูลดังนั้นต้องเชิญนายมงคลกิตติ์ และพ.ต.อ.ดุษฎี ที่ถูกกล่าวอ้างว่าเกี่ยวข้องกับการปล่อยข่าวมาให้ข้อมูล เพื่อสอบถามว่ามีหลักฐานหรือมีหน้าที่อย่างไรในการออกมาพูดถึงเรื่องดัง กล่าว หากพบมีความผิดจะดำเนินการขั้นต่อไป เพราะถือว่าเรื่องนี้ส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของประเทศ โดยจะมอบหมายให้สำนักคดีความมั่นคงเป็นผู้รับผิดชอบดำเนินการ
ส่วนที่รัฐสภา พล.อ.กิตติศักดิ์ รัฐประเสริฐ อดีตผู้ช่วยหัวหน้าทหารฝ่ายเสนาธิการ ประจำกระทรวงกลาโหม แถลงข่าวยอมรับว่าตนเป็นผู้ก่อตั้งคณะกรรมการภาคีเครือข่ายต่อต้านการทุจริต คอร์รัปชั่นของชาติ (ภตช.)เมื่อวันที่ 22 เม.ย.54 แต่ได้ลาออกจากการเป็นประธาน ภตช.ตั้งแต่วันที่8 ส.ค.55 โดยมีหลักฐานปรากฏชัดเจนอยู่ในเว็บไซต์ของ ภตช.http://www.anti-corruptionnetwork.com ที่ระบุว่าแจ้งข่าวการลาออกของพล.อ.กิตติศักดิ์ ประธาน ภตช. เมื่อประธานลาออก คณะกรรมการทั้งคณะ ก็ต้องหมดหน้าที่ตามวาระไปด้วย ตั้งแต่วันที่ 8 ส.ค.55 ดังนั้นกรณีนายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ รักษาการเลขาธิการฯ ไปดำเนินการในเรื่องการให้ข้อมูลการไซฟ้อนเงิน 1.6 หมื่นล้าน ที่ฮ่องกง เมื่อวันที่5-7 ก.ย.55 จึงเป็นเรื่องของนายมงคลกิตติ์ ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับอดีตคณะกรรมการฯที่หมดวาระไปแล้ว ดังนั้นเรื่องนี้ขอให้ไปถามกับนายธีรพัฒน์ คำคูบอน รักษาการประธาน ภตช.
“นายธีรพัฒน์ รักษาการประธาน ภตช. ปัจจุบันเป็นประธาน นปช.แปดริ้ว เคยทำงานสมัย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี เมื่อปี 2544 เรื่องนี้ก็อยากให้นายก่อแก้ว ไปตรวจสอบดูจะดีกว่า ไม่ใช่มาให้ข่าวจริงบ้างไม่จริงบ้าง ข้อมูลสับสนไปหมด”พล.อ.กิตติศักดิ์ กล่าว
พล.อ.กิตติศักดิ์ ยังได้โต้ตอบนายก่อแก้วที่ระบุถึงสาเหตุการถอนตัวไม่ลงสมัครรับเลือกตั้ง ซ่อม ส.ส.กทม.ในนามพรรคการเมืองใหม่เพราะนายชวน หลีกภัย อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ไม่อยากให้ลงมาตัดคะแนนกับพรรคประชาธิปัตย์ นั้น ตรงนี้ก็ไม่เป็นความจริง นายชวน ไม่เคยมาพูดกับตน แต่เป็นเพราะนายคำนูณ สิทธิสมานและนายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ทั้ง 2 คนมาออกมาให้ข่าวต่อว่าตน ทำให้ตนตัดสินใจไม่ลงสมัครรับเลือกตั้ง อย่างไรก็ตามตนพร้อมให้ตรวจสอบและพิสูจน์ในทุกๆเรื่อง.
ดังนั้นเชื่อว่าน่าจะเป็นการกุข่าวเพื่อสร้างความปั่นป่วนให้ประเทศ เนื่องจากก่อนหน้านี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งกระทรวงยุติธรรม สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน(ป.ป.ง.)ที่มีหน้าที่ตรวจ สอบเส้นทางการเงินและสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่ง ชาติ (ป.ป.ช.) ต่างยืนยันว่าไม่มีเรื่องดังกล่าว จึงต้องการให้ดีเอสไอตรวจสอบว่ามีการไซฟ่อนเงินจริงหรือไม่ หากไม่มีมูลก็จะขอให้ดีเอสไอตรวจสอบพฤติกรรมของนายมงคลกิตติ์ นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ และ พ.ต.อ.ดุษฎี อารยวุฒิ รองปลัดกระทรวงยุติธรรม เนื่องจากตั้งข้อสังเกตว่าอาจอยู่เบื้องหลังการสร้างข่าวดังกล่าวที่ส่งผล กระทบต่อความมั่นคงของประเทศ รวมถึงกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างไทยและฮ่องกงด้วย
นายธาริต กล่าวว่า ดีเอสไอจะรับเรื่องดังกล่าวไว้พิจารณา และเห็นควรให้ความสำคัญอย่างมาก เพราะตลอด 1 สัปดาห์ที่ผ่านมามีการกล่าวถึงเรื่องดังกล่าวอย่างกว้างขวาง แต่ทราบว่าทางปปง.ของฮ่องกงก็ออกมาปฏิเสธว่าไม่เป็นความจริง เบื้องต้นจึงเห็นว่าคำร้องมีมูลดังนั้นต้องเชิญนายมงคลกิตติ์ และพ.ต.อ.ดุษฎี ที่ถูกกล่าวอ้างว่าเกี่ยวข้องกับการปล่อยข่าวมาให้ข้อมูล เพื่อสอบถามว่ามีหลักฐานหรือมีหน้าที่อย่างไรในการออกมาพูดถึงเรื่องดัง กล่าว หากพบมีความผิดจะดำเนินการขั้นต่อไป เพราะถือว่าเรื่องนี้ส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของประเทศ โดยจะมอบหมายให้สำนักคดีความมั่นคงเป็นผู้รับผิดชอบดำเนินการ
ส่วนที่รัฐสภา พล.อ.กิตติศักดิ์ รัฐประเสริฐ อดีตผู้ช่วยหัวหน้าทหารฝ่ายเสนาธิการ ประจำกระทรวงกลาโหม แถลงข่าวยอมรับว่าตนเป็นผู้ก่อตั้งคณะกรรมการภาคีเครือข่ายต่อต้านการทุจริต คอร์รัปชั่นของชาติ (ภตช.)เมื่อวันที่ 22 เม.ย.54 แต่ได้ลาออกจากการเป็นประธาน ภตช.ตั้งแต่วันที่8 ส.ค.55 โดยมีหลักฐานปรากฏชัดเจนอยู่ในเว็บไซต์ของ ภตช.http://www.anti-corruptionnetwork.com ที่ระบุว่าแจ้งข่าวการลาออกของพล.อ.กิตติศักดิ์ ประธาน ภตช. เมื่อประธานลาออก คณะกรรมการทั้งคณะ ก็ต้องหมดหน้าที่ตามวาระไปด้วย ตั้งแต่วันที่ 8 ส.ค.55 ดังนั้นกรณีนายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ รักษาการเลขาธิการฯ ไปดำเนินการในเรื่องการให้ข้อมูลการไซฟ้อนเงิน 1.6 หมื่นล้าน ที่ฮ่องกง เมื่อวันที่5-7 ก.ย.55 จึงเป็นเรื่องของนายมงคลกิตติ์ ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับอดีตคณะกรรมการฯที่หมดวาระไปแล้ว ดังนั้นเรื่องนี้ขอให้ไปถามกับนายธีรพัฒน์ คำคูบอน รักษาการประธาน ภตช.
“นายธีรพัฒน์ รักษาการประธาน ภตช. ปัจจุบันเป็นประธาน นปช.แปดริ้ว เคยทำงานสมัย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี เมื่อปี 2544 เรื่องนี้ก็อยากให้นายก่อแก้ว ไปตรวจสอบดูจะดีกว่า ไม่ใช่มาให้ข่าวจริงบ้างไม่จริงบ้าง ข้อมูลสับสนไปหมด”พล.อ.กิตติศักดิ์ กล่าว
พล.อ.กิตติศักดิ์ ยังได้โต้ตอบนายก่อแก้วที่ระบุถึงสาเหตุการถอนตัวไม่ลงสมัครรับเลือกตั้ง ซ่อม ส.ส.กทม.ในนามพรรคการเมืองใหม่เพราะนายชวน หลีกภัย อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ไม่อยากให้ลงมาตัดคะแนนกับพรรคประชาธิปัตย์ นั้น ตรงนี้ก็ไม่เป็นความจริง นายชวน ไม่เคยมาพูดกับตน แต่เป็นเพราะนายคำนูณ สิทธิสมานและนายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ทั้ง 2 คนมาออกมาให้ข่าวต่อว่าตน ทำให้ตนตัดสินใจไม่ลงสมัครรับเลือกตั้ง อย่างไรก็ตามตนพร้อมให้ตรวจสอบและพิสูจน์ในทุกๆเรื่อง.
0 - ซ่อมคอมพิวเตอร์นอกสถานที่ บางกะปิ 083-792-5426:
แสดงความคิดเห็น
หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น