เมื่อวันที่ 22 ต.ค. ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) นายจตุพร
พรหมพันธุ์ แกนนำกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ(นปช.)
เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวนเพื่อเข้าให้ปากคำในฐานะพยานคดีการเสียชีวิตของ
ประชาชนและเจ้าหน้าที่รัฐ จำนวน 91 ศพ จากเหตุรุนแรงทางการเมืองปี 2553
โดยกล่าวก่อนเข้าให้ปากคำว่า ตนจะให้ปากคำเป็นถ้อยคำ เพราะไม่ได้เตรียมเอกสารใด ๆ มาด้วย เนื่องจากทุกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในช่วงนั้นติดอยู่ในความทรงจำทั้งหมด แต่หากดีเอสไอต้องการพยานเอกสาร จะนำมามอบให้ภายหลัง
ทั้งนี้จะเสนอให้ดีเอสไอขอภาพจากกล้องวงจรปิดที่บันทึกภาพรถที่เข้า-ออก กรมทหารราบที่ 11 ซึ่งเป็นที่ตั้งของศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) เนื่องจากมีแหล่งข่าวให้ข้อมูลที่อาจเกี่ยวข้องกับชายชุดดำ โดยพบว่ามีรถตู้บางคันมีบุคคลที่แต่งกายด้วยเสื้อผ้าสีดำอยู่ในรถ ซึ่งเป็นรถตู้ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ(สตช.) พร้อมกันนี้ยังเห็นควรให้ดีเอสไอเชิญบุคคลอีก 2 คนที่เชื่อว่าจะเป็นพยานสำคัญ คือ ทหารที่ทำหน้าที่คนเขียนแผนประทุษกรรม แผนผังล้มเจ้า เพื่อสอบถามความเชื่อมโยงไปถึงแรงจูงใจในการปฏิบัติการ และอีกรายคือทหารผู้ทำหน้าที่รวบรวมคำสั่งของศอฉ.ทุกฉบับ
นายจตุพร กล่าวต่อว่า ขณะนี้ไม่ได้มีความอาฆาตแค้นทหารที่ปฏิบัติตามคำสั่ง แต่ต้องการให้มีการนำตัวผู้สั่งการมาลงโทษ ตนตั้งข้อสังเกตเรื่องชายชุดดำว่าอาจเป็นเพียงการสร้างสถานการณ์ หรือจัดฉากเพื่อเอื้อประโยชน์ในการปฏิบัติการเท่านั้น เพราะพบว่ามีการเผยแพร่ภาพชายชุดดำหลังจากวันที่เกิดเหตุ 3 วัน ซึ่งเป็นเรื่องผิดปกติในการนำเสนอข่าวสารของสื่อมวลชน หากพบเห็นข้อมูลก็ต้องนำเสนอต่อสาธารณะทันที แต่เหตุการณ์วันที่ 10 เม.ย. และเหตุการณ์ที่อนุสรณ์สถานมีการนำภาพชายชุดดำมาเผยแพร่ภายหลัง
โดยกล่าวก่อนเข้าให้ปากคำว่า ตนจะให้ปากคำเป็นถ้อยคำ เพราะไม่ได้เตรียมเอกสารใด ๆ มาด้วย เนื่องจากทุกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในช่วงนั้นติดอยู่ในความทรงจำทั้งหมด แต่หากดีเอสไอต้องการพยานเอกสาร จะนำมามอบให้ภายหลัง
ทั้งนี้จะเสนอให้ดีเอสไอขอภาพจากกล้องวงจรปิดที่บันทึกภาพรถที่เข้า-ออก กรมทหารราบที่ 11 ซึ่งเป็นที่ตั้งของศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) เนื่องจากมีแหล่งข่าวให้ข้อมูลที่อาจเกี่ยวข้องกับชายชุดดำ โดยพบว่ามีรถตู้บางคันมีบุคคลที่แต่งกายด้วยเสื้อผ้าสีดำอยู่ในรถ ซึ่งเป็นรถตู้ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ(สตช.) พร้อมกันนี้ยังเห็นควรให้ดีเอสไอเชิญบุคคลอีก 2 คนที่เชื่อว่าจะเป็นพยานสำคัญ คือ ทหารที่ทำหน้าที่คนเขียนแผนประทุษกรรม แผนผังล้มเจ้า เพื่อสอบถามความเชื่อมโยงไปถึงแรงจูงใจในการปฏิบัติการ และอีกรายคือทหารผู้ทำหน้าที่รวบรวมคำสั่งของศอฉ.ทุกฉบับ
นายจตุพร กล่าวต่อว่า ขณะนี้ไม่ได้มีความอาฆาตแค้นทหารที่ปฏิบัติตามคำสั่ง แต่ต้องการให้มีการนำตัวผู้สั่งการมาลงโทษ ตนตั้งข้อสังเกตเรื่องชายชุดดำว่าอาจเป็นเพียงการสร้างสถานการณ์ หรือจัดฉากเพื่อเอื้อประโยชน์ในการปฏิบัติการเท่านั้น เพราะพบว่ามีการเผยแพร่ภาพชายชุดดำหลังจากวันที่เกิดเหตุ 3 วัน ซึ่งเป็นเรื่องผิดปกติในการนำเสนอข่าวสารของสื่อมวลชน หากพบเห็นข้อมูลก็ต้องนำเสนอต่อสาธารณะทันที แต่เหตุการณ์วันที่ 10 เม.ย. และเหตุการณ์ที่อนุสรณ์สถานมีการนำภาพชายชุดดำมาเผยแพร่ภายหลัง
0 - ซ่อมคอมพิวเตอร์นอกสถานที่ บางกะปิ 083-792-5426:
แสดงความคิดเห็น
หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น