เมื่อเวลา 13.30 น.วันที่ 14 กันยายน นายปรีชา มหาสิงห์
อายุ 43 ปี พนักงานควบคุมงานจราจร การทางพิเศษแห่งประเทศไทย อยู่บ้านเลขที่
52 ซอยประชาอุทิศ 69 แขวงและเขตทุ่งครุ
กทม.พร้อมผู้เสียหายซึ่งเป็นพนักงานการทางพิเศษฯ 15 ราย เข้าพบ
พ.ต.อ.ประสพโชค พร้อมมูล รอง ผบก.ป.เพื่อแจ้งความดำเนินคดี น.ส.ไกรแก้ว
หรือแก้ว สุราษฎร์ อายุ 38 ปี
เจ้าหน้าที่การเงินสหกรณ์ออมทรัพย์การทางพิเศษฯ อยู่เลขที่ 65/135
ซอยสายไหม 56/2 แขวงและเขตสายไหม กทม.ในความผิดฐานฉ้อโกงประชาชน
นายปรีชา กล่าวว่า เป็นสมาชิกสหกรณ์ออมทรัพย์ของการทางพิเศษฯ ซึ่งส่วนใหญ่พนักงานทั้งหมดก็จะเป็นสมาชิกเพื่อสิทธิในการกู้ยืมเงิน และรับดอกเบี้ยเป็นผลตอบแทน ก่อนหน้านี้ ได้รู้จักกับ น.ส.ไกรแก้ว เนื่องจากเป็นเจ้าหน้าที่การเงิน มีหน้าที่นำเงินออมของสมาชิกไปฝากถอนที่ธนาคาร ต่อมาเมื่อวันที่ 18 สิงหาคมที่ผ่านมา น.ส.ไกรแก้ว ได้ชักชวนให้ร่วมนำเงินไปปล่อยกู้ โดยอ้างว่าจะได้รับผลตอบแทนเป็นดอกเบี้ยที่สูง ซึ่งครั้งแรกตนคิดว่าเป็นเรื่องที่ช่วยเหลือกันได้จึงให้เงินไป 7 แสนบาท แต่ภายหลังกลับไม่ได้รับเงินทั้งดอกเบี้ยและเงินต้น โดยไม่สามารถติดต่อกับ น.ส.ไกรแก้ว ได้อีก ภายหลังจึงทราบว่าลาออกจากงานไปแล้ว
นายปรีชา กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ทราบว่า น.ส.ไกรแก้ว ยังหลอกลวงผู้เสียหายที่เป็นพนักงานของการทางพิเศษฯ อีกหลายสิบราย รวมมูลค่าความเสียหายกว่า 10 ล้านบาท โดยก่อนจะลาออกและหลบหนีไปได้ส่งข้อความสั้นทางโทรศัพท์มือถือ ว่า “ขอเอาเงินไปใช้ ขอโทษที่คืนให้ไม่ได้” อย่างไรก็ดี หลังจากผู้บังคับบัญชาทราบเรื่องได้มีการตรวจสอบข้อเท็จจริง พร้อมกับวางมาตรการป้องกันไม่เปิดช่องว่างให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงินกระทำ ความผิดได้เช่นกรณีที่เกิดขึ้นดังกล่าว
ขณะที่ พ.ต.อ.ประสพโชค กล่าวว่า ได้สั่งการให้ ร.ต.อ.จิรัชชัย ศุภวิรัชบัญชา พนักงานสอบสวน กก.1 บก.ป.รับเรื่องและสอบปากคำ นายปรีชา ไว้ในเบื้องต้น ก่อนจะพิจารณาดำเนินการต่อไป
นายปรีชา กล่าวว่า เป็นสมาชิกสหกรณ์ออมทรัพย์ของการทางพิเศษฯ ซึ่งส่วนใหญ่พนักงานทั้งหมดก็จะเป็นสมาชิกเพื่อสิทธิในการกู้ยืมเงิน และรับดอกเบี้ยเป็นผลตอบแทน ก่อนหน้านี้ ได้รู้จักกับ น.ส.ไกรแก้ว เนื่องจากเป็นเจ้าหน้าที่การเงิน มีหน้าที่นำเงินออมของสมาชิกไปฝากถอนที่ธนาคาร ต่อมาเมื่อวันที่ 18 สิงหาคมที่ผ่านมา น.ส.ไกรแก้ว ได้ชักชวนให้ร่วมนำเงินไปปล่อยกู้ โดยอ้างว่าจะได้รับผลตอบแทนเป็นดอกเบี้ยที่สูง ซึ่งครั้งแรกตนคิดว่าเป็นเรื่องที่ช่วยเหลือกันได้จึงให้เงินไป 7 แสนบาท แต่ภายหลังกลับไม่ได้รับเงินทั้งดอกเบี้ยและเงินต้น โดยไม่สามารถติดต่อกับ น.ส.ไกรแก้ว ได้อีก ภายหลังจึงทราบว่าลาออกจากงานไปแล้ว
นายปรีชา กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ทราบว่า น.ส.ไกรแก้ว ยังหลอกลวงผู้เสียหายที่เป็นพนักงานของการทางพิเศษฯ อีกหลายสิบราย รวมมูลค่าความเสียหายกว่า 10 ล้านบาท โดยก่อนจะลาออกและหลบหนีไปได้ส่งข้อความสั้นทางโทรศัพท์มือถือ ว่า “ขอเอาเงินไปใช้ ขอโทษที่คืนให้ไม่ได้” อย่างไรก็ดี หลังจากผู้บังคับบัญชาทราบเรื่องได้มีการตรวจสอบข้อเท็จจริง พร้อมกับวางมาตรการป้องกันไม่เปิดช่องว่างให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงินกระทำ ความผิดได้เช่นกรณีที่เกิดขึ้นดังกล่าว
ขณะที่ พ.ต.อ.ประสพโชค กล่าวว่า ได้สั่งการให้ ร.ต.อ.จิรัชชัย ศุภวิรัชบัญชา พนักงานสอบสวน กก.1 บก.ป.รับเรื่องและสอบปากคำ นายปรีชา ไว้ในเบื้องต้น ก่อนจะพิจารณาดำเนินการต่อไป
0 - ซ่อมคอมพิวเตอร์นอกสถานที่ บางกะปิ 083-792-5426:
แสดงความคิดเห็น
หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น