วันนี้(27 ส.ค.) นายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชายพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร
อดีตนายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความทางเฟซบุ๊ก หัวข้อ White lie vs. Black truth
“โกหกสีขาว ตรงข้ามกับ พูดความจริงสีดำ" อย่างไหนเหมาะกับสังคมไทย ระบุว่า
ผมว่าในปัจจุบันอย่างหลังยังได้เปรียบอยู่เยอะเพราะโกหกสีขาวพอขึ้นชื่อว่า
โกหกปุ๊บ จะอธิบายอย่างไรคนมักจะไม่ฟังกันแล้ว
พรรคประชาธิปัตย์รู้ความจริงข้อนี้ดี เลยออกมาโจมตีรองนายกกิตติรัตน์
กันใหญ่ตั้งแต่หัวแถวยันปลายแถว
โดยลืมไปว่าคนที่ใช้วิธีโกหกสีขาวมาก่อนหน้านี้คือพรรคประชาธิปัตย์เอง
โกหกต่อเนื่องมาไม่ต่ำกว่า 3-4ปี แถมโกหกแล้วยังถูกจับได้คาหนังคาเขา
ไม่ได้ออกมายืดอกยอมรับแบบลูกผู้ชายด้วยตัวเองเหมือนรองกิตติรัตน์ด้วยซ้ำไป
นายพานทองแท้ ระบุอีกว่า พวกเรายังจำเรื่องกล้องซีซีทีวีปลอมของ กทม. หรือที่เรียกว่า "กล้องดัมมี่" ได้ไหมครับที่มีคนแอบไปส่องดูแล้วพบว่ากล้องตามที่ผู้ว่าฯ กทม.ของพรรคประชาธิปัตย์โฆษณาหาเสียงว่าติดตั้งครบแล้ว10,000 ตัว พร้อมสโลแกน "ทั้งชีวิตเราดูแล พร้อม...เพื่อคนกรุงเทพ" เป็นตัวอย่างที่ชัดเจนที่สุด จำเลยทางสังคมในเรื่องนี้ทั้ง 2 คน โยนความผิดกันไปมา ล้วนเป็นผู้ว่าฯ กทม.ของพรรคประชาธิปัตย์ทั้งคู่ ติดตั้งกล้องดัมมี่ตั้งแต่ปี 50 สมัยนายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ยันสมัยม.ร.ว.สุขุมพันธ์ บริพัตร โกหกคนกรุงเทพฯทั้งเมือง ปิดข่าวเงียบกริบจนมีคนไปถ่ายรูปมาลงในเน็ต จนสุดท้ายต้องยอมรับสารภาพว่าโกหก และติดกล้องดัมมี่หลอกเอาไว้เป็นพันๆตัว แล้วพรรคประชาธิปัตย์ก็ออกมาให้เหตุผลกันยกใหญ่ว่าโกหกด้วยความปรารถนาดี บ้าง เอาไว้หลอกโจรจะได้ไม่กล้ากระทำผิดบ้าง แต่ในกรณีที่คนดีๆที่เขากล้าไปเดินคนเดียว เพราะนึกว่ามีกล้องอยู่จริงๆ ปรากฏว่าโดนปล้น,จี้,ข่มขืน.ฆ่า แล้วจับตัวผู้ร้ายไม่ได้เพราะเป็นกล้องปลอม เขาต้องเดือดร้อนจากผู้ว่าฯโกหก ไม่มีพลพรรคประชาธิปัตย์ออกมาด่าผู้ว่าพรรคตัวเองสักคน
“ ผมสรุปอย่างนี้แล้วกันนะครับว่า รองกิตติรัตน์ คราวหน้าไม่ต้องไปหวังดีขนาดนั้นครับ ตัวเลขมันจะตามหรือไม่ตามเป้าก็ว่ากันไปตามข้อเท็จจริงเลยดีกว่าเพราะการ เมืองไม่เหมือนภาคธุรกิจ เนื่องจากมีฝ่ายค้านครับ ค้านได้ทุกเรื่องแล้วก็อีกอย่างทางการเมืองเค้าไม่ใช้วิธียอมรับ ไม่ว่าจะดำหรือขาวยอมรับไปเจอไฮยีน่ารุมตายเลยครับ ทางการเมืองเขาใช้วิธีไม่พูดครับ บางเรื่องโดนจับได้คาหนังคาเขา หลักฐานชัด พยานเพียบ ถามอย่างไรก็ไม่ตอบ จี้ถามไปหนักๆเข้าก็หลบหน้านักข่าวให้เรื่องเงียบ แล้วค่อยออกมาพล่ามกันต่อแบบนี้ก็มีครับ
นายพานทองแท้ ระบุอีกว่า พวกเรายังจำเรื่องกล้องซีซีทีวีปลอมของ กทม. หรือที่เรียกว่า "กล้องดัมมี่" ได้ไหมครับที่มีคนแอบไปส่องดูแล้วพบว่ากล้องตามที่ผู้ว่าฯ กทม.ของพรรคประชาธิปัตย์โฆษณาหาเสียงว่าติดตั้งครบแล้ว10,000 ตัว พร้อมสโลแกน "ทั้งชีวิตเราดูแล พร้อม...เพื่อคนกรุงเทพ" เป็นตัวอย่างที่ชัดเจนที่สุด จำเลยทางสังคมในเรื่องนี้ทั้ง 2 คน โยนความผิดกันไปมา ล้วนเป็นผู้ว่าฯ กทม.ของพรรคประชาธิปัตย์ทั้งคู่ ติดตั้งกล้องดัมมี่ตั้งแต่ปี 50 สมัยนายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ยันสมัยม.ร.ว.สุขุมพันธ์ บริพัตร โกหกคนกรุงเทพฯทั้งเมือง ปิดข่าวเงียบกริบจนมีคนไปถ่ายรูปมาลงในเน็ต จนสุดท้ายต้องยอมรับสารภาพว่าโกหก และติดกล้องดัมมี่หลอกเอาไว้เป็นพันๆตัว แล้วพรรคประชาธิปัตย์ก็ออกมาให้เหตุผลกันยกใหญ่ว่าโกหกด้วยความปรารถนาดี บ้าง เอาไว้หลอกโจรจะได้ไม่กล้ากระทำผิดบ้าง แต่ในกรณีที่คนดีๆที่เขากล้าไปเดินคนเดียว เพราะนึกว่ามีกล้องอยู่จริงๆ ปรากฏว่าโดนปล้น,จี้,ข่มขืน.ฆ่า แล้วจับตัวผู้ร้ายไม่ได้เพราะเป็นกล้องปลอม เขาต้องเดือดร้อนจากผู้ว่าฯโกหก ไม่มีพลพรรคประชาธิปัตย์ออกมาด่าผู้ว่าพรรคตัวเองสักคน
“ ผมสรุปอย่างนี้แล้วกันนะครับว่า รองกิตติรัตน์ คราวหน้าไม่ต้องไปหวังดีขนาดนั้นครับ ตัวเลขมันจะตามหรือไม่ตามเป้าก็ว่ากันไปตามข้อเท็จจริงเลยดีกว่าเพราะการ เมืองไม่เหมือนภาคธุรกิจ เนื่องจากมีฝ่ายค้านครับ ค้านได้ทุกเรื่องแล้วก็อีกอย่างทางการเมืองเค้าไม่ใช้วิธียอมรับ ไม่ว่าจะดำหรือขาวยอมรับไปเจอไฮยีน่ารุมตายเลยครับ ทางการเมืองเขาใช้วิธีไม่พูดครับ บางเรื่องโดนจับได้คาหนังคาเขา หลักฐานชัด พยานเพียบ ถามอย่างไรก็ไม่ตอบ จี้ถามไปหนักๆเข้าก็หลบหน้านักข่าวให้เรื่องเงียบ แล้วค่อยออกมาพล่ามกันต่อแบบนี้ก็มีครับ
0 - ซ่อมคอมพิวเตอร์นอกสถานที่ บางกะปิ 083-792-5426:
แสดงความคิดเห็น
หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น