วันนี้ (18 ต.ค.)
ที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี
(บก.ปอท.) พล.ต.ต.พิสิษฐ์ เปาอินทร์ ผบก.ปอท. พ.ต.อ.นิธิธร จินตกานนท์
ผกก.กลุ่มงานสนับสนุนฯ บก.ปอท. พ.ต.ท.สันติพัฒน์ พรหมะจุล รอง
ผกก.กลุ่มงานฯ พ.ต.ต.รัฐพงศ์ แก้วยอด สว.กลุ่มงานฯ แถลงจับกุมนายโรเซ่น
จอร์จีฟ เอสตาทีฟ อายุ 41 ปี และนายจอร์กี้ คีรีโวฟ กูเซฟ อายุ 30 ปี
สัญชาติบัลแกเรีย พร้อมของกลางบัตรอิเล็กทรอนิกส์ 72 ใบ เงินไทย 107,000
บาท เงินสกุลยูโร 2,200 ยูโร คอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊ก 1 เครื่อง
และเครื่องอ่านและบันทึกข้อมูลในแถบแม่เหล็ก 1 เครื่อง
จับกุมได้บริเวณชั้นใต้ดิน ศูนย์การค้าเพลินจิตเช็นเตอร์ ถนนสุขุมวิท
เขตคลองเตย กรุงเทพฯ
พล.ต.ต.พิสิษฐ์ เปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่ บก.ปอท. ได้รับแจ้งจากธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด(มหาชน) ว่า ธนาคารในประเทศยุโรปขอความช่วยเหลือให้สืบสวนจับกุมกลุ่มคนร้ายที่ขโมย ข้อมูลการเงินของลูกค้าธนาคารและนำมากดเงินในประเทศไทย จึงสืบสวนจนพบข้อมูลว่ามีการใช้บัตรเอทีเอ็มที่มีข้อมูลของชาวยุโรปกดเงินสด จากตู้เอทีเอ็มถนนสุขุมวิท ซอย 1 - 13 จึงเฝ้าติดตามกระทั่งพบผู้ต้องหาทั้ง 2 มีรูปพรรณตรงตามภาพถ่ายกำลังกดเงินที่ตู้เอ็มศูนย์การค้าเพลินจิตเซ็นเตอร์ จึงแสดงตัวเข้าจับกุม จากนั้นขยายผลตรวจค้นห้องพักผู้ต้องหา ที่โรงแรมแห่งหนึ่ง ถนนสุขุมวิทซอย 2 พบของกลางดังกล่าว
พล.ต.ต.พิสิษฐ์ กล่าวอีกว่า สอบสวนผู้ต้องหาทั้งสองรับสารภาพว่า เดินทางเข้ามาในประเทศไทยเมื่อเดือนก.ย.ที่ผ่านมา โดยถือวีซ่าเป็นนักท่องเที่ยว จากนั้นจะหาซื้ออุปกรณ์เครื่องมือต่างๆในไทย เพื่อตระเวนกดเงินสดจากตู้เอทีเอ็มในย่านสุขุมวิท โดยซื้อข้อมูลบัตรและวิธีการนำข้อมูลบันทึกลงในบัตรผ่านทางอินเทอร์เน็ตใน ราคา 2หมื่นบาท ต่อ1บัญชีบัตรเครดิตพร้อมยูสเซอร์และพาสเวิร์ด และการสอบทำบัตรเครดิตปลอมผ่านทางเว็บไซต์ยูทูป แต่ไม่ยอมเปิดเผยแหล่งที่มา หลังจากได้ข้อมูลมาแล้วจะนำมาเขียนลงในบัตรของกลางจากนั้นก็ไปตระเวนกดเงิน ตามตู้เอทีเอ็ม และรีบโอนเงินกลับไปให้ผู้ร่วมขบวนการที่ประเทศบัลแกเรียทันที ทั้งนี้ตรวจสอบพบว่าผู้เสียหายเจ้าของบัตรส่วนใหญ่อยู่ในประเทศฝรั่งเศส รวมมูลค่าความเสียหายเบื้องต้นกว่า 10 ล้านบาท
เจ้าหน้าที่จึงได้แจ้งข้อหา ร่วมกันเข้าถึงโดยมิชอบ ซึ่งระบบคอมพิวเตอร์ที่มีมาตรการป้องกันการเข้าถึงโดยเฉพาะและมาตรการนั้นมิ ได้มีไว้สำหรับตน, เข้าถึงข้อมูลโดยมิชอบซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่มีมาตรการป้องกันการเข้าถึง โดยเฉพาะมาตรการนั้นมิได้มีไว้สำหรับตน, มีเครื่องมือหรือวัตถุสำหรับปลอมหรือแปลงหรือสำหรับให้ได้ข้อมูลในการปลอม หรือแปลงบัตรอิเล็กทรอนิกส์, ร่วมกันใช้และมีไว้เพื่อนำออกใช้ซึ่งบัตรอิเล็กทรอนิกส์โดยรู้ว่าเป็นของที่ ทำปลอมหรือแปลงขึ้นโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายต่อผู้อื่นหรือประชาชน พร้อมสืบสวนขยายผลจับกุมผู้ร่วมขบวนการต่อไป
พล.ต.ต.พิสิษฐ์ เปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่ บก.ปอท. ได้รับแจ้งจากธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด(มหาชน) ว่า ธนาคารในประเทศยุโรปขอความช่วยเหลือให้สืบสวนจับกุมกลุ่มคนร้ายที่ขโมย ข้อมูลการเงินของลูกค้าธนาคารและนำมากดเงินในประเทศไทย จึงสืบสวนจนพบข้อมูลว่ามีการใช้บัตรเอทีเอ็มที่มีข้อมูลของชาวยุโรปกดเงินสด จากตู้เอทีเอ็มถนนสุขุมวิท ซอย 1 - 13 จึงเฝ้าติดตามกระทั่งพบผู้ต้องหาทั้ง 2 มีรูปพรรณตรงตามภาพถ่ายกำลังกดเงินที่ตู้เอ็มศูนย์การค้าเพลินจิตเซ็นเตอร์ จึงแสดงตัวเข้าจับกุม จากนั้นขยายผลตรวจค้นห้องพักผู้ต้องหา ที่โรงแรมแห่งหนึ่ง ถนนสุขุมวิทซอย 2 พบของกลางดังกล่าว
พล.ต.ต.พิสิษฐ์ กล่าวอีกว่า สอบสวนผู้ต้องหาทั้งสองรับสารภาพว่า เดินทางเข้ามาในประเทศไทยเมื่อเดือนก.ย.ที่ผ่านมา โดยถือวีซ่าเป็นนักท่องเที่ยว จากนั้นจะหาซื้ออุปกรณ์เครื่องมือต่างๆในไทย เพื่อตระเวนกดเงินสดจากตู้เอทีเอ็มในย่านสุขุมวิท โดยซื้อข้อมูลบัตรและวิธีการนำข้อมูลบันทึกลงในบัตรผ่านทางอินเทอร์เน็ตใน ราคา 2หมื่นบาท ต่อ1บัญชีบัตรเครดิตพร้อมยูสเซอร์และพาสเวิร์ด และการสอบทำบัตรเครดิตปลอมผ่านทางเว็บไซต์ยูทูป แต่ไม่ยอมเปิดเผยแหล่งที่มา หลังจากได้ข้อมูลมาแล้วจะนำมาเขียนลงในบัตรของกลางจากนั้นก็ไปตระเวนกดเงิน ตามตู้เอทีเอ็ม และรีบโอนเงินกลับไปให้ผู้ร่วมขบวนการที่ประเทศบัลแกเรียทันที ทั้งนี้ตรวจสอบพบว่าผู้เสียหายเจ้าของบัตรส่วนใหญ่อยู่ในประเทศฝรั่งเศส รวมมูลค่าความเสียหายเบื้องต้นกว่า 10 ล้านบาท
เจ้าหน้าที่จึงได้แจ้งข้อหา ร่วมกันเข้าถึงโดยมิชอบ ซึ่งระบบคอมพิวเตอร์ที่มีมาตรการป้องกันการเข้าถึงโดยเฉพาะและมาตรการนั้นมิ ได้มีไว้สำหรับตน, เข้าถึงข้อมูลโดยมิชอบซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่มีมาตรการป้องกันการเข้าถึง โดยเฉพาะมาตรการนั้นมิได้มีไว้สำหรับตน, มีเครื่องมือหรือวัตถุสำหรับปลอมหรือแปลงหรือสำหรับให้ได้ข้อมูลในการปลอม หรือแปลงบัตรอิเล็กทรอนิกส์, ร่วมกันใช้และมีไว้เพื่อนำออกใช้ซึ่งบัตรอิเล็กทรอนิกส์โดยรู้ว่าเป็นของที่ ทำปลอมหรือแปลงขึ้นโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายต่อผู้อื่นหรือประชาชน พร้อมสืบสวนขยายผลจับกุมผู้ร่วมขบวนการต่อไป
0 - ซ่อมคอมพิวเตอร์นอกสถานที่ บางกะปิ 083-792-5426:
แสดงความคิดเห็น
หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น