เมื่อวันที่ 20 ส.ค. พ.ต.อ.สุรชัย ศุภยศอมร ผกก.สภ.แม่อาย จ.เชียงใหม่
ได้เข้ารายงานความคืบหน้าเหตุอุจฉกรรจ์สะเทือนขวัญ กรณีหญิงสาวฆ่าลูกวัย 1
ขวบ และ 5 ขวบ แล้วนำชิ้นส่วนอวัยวะไปประกอบอาหาร กับพล.ต.ต.สมศักดิ์
จันทะพิงค์ ผบก.ภ.จว.เชียงใหม่ ทราบ จากนั้นทางพล.ต.ต.สมศักดิ์
ได้สั่งการให้พนักงานสอบสวนที่รับผิดชอบคดีนี้ สอบปากคำพยาน
และรวบรวมหลักฐานทั้งหมดอย่างรัดกุม เพื่อดำเนินการทางสำนวน
ก่อนส่งให้ทางพนักงานอัยการจังหวัดเชียงใหม่ดำเนินการต่อไป
สำหรับเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นกลางดึกวันที่ 4 ส.ค. ที่ผ่าน มาร.ต.อ.สัมพันธ์ โยธิน ร้อยเวร สภ.แม่อาย ได้รับแจ้งจากชาวบ้าน เกิดเหตุหญิงสาวฆ่าหั่นศพลูกสาว 2 คน วัย 5 ขวบ และ 1 ขวบ 6 เดือน เหตุเกิดที่บ้านเลขที่ 338 หมู่ 10 บ้านป่าแดง ต.บ้านหลวง อ.แม่อาย ซึ่งเป็นหมู่บ้านชาวเขาเผ่ามูเซอ จึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ แล้วเดินทางไปตรวจสอบพร้อม เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน แพทย์โรงพยาบาลแม่อาย และเจ้าหน้าที่กู้ภัยแม่อาย
ที่เกิดเหตุพบภาพอันน่าสยดสยอง เมื่อพบ น.ส.นาไหม จะกู่ อายุ 26 ปี ชาวชนเผ่ามูเซอ กำลังนอนหลับ ข้างกายมีกองซากศพเด็ก 2 คน มีชิ้นส่วนอวัยวะต่างๆ ถูกหั่นเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย กระจัดกระจายเกลื่อน เลือดสีแดงฉานไหลนองพื้นไปทั่ว ส่วนศีรษะของเด็กทั้ง 2 คน ถูกแขวนไว้ใกล้กับกองศพ นอกจากนี้พบมีดดาบยาวกว่า 1 เมตร เปื้อนเลือด 3 เล่มวางไว้บนเขียง ตรวจสอบภายในห้องครัวพบหม้อต้มเครื่องในที่สุกแล้ว 1 ใบ คาดว่าจะเป็นเครื่องในหรืออวัยวะของเด็กทั้งสองคน เบื้องต้นจากการตรวจสอบ ซากชิ้นส่วนมนุษย์พบว่า เป็นของลูกสาว อายุ 5 ขวบ อายุ 1 ขวบ 6 เดือน ส่วนเครื่องในที่อยู่ภายในหม้อต้มที่ถูกปรุงเป็นต้มแซ่บก็เป็นของเด็กผู้ เสียชีวิตทั้ง 2 ราย เจ้าหน้าที่จึงรวบรวมรายละเอียดที่พบทั้งหมด ก่อนควบคุมตัวน.ส.นาไหมไปสอบสวน
พ.ต.อ.สุรชัย เปิดเผยว่า คดีนี้เบื้องต้นได้เชิญทนายความมาร่วมสอบปากคำแล้ว ทราบว่า น.ส.นาไหม เป็นคนวิกลจริต เพราะจากการตรวจสอบประวัติทางการแพทย์พบว่า เมื่อปี 50 ได้เข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลสวนปรุง อ.เมือง จ.เชียงใหม่ ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาได้รับการรักษา โดยแพทย์ได้ให้ยาระงับอาการทางประสาทไปรับประทานที่บ้าน ส่วนสามีรับจ้าง เก็บลำใยที่ จ.ลำพูน จนกระทั่งยาหมดน.ส.นาไหมไม่ได้รับประทานยาประมาณ 1-2 เดือน และไม่ยอมไปพบแพทย์ เนื่องจากคิดว่าตัวเองหายดีแล้ว และช่วงวันเกิดเหตุสามีได้ออกไปทำงานที่ต่างจังหวัด จนมาเกิดเหตุสุดสลดดัง กล่าวขึ้น
พ.ต.อ.สุรชัย กล่าวต่อว่า จากการตรวจสอบที่เกิดเหตุพบว่าน.ส.นาไหม ได้ใช้มีดสำหรับฟันกิ่งไม้ขนาดใหญ่ 3 เล่ม หั่นร่างลูกน้อยทั้ง 2 คน ตอนกลางดึก โดยหั่นร่างออกเป็นชิ้นๆ ส่วนศีรษะถูกมีดสับจนเละ และแขวนไว้ อวัยวะส่วนอื่นๆ ก็ถูกสับเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย นอกจากนี้ยังชำแหละเอาเครื่องในของลูกไปต้มทำเป็นต้มแซ่บอีกด้วย ในเบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้นำตัวน.ส.นาไหมไปตรวจหาสารเสพติดก็ไม่พบ อย่างไรก็ตาม ได้รับการยืนยันจากแพทย์โรงพยาบาลฝางที่เป็นเจ้าของไข้น.ส.นาไหม ยืนยันว่าผู้ป่วยทางจิตรายนี้มักมีอาการหลอนและหูแว่วกลัวว่าจะมีคนมาทำ ร้าย จึงสันนิษฐานว่า น.ส.นาไหม คิดว่าลูกทั้งสองคนเป็นหมูที่เลี้ยงไว้หลังบ้าน เลยนำมาชำแหละเพื่อทำอาหารรับประทาน อย่างไรก็ตาม เบื้องต้นตำรวจแจ้งข้อหา" ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา" และได้ทำเรื่องส่งตัวไปตรวจสภาพจิตที่โรงพยาบาลสวนปรุง เพื่อให้แพทย์พิจารณาว่าเป็นผุ้มีอาการทางจิตจริงหรือไม่ เพื่อดำเนินการตาม ขั้นตอนของกฎหมายต่อไป.
สำหรับเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นกลางดึกวันที่ 4 ส.ค. ที่ผ่าน มาร.ต.อ.สัมพันธ์ โยธิน ร้อยเวร สภ.แม่อาย ได้รับแจ้งจากชาวบ้าน เกิดเหตุหญิงสาวฆ่าหั่นศพลูกสาว 2 คน วัย 5 ขวบ และ 1 ขวบ 6 เดือน เหตุเกิดที่บ้านเลขที่ 338 หมู่ 10 บ้านป่าแดง ต.บ้านหลวง อ.แม่อาย ซึ่งเป็นหมู่บ้านชาวเขาเผ่ามูเซอ จึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ แล้วเดินทางไปตรวจสอบพร้อม เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน แพทย์โรงพยาบาลแม่อาย และเจ้าหน้าที่กู้ภัยแม่อาย
ที่เกิดเหตุพบภาพอันน่าสยดสยอง เมื่อพบ น.ส.นาไหม จะกู่ อายุ 26 ปี ชาวชนเผ่ามูเซอ กำลังนอนหลับ ข้างกายมีกองซากศพเด็ก 2 คน มีชิ้นส่วนอวัยวะต่างๆ ถูกหั่นเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย กระจัดกระจายเกลื่อน เลือดสีแดงฉานไหลนองพื้นไปทั่ว ส่วนศีรษะของเด็กทั้ง 2 คน ถูกแขวนไว้ใกล้กับกองศพ นอกจากนี้พบมีดดาบยาวกว่า 1 เมตร เปื้อนเลือด 3 เล่มวางไว้บนเขียง ตรวจสอบภายในห้องครัวพบหม้อต้มเครื่องในที่สุกแล้ว 1 ใบ คาดว่าจะเป็นเครื่องในหรืออวัยวะของเด็กทั้งสองคน เบื้องต้นจากการตรวจสอบ ซากชิ้นส่วนมนุษย์พบว่า เป็นของลูกสาว อายุ 5 ขวบ อายุ 1 ขวบ 6 เดือน ส่วนเครื่องในที่อยู่ภายในหม้อต้มที่ถูกปรุงเป็นต้มแซ่บก็เป็นของเด็กผู้ เสียชีวิตทั้ง 2 ราย เจ้าหน้าที่จึงรวบรวมรายละเอียดที่พบทั้งหมด ก่อนควบคุมตัวน.ส.นาไหมไปสอบสวน
พ.ต.อ.สุรชัย เปิดเผยว่า คดีนี้เบื้องต้นได้เชิญทนายความมาร่วมสอบปากคำแล้ว ทราบว่า น.ส.นาไหม เป็นคนวิกลจริต เพราะจากการตรวจสอบประวัติทางการแพทย์พบว่า เมื่อปี 50 ได้เข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลสวนปรุง อ.เมือง จ.เชียงใหม่ ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาได้รับการรักษา โดยแพทย์ได้ให้ยาระงับอาการทางประสาทไปรับประทานที่บ้าน ส่วนสามีรับจ้าง เก็บลำใยที่ จ.ลำพูน จนกระทั่งยาหมดน.ส.นาไหมไม่ได้รับประทานยาประมาณ 1-2 เดือน และไม่ยอมไปพบแพทย์ เนื่องจากคิดว่าตัวเองหายดีแล้ว และช่วงวันเกิดเหตุสามีได้ออกไปทำงานที่ต่างจังหวัด จนมาเกิดเหตุสุดสลดดัง กล่าวขึ้น
พ.ต.อ.สุรชัย กล่าวต่อว่า จากการตรวจสอบที่เกิดเหตุพบว่าน.ส.นาไหม ได้ใช้มีดสำหรับฟันกิ่งไม้ขนาดใหญ่ 3 เล่ม หั่นร่างลูกน้อยทั้ง 2 คน ตอนกลางดึก โดยหั่นร่างออกเป็นชิ้นๆ ส่วนศีรษะถูกมีดสับจนเละ และแขวนไว้ อวัยวะส่วนอื่นๆ ก็ถูกสับเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย นอกจากนี้ยังชำแหละเอาเครื่องในของลูกไปต้มทำเป็นต้มแซ่บอีกด้วย ในเบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้นำตัวน.ส.นาไหมไปตรวจหาสารเสพติดก็ไม่พบ อย่างไรก็ตาม ได้รับการยืนยันจากแพทย์โรงพยาบาลฝางที่เป็นเจ้าของไข้น.ส.นาไหม ยืนยันว่าผู้ป่วยทางจิตรายนี้มักมีอาการหลอนและหูแว่วกลัวว่าจะมีคนมาทำ ร้าย จึงสันนิษฐานว่า น.ส.นาไหม คิดว่าลูกทั้งสองคนเป็นหมูที่เลี้ยงไว้หลังบ้าน เลยนำมาชำแหละเพื่อทำอาหารรับประทาน อย่างไรก็ตาม เบื้องต้นตำรวจแจ้งข้อหา" ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา" และได้ทำเรื่องส่งตัวไปตรวจสภาพจิตที่โรงพยาบาลสวนปรุง เพื่อให้แพทย์พิจารณาว่าเป็นผุ้มีอาการทางจิตจริงหรือไม่ เพื่อดำเนินการตาม ขั้นตอนของกฎหมายต่อไป.
0 - ซ่อมคอมพิวเตอร์นอกสถานที่ บางกะปิ 083-792-5426:
แสดงความคิดเห็น
หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น