วันนี้(14 ก.ย.) ที่กองบินตำรวจ ดอนเมือง
พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ ผบ.ตร. พล.ต.ท.ชัยวัฒน์ โชติมา ผบช.ปส.
พ.ต.อ.ปิยะพันธ์ ภัทรพงศ์สินธุ์ ผกก.สภ.พร้าว พร้อมกำลัง ตร.ภ.5 และ
ตร.สภ.พร้าว จ.เชียงใหม่
แถลงข่าวการจับกุมผู้ต้องหาเครือข่ายยาเสพติดมูเซอร์ทางภาคเหนือ
ประกอบด้วยผู้ต้องหา 4 ราย คือ นายสำราญ แสนหลวง อายุ 47 ปี บ้านเลขที่
235หมู่ 13 ต.ป่าแป๋ อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่ นายพงศภัค เรืองกิจสุวรรณ หรือ
เลายี่ปา อายุ41 บ้านเลขที่ 223/3 หมู่ 13 ต.ป่าแป๋ อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่
นายสมยศ เลาหมี่ อายุ42 ปี บ้านเลขที่ 223/8 หมู่ 13 ต.ป่าแป๋ อ.แม่แตง
จ.เชียงใหม่ และนายนพพร พนาศิริสมบูรณ์ อายุ 22 ปี บ้านเลขที่ 223/3 หมู่
13 ต.ป่าแป๋ อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่ พร้อมด้วยของกลางยาบ้า จำนวน 600,000
เม็ด มูลค่ากว่า 180,000,000 บาท รถยนต์ปิคอัพ ยี่ห้ออีซูซุ สีบรอนซ์-ทอง
หมายเลขทะเบียน บห 6485 เชียงใหม่ รถยนต์ปิคอัพแคป ยี่ห้อ อีซูซุ สีฟ้า-เทา
หมายเลขทะเบียน ผท 8843 เชียงใหม่ และโทรศัพท์มือถือ จำนวน 4 เครื่อง
สามารถจับกุมตัวได้ที่บนถนนบ้านขุนแจ๋ - บ้านเวียงป่าเป้า อ.พร้าว
จ.เชียงใหม่
พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ เปิดเผยว่า สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 13 ก.ย. ผกก.สภ.พร้าว จ.เชียงใหม่ ได้รับแจ้งจากศูนย์สกัดกั้นการลำเลียงยาเสพติดว่าจะมีการลักลอบลำเลียงยาเสพ ติดในพื้นที่ เจ้าหน้าที่จึงได้วางกำลังในการตั้งจุดสกัด บนถนนบ้านขุนแจ๋ -บ้านเวียงป่าเป้า อ.พร้าว จ.เชียงใหม่ พบรถกระบะต้องสงสัย 2 คัน จึงทำการตรวจค้น โดยรถกระบะคันแรก มีนายสำราญ เป็นผู้ขับขี่ และนายพงศภัค นั่งมาด้วย ซึ่งไม่พบสิ่งของผิดกฏหมาย แต่จากการตรวจสอบพบว่าทั้ง 2 มีประวัติและพฤติการณ์เกี่ยวข้องกับยาเสพติด และตรวจค้นรถกระบะคันที่ 2 มีนายสมยศ เป็นผู้ขับขี่ และนายนพพร นั่งมาด้วย ผลการตรวจค้นพบยาบ้า บรรจุอยู่ในตู้เซฟ ในกระเป๋าเป้ จำนวน 6 ใบ มียาบ้ารวม 600,000 เม็ด ซึ่งมีถุงปุ๋ยขี้ไก่เต็มคันรถทับอยู่
จากการสอบสวนทราบว่าผู้ต้องหาทั้งหมดอยู่อาศัยอยู่ในบ้านหลังเดียวกัน จึงน่าเชื่อว่าผู้ต้องหาได้ร่วมกันลักลอบลำเลียงยาเสพติด แต่ทางนายสำราญ ได้ให้การปฏิเสธ ว่ายาเสพติดดังกล่าวไม่ใช่ของตน ซึ่งอ้างว่าได้ซื้อรถกระบะคันดังกล่าวมาจากเต็นรถแห่งหนึ่ง โดยไม่ทราบว่ามีตู้เซฟ ที่ซ่อนยาเสพติดอยู่ในรถ ทั้งนี้จากการสืบสวนทราบอีกว่าเครือข่ายยาเสพติดมูเซอร์ รับยาเสพติดมาจากประเทศเพื่อนบ้าน และจะมาจ้างผู้ต้องหาขนยาเสพติด เข้ามาตอนในของประเทศ โดยได้รับค่าจ้าง 500,000 บาท ซึ่งจะนำยาเสพติดมาพักไว้ที่ จ.เชียงใหม่ และในแต่ละครั้งจะมีการขนยาล็อตใหญ่ เพื่อเข้าสู้ตอนในของประเทศ
พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ กล่าวอีกว่า จากการสืบสวนทราบว่า กลุ่มผู้ต้องหาดังกล่าวเป็นชาวเขาเผ่ามูเซอ โดยไปรับยาบ้ามาจากแนวชายแดนเพื่อมาส่งยังพื้นที่กทม.และขบวนการค้ายาเสพติด มีวิธีลบเลี่ยงด่านตรวจเจ้าหน้าที่ตำรวจแนบเนียนมากยิ่งขึ้น โดยนายสำราญผู้ต้องหามีขึ้นบัญชีดำอยู่ที่ตำรวจภูธรภาค 5สืบสวนทราบว่าทำมาแล้วหลายครั้ง และมีกลุ่มผู้ร่วมขบวนการอยู่อีก อย่างไรก็ตาม หลังจากที่ตนเกษียณอายุราชการในเดือนตุลาคมนี้ ก็ไม่กังวลว่าจะมีการแพร่ระบาดของยาเสพติดมากขึ้น เนื่องจากได้วางกำลังเจ้าหน้าที่ปราบปรามไว้หมดแล้ว ทั้งตำรวจบช.ปส. และหน่วยอื่นๆ ซึ่งคาดว่าขบวนการค้ายาคงหลบหนีไม่พ้นการจับกุมของเจ้าหน้าที่ตำรวจอย่างแน่ นอน
ด้าน พล.ต.ท.ชัยวัฒน์ กล่าวว่า ในทางการข่าวของเจ้าหน้าที่พบว่ามีการลักลอบขนยาเสพติดเข้ามาตอนในของประเทศ จำนวนมาก แต่สามารถจับกุมได้เพียงร้อยละ 15 ของยาบ้าที่เล็ดลอดเข้ามาภายในประเทศ ขณะที่เมื่อวานที่ผ่านมา มียาเสพติดล็อตใหญ่ประมาณเกือบล้านเม็ดลำเลียง เข้ามาตอนในของประเทศ แต่ระหว่างติดตามจับกุมผู้ต้องหาไหวตัวทัน จึงยังไม่สามารถจับกุมตัวได้ เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อหา ร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมายอย่างไรก็ตามจะมีการสืบสวนติดตามจับ กุมเครือข่ายดังกล่าวมาดำเนินคดีต่อไป
พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ เปิดเผยว่า สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 13 ก.ย. ผกก.สภ.พร้าว จ.เชียงใหม่ ได้รับแจ้งจากศูนย์สกัดกั้นการลำเลียงยาเสพติดว่าจะมีการลักลอบลำเลียงยาเสพ ติดในพื้นที่ เจ้าหน้าที่จึงได้วางกำลังในการตั้งจุดสกัด บนถนนบ้านขุนแจ๋ -บ้านเวียงป่าเป้า อ.พร้าว จ.เชียงใหม่ พบรถกระบะต้องสงสัย 2 คัน จึงทำการตรวจค้น โดยรถกระบะคันแรก มีนายสำราญ เป็นผู้ขับขี่ และนายพงศภัค นั่งมาด้วย ซึ่งไม่พบสิ่งของผิดกฏหมาย แต่จากการตรวจสอบพบว่าทั้ง 2 มีประวัติและพฤติการณ์เกี่ยวข้องกับยาเสพติด และตรวจค้นรถกระบะคันที่ 2 มีนายสมยศ เป็นผู้ขับขี่ และนายนพพร นั่งมาด้วย ผลการตรวจค้นพบยาบ้า บรรจุอยู่ในตู้เซฟ ในกระเป๋าเป้ จำนวน 6 ใบ มียาบ้ารวม 600,000 เม็ด ซึ่งมีถุงปุ๋ยขี้ไก่เต็มคันรถทับอยู่
จากการสอบสวนทราบว่าผู้ต้องหาทั้งหมดอยู่อาศัยอยู่ในบ้านหลังเดียวกัน จึงน่าเชื่อว่าผู้ต้องหาได้ร่วมกันลักลอบลำเลียงยาเสพติด แต่ทางนายสำราญ ได้ให้การปฏิเสธ ว่ายาเสพติดดังกล่าวไม่ใช่ของตน ซึ่งอ้างว่าได้ซื้อรถกระบะคันดังกล่าวมาจากเต็นรถแห่งหนึ่ง โดยไม่ทราบว่ามีตู้เซฟ ที่ซ่อนยาเสพติดอยู่ในรถ ทั้งนี้จากการสืบสวนทราบอีกว่าเครือข่ายยาเสพติดมูเซอร์ รับยาเสพติดมาจากประเทศเพื่อนบ้าน และจะมาจ้างผู้ต้องหาขนยาเสพติด เข้ามาตอนในของประเทศ โดยได้รับค่าจ้าง 500,000 บาท ซึ่งจะนำยาเสพติดมาพักไว้ที่ จ.เชียงใหม่ และในแต่ละครั้งจะมีการขนยาล็อตใหญ่ เพื่อเข้าสู้ตอนในของประเทศ
พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ กล่าวอีกว่า จากการสืบสวนทราบว่า กลุ่มผู้ต้องหาดังกล่าวเป็นชาวเขาเผ่ามูเซอ โดยไปรับยาบ้ามาจากแนวชายแดนเพื่อมาส่งยังพื้นที่กทม.และขบวนการค้ายาเสพติด มีวิธีลบเลี่ยงด่านตรวจเจ้าหน้าที่ตำรวจแนบเนียนมากยิ่งขึ้น โดยนายสำราญผู้ต้องหามีขึ้นบัญชีดำอยู่ที่ตำรวจภูธรภาค 5สืบสวนทราบว่าทำมาแล้วหลายครั้ง และมีกลุ่มผู้ร่วมขบวนการอยู่อีก อย่างไรก็ตาม หลังจากที่ตนเกษียณอายุราชการในเดือนตุลาคมนี้ ก็ไม่กังวลว่าจะมีการแพร่ระบาดของยาเสพติดมากขึ้น เนื่องจากได้วางกำลังเจ้าหน้าที่ปราบปรามไว้หมดแล้ว ทั้งตำรวจบช.ปส. และหน่วยอื่นๆ ซึ่งคาดว่าขบวนการค้ายาคงหลบหนีไม่พ้นการจับกุมของเจ้าหน้าที่ตำรวจอย่างแน่ นอน
ด้าน พล.ต.ท.ชัยวัฒน์ กล่าวว่า ในทางการข่าวของเจ้าหน้าที่พบว่ามีการลักลอบขนยาเสพติดเข้ามาตอนในของประเทศ จำนวนมาก แต่สามารถจับกุมได้เพียงร้อยละ 15 ของยาบ้าที่เล็ดลอดเข้ามาภายในประเทศ ขณะที่เมื่อวานที่ผ่านมา มียาเสพติดล็อตใหญ่ประมาณเกือบล้านเม็ดลำเลียง เข้ามาตอนในของประเทศ แต่ระหว่างติดตามจับกุมผู้ต้องหาไหวตัวทัน จึงยังไม่สามารถจับกุมตัวได้ เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อหา ร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมายอย่างไรก็ตามจะมีการสืบสวนติดตามจับ กุมเครือข่ายดังกล่าวมาดำเนินคดีต่อไป
0 - ซ่อมคอมพิวเตอร์นอกสถานที่ บางกะปิ 083-792-5426:
แสดงความคิดเห็น
หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น