วันนี้(27มี.ค.) กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จะเสนอที่ประชุมพิจารณามาตรการจูงใจให้กับเกษตรการที่โค่นต้นยางพาราที่มีอายุเกิน 30 ปี เพื่อทำการปลูกยางใหม่ โดยให้ส.ก.ย. จัดสรรวงเงิน 5,000 ล้านบาท เพื่อชดเชยการโค่นต้นยางตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.54-30ก.ย.55 เพิ่มเติมอีก 10,000 บาทต่อไร่ จากเดิมที่ได้รับเงินชดเชย 16,000 บาทต่อไร่ โดยตั้งเป้าหมายการโค่นต้นยางให้ได้ 500,000 ไร่ ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวจะช่วยรักษาเสถียรภาพของยางพาราในประเทศให้มีราคาสูงขึ้น
“มองว่าตอนนี้ผลผลิตยางของประเทศมีปริมาณสูง โดยเฉลี่ยมีผลผลิตอยู่ที่ 3.5 ล้านตันต่อปี ขณะที่สต๊อกยางพาราโลกมีอยู่เพียง 1.1 ล้านตันเท่านั้น ดังนั้นจึงต้องรณรงค์ให้เกษตรกรโค่นยางเพื่อปลูกยางใหม่ เพราะเฉลี่ยปัจจุบันเกษตรกรจะโค่นยางเพียง 200,000 ไร่ต่อปีเท่านั้น และเมื่อโค่นแล้วส.ก.ย.จะอุดหนุนเงินให้ แต่ครั้งนี้เราจะเพิ่มให้เป็นพิเศษ โดยตั้งเป้าหมายให้ราคายางสูงขึ้น ซึ่งปัจจุบันราคายางจะอยู่ที่ 108-112 บาทต่อกิโลกรัมเท่านั้น”
นายณัฐวุฒิ ยังกล่าวถึงการประชุมคณะกรรมการนโยบายยางธรรมชาติ เมื่อวันที่ 27 มี.ค.ที่ผ่านมาว่า ที่ประชุมได้เห็นชอบแนวทางการเพิ่มพื้นที่เพาะปลูกยางพารา ตามโครงการปลูกยางพารา 800,000 ไร่ ซึ่งปัจจุบันเหลือพื้นที่ที่ต้องเพาะปลูกอยู่ 656,500 ไร่ โดยทางกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมตั้งข้อสังเกตว่า การกำหนดพื้นที่เพาะปลูกจะต้องระมัดระวังการเข้าไปทับซ้อนพื้นที่ของป่าไม้ และเขตป่าสงวน ซึ่งการจะเข้าไปดำเนินการได้นั้นเกษตรกรจะต้องมีเอกสารสิทธิ์การใช้ที่ดินทำกินด้วย ส่วนสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สสช.) เห็นว่า การเพิ่มพื้นที่เพาะปลูกยังต้องคำนึงถึงผลผลิตที่จะออกมาในปริมาณสูงซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อกลไกราคายางในตลาดด้วย
ทั้งนี้ที่ประชุมยังแต่งตั้งคณะอนุกรรมการยางพาราแห่งชาติ เพื่อจัดทำยุทธศาสตร์ยางพาราแห่งชาติ โดยคณะอนุกรรมารฯจะประกอบด้วยหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เอกชน รัฐวิสาหกิจและตัวแทนเกษตรกรเข้าร่วมปรึกษา ในรูปแบบการประชุมเชิงปฏิบัติการ (เวิร์คช็อป) โดยตั้งเป้าหมายเพิ่มรายได้ในการส่งออกยางพาราให้ได้ 1 ล้านล้านบาทต่อปีในปี 56 จากปัจจุบันมีรายได้ประมาณ 680,000 ล้านบาท
แหล่งที่มาข้อมูล www.dailynews.co.th
0 - ซ่อมคอมพิวเตอร์นอกสถานที่ บางกะปิ 083-792-5426:
แสดงความคิดเห็น
หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น