วันนี้ (17 ต.ค.) ที่กระทรวงการต่างประเทศ นายภาสกร ศิริยะพันธุ์
อธิบดีกรมเอเชียตะวันออก กล่าวถึงกรณีที่นพ.นิรันดร์ พิทักษ์วัชระ
กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ขอให้รัฐบาลไทยและสถานเอกอัครราชทูตไทย
ประจำกรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา
ประสานทางการกัมพูชาดูแลผู้ถูกคุมขังที่เป็นคนไทยเป็นอย่างดี
โดยเฉพาะนายวีระ สมความคิด และน.ส.ราตรี พิพัฒนาไพบูรณ์
ที่ถูกควบคุมตัวในเรือนจำของกัมพูชา ว่า
การขอพระราชทานอภัยโทษให้กับนายวีระ และน.ส.ราตรี
มีขั้นตอนตามกฎหมายของกัมพูชา ซึ่งกระทรวงการต่างประเทศไม่ได้นิ่งนอนใจ
โดยเจ้าหน้าที่ฝ่ายกงสุลของสถานทูตไทยฯได้ไปเยี่ยมนายวีระ และน.ส.ราตรี
ทุกสัปดาห์ ขณะเดียวกัน
กระทรวงฯได้เล็งเห็นถึงช่องทางต่างๆที่จะให้มีการปล่อยตัวทั้ง 2
คนโดยเร็วที่สุด ไม่ว่าจะเป็นการขอลดหย่อนโทษ และการโอนตัวนักโทษ
ซึ่งเราก็พยายามทำทุกทาง
แต่ตอนนี้เพียงรอเวลาที่คนทั้งสองจะมีสิทธิได้รับการลดหย่อนโทษ
เพื่อนำไปสู่การโอนตัวนักโทษต่อไป
และเรื่องนี้ไม่ใช่เป็นการแลกเปลี่ยนตัวนักโทษของไทยกับกัมพูชา
ถ้านักโทษชาวกัมพูชาครบเวลาที่ถูกจำคุกในไทยครบเวลาตามเงื่อนไขที่ไทยมีกับ
ฝ่ายกัมพูชา กัมพูชาก็สามารถขอตัวไปได้เลย
ไม่จำเป็นต้องแลกเปลี่ยนกับนักโทษชาวไทยในกัมพูชา
ทั้งนี้การดำเนินการดังกล่าวครอบคลุมถึงนักโทษชาวไทยในเรือนจำของกัมพูชาทุก
กรณี ไม่ได้จำกัดเฉพาะกรณีของนายวีระ และน.ส.ราตรี เท่านั้น
ที่สำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.)มีการจัดเสวนาเรื่อง “มุมมองของศาสนิกและผู้มีปฏิสัมพันธ์กับวีระ-ราตรี ต่อแนวทางมนุษยธรรมในการช่วยให้ทั้งสองกลับมาตุภูมิโดยเร็ว” เพื่อวิเคราะห์ถึงสิทธิที่นายวีระ สมความคิด และ น.ส.ราตรี พิพัฒนาไพบูรณ์ 2 คนไทยที่ถูกควบคุมตัวในเรือนจำประเทศกัมพูชา จะได้รับการดูแลตามหลักมนุษยชนทั้งทางร่างกายและจิตใจ ซึ่งมีผู้นับถือศาสนาต่างๆ เข้าร่วมประชุม ทั้งพุทธ คริสต์ อิสลาม
โดยน.พ.นิรันดร์ พิทักษ์วัชระ กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการด้านสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมืองในคณะกรรมการ สิทธิมนุษยชนแห่งชาติ กล่าวตอนหนึ่งในการเปิดเสวนาว่า กรรมการสิทธิฯ ได้ติดต่อไปยังสถานทูตไทยประจำประเทศกัมพูชา เพื่อให้ประสานทางการกัมพูชาดูแลผู้ถูกคุมขังที่เป็นคนไทยเป็นอย่างดี ประสานและเตรียมทำจดหมายถึง นายกรัฐมนตรี แสดงภาพลักษณ์ ของนายวีระ และได้สะท้อนให้ทางกัมพูชาเห็นว่าทั้ง 2 ไม่ใช่สายลับแต่เป็นนักต่อสู้เพื่อความเป็นธรรม และไม่ควรถูกกล่าวหาด้วยข้อหาด้วยข้อหาที่ไม่เป็นจริง ทั้งนี้มองว่าปัญหานี้เป็นปัญหาทางการเมืองจึงต้องใช้การเมืองแก้ แต่ต้องไม่ทำให้จุดยืนของนายวีระ เสียไป
ด้านพระอธิการดุษฎี เมธังกุโร เจ้าอาวาสวัดทุ่งไผ่ จ.ชุมพร กล่าวว่า จากที่ได้ไปเยี่ยมนายวีระ เห็นได้ชัดว่ามีสุขภาพที่ดี แต่สิ่งที่ต้องการเรียกร้องสิทธิให้กับนายวีระ คือสิทธิของการอ่านและเขียน เพราะถือเป็นสิทธิที่สมควรได้รับ และนายวีระถือเป็นนักต่อสู้ที่มีประสบการณ์ หากไม่ได้รับการบันทึกความคิดเอาไว้ ประสบการณ์ที่ดีอาจสูญหายได้
ผู้สื่อข่าวรายงานผู้ร่วมเวทีเสวนาได้ร่วมกันแสดงความคิดเห็นในการช่วยทั้ง 2 คนกลับมายังประเทศไทย โดยเห็นว่าใช้วิธีด้านสิทธิมนุษยชนในการดำเนินการ ไม่ใช้วิธีทางกฎหมายที่จะยกประเด็นเรื่องของเขตแดนมาพิจารณาเพราะจะทำให้การ ช่วยเหลือล่าช้า และผู้ที่มีอำนาจในการตัดสินใจเกี่ยวกับการปล่อยตัวทั้ง 2 ขึ้นอยู่กับผู้นำของเขา รวมถึงต้องสร้างกระแสพูด นายวีระ และ น.ส.ราตรี อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ทางการกัมพูชาเกรงใจที่จะดำเนินการใดใดกับทั้ง 2 รวมถึงกำหนดขั้นตอนและกรอบระยะเวลาที่ชัดเจน ในช่วงท้ายการเสวนา น.พ.นิรันดร์ ได้กล่าวสรุปว่า กรรมการสิทธิฯ จะดำเนินการอย่างต่อเนื่อง เพื่อแสดงให้เห็นว่าทั้ง 2 ไม่ใช่สายลับ และ นายวีระ เป็นนักต่อสู้ภายเพื่อสิทธิมนุษยชน โดยจะรวบรวมทัศนะจากผู้ที่เคยทำงานกับนายวีระ ทำเป็นหนังสือขึ้นมา 1 เล่ม เพื่อแสดงตัวตนของนายวีระ ออกให้ให้สังคมได้รับรู้ตรงกัน.
ที่สำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.)มีการจัดเสวนาเรื่อง “มุมมองของศาสนิกและผู้มีปฏิสัมพันธ์กับวีระ-ราตรี ต่อแนวทางมนุษยธรรมในการช่วยให้ทั้งสองกลับมาตุภูมิโดยเร็ว” เพื่อวิเคราะห์ถึงสิทธิที่นายวีระ สมความคิด และ น.ส.ราตรี พิพัฒนาไพบูรณ์ 2 คนไทยที่ถูกควบคุมตัวในเรือนจำประเทศกัมพูชา จะได้รับการดูแลตามหลักมนุษยชนทั้งทางร่างกายและจิตใจ ซึ่งมีผู้นับถือศาสนาต่างๆ เข้าร่วมประชุม ทั้งพุทธ คริสต์ อิสลาม
โดยน.พ.นิรันดร์ พิทักษ์วัชระ กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการด้านสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมืองในคณะกรรมการ สิทธิมนุษยชนแห่งชาติ กล่าวตอนหนึ่งในการเปิดเสวนาว่า กรรมการสิทธิฯ ได้ติดต่อไปยังสถานทูตไทยประจำประเทศกัมพูชา เพื่อให้ประสานทางการกัมพูชาดูแลผู้ถูกคุมขังที่เป็นคนไทยเป็นอย่างดี ประสานและเตรียมทำจดหมายถึง นายกรัฐมนตรี แสดงภาพลักษณ์ ของนายวีระ และได้สะท้อนให้ทางกัมพูชาเห็นว่าทั้ง 2 ไม่ใช่สายลับแต่เป็นนักต่อสู้เพื่อความเป็นธรรม และไม่ควรถูกกล่าวหาด้วยข้อหาด้วยข้อหาที่ไม่เป็นจริง ทั้งนี้มองว่าปัญหานี้เป็นปัญหาทางการเมืองจึงต้องใช้การเมืองแก้ แต่ต้องไม่ทำให้จุดยืนของนายวีระ เสียไป
ด้านพระอธิการดุษฎี เมธังกุโร เจ้าอาวาสวัดทุ่งไผ่ จ.ชุมพร กล่าวว่า จากที่ได้ไปเยี่ยมนายวีระ เห็นได้ชัดว่ามีสุขภาพที่ดี แต่สิ่งที่ต้องการเรียกร้องสิทธิให้กับนายวีระ คือสิทธิของการอ่านและเขียน เพราะถือเป็นสิทธิที่สมควรได้รับ และนายวีระถือเป็นนักต่อสู้ที่มีประสบการณ์ หากไม่ได้รับการบันทึกความคิดเอาไว้ ประสบการณ์ที่ดีอาจสูญหายได้
ผู้สื่อข่าวรายงานผู้ร่วมเวทีเสวนาได้ร่วมกันแสดงความคิดเห็นในการช่วยทั้ง 2 คนกลับมายังประเทศไทย โดยเห็นว่าใช้วิธีด้านสิทธิมนุษยชนในการดำเนินการ ไม่ใช้วิธีทางกฎหมายที่จะยกประเด็นเรื่องของเขตแดนมาพิจารณาเพราะจะทำให้การ ช่วยเหลือล่าช้า และผู้ที่มีอำนาจในการตัดสินใจเกี่ยวกับการปล่อยตัวทั้ง 2 ขึ้นอยู่กับผู้นำของเขา รวมถึงต้องสร้างกระแสพูด นายวีระ และ น.ส.ราตรี อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ทางการกัมพูชาเกรงใจที่จะดำเนินการใดใดกับทั้ง 2 รวมถึงกำหนดขั้นตอนและกรอบระยะเวลาที่ชัดเจน ในช่วงท้ายการเสวนา น.พ.นิรันดร์ ได้กล่าวสรุปว่า กรรมการสิทธิฯ จะดำเนินการอย่างต่อเนื่อง เพื่อแสดงให้เห็นว่าทั้ง 2 ไม่ใช่สายลับ และ นายวีระ เป็นนักต่อสู้ภายเพื่อสิทธิมนุษยชน โดยจะรวบรวมทัศนะจากผู้ที่เคยทำงานกับนายวีระ ทำเป็นหนังสือขึ้นมา 1 เล่ม เพื่อแสดงตัวตนของนายวีระ ออกให้ให้สังคมได้รับรู้ตรงกัน.
0 - ซ่อมคอมพิวเตอร์นอกสถานที่ บางกะปิ 083-792-5426:
แสดงความคิดเห็น
หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น