วันนี้ (15 พ.ค.) ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก
ศาลอ่านคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์คดีค้ามนุษย์ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 5
เป็นโจทก์ฟ้อง นายกะต้อง อายุ 39 ปี ,นายเมด็อก อายุ 34 ปี และนายโมน อายุ
43 ปี ทั้งสามเป็นชาวพม่า ร่วมกันเป็นจำเลยที่ 1-3 ตามลำดับ
ในความผิดฐานร่วมกันค้ามนุษย์
,หน่วงเหนี่ยวกักขัง,ต่อสู้ขัดขวางเจ้าหน้าที่
คำฟ้องโจทก์เมื่อวันที่ 27 ต.ค. 52 ระบุความผิดจำเลยว่า เมื่อเดือน ก.ค.- ส.ค. 52 จำเลยทั้ง 3 คนกับพวกที่ยังหลบหนี ได้ออกอุบายหลอกลวงผู้เสียหายหลายคนที่เป็นชาวพม่าให้เข้ามาทำงานรับจ้างแกะ หัวกุ้งที่ จ.สมุทรสาคร โดยจะให้ค่าจ้างวันละ 200 – 300 บาท เมื่อผู้เสียหายหลงเชื่อ พวกจำเลยกับพาผู้เสียหายไปกักขังหน่วงเหนี่ยวไว้ในห้องเช่าที่ ต.แสมสาร อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี แล้วบังคับขู่เข็ญให้ทำงานเป็นลูกเรือประมงหลายวันโดยไม่ได้รับค่าจ้าง และยังกักขังหน่วงเหนี่ยวไว้เรื่อยมา นอกจากนี้ พวกจำเลยยังได้เรียกเงินค่าไถ่จากญาติของนายจอวินทู หนึ่งในผู้เสียหายจำนวน 15,000 บาท ซึ่งญาติของนายจอวินทู ได้แจ้งให้พนักงานสอบสวนกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) และพนักงานสอบสวนกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดต่อเด็กเยาวชนและ สตรี(ปดส.)เข้าทำการจับกุมพวกจำเลยได้ พวกจำเลยได้ปฏิเสธ
คดีนี้ศาลชั้นต้นพิเคราะห์แล้วเห็นว่า จำเลยกระทำความผิดตามฟ้องพิพากษาให้จำคุกนายกะต้อง จำเลยที่ 1 เป็นเวลา 16 ปี ส่วนจำเลยที่ 2 และ 3 ให้จำคุก 19 ปี จำเลยยื่นอุทธรณ์คัดค้าน ศาลอุทธรณ์ตรวจสำนวนปรึกษาหารือโดยละเอียดรอบคอบ แล้วเห็นว่า ฝ่ายโจทก์มีผู้เสียหายเป็นประจักษ์พยานเบิกความยืนยันพฤติการณ์และสามารถจด จำใบหน้าของพวกจำเลยได้อย่างแม่นยำ ซึ่งจำเลยมีลักษณะแบ่งหน้าที่กันทำ เชื่อว่าจำเลยกระทำผิดจริง ข้อต่อสู้ของจำเลยไม่มีน้ำหนักหักล้างพยานหลักฐานโจทก์ได้พิพากษาแก้ให้จำ คุกจำเลยที่ 1 รวม 14 ปี 6 เดือน ส่วนจำเลยที่ 2 – 3 ให้จำคุกคนละ 13 ปี 6 เดือน.
แหล่งที่มาข้อมูล www.dailynews.co.th
คำฟ้องโจทก์เมื่อวันที่ 27 ต.ค. 52 ระบุความผิดจำเลยว่า เมื่อเดือน ก.ค.- ส.ค. 52 จำเลยทั้ง 3 คนกับพวกที่ยังหลบหนี ได้ออกอุบายหลอกลวงผู้เสียหายหลายคนที่เป็นชาวพม่าให้เข้ามาทำงานรับจ้างแกะ หัวกุ้งที่ จ.สมุทรสาคร โดยจะให้ค่าจ้างวันละ 200 – 300 บาท เมื่อผู้เสียหายหลงเชื่อ พวกจำเลยกับพาผู้เสียหายไปกักขังหน่วงเหนี่ยวไว้ในห้องเช่าที่ ต.แสมสาร อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี แล้วบังคับขู่เข็ญให้ทำงานเป็นลูกเรือประมงหลายวันโดยไม่ได้รับค่าจ้าง และยังกักขังหน่วงเหนี่ยวไว้เรื่อยมา นอกจากนี้ พวกจำเลยยังได้เรียกเงินค่าไถ่จากญาติของนายจอวินทู หนึ่งในผู้เสียหายจำนวน 15,000 บาท ซึ่งญาติของนายจอวินทู ได้แจ้งให้พนักงานสอบสวนกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) และพนักงานสอบสวนกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดต่อเด็กเยาวชนและ สตรี(ปดส.)เข้าทำการจับกุมพวกจำเลยได้ พวกจำเลยได้ปฏิเสธ
คดีนี้ศาลชั้นต้นพิเคราะห์แล้วเห็นว่า จำเลยกระทำความผิดตามฟ้องพิพากษาให้จำคุกนายกะต้อง จำเลยที่ 1 เป็นเวลา 16 ปี ส่วนจำเลยที่ 2 และ 3 ให้จำคุก 19 ปี จำเลยยื่นอุทธรณ์คัดค้าน ศาลอุทธรณ์ตรวจสำนวนปรึกษาหารือโดยละเอียดรอบคอบ แล้วเห็นว่า ฝ่ายโจทก์มีผู้เสียหายเป็นประจักษ์พยานเบิกความยืนยันพฤติการณ์และสามารถจด จำใบหน้าของพวกจำเลยได้อย่างแม่นยำ ซึ่งจำเลยมีลักษณะแบ่งหน้าที่กันทำ เชื่อว่าจำเลยกระทำผิดจริง ข้อต่อสู้ของจำเลยไม่มีน้ำหนักหักล้างพยานหลักฐานโจทก์ได้พิพากษาแก้ให้จำ คุกจำเลยที่ 1 รวม 14 ปี 6 เดือน ส่วนจำเลยที่ 2 – 3 ให้จำคุกคนละ 13 ปี 6 เดือน.
แหล่งที่มาข้อมูล www.dailynews.co.th
0 - ซ่อมคอมพิวเตอร์นอกสถานที่ บางกะปิ 083-792-5426:
แสดงความคิดเห็น
หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น